ไม่หลับกับวันพรุ่ง
นี่ก็เวลาตีสองหกนาทีแล้วซิน่ะ
ฉันเองก็ยังไม่ง่วง เล่นคอมมาก็รู้สึกว่า
เมื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน อาหารที่
แม่ซื้อมาไว้เมื่อตอนเย็นก็กินหมดแล้ว
น้ำอัดลมก็กำลังจะหมดตามกันไปติด ๆ
แต่เจ้ายุงนี่น่ะ มันเยอะจริงจริ๊งเลย
ไม่เห็นตัวมันเลยว่าอยู่ไหน ทิ้งไว้แต่
ตุ่มและความคัดยุบยิบยุบยิบ มาพูดถึงเรื่อง
อนาคตข้างหน้ากันดีกว่า พรุ่งนี้ไปดีไหมน่ะ
หมายถึงไปโบสถ์ดีไหมน่ะ พี่เขาก็ชวน
แต่เราก็ยังไม่อยากเสียเวลาส่วนตัวในส่วนนั้น
ที่จะต้องสละเวลาวันหยุดไปกับการ นมัสการ
อันนี้ตรง ๆ เลยเรายังเป็นผู้เชื่อใหม่
ที่มีอยู่บ้าน นาน ๆ ครั้ง ก็มีขอบคุณพระเจ้า
สรรเสริญพระเจ้า คิดอยู่ในใจเท่านี้เอง
แต่เรื่องอธิษฐานเราไม่ค่อยน่ะ ไม่รู้จะอธิษฐานอะไร
แต่เรารู้สึกดีน่ะเวลาที่ไปโบสถ์แล้ว เอามือสัมผัสกัน
แล้วพูดบ่นงึมงำงึมงำ แต่ในทางที่ดีน่ะ
เราก็อยากจะพูดอวยพรคืนเขาบ้างแต่ไม่รู้จะพูดอะไร
พูดก็ไม่ค่อยเป็น คือแบบไม่รู้จะพูดอะไร
วันพรุ่งนี้ก็ วัดดวงกันดูล่ะกัน ถ้าตื่นทันก็อาจจะ
ไป ถ้าตื่นไม่ทันก็อาจจะไปอีกโบสถ์เพราะเขามีใน
ช่วงเย็น ส่วนนิกายเราไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขาหรอกน่ะ
เรามีความคิดส่วนตัวว่า นิกายไหนก็นับถือพระเจ้า
เหมือนกัน เราจะไปโปรแตสแตนหรือไปคาทอลิก
เราก็ไปนมัสการพระเจ้า แต่เอาที่เราสะดวกด้วย
ถ้าเราไปไม่ทันสิบโมงเราก็ไปช่วงเย็นที่วัดใกล้บ้าน
โบสถ์ที่เราไปอยู่เนี่ยเป็นโบสถ์เล็ก ๆ สมาชิกตอน
นมัสการก็เห็นราว ๆ สิบถึงยี่สิบคน ส่วนใหญ่เขาจะ
รู้จักกันหมด ใครมาใหม่เขาก็มองก็รู้แล้ว
เริ่มก็จะมีการจับกลุ่มอฐิษฐาน แล้วก็เริ่มนมัสการ
มีเล่นดนตรีและนำร้องเพลง บางคนก็ร้องได้ก็ร้อง
ส่วนเราอ่านตามหน้าจอทีวี แต่ไม่ค่อยได้ออกเสียงน่ะ
แล้วก็มีโยกเต้นนิด ๆ หน่อย ๆ ตามจังหวะ
เสร็จจากนมัสการก็จะเป็นรับประทานอาหารร่วมกัน
ส่วนใหญ่ทานอาหารเสร็จเขาก็จะคุย ๆ กันแต่เราจะ
กลับก่อนตลอด ที่โบสถ์นี้เขาบอกเราเป็นของ สหกิจ
เราก็อื่อ ๆ ทำเหมือนรู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็อธิบายน่ะ
แต่เราจำไม่ได้ แล้วก็วัดที่เราไปช่วงเย็นเนี่ยจะเป็นอีก
อย่างเลยคือ ไปร่วมมิซซาแต่เขาเหมือนจะไม่รู้จักกัน
เท่าไหร่ เหมือนต่างคนต่างไป คนเยอะมากพอสมควร
ภายในวัด การทำพิธี การแต่งตัวของ คนทำพิธีก็ดูอลังการ
มากน่ะ ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ระหว่างมิซซาก็จะมีการเทศน์
ก็สอนดีน่ะ เราฟัง ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง แล้วก็มีการทำ
สัญลักษณ์มหากางเขนเหมือนกับนักฟุตบอลเวลาทำประตูได้
เขาจะทำท่า แตะที่จมูกที่หัวไหล่เป็นสามเหลี่ยม
แล้วก็มีการรับศีลมหาสนิทอันนี้ท่าไม่ใช่คริสตังเข้าร่วมไม่ได้
เราก็แค่ยืนอยู่เฉย ๆ ดูเขาทำพิธีนั้นก็ ก็ดูเหมือนคล้ายหัก
ขนมปังแล้วส่งให้คนที่ต่อแถวกินเข้าไปน่ะ เราก็มองไม่ถนัด
ไม่รู้ขนมปังจริงหรือเปล่า หรือเขาทำท่า เพราะเราก็สายตาสั้น
ขนาดใส่แว่นแล้วน่ะ แล้วก็มีเรียนคำสอนต้องเรียน ปีหรือสองปี
เนี่ยและถึงจะเข้าเป็นคริสตังเหมือนอย่างคนอื่นเขาได้
แล้วจึงจะสามารถรับศิลมหาสนิทได้ ความรู้สึกทั้งสอง
สถานที่น่ะ เราก็อยากนมัสการเป็นแบบส่วนตัวไม่ต้อง
รู้จักกันมากเป็นพิเศษ แล้วเราก็บางทีไม่อยากรับประทานอาหาร
แต่เราก็คิดว่าเขาจะมองเรา เห้ยไม่อยากกิน ไม่อยากร่วม
รับประทานอาหารป่าวว่ะอะไรยังงี้ เราเลยกินมันทุกครั้ง 555
ส่วนทั้งสองนิกายนี้เรายังไม่ตัดสินใจอะไรน่ะ
เรามีความรู้สึกว่าถ้ายังไปนมัสการแบบที่เป็นอยู่นี้มัน
ก็ยืดหยุ่นต่อตัวเราเองดี แล้วก็เข้าวัดทำบุญก็ได้เหมือนกัน
เพียงแต่รู้ว่าควรและไม่ควรจะทำอะไรแค่นั้นเอง
เออ...มีเรื่องหนึ่งคือเวลาตกใจคิดว่าเห็นผีอะไรประมาณนี้
เราจะนึกถึงพระ ไม่ได้นึกถึงพระเจ้าน่ะ
มันเป็นประสบการณ์ความคิดที่สะสมมานานสมัย
ที่ตัวเองยังเป็นพุทธ มันเลยเป็นเรื่องยากสักหน่อย
ถ้าหากเราจะเจอ ปัญหาอะไร ตกใจ กลัว เศร้า
เสียใจ เหงา แล้วเราจะนึกถึงพระเจ้าองค์เดียว
มันก็เลยยังเป็นเรื่องอยากอยู่ที่จะให้นึกถึงพระเจ้า
เพราะเราไม่เคยบ่มเพาะความรู้สึกนี้ลงไปบ่อย ๆ
งง ไหมน่ะ เราเองก็งงนิด ๆ 555 เออส่วนเวลา
ที่เขาพูดอะไรสักอย่างเสร็จ แล้วจะมีการพูดตอบว่า
เอเมน เราก็นิ่ง....คือไม่รู้เรื่อง 5555