เทศกาลกินเจที่ตรังคะ....
เทศกาลกินเจ เป็นประเพณีของชาวจีนที่สืบทอดกันมานับพันปี และ ประเพณีนี้ ก็ได้ตกทอดมาสู่คนไทยเชื้อสายจีน ที่บรรพบุรุษอพยพมาอยู่ในประเทศไทย จังหวัดตรัง เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการสืบทอดประเพณีกินเจมานานถึง 150 ปี โดยชาวจีนที่อพยพล่องเรือมาขึ้นท่าที่จังหวัดตรัง โดยมีหลักฐานการค้นพบหลักฐานการตั้งศาลเจ้า ที่บ้านท่าจีน ริมแม่น้ำกันตัง อ.กันตัง ก่อนที่จะมีการย้ายศาลเจ้ามาอยู่ในตัวเมือง เมื่อหลายสิบปีก่อน แรกๆ ของประเทศที่ได้จัดงาน เทศกาลกินเจ เพียงแต่ไม่โด่งดังเหมือนเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมกินเจ และเที่ยวชมเทศกาล แต่จังหวัดตรังก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ในมาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางมาร่วมงานกินเจ ปีละจำนวนมาก ไม่นับลูกหลานชาวตรัง ที่เมื่อถึงเทศกาลกินเจก็จะกลับไปร่วมพิธีที่บ้านเกิด อย่างเช่นในปีนี้ มีคนเดินทางไปร่วม เทศกาลนับหมื่นคน
ประเพณี ถือศีลกินเจ เป็นการชำระล้าง ร่างกายจิตใจให้สะอาด โดยการละเว้นโลกียวัตร และถือศีล 5 โดยเคร่งครัด ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนชีวิตสัตว์ งดเว้นอารมณ์ทางเพศ งดเว้นการพูดเท็จ และงดเว้นการดื่มสุรา ดำรงชีพด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาชีวิตสัตว์มาบำรุงชีวิตตัวเอง ไม่เอาเลือดสัตว์มาเป็นเลือดของตัวเอง ไม่เอาเนื้อสัตว์มาเป็นเนื้อของตัวเอง และไม่เบียดเบียนตัวเอง และงดบริโภคผักที่มีรสฉุนมีการสวนมนต์ทำสมาธิแผ่เมตตาจิต และขอพรเพื่อความเจริญของตัวเองและครอบครัว
ในแง่ของตำนวนการกินเจ มีตำนานที่ เล่ากันมาหลายตำนาน ตำนานของบางหมู่บ้านบอกว่า เป็นการรำลึกถึงพวก หงี่หั่วท้วง ซึ่งเป็นนักรบที่ออกไปต่อต้านแมนจูที่บุกรุก แผ่นดินจีนในสมัยโบราณ นักรบเหล่านี้จะมีการทำพิธีก่อนจะออกศึก จะมีการนุ่งขาวห่มขาว และปักธูป 1 ดอก จะถือศีลเวลาออกรบ เชื่อว่าจะอยู่ยงคงกระพัน มักได้ชัยชนะกลับมา ต่อมามีการกินเจเพื่อเป็นการรำลึก
ตำนานหนึ่งบอกว่า การกินเจ ที่เริ่มต้น ในเดือน 9 เพราะคนจีนเชื่อว่า ช่วง 10 วันแรกของเดือน 9 เป็นช่วง ฮุโจ้ว หรือพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ที่สุด องค์ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ คือ เก่ฮวงฮุดโจว หรือพระพุทธ 9 องค์ เสด็จมาจากสวรรค์ เพื่อลงมาโปรดสัตว์ ในเมืองมนุษย์ ประเพณีกินเจจึงจะมีการแห่แหนองค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ ประจำอยู่ในแต่ละศาลเจ้าออกไปเยี่ยม-เยียนประชาชน หรือบุตรหลาน เพื่อเป็นศิริมงคล
การแห่แหนองค์ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า ทั้งสองแห่ง เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ นอกจากมีริ้วขบวนที่สวยงามแล้ว ยังมีการประทับร่างทรงของเจ้า เพื่อออกเยี่ยมเยียมประชาชน มีการ แทงปาก แทงคอ ฟันตัวเอง ของร่างทรง เป็นที่หวดเสียว มีพิธีการปีนบันไดมีด ของศาลเจ้ากิ่วอ๋องเอี่ย แต่ไม่มีพิธีลุยไฟ เหมือน ที่เคยจัดมา ส่วนของศาลเจ้าหมื่นราม ไม่มีการแทงตัวเองมาแล้ว 2 ปี โดยกรรมการศาลเจ้าบอกว่า องค์ศักดิ์ไม่ต้องการให้มีต้องการให้การกินเจ เป็นการแผ่เมตตา
ตลอดเส้นทางที่ขบวนขององค์ศักดิ์สิทธิ์ผ่านผู้มีจิตศรัทธาก็จะตั้งโต๊ะหมู่บูชา ขอพรจากองค์ศักดิ์สิทธิ์ มีการจุดประทัดสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมือง เป็นที่สนใจของผู้พบเห็น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
หลังจากรู้ประวัติ คร่าวๆแล้วไปเที่ยวกันเลยคะ...การไปไหว้พระครั้งนี้ไปในเวลากลางคืนคะ...
บรรยากาศภายในศาลเจ้ากิวอ๋องเอี๋ย...คนเยอะมากๆ
เมื่อไปถึงก็ต้องบูชาธูปเทียนก่อน ที่นี่คะ
จากนั้นก็ไหว้พระให้ครบทุกที่ มี 16 แห่งคะ
ดูปริมาณคนก็รู้ว่า ตอนถือธูปต้องยกสูงๆไว้คะ
ไหว้พระประจำปีเกิด...
มาถึงช่วงที่เราไหว้เองบ้าง...สังเกตุกระเป๋าฟ้านะคะ
ขากลับแวะถ่ายรูปสะพานสำหรับสะเดาะเคราะห์คะ
คงหิวกันแล้ว ทานขนมก่อนนะคะ
ปิดท้ายด้วย ตำผลไม้เจคะ...ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมคะ
Create Date : 17 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2559 15:58:37 น. |
|
25 comments
|
Counter : 2816 Pageviews. |
|
|
|
กินเจ ด้วยค่ะ
นี่ ก็ได้ 7 วันและ