Group Blog
 
All Blogs
 
บทเรียนจากจักรยาน 2 ล้อ

ความทรงจำในวันหัดขี่จักรยาน 2 ล้อของผมยังแจ่มชัด ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผมเห็นเพื่อนข้างบ้านวัยไล่เลี่ยกันขี่จักรยาน 2 ล้อมาโฉบเฉี่ยวอยู่หน้าบ้าน เห็นแล้วมันทนไม่ได้ครับ เหมือนเพื่อนขี่จักรยานมาเย้ยยังไงไม่รู้ เพราะตอนนั้นผมยังขี่จักรยาน 4 ล้ออยู่เลย

แม้ว่า 2 ล้อเล็กๆที่เพิ่มขึ้นมาบริเวณล้อหลังของจักรยานจะช่วยพยุงการทรงตัว แต่มันคือการประกาศถึงความเป็น”เด็ก” บ่งบอกถึงความ”อ่อนเยาว์”

ความรู้สึกของผมในตอนนั้นคือ ต้องขี่จักรยาน 2 ล้อให้ได้แบบเพื่อน เพราะดูเท่ห์ และดูเป็น ”ผู้ใหญ่”

คิดได้ดังนั้น ผมไม่รอช้า พยายามหาทางถอดล้อเล็กๆทั้งสองออก แต่อุปกรณ์ช่วยถอดล้อมีไม่มาก จำได้ว่าพยายามงัด หัก งอเหล็กที่เชื่อมต่อล้อเล็กๆทั้งคู่อยู่นานจนบิดเบี้ยว ทำให้ล้อเอียงงอพ้นจากพื้น ในที่สุดผมทึกทัก คิดเอาเองว่ามีจักรยาน 2 ล้อเสียที

เอาละสิ มีจักรยาน แต่ยังไม่เคยหัดขี่แบบทรงตัวเองโดยไม่มีล้อเล็กๆช่วยพยุงมาก่อน จะเปลี่ยนใจก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะล้อบิดเบี้ยวใช้การไม่ได้ดังเดิม ผมจำต้องทำใจกล้าลองหัดขี่ด้วยตนเอง ล้มลุกคลุกคลาน เลือดอาบเข่า ได้แผลแตกตรงข้อศอกอยู่หลายครั้งกว่าจะขี่เป็น

เมื่อขี่จักรยาน 2 ล้อได้ โลกของผมกว้างขึ้นทันที เพราะตลอดปิดเทอมนั้น ผมขี่จักรยานสำรวจซอกซอยต่างๆแถวบ้านจนทะลุปรุโปร่ง ทางลัด ทางเชื่อมอยู่ตรงไหนผมกับเพื่อนชาวแก๊งค์ 4-5 คนปั่นจักรยานคู่ใจตะลอนไปทั่ว

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้รักการปั่นจักรยานเที่ยว ผมมีความสุขมากกับสายลมปะทะหน้า เพราะรู้สึกอิสระ ไปไหนมาไหนได้ตามแต่สองเท้าเราจะปั่นพาไป

แต่มาระยะหลัง เนื่องด้วยสภาพการจราจรในกรุงเทพมหานครแออัดไปด้วยรถยนต์ ซอกซอยใหญ่น้อยถูกรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์บิดซิ่งฉวัดเฉวียนไปมา ทำให้ผมว่างเว้นจากการขี่จักรยานเที่ยว จนลืมความรู้สึกเรื่องการหัดขี่จักรยานครั้งแรกไปเกือบสิ้น

จนกระทั่งเจ้าลูกชายคนโตของผมอายุ 5 ขวบเศษ ภาพแห่งอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อเขาร่ำร้องอยากให้ผมถอดล้อเล็กๆทั้งสองของจักรยานออก

“ป๊า...สายน้ำอยากขี่จักรยาน 2 ล้อ ไม่อยากขี่ 4 ล้อแล้ว สายน้ำโตแล้วขี่ได้...”

แต่ผมเห็นว่าเขายังเป็นเด็กเล็ก...วัยอนุบาลขี่จักรยาน 2 ล้อคงไม่ปลอดภัย มีหวังหกล้ม เจ็บตัวอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอม เจ้าแสบผู้พี่เปลี่ยนเป้าหมายไปอ้อนขออากง หรือปู่ของเขาให้ช่วยไขน็อทเอาล้อเล็กออกจากจักรยาน

อากงทนลูกอ้อน ลูกตื้อของหลานชายคนโตไม่ไหว ต้องช่วยแปลงสภาพจักรยานเด็ก 4 ล้อเป็นจักรยาน 2 ล้อ พร้อมทั้งสอนขี่จักรยาน ด้วยการจับจักรยานตรงที่นั่งด้านหลัง เพื่อช่วยพยุงการทรงตัว เมื่อหลานปั่นจักรยานก็วิ่งตาม จนมั่นใจว่าหลานพอขี่จักรยานได้ถึงปล่อยมือ

ไม่น่าเชื่อครับว่า เจ้าหนูสามารถขี่จักรยาน 2 ล้อได้เองโดยไม่ล้ม

จากนั้นเขาปั่นจักรยานรอบบ้านอวดน้องชาย เสมือนเย้ยว่า พี่ขี่จักรยาน 2 ล้อได้แล้ว แต่น้องยังต้องขี่จักรยาน 4 ล้ออยู่

น้องชายวัย 3 ขวบมีหรือครับจะยอมพี่ชาย ร่ำร้องอยากขี่จักรยาน 2 ล้อบ้าง เดือดร้อนอากงต้องถอดล้อจักรยานให้หลานชายคนเล็ก อย่างไรก็ตามคราวนี้ แม้อากงจะคอยช่วยจับจักรยานให้ แต่คงเพราะกำลังแขนและการทรงตัวของลูกชายคนเล็กยังไม่พร้อม หัดเท่าไหร่ก็ล้ม เจ็บตัว จนแสบผู้น้องยอมแพ้ เรียกร้องให้ผู้เป็นปู่ไขน็อทใส่ล้อกลับคืนเข้าไปดังเดิม เพื่อปั่นจักรยาน 4 ล้อเคียงคู่จักรยาน 2 ล้อของพี่ชาย

จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ครับ ขณะที่ผมพาครอบครัวไปบ้านพ่อตาแม่ยาย เพื่อให้คุณตาคุณยายได้ชื่นชมหอมกอดหลานๆ อยู่ๆคุณตาเปรยขึ้นมาว่า “สายเมฆโตแล้ว น่าจะขี่จักรยาน 2 ล้อแบบพี่ได้แล้วนะ”

ผมได้แต่มองปฏิกิริยาของลูกชายคนเล็กวัย 4 ขวบว่าเขาจะยอมไหม เมื่อเขายืนยันอยากลองหัดขี่จักรยาน 2 ล้ออีกครั้ง ผมก็ช่วยกันไขน็อทถอดล้อเล็กๆออก แล้วพาเขาไปหัดขี่จักรยานที่สนามฟุตบอลแถวบ้านพ่อตา

คราวนี้ทั้งพี่ชายวัยย่าง 7 ขวบ คุณตา และผม...ผู้เป็นพ่อ คอยช่วยสอนด้วยการจับจักรยานให้เขาลองปั่นไปมา ตอนแรกเจ้าทโมนน้อยยังเกร็ง กลัวล้มเหมือนคราวก่อน แต่พี่ชายของเขาพยายามให้กำลังใจ

“สายเมฆไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่ช่วย ไม่ล้มหรอก พี่ยังขี่ได้เลย เดี๋ยวเมฆก็ขี่ได้...”

เจ้าหนูน้อยลองใหม่อีกครั้ง พยายามทรงตัวปั่นจักรยานอย่างสุดความสามารถ โดยมีพี่ชายคอยจับจักรยานวิ่งตามอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นน้องพอปั่นจักรยานได้เอง ก็ปล่อยมือจากจักรยาน พลางปรบมือส่งเสียงดังลั่น ให้กำลังใจ

ครับ ในที่สุดลูกชายคนเล็กของผมสามารถปั่นจักรยาน 2 ล้อได้เองในวัยอนุบาล 1 ถือว่าเป็นรวดเร็วกว่าพี่ชายและพ่อของเขามาก

กลับจากการหัดขี่จักรยาน เจ้าหนูเที่ยวได้คุยโอ้อวดความสามารถของตัวเองกับคุณแม่และคุณยายของเขาด้วยความภูมิใจยิ่ง

ระหว่างขับรถกลับบ้าน ผมถามเขาว่า “สายเมฆ คราวนี้ทำไมลูกกล้าขี่จักรยาน 2 ล้อละ ไม่กลัวแล้วหรือ”

เจ้าลิงผู้น้องตอบว่า “ไม่กลัวหรอก มีพี่สายน้ำ มีคุณตา มีปาป๊าช่วยอยู่ข้างหลัง ไม่ล้มหรอก ล้มก็ไม่เจ็บ”

ผมจึงบอกลูกไปว่า “ใช่ครับลูก จำไว้ให้ดีนะ ทั้งสายน้ำ สายเมฆ โตขึ้นไม่ว่าลูกจะทำอะไรขอให้ลูกมั่นใจว่า ลูกๆยังมีพี่ มีน้อง มีพ่อแม่ ญาติมิตร คอยช่วยเหลือลูกๆอยู่ด้านหลังตลอดเวลา...

...ขอให้ลูกกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าลูกล้ม ลูกพลาด ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ลูกยังมีครอบครัวคอยพยุงลูกๆอยู่ จำเอาไว้นะ...”

.......................................................................................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 76 เดือน เมษายน 2554



Create Date : 10 กันยายน 2554
Last Update : 10 กันยายน 2554 23:57:20 น. 0 comments
Counter : 919 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.