Cooking For Fun
Group Blog
 
All blogs
 

Chicken Farm Baker's Project # 40 : Play me please!!, Pâte à choux,Choux Icecream

Matcha Icecream with red bean paste Choux

สวัสดีค่ะ เดือนที่แล้วข้ามการบ้านพี่ปุ๊กไปด้วยความจำเป็นเพราะเหตุว่า
เตาอบที่บ้านเกิดงอแง ต้องส่งไปเข้าโรงซ่อมซะหลายอาทิตย์
พอมาเดือนนี้ก็เลยไม่อยากจะพลาดส่งการบ้านอีก แม้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมตอนนี้
จะไม่เป็นใจซักเท่าไหร่ เพราะถึงแม้บ้านที่ก้อยอยู่ตอนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบซักเท่าไหร่
แต่ก็ไม่ค่อยจะมีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลยค่ะ บรรยากาศมันไม่ค่อยน่าสบายใจ
แต่ถึงยังไงเรื่องภัยธรรมชาตินี่เราห้ามไม่ได้นะคะ จะว่าไปก็เป็นพวกเราๆนี่แหล่ะค่ะที่ทำร้ายธรรมชาติก่อน
ก็ได้แต่เป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุทกภัยให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้นะคะ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป นั่งดูแต่ข่าวน้ำท่วมก็เครียด คิดอะไรไม่ค่อยออก
การบ้านเดือนนี้Chicken Farm Baker's Project # 40 : Play me please!!, Pâte à choux.
พี่ก้อยให้เรามาสนุกกับแป้งชูว์ที่ว่ากันว่าเป็นขนมปราบเซียน
ปกติก้อยเคยทำแต่แบบแป้งนุ่มๆแบบเอแคลร์ไส้ครีมหอมๆหวานๆ
ที่คนไทยเรียกกัน เมื่อก่อนก็งงๆค่ะเพราะเวลาดูรายการทีวีแชมเปี้ยน
เค้าจะเรียกชูว์ครีม พอสืบเสาะหาข้อมูลแล้วถึงรู้ว่าเอแคลร์กับชูว์ครีมต่างกันที่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นลูกกลมๆเรียกชูว์ครีม แต่ถ้าบีบเป็นยาวๆเรียกเอแคลร์
ผิดถูกยังไงช่วยแก้ไขด้วยนะคะ แหะๆ
อากาศร้อนๆอย่างนี้ ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าไอศครีมเย็นๆแล้วนะคะ
คราวนี้ก้อยก็เลยจับแป้งชูว์มาสอดไส้ไอศครีมเป็น Choux Ice ซะเลย หยิบกินเป็นลูกๆง่ายดีค่ะ
แต่จะสอดไส้ไอศครีมเฉยๆก็ดูธรรมดาไปหน่อย เลยเพิ่ม option เป็น
ไอศครีมชาเขียวกับถั่วแดงกวน คู่คลาสสิค ฮ่าๆๆๆดีขึ้นมั๊ยนี่

หลังจากที่เสาะแสวงหาสูตรPâte à chouxในดวงใจแล้ว
พบว่าจริงๆแล้วสูตรจะคล้ายๆกันคือมีส่วนประกอบของน้ำหรือนม
เนย แป้ง และไข่ น้ำตาลและเกลือเล็กน้อย แต่ที่สำคัญที่จะทำให้ขนมฟูไม่ฟู ยุบไม่ยุบนี่
อยู่ที่เทคนิคทุกขั้นตอนในการทำเลยค่ะ ตั้งแต่การกวนแป้ง ที่ต้องให้สุกพอดี
ความร้อนของแป้งก่อนที่จะใส่ไข่ลงไป ถ้าร้อนเกินไข่สุกก่อนอบขนมก็จะไม่ฟู
ปริมาณของไข่ที่ใส่ลงไป ถ้ามากเกินไปแบทเทอร์เหลว บีบแล้วก็จะไม่คงรูป
น้อยไปเปลือกก็อาจจะหนาเกินไป ตอนอบถ้าถ้าแป้งยังไม่แห้งแล้วรีบเอาออกจากเตาก็จะยุบได้
ถ้าจับเทคนิคได้การทำแป้งชูว์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ
เรามาดูสูตรกันเลยนะคะ วันนี้ก้อยดัดแปลงจากสูตรในบล็อคบัว
Tiny bakery เลขาฟาร์มไก่ตัวน้อยของเรา อิอิ ขอบคุณไว้ณ.ที่นี้ด้วยจ้ะ
ที่บอกว่าดัดแปลงเพราะครั้งแรกก้อยลองทำแล้วปรากฏว่าพอใส่ไข่ไป 2 ฟอง
แป้งก็เหลวมากแล้วค่ะ ก็เลยไม่ได้ใส่ไข่ขาวตามสูตรอีกฟอง
ไม่รู้ว่าเพราะขนาดไข่ไม่เท่ากันหรือว่าก้อยกวนแป้งน้อยไปก็ไม่ทราบ
555 มั่วได้อีกนะเรา
สูตรดั้งเดิมตามไปดูที่บล็อคบัวจ้า

Pâte à choux (อันนี้ก้อยชั่งน้ำหนักเอานะคะ)

เนยจืด 60 กรัม
น้ำ 6 ชต.
นม 2 ชต.
น้ำตาลทราย 1 ชช.
เกลือป่น 1/4 ชช.
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 60 กรัม
ไข่ไก่เบอร์ 0 1 ฟอง + ไข่ขาวอีกประมาณครึ่งฟอง
(ชั่งรวมกันน้ำหนักประมาณ 100 กรัม )

อยากกินแล้ว มาลงมือกันเลยดีกว่า


อุ่นเตาอบไว้ที่ 200 องศาเซลเซียส

เริ่มจากเนย นม น้ำ เกลือ น้ำตาล ใส่รวมกันในหม้อ ต้มจนเดือด
แล้วเทแป้งลงไปทีเดียว คนเร็วๆจนแป้งสุก สังเกตุจากเริ่มใสและร่อนออกจากหม้อ
ปิดไฟยกลงจากเตาเลยค่ะ แล้วพักไว้จนหายร้อนพออุ่นๆ อยากให้เย็นเร็วๆ
ก็คนๆๆ จะได้ระบายความร้อนออกเร็วๆ แล้วค่อยใส่ไข่ทั้งฟองลงไปก่อน
คนให้เข้ากัน แป้งจะหนืดมากๆ แล้วค่อยๆใส่ไข่ขาวลงไปทีละนิด
คนจนได้ความหนืดที่ต้องการ ประมาณยกตะกร้อขึ้นแล้วค่อยๆไหลลงมาเป็นยอดแหลมๆ
ระวังอย่าใส่ไข่ขาวลงไปหมดทีเดียวเพราะถ้าเหลวเกินไปจะแก้ยาก
แต่ถ้าข้นไปยกแล้วไม่ไหลค่อยใส่ไข่ขาวเพิ่มได้ค่ะ เสร็จแล้วก็ตักใส่ถุงบีบ
ก้อยบีบลงบนกระดาษเคลือบไขแบบนี้เราไม่ต้องทาถาดด้วยเนยอบเสร็จหลุดออกมาเลยล่ะค่ะ




อบที่ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนกระทั่งแป้งหยุดพอง
แล้วลดไฟลงเหลือ 160 องศาเซลเซียสอบต่อจนแห้ง ก้อยอบต่ออีก 12 นาที แล้ว 6 นาทีสุดท้ายใช้ไม้ขัดประตูเตาเพื่อระบายไอน้ำภายในเตาแป้งจะได้แห้งกรอบ ระยะเวลาอบแล้วแต่ขนาดแป้งที่บีบด้วยนะคะ ต้องลองทำและสังเกตุดูเองค่ะ

ท้าดา ออกมาสีเข้มเชียว
(ก้อยดันไปอบที่ 220 องศาออกมาเลยหน้าดำไปหน่อย แถมยังดูเหมือนจะ
ไม่ค่อยพองเท่าที่ควร จานบัวบอกว่าน่าจะพองได้อีก อาจเพราะอุณหภูมิสูงเกินไป
แป้งข้างนอกสุกก่อนที่จองพองเต็มที่มันก็เลยขยายต่อไม่ได้ ยังไงลองอบที่ 200 ก่อนนะคะ )




ทีนี้ก็มาทำไอติมชาเขียวกันต่อ เคยลงบล็อคไว้แล้ว
ตามไปดูทีนี่เลยค่า

จะบรรจุลงในแป้งชูว์ต้องปั่นเสร็จใหม่ๆจะได้ตักใส่ง่ายๆ




วันนี้ขอใช้ตัวช่วย ด้วยถั่วแดงกวนกระป๋อง พอดีซื้อไว้ตั้งนานแระได้ฤกษ์เปิดซะที อิอิ



ผ่าเปลือกชูว์รอไว้เลยค่า



ขั้นตอนจับใส่ไส้ไม่ได้ถ่ายไว้นะคะ กลัวติมละลาย เอาถั่วแดงกวนปาดลงไปที่ฐาน
แล้วตามด้วยไอติมนิ่มๆแล้วก็เอาฝาปิดลงไปจับแช่แข็งโลด
เพราะวันนี้เราจะกินเป็นไอติมค่ะ อิอิ

แช่ช่องแข็งไว้ 6 ชั่วโมงขึ้นไปหรือจนไอติมแข็งตัว แล้วเสิร์ฟได้เลยค่ะ



กับกาแฟร้อนๆซักถ้วย



ผ่ากินดีกว่า อิอิ ชาเขียวกับถั่วแดงนี่เป็นคู่อมตะนิรันดร์กาลจริงๆ ืั้งสีสันและรสชาติ



ลูกนี้มีหัวจุกด้วย



วันนี้ลาไปก่อนนะคะ ใครที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมขอให้ผ่านพ้นไปเร็วๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไปค่ะ ยังไงคนไทยไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ สวัสดีค่า

ขอให้มีความสุขกับทุกๆวันนะคะ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากก็ตาม





 

Create Date : 15 ตุลาคม 2554    
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 9:56:21 น.
Counter : 4165 Pageviews.  

Chicken farm bakers' project # 38 : Egg white, gluten free,non dairy dessert: Banana Cream Pie

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวบล็อคทุกคน ช่วงนี้ยุ่งๆอีกแล้วค่ะ
เพราะแม่บ้านคนใหม่ที่เพิ่งหาได้ ออกไปอีกแล้ว
ก็เลยต้องทำงานบ้านเองต่อปาย แล้วก็ต้องตระเวนหาบ้านใหม่ด้วย มาเข้าเรื่องขนมกันดีกว่านะคะ
บ่นมากเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน ฮ่าๆ โจทย์การบ้านฟาร์มไก่เดือนนี้
คุณเอื้อม boxofcakesสมาชิกใหม่ล่าสุดแต่ผลงานเธอล้ำหน้า
ไม่ใช่มือใหม่เลยจริงๆ ตั้งโจทย์ท้าทายชาวเรามากๆค่ะ
โดยมีกติกาคือ
1. ให้ทำขนมฝรั่งชนิดใดก็ได้ที่ไม่ใช่ขนมไทย (ไม่ใช่ไม่รักชาตินะคะ
แต่ว่าน้องเค้ามีโอกาสทานขนมไทยเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ เพราะมันปลอดภัยที่สุด)

2. ขนมที่เลือกทำต้องปราศจากกลูเตน ไข่ขาว และก็ผลิตภัณฑ์ของนมค่ะ
ไม่อยากข้ามโจทย์นี้เลยเพราะเหตุผลที่คุณเอื้อมเล่าไว้ ก็อยากจะให้น้องได้กินขนมฝรั่งอร่อยๆ
แบบเพื่อนๆวัยเดียวกันบ้าง แต่ปกติที่บ้านและคนรู้จักก็ไม่มีใครแพ้ของพวกนี้เลยค่ะ
ก็เลยจัดเต็มตลอด งานนี้เลยคิดหนักเลยทีเดียว พยายามหาข้อมูลว่าจะใช้อะไรมาแทนแป้งสาลีดี
เพราะขนมฝรั่งส่วนใหญ่เลยจะใช้แป้งสาลีเป็นหลัก ตอนแรกคิดว่าจะใช้ข้าวโอ๊ต
แต่พอเสิร์ชดู ปรากฏว่า ไม่จัดอยู่ใน Gluten free diet ก็เลยต้องใช้เป็นแป้งข้าวจ้าวแล้วล่ะ
พอดีไหว้สาร์ทจีน มีกล้วยหอมสุกกำลังกิน เลยปิ๊งขึ้นมาว่าทำ
Banana Cream Pie ดีกว่า อิอิ แต่ตัวฐานนี่สิคะ ทำยังไงดี
เนยก็ใช้ไม่ได้ แล้วความหอมมันจะได้จากอะไรแทนดีน๊อ คิดไปคิดมา
ใช้เนยถั่วลิสงแทนน่าจะได้ เพราะมทั้งความหอม มัน แล้วก็ลักษณะเป็นครีมๆ
ที่จะเป็นตัวประสานแป้งเข้าด้วยกันส่วนตัวแป้งใช้แป้งสาลีไม่ได้
ข้าวโอ๊ตก็ไม่ได้ ก็เลยต้องใช้แป้งข้าวจ้าวเป็นหลักแทน
มาดูกันเลยดีกว่านะคะ ว่าก้อยทำยังไง
ส่วนผสมก้อยกะๆเอานะคะ ยกเว้นแป้งที่ชั่ง ประมาณว่าทำไปดูไปว่าโอเครึยัง ฮ่าๆๆ

ความจริงชื่อเต็มของขนมนี้คือ Chocolate Banana Cream Pie นะคะ
พอดีมันยาวเกินช่องก็เลยต้องตัดคำให้สั้นลงน่ะค่ะ

ส่วนผสมรวมๆ



ตัวครัสต์ *

แป้งข้าวจ้าว 80 กรัม
Corn meal แบบละเอียด 40 กรัม
เนยถั่วแบบหยาบไม่มีเกลือ 1/4 ถ้วย
น้ำผึ้ง 2 ชต.
Flax seed 1 ชต.
น้ำเปล่า 3 ชต.
เกลือป่น 1/4 ชช.
(ถ้าใช้เนยถั่วแบบเค็มไม่ต้องใส่เกลือเพิ่มก็ได้ค่ะ)

หน้าตาเล็ดแฟล็กซ์ เป็นรีๆ มันๆแบบนี้ค่ะ



เมล็ดแฟล็กซ์บดละเอียด 1 ชต. ผสมกับน้ำเปล่า 3 ชต. ใช้แทนไข่ 1 ฟอง
พอใส่น้ำแล้วจะได้ของเหลวที่มีลักษณะข้นๆคล้ายๆกับไข่ขาวค่ะ
อันนี้ก้อยใส่เพื่อเป็นตัวช่วยประสานของแห้งเข้าด้วยกันอีกตัวหนึ่ง นอกเหนือจากเนยถั่วและน้ำผึ้ง



เนยถั่วและน้ำผึ้งใส่ลงในชามผสมกับเมล็ดแฟล็กซ์แช่น้ำ คนให้เข้ากัน
ใส่เกลือป่นและแป้งทั้งสองชนิด




คลุกให้เข้ากันใช้มือบี้ๆจนมีลักษณะคล้ายทรายชื้นๆ แล้วกรุลงในพิมพ์ทาร์ตขนาด 7 นิ้ว
ใช้ส้อมจิ้มให้เป็นรู เพื่อไม่ให้แป้งพองเวลาอบ ความจริงตอนอบแป้งควรใช้ Baking Bean
หรือเมล็ดถั่วดิบวางทับบนกระดาษไขแล้ววางบนแป้งอีกทีจะแน่นอนยิ่งขึ้นค่ะ
อบ 180 องศาเซลเซียส 15-20 นาที หรือจนแป้งสุกเหลืองนวล





พักจนเย็นสนิท ระหว่างรอแป้งเย็นเราก็มาทำคัสตาร์ดช็อกโกแลตกันค่ะ
สารภาพตามตรงว่าตอนแรกไม่คิดว่าจะทำเป็นรสช็อกโกแลตหรอกค่ะ
แต่พอเทน้ำนมข้าวกล้องเจ็ดชนิดออกมา สีมันตุ่นๆไม่สวยเลยอ่ะค่ะ
ก็เลยเพิ่มดาร์คช็อกโกแลตกับผงโกโก้ลงไปทีหลัง
ลืมนึกไปว่าช็อกโกแลตกะกล้วยหอมนี่มันเข้ากันอยู่แล้วเนอะคะ
ส่วนผสมคัสตาร์ดก็เลยจะเป็นแบบกะเอาอีกเช่นเคย ทำไปชิมไปซะงั้น

ส่วนผสม Chocolate Custard Cream

ไข่แดง 1 ฟอง
น้ำนมข้าวกล้อง7 ชนิด 3/4 ถ้วย
(เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้ค่ะแต่พอดีที่บ้านมีอันนี้อยู่ )
น้ำตาลทราย 2 ชต.
(เพิ่มลดตามชอบ)
แป้งข้าวโพด 1 ชต.
dark Chocolate 40 กรัม
ผงโกโก้ไม่หวาน 2 ชต.
เกลือป่นเล็กน้อย





ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในหม้อ คนให้เข้ากันแล้วตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนข้น



หั่นกล้วยหอมเป็นแว่นๆเรียงลงในฐานทาร์ตที่เย็นแล้ว



ราดคัสตาร์ดครีมลงบนทันทีที่วางกล้วย เพื่อไม่ให้กล้วยดำ



แช่เย็นจนเซ็ตตัว ค่อยตัดเสิร์ฟ



อีกรูปให้เห็นแป้งทาร์ตชัดๆ



* ความคิดเห็น ตัวฐานทาร์ตพอดีได้Corn meal จากพี่เต่าญี่ปุ่นก็เลยอยากลองใช้
คิดว่าน่าจะหอมข้าวโพดดี แต่พอมาผสมกับแป้งข้าวจ้าวแล้วยังไม่มีเนยด้วย
ก็เลยกลิ่นแปลกๆ คิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นอัลมอนด์ป่นน่าจะดีกว่า
ส่วนตัวFilling อร่อยมากค่ะเพราะเป็นกล้วยหอมกับช็อคโกแลตที่เข้ากันได้ดีอยู่แล้ว
แต่สมาชิกที่บ้านชิมแล้วก็ลงมติว่าผ่านค่ะ อิอิ โล่งไปทีเพราะไม่งั้นต้องกินคนเดียวแน่ๆ


หวังว่าขนมชิ้นนี้จะเป็นทางอีกเลือกนึงของน้องคนนั้นให้ได้กินขนม
แบบที่เพื่อนๆได้กินบ้างนะคะ เอาไปปรับปรุงอีกนิดน่าจะใช้ได้ค่ะ
ขอบคุณคุณเอื้อม โฮสผู้ใจดีที่ทำให้ได้คิดอะไรสนุกๆแบบนี้ด้วยค่ะ

ขอให้มีความสุขและสนุกกับทุกสิ่งที่ทำนะคะ





 

Create Date : 22 สิงหาคม 2554    
Last Update : 22 สิงหาคม 2554 1:41:33 น.
Counter : 1455 Pageviews.  

Chicken Farm Baker's Project # 37: Roll cake : Coconut milk Durian mousse roll โรลทุเรียนน้ำกะทิ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน หยุดยาวติดกันหลายวันเลย
เพราะเป็นวันอาสาฬหบูชากับเข้าพรรษา ว่างๆหลังจากไปทำบุญกันแล้ว
ใครไม่ได้ไปเที่ยวไหน จะชวนมาทำขนมกินกันค่ะ
ขนมนี้ทำส่งการบ้านฟาร์มไก่ เดือนนี้พี่นก aammttaa เป็นโฮส
ให้โจทย์ว่าให้ทำเค้กโรล โดยมีกติกาว่า ให้ทำเค้กโรล ตามที่ตัวเองชอบ
โดยมีความแปลกใหม่ จากประสบการณ์ตัวเองนะคะ จะคิดขึ้นเองก้อได้คะ
หรือจะเป็นการ ดัดแปลงจากเค้กปอนด์ มาเป็นเค้กโรลก็ได้คะ เช่น
เค้กแบลคฟอเรส จากปอนด์ เราก้อเอามาม้วน เป็นโรลแทนอ่ะคะ
โฮะๆ เปิดกว้างมากๆค่ะ สนุกล่ะสิคราวนี้ ตอนแรกกะว่าจะทำโรลลำใยกะทิสด
เพราะว่าเคยทำแล้วอร่อยมากกกก ติดใจ แต่ยังไม่เคยเอาลงบล็อก (ฮ่าๆ เล่นง่ายๆเลยเนาะ )
แต่ปีนี้รู้สึกว่าลำใยจะออกช้าเหลือเกิ๊น รึว่าเดี๋ยวนี้ผลไม้มันไม่ได้ออกตามฤดูกาลแล้วหว่า
หาลำใยไม่ได้ค่ะ เซ็ง

ไปๆมาๆ เกิดบังเอิญให้หม่าม้าอยากกินทุเรียนจัด ได้ออกไปช็อปปิ้ง
(เจอรถกระบะขายผลไม้หลังหมู่บ้าน)มีแต่ทุเรียนใต้ แถมแพงอีกตะหาก
แต่อยากกินมาก เอาก็เอาเลยซื้อมาลูกนึง ลูกใหญ่มากกกก
แต่ขอโทษชั่งทั้งลูก 3 โลกว่า แกะเนื้อออกมาได้นิดเดียว
กลับมาบ้านอดรนทนไม่ไหวรีบเอามากิน ตึ๊ง!!!
มันไม่อร่อยอ๊ะ เนื้อแฉะไปนิดส์นึง แล้วก็ไม่ครีมมี่หวานมันอย่างที่ชอบ
พี่ชายก็เลยบอกว่า เอาไปทำเค้กได้มะ เอาล่ะสิงานเข้า!!!
คนบ้านนี้กินยากกันเจงๆ คิดไปคิดมาพอดีวันก่อนไปรวมพลกันที่บ้านพี่มล
เจ้าบ้านเตรียมของหวานไว้อย่างดี เป็นข้าวเหนียวทุเรียน แต่ก้อยอด
เพราะกำลังร้อนใน ในปากเต็มไปด้วยปั๊บโปะ เกรงว่าถ้าใส่ของร้อนเข้าไปอีก
จะปะทุออกมาอีกหลายจุด ก็เลยข่มใจไว้ถึงแม้ข้าวเหนียวทุเรียนฝีมือพี่มลจะยั่วยวนมากกกก
อิอิ เสร็จเรา จับมาทำการบ้านส่งเดือนนี้ซะเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว
ได้ขนมส่งการบ้านฟาร์มไก่พร้อมกับกำจัดทุเรียนที่แช่ตู้เย็นไว้หลายวันให้กลิ่นติดน้ำเล่นๆ
แถมยังตอบสนองความอยากกินทุเรียนน้ำกะทิที่อดกินเมื่อวันก่อน

ประโยชน์หลายสถานขนาดนี้ รอช้าอยู่ใย มาลงมือกันเลยดีกว่า

นี่ค่ะพระเอกของเรา ดูซิ อวบอิ่มขนาดนี้ยังบอกว่าไม่อร่อยอีก

ตัวเค้กที่ก้อยใช้ทำเป็นโรลก้อยใช้เป็นชิฟฟอนสูตรนี้เป็นสูตรประจำอีกสูตร
เวลาทำเค้กโรลเพราะว่านุ่มถึงแม้จะเพิ่งเอาออกจากช่องฟรีซใหม่ๆ
เหมาะมากกับไส้ที่ต้องแช่เย็นพวกมูสหรือไอศครีม
ดัดแปลงจากสูตรโรลลูกตาลหวานเฉาะของน้องน้องลูกสนคนสวยขอบคุณมากๆมากๆค่า

ส่วนผสมเค้กทุเรียน
แป้งเค้ก 90 g.
ผงฟู 1 ชช.
น้ำตาลทราย 80 g.
เกลือป่น 1/4 ชช.
น้ำมันพืช 50 g.
ไข่ไก่แยกไข่แดงไข่ขาว 3 ฟอง
หัวกะทิ 70 g.
กลิ่นวนิลา 1 ชช.
เนื้อทุเรียนยีละเอียด 50 g.

วิธีทำ ทำแบบชิฟฟอนเค้กเลยค่ะ
แยกไข่แดงไข่ขาว เตรียมถาด ก้อยใช้ขนาด 9x12 นิ้ว ปูด้วยกระดาษไข
ให้เหลือขอบขึ้นมาด้านข้างด้วยนะคะ อุ่นเตาอบ 180 องศาเซลเซียส
ชามไข่แดงใส่น้ำมันพืช กะทิ น้ำตาลทรายครึ่งนึง เกลือตีให้เข้ากัน
ใส่เนื้อทุเรียนยีละเอียดคนเร็วๆให้เข้ากัน ร่อนแป้งและผงฟูลงไปคนเร็วๆ
ให้เข้ากันอีกที ใส่แป้งแล้วอย่าคนนานนะคะเดี๋ยวเค้กจะเหนียว
ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายที่เหลือในอ่างสะอาดปราศจาคไขมันอีกใบจนขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน
ก้อยชอบตีแค่นี้ค่ะ เพราะถ้าตีแข็งเกินไปเนื้อเค้กจะแห้ง ไม่อร่อยค่ะ
แล้วแบ่งมาตะล่อมรวมกับส่วนไข่แดง ทีละ 1/3 อย่างเบามือ





สุดท้ายปาดด้วยพายยางอีกทีให้ส่วนผสมเข้ากันดี เทใส่ถาดอบ เตาก้อยอบไป 12 นาทีครึ่งค่ะ
สุกแล้วเอาออกจากเตา คว่ำลงบนตะแกรงแล้วลอกกระดาษออกพักไว้จนเย็น




วันนี้รูปมาแนวแปลกหน่อยนะคะ พอดีกำลังติดใจกับโปรแกรมPicasa
เป็นโปรแกรมจัดการรูปภาพที่ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
เพื่อนๆสามารถไปดาว์โหลด picasaได้ฟรีที่นี่เลยค่ะ


ระหว่างรอเค้กเย็นเรามาทำไส้มูสทุเรียนน้ำกะทิกันนะคะ

ไส้มูสทุเรียนน้ำกะทิ
หัวกะทิ 120 ml.
น้ำตาลมะหร้าว 50 g.
Gelatin powder 3/4 ชช.
เกลือป่นหยิบนิ้ว
Whipping cream 120 ml.
เนื้อทุเรียนหั่นเล็กๆ 150-200 g.

โรยเจลาตินผงลงในหัวกะทิทิ้งไว้5-10 นาทีเพื่อให้ดูดน้ำเข้าไปจนอิ่มตัว

ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไปน้ำไปตั้งไฟจนเดือด น้ำตาลละลายหมด

ลงลงจากเตา ปรุงรสด้วยเกลือป่นให้พอเค็มปะแล่มๆ อย่าเค็มมากนะคะ
เพราะเราเอามาทำเป็นไส้เค้กไม่ได้กินกับข้าวเหนียว อิอิ
อีกอย่างคือใช้น้ำตาลมะพร้าวเนี่ย มันจะไม่หวานโดนเหมือนน้ำตาลทราย
แต่จะหอมและหวานแบบกลมกล่อมใส่เกลือนิดหน่อยเพื่อให้รสชาติมันกลมขึ้นเท่านั้น
พักไว้จนเย็นสนิท



จากนั้นเอาวิปปิ้งครีมมาตีให้ฟู ตั้งยอดแต่อย่าแข็งมากนะคะ
เพราะเดี๋ยวเราต้องเอามาคนผสมกับน้ำกะทิอีกเดี๋ยวจะ Overwhip
ทำให้ครีมแตกตัวได้ใส่น้ำกะทิที่เย็นสนิทแล้วลงไปผสมให้เข้ากัน
ที่ต้องให้เย็นสนิท เพราะเวลาครีมที่ฟูๆของเราเจอกับของร้อนๆเนี่ย
เค้าจะละลายกลายเป็นน้ำเลยค่ะ เข้ากันดีแล้วเอาเข้าตู้เย็นซัก 1 ชั่วโมง
ให้มูสเซ็ตตัว พอจะใช้ก็เอาตะกร้อมือคนให้เนียนอีกที แล้วค่อยใส่เนื้อทุเรียนลงไปตะล่อมให้เข้ากัน



เย่ๆเค้กพร้อม มูสพร้อม สามมมมมมมสี่ เย้ย ม่ายช่าย
มาม้วนกันเลยนะคะ อยากให้ข้างนอกขาวเนียนน่าเจี๊ยะ
ก้อยเลยเอาด้านที่มีผิวขึ้นข้างบนเวลาม้วนจะติดอยู่กับไส้ในโชว์ผิวเนียนๆไว้ข้างนอก
วันนี้ก้อยจะโรลแบบให้ไส้มันรวมอยู่ตรงกลางเวลากินเจอไส้เต็มปากเต็มคำดี



ใส่ลงไปตรงกลางเลยค่าแล้วก็ม้วนให้ปลายมาชนกับบีบให้แน่น
แล้วแช่ช่องฟรีซไปเลยค่าอ้อ เวลาม้วนนี่เอากระดาษไขรองไว้จะได้ม้วนง่ายๆ
แล้วก็ใช้ห่อเค้กเข้าตู้เย็นไปเลยเนื้อเค้กจะได้ไม่แห้งด้วยค่ะ
ก้อยใช้แผ่นที่รองถาดอบนั่นแหล่ะ ประหยัด อิอิ
แช่ฟรีซไว้ซัก 3-4 ชั่วโมงไปเลยก็ได้ค่ะ เวลาตัดจะได้ไม่ย้วยไส้ทะลักออกมา





เย่ๆได้เวลาลองของ


เนื้อเค้กนุ่มๆหอมทุเรียนอ่อนๆไม่หวานจัด กินกับมูสทุเรียนน้ำกะทิหอมหวาน
จากกะทิ ทุเรียนและน้ำตาลมะพร้าวเหมือนได้กินทุเรียนน้ำกะทิที่เบาๆเย็นๆ
ไม่หนักแน่นเหมือนข้าวเหนียวทุเรียน แต่ว่านี่แหล่ะที่อันตรายกว่า
เพราะกินได้เรื่อยๆถ้าไม่ยั้ง มีหวังน้ำตาลพุ่งกว่ากินข้าวเหนียวทุเรียนแน่ๆ



กินแล้วน้ำตาจะไหล ย้อนวัยไปเมื่อตอนเด็กๆ
เหมือนกินเค้กโรลไส้ไอติมทุเรียนแบบตัดๆที่เคยกินตอนเด็กๆ
(คิดว่าเพื่อนๆคงรู้จักกันนะคะ เช็คอายุกันเลยทีเดียว หุหุ)



หม่าม้ากินแล้วบอกว่า สงสัยต้องซื้อทุเรียนแบบไม่ค่อยอร่อยบ่อยๆ
จะได้เอามาทำเค้กอีก อยากจะบอกว่าหม่าม้าขา ซื้อแบบธรรมดาๆก็เอามาทำเค้กได้ค่า
เค้กหนูไม่ใช่ที่รีไซเคิลนะค้า แต่เห็นคนกินกินอร่อยคนทำก็ปลาบปลื้มค่ะ โฮะๆ



ใครที่ชอบกินทุเรียนลองทำดูนะคะ อยากให้ได้ปลาบปลื้มกันถ้วนหน้า

ลาไปก่อนค่า พบกันใหม่บล็อคหน้า
ขอให้มีความสุขแลัสนุกกับทุกๆวันนะคะ




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 6:06:01 น.
Counter : 6224 Pageviews.  

Chicken Farm Baker's Project # 35: Sweet Enhancer! : Apple Crumb Cake with Vanilla Sauce

เดือนนี้ส่งการบ้านคาบเส้นวันสุดท้ายเลย เพราะภารกิจรัดตัวมากค่ะ
(ความจริงเริ่มขี้เกียจก็บอกมาเหอะ )
เดือนนี้โฮสจำเป็นของเรา น้องกิฟท์ชวนมาทำเค้กที่เสิร์ฟคู่กับซ็อส
คิดไม่ออกเลยจริงๆค่ะ เพราปกติไม่ค่อยทำอะไรที่ทานคู่กับซ็อส
ตอนแรกว่าจะทำเครปเค้กแต่คิดไปคิดมา มันจะถือว่าเป็นเค้กมั้ยน๊า
ก็เลยเล่นของง่ายเลยดีกว่า คงไม่ว่ากันนะคะ ง่ายๆแต่อร่อยนะเออ
เพราะว่ามันเข้ากั๊นเข้ากันสุดๆเลยล่ะค่ะ ถือเป็นเมนูคลาสสิค
(สำหรับก้อย คนอื่นไม่รู้ กร๊ากกกก )

วันนี้ก้อยทำ Apple Crumb Cake สูตรจากบล็อคพี่ปุ๊ก เดลี่ฯ อีกเช่นเคย
เล็งมานานได้ทีส่งการบ้านควบเลยละกัน อิอิ แต่ก้อยเพิ่มลูกเกด ในตัวเค้ก
และอัลมอนด์แท่งในส่วนของตัวครัมบ์ด้วยค่ะ เสิร์ฟกับ Vanilla Sauce คู่หูสุดคลาสสิค

มาดูสูตรกันเลยดีกว่านะคะ ช้าแล้วอย่ามัวเสียเวลา

ตัวเค้ก

เนยจืด 100 กรัม
น้ำตาลทราย 90 กรัม
เกลือป่น 1/4 ชช.
ไข่ไก่ 2 ฟอง
แป้งเค้ก 100 กรัม
ผงฟู 1+1/2 ชช.
ผงอบเชย 1 ชช.
Vanilla extract 1 ชช.
ลูกเกดดำ 50 กรัม
แอปเปิ้ลเขียว 2 ลูก

วิธีทำ

เตรียมพิมพ์ก่อนนะคะ พี่ปุ๊กแนะนำให้ใช้พิมพ์แบบถอดก้นได้ ทำตามอย่างเคร่งครัด
แต่ก้อยใช้เป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมแทนพิมพ์กลมค่ะ ปูด้วยกระดาษไขเตรียมไว้
อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส



ตีเนยนิ่มๆกับน้ำตาลทรายและเกลือจนฟูขาว



ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง เติมกลิ่นวนิลา



ร่อนแป้ง ผงฟู ผงอบเชยลงในชามเนย



ตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ลูกเกดลงไปเลยค่า อย่าคนนานนะคะเดี๋ยวเค้กเหนียว



ตักใส่พิมพ์เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน




มาถึงนางเอกของเรา น้องเปิ้ล ปอกเปลือก หั่นสไลซ์บางๆ
ก้อยชอบหั่นแบบนี้เวลาตัดเค้กง่ายดีค่ะ ไม่ติดเป็นยวง




เรียงแอปเปิ้ลลงบตัวเค้ก เว้นช่องว่างให้ห่างจากขอบพิมพ์เข้ามาหน่อยนะคะ





ส่วนผสมตัว Crumb โรยหน้า

แป้งเอนกประสงค์ 100 กรัม
อัลมอนด์แท่งอบกรอบ 25 กรัม
น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
เนยสดจืด 50 กรัม
ผงอบเชย 1/2 ชช.
เกลือป่น 1/4 ชช.
ข้าวโอ๊ต 50 กรัม


ของแห้งทุกอย่างคลุกให้เข้ากัน



ใส่เนยลงไปบี้ให้เป็นเม็ดเล็กๆ เข้าตู้เย็นรอไว้




เรียงแอปเปิ้ลเสร็จก็เอามาโรยได้เลยค่ะ




ตอนอบนี่หอมฟุ้งไปทั่บ้านเลยค่ะ อบ35-40 นาทีหรือจนสุก





พักไว้ให้หายร้อนค่อยเอาออกจากพิมพ์ค่ะ

ทีนี้ก็มาถึงพระเอกของเรา Vanilla Sauce กันล่ะ

ส่วนผสม ก้อยกะๆเอา ไม่มีมาตรฐานซะเลย ฮ่าๆ
ไข่แดง 1 ฟอง นมประมาณ 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ชต.
เกลือป่นเล็กน้อย พอดีก้อยต้มนมกับฝักวนิลาไว้ทำเบสไอติม
ก็เลยต้มพร้อมกันเลยแล้วแบ่งออกมาทำซ็อส
ขอบอกว่าไอติมวนิลากับซ็อสวนิลาถ้าใช้วนิลาแบบฝักนี่หอมสุดๆเลยล่ะค่ะ
หอมละมุนละไม หอมจับจิตจับใจมั่กๆ

วิธีทำก็ง่ายๆตามประสาคนขี้เกียจ เอาทุกอย่างรวมกันในหม้อ
ตั้งไฟอ่อนๆกวนจนซ็อสข้นขึ้น แต่วิธีนี้เสี่ยงได้ซ็อสไม่เนียน
ถ้าอยากให้เนียนๆควรต้มนมให้ร้อนแล้วค่อยๆเทใส่ไข่แดงที่ตีกับน้ำตาลจนฟู
พอใส่นมหมดแล้วค่อยยกไปตั้งบน Water bath อีกรอบคนจนซ็อสข้น




เฮ้อ!!! แค่โพสก็เหนื่อยซะแล้ว สงสัยจะเริ่มแก่จริงๆ

จัดเสิร์ฟเลยดีกว่า เติมพลัง

วันนี้เล่นวิชาแต่งจานด้วย แต่สอบตก ฮ่าๆ





ใกล้ๆเข้าไปอีกนิด




Special Thanks
พี่ปุ๊ก เดลี่ฯ สำหรับสูตรเค้ก
บัวน้อย Tiny Bakery สำหรับ Vanilla pod
น้องกิฟท์ โฮสจำเป็น สำหรับโจทย์ที่ปกติไม่ค่อยทำมาก่อน

ไปละค่ะ เจอกันใหม่บล็อคหน้า
ขอให้มีความสุและสนุกกับสิ่งที่ทำนะคะ




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2554    
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 9:26:36 น.
Counter : 1370 Pageviews.  

Chicken Farm Baker's Project # 34 : Boost your body with Yummy Sweet :Blancmange with Ginko

สวัสดีเดือนพฤษภาคมค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน
เดือนนี้ก็เข้าฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ ฝนตกหนักแทบทุกวันเลย
โจทย็การบ้านฟาร์มไก่เดือนนี้ก้อยเป็นโฮสเองล่ะค่ะ อิอิ
จากเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมโลกในตอนนี้คาดว่าหลายๆคนคงจะมีอาการไม่สบาย
ปวดหัว ตัวร้อน แถมยังมีภัยธรรมชาติรุนแรงทั่วโลกเลย
จิตใจก็คงจะหดหู่ตามไปด้วย
ก้อยก็เลยคิดว่าเดือนนี้น่าจะมาทำขนมที่ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ
ให้พร้อมรับกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงแบบคาดเดาไม่ถูกเลยจริงๆ
ใครเป็นเหมือนก้อยบ้างคะ เวลาที่ได้กินขนมอร่อยๆเนี่ย
เราก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีเลยล่ะค่ะ
แล้วถ้าเป็นขนมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วยก็ยิ่งดีขึ้นไปอีกใช่มั้ยล่ะคะ
โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อค่ะคือ

1. ขอให้เป็นขนมหรือของหวานที่มีพืชผักผลไม้หรือธัญพืชเป็นส่วนประกอบ
ถ้าเป็นสมุนไพรที่ปกติไม่ค่อยเห็นเอามาทำขนมกันได้ก็จะดีมากๆเลย
อย่างพวก ใบบัวบก เก๋ากี้ เป็นต้น
จะทำด้วยวิธีการใดๆก็ได้ ไม่ว่าจะอบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง ไม่จำกัดวิธีการค่ะ


2. ให้บอกสรรพคุณของขนม ว่าช่วยส่งเสริมสุขภาพด้านไหน
ข้อนี้ขอให้ระบุเฉพาะเจาะจงหน่อยนะคะ เอาเป็นว่าให้เหมาะกับ
บริบทของแต่ละคนแล้วกันค่ะ ตามสภาพอากาศและร่างกายของแต่ละคน
เช่นคนที่มักจะท้องอืดบ่อยๆอาจจะทำขนมที่มีส่วนผสมของขิงหรือมินต์
ช่วยลดอาการท้องอืด หรือคนที่ร้อนในบ่อยๆก็อาจจะใช้ส่วนประกอบ
ที่มีฤทธิ์เย็นเพื่อลดความร้อนในร่างกาย


สำหรับขนมที่ก้อยทำในคราวนี้ เป็นขนมที่เย็นๆนุ่มๆ
เหมาะกับอากาศร้อนๆอย่างเมืองไทยมากๆเลยค่ะ นั่นก็คือ
" Blancmangeserve with Ginko ,Brown Sugar Syrup & Ginger Powder "
โดยมีส่วนผสมหลักเป็นนมถั่วเหลืองเพิ่มความหวานหอมจากน้ำมะพร้าวน้ำหอม
ซึ่งตัวเนื้อขนมจะไม่หวานมากแต่ก็จะมีน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง
สำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความหวานมากขึ้น เสิร์ฟพร้อมแปะก้วยที่ช่วยบำรุงไต
ปิดท้ายด้วยขิงป่นนอกจากช่วยเสริมรสชาติให้ลงตัวมากขึ้นยังช่วยขับลมอีกด้วย
สรุปแล้วคล้ายๆกินเต้าฮวยน้ำขิงแต่เสิร์ฟแบบเย็นๆเลยค่ะ
เมนูนี้เป็นเมนูของหวานที่ก้อยคิดขึ้นเพื่อป่าป๊าเลยค่ะ เพราะป๊าเป็นเบาหวาน
แล้วก็มีไตพร่อง ทำให้ปัสสาวะบ่อย เวลาจะไปไหนไกลๆ
ต้องเคาะแปะก้วยกินก่อนเดินทางทุกที

สำหรับสูตรก้อยปรับจากBlancmange ของเชฟพี่พล ตัณฑเสถียร



บรามันเจะมะพร้าวอ่อน

นมถั่วเหลืองไม่หวาน 250 ml.
น้ำมะพร้าวอ่อน 250 ml.
วิปปิ้งครีม 100 ml.
เจลาตินแผ่น 5 แผ่นสั้น

(น้ำตาลทราย 2 ชต.
จะเติมมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ค่ะชิมรสตามชอบ)

แปะก้วยนึ่งสุกกระเทาะเปลือก 1 ถ้วย
ขิงผง 100 % สำหรับโรยหน้า

Brown Sugar Syrup
น้ำตาลทรายแดง 4 ชต.
น้ำเปล่า 4 ชต.
ต้มจนเดือดและข้นขึ้นเล็กน้อย

ส่วนประกอบหลัก



แช่เจลาตินแผ่นในน้ำเย็นจนอิ่มตัว ก้อยแช่ในน้ำละลายน้ำแข็งเลยค่ะ



ต้มนมถั่วเหลืองกับน้ำมะพร้าวอ่อนและน้ำตาลทราย(ถ้าใส่) รวมกันในหม้อ
ความจริงแค่ให้ร้อนประมาณ 70 องศาเซลเซียส ไม่ต้องเดือดนะคะ
แต่พอดีก้อยทำนู่นทำนี่ลืมตั้งไว้บนเตาจนเดือดพล่านเลยค่ะ
ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ แยกตัวคล้ายๆเต้าหู้เลยอ่ะค่ะ แหะๆ



บีบน้ำส่วนเกินออกจากเจลาติน



ใส่ลงในหม้อคนจนละลาย จริงๆก้อยเอาไปกรองด้วยกระชอนอีกทีค่ะ
เพราะสภาพมันไม่ไหวจริงๆ ดูสิ เป็นลิ่มๆเลย



แต่เสียดายไม่อยากเททิ้งก็เลย เอาก็เอาลองดู ใส่วปปิ้งครีมลงไป
ไม่น่าเชื่อ ดูดีขึ้นมาเยอะเลยค่ะ คนให้เข้ากันแล้วปิด
ด้วย plastic wrap เข้าตู้เย็น 2-3 ชั่วโมงหรือจนอยู่ตัว



ระหว่างนี้เราก็มาเตรียมแปะก้วยกันนะคะ
แปะก้วยแนะนำให้ซื้อแบบดิบมานึ่งเองนะคะ ซื้อมากก็เอามาล้างให้สะอาด
แล้วก็เอาไปนึ่งให้สุก ประมาณ 20 นาทีก็สุกแล้วค่ะ
แล้วก็เอามาเคาะ ใช้สากหรือค้นเล็กๆก็ได้ค่ะ ทุบตรงสันเบาๆ



มันจะแตกตามรอยที่เป็นขอบแกะออกมาจะมีเยื่อหุ้มบางๆสีน้ำตาล
ส่วนนี้จะเอาออกหรือไม่ก็ได้ค่ะ แต่นิยมเอาออกกัน
ถ้าจะเอาออกให้เอาไปต้มพอเดือด แล้วตักขึ้นแช่น้ำเย็นทันที
จะทำให้ลอกเปลือกออกง่ายขึ้นค่ะ



ตรงกลางจะมีไส้แบบนี้ ส่วนนี้จะขมนดๆถ้าใครไม่ชอบเอาออกก็ได้ค่ะ
แต่ก้อยไม่ได้เอาออก คิดว่าสรรพคุณทางยาอาจจะมาจากส่วนขมๆนี่ล่ะค่ะ



ลอกเปลือกออกแล้วก็จะเหลืองอร่ามแบบนี้



แล้วก็มาทำน้ำเชื่อมกันค่ะ เอาน้ำตาลทรายแดงและน้ำเปล่าใส่หม้อใบเล็กๆ
ต้มจนเดือดและข้นขึ้นเล็กน้อย ระวังอย่าใก้งวดมากนะคะ
เพราะพอเย็นแล้วจะข้นขึ้นอีก และอาจจะขมเพราะน้ำตาลหไหม้ได้ค่ะ



พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ ของหวานนุ่มๆเย็นๆ ใครไม่ชอบหวานไม่ราดซีรัปก็ได้นะคะ



อันนี้ Full option ราดน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดงพร้อมโรยขิงผง



อ้ามมมม ดูใกล้ๆเห็นเลยว่าเนื้อไมเนียน อิอิ



ลองไปทำทานกันดูนะคะ สำหรับเมนูขนมหวานเบาๆเมนูนี้
เหมาะกับอากาศร้อนๆเลยล่ะค่ะ
ยังไงก็รักษาสุขภาพกันทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บล็อคหน้าค่า
วันนี้รีบมารีบไป ขอตัวไปเที่ยวเล่นก่อนนะคะ อิอิ
ขอให้มีความสุขและสนุกกับทุกสิ่งที่ทำนะคะ




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 0:29:43 น.
Counter : 2116 Pageviews.  

1  2  3  

ฟันคุดน้อยซี่ที่7
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




ผู้หญิงธรรมดาที่ชอบใช้ชีวิตธรรมดา ว่างก็ทำขนม ทำอาหาร ถ่ายภาพ ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ฟังเพลง ก็มีความสุขแล้วค่ะ เรียกว่ามีโลกส่วนตัวสูงก็ได้ค่ะไม่ชอบที่คนเยอะๆ รู้สึกว่ามันวุ่นวายจัง วันไหนได้อยู่บ้านนี่ทำขนมได้ทั้งวันเลยจนพี่ๆแซวว่าก้อยเปิดโรงงานทำขนมทุกอาทิตย์ ทำไงได้ล่ะคะ ก็คนมันรัก(การทำอาหาร) นี่นา แค่ได้ทำอาหารให้คนรอบข้างได้กินของ(ที่เราดิดว่า)ดีๆ ก็มีความสุขแล้วค่ะ เพื่อนๆเป็นกันมั้ยคะ ^__^
หลังไมค์ถึงฟันคุดน้อยฯกดที่นี่ เฟซบุคเชิญทางนี้ค่ะ cooking for fun
Friends' blogs
[Add ฟันคุดน้อยซี่ที่7's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.