เดินทางตามรอยวิถีชีวิตชุมชนที่ตันหยงสตาร์
สวัสดีคะ...เพื่อนชาวบล็อก วันนี้สาวมาค่อนข้างค่ำเลย เพราะมัวแต่ลังเลอยู่ ว่าจะอัพบล็อกเลยดีไหม เพราะค่ำแล้วเกรงว่าจะไม่สามารถไปเยี่ยมเพื่อนได้ทั้งหมด อีกทั้งการเดินทางในครั้งนี้สาวไม่มีกล้องไปด้วยเลยจำเป็นต้องทำบล็อกแบบบรรยายและใช้รูปเก่า หวังว่าข้อมูลสดที่สาวกลั่นกรองจากสมอง คงทำให้ทุกคนชอบไม่มากก็น้อยนะคะ
จากการที่สาวได้ไปแหลมหยงสตาร์ในงานของดีท่าข้ามตามบล็อก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=skybeach&month=03-2009&date=03&group=2&gblog=51 หลังจากที่คุยกับเจ้าของพื้นที่ถึงประเพณี วัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมายแล้ว สาวจึงคิดว่าที่นี่น่าสนใจไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในจังหวัดตรังเลย ดังนั้นเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา นั่นก็คือเมื่อวาน สาวได้นัดกับเพื่อนรุ่นพี่ที่มาจากกทม.เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชม โฮมสเตย์และแหล่งท่องเที่ยวที่แหลมหยงสตาร์ หรือ ตันหยงสตาร์ การเดินทางครั้งนี้สาวและเพื่อนได้รับความกรุณาจาก อาจารย์ประสาร ทุ่ยอ้น อาจารย์สมมิตร หนกหลัง และกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนหยงสตาร์ ในการพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยว ทานอาหารประจำถิ่น แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาในช่วงสั้นๆ แต่ก็เป็นที่ประทับใจอย่างมากมาย
หยงสตาร์ หรือชื่อเต็มว่า ตันหยงสตาร์ หมายความว่า แหลมที่ยื่นไปในทะเล (ตันหยงแปลว่าแหลม) มีที่มาจาก ลักษณะภูมิประเทศ ที่มีแหลมยื่นไปในทะเล โอบรอบหมู่บ้านไว้ เพราะพื้นที่ของตันหยงสตาร์ มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงสู่ทะเลอันดามันโดยมีแหลมหยงสตาร์อยู่ตรงปลายสุด ถ้ามอบจากภาพถ่ายดาวเทียมจะเห็นชุมชนตันหยงสตาร์คล้ายหัวเผือก คือ คอดกิ่วด้านบนแล้วค่อย ๆ ป่องออกตรงกลางพอไปด้านล่างจะค่อย ๆ เรียวเล็กลงตรงจุดปลายแหลม ซึ่งในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองท่าเก่า และมีความเจริญเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าสมัยโบราณ หยงสตาร์เคยเป็นเมืองท่าในการติดต่อค้าขายระหว่างไทย-สิงคโปร์ รวมทั้งปีนัง ในสมัยอดีตจึงมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าหลังสงครามโลกชาวไทยเชื้อสายจีนจะได้อพยพไปอยู่ที่ ต.ทุ่งยาวเป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม และตอนนี้ประชากร 95% ของที่นี่จะนับถึงศาสนาอิสลาม แต่วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังคงอยู่อย่างมากมาย ดังที่สาวจะเล่าต่อไป
สาวเดินทางจากตัวจังหวัดตรังไปถึงบ้านหยงสตาร์ เวลาประมาณ 17.30 น.ซึ่งการเดินทางจากตัวเมืองตรังไปยังหยงสตาร์ไปตามทางหลวงหมายเลข 404 ระยะทางเพียง 54 กิโลเมตรเท่านั้น เราเดินทางจากตัวเมืองตรังด้วยความเอื้อเฟื้อจากอาจารย์ประสาร เมื่อไปถึงก็ยังกรุณาให้พักโฮมสเตย์ที่แสนสบายอีกด้วย(สบายและสวยงามทุกหลัง) เมื่อไปถึงเราก็พักผ่อนประมาณ 30 นาที จากนั้นสาวและเพื่อนอีก 2 คนได้ไปยังจุดชมวิวของที่นี่ ที่แสนสบาย และทานอาหารแสนอร่อย
จากนั้นเราก็ไปบ้านอาจารย์สมมิตร ที่นี่เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่สบายและกว้างขวาง จุคนได้น่าจะเกิน 30 คน (แอบโอเวอร์) จากนั้นเราก็ได้เจอกลุ่มการท่องเที่ยวของที่นี่ พร้อมกับของฝากท้อง คือซาลาเปาไส้สังขยาที่แสนอร่อย จากนั้นเราก็นั่งคุยกันอย่างสบายๆ พร้อมทั้งดูรูปกิจกรรมที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ แม้เพียงชุมชนเล็กๆ แต่ก็ได้รับความสนใจไม่ใช่น้อย เพราะแหล่งธรรมชาติ พร้อมทั้งป่าชายเลนที่นี่ยังสมบูรณ์อยู่มาก จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนและนัดกันในยามเช้าตรู่ของวันนี้เพื่อไปดูค้างค้าวแม่ไก่กลับรัง ซึ่งทราบมาว่าอาศัยอยู่บนเพราะสะระบันเป็นจำนวนมากจนกล่าวได้ว่าเยอะที่สุดในโลกก็ว่าได้ สาวเลยพลาดไม่ได้
ตื่นตั้งแต่ ตี 4 กว่า (ไม่อยากลุกจากที่นอนเรย เพราะสบายมากๆที่นอน) จากนั้นก็อาบน้ำ และไปเตรียมพร้อม เวลาเกือบ 6 โมงเช้าใบพัดเรือก็เริ่มหมุน จุดแรกของเช้านี้คือ เกาะสะระบัน หรือเกาะหมวกตามภาษายาวี ที่นี่เป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น ค้างคาวแม่ไก่จำนวนมาก แต่ว่าเราไปสาย ค้างคาวเลยหลับเป็นที่เรียบร้อยเราจึงได้เห็นเพียงแสงแรกในยามเช้าเท่านั้นเอง
จากนั้นเรือก็พาเราไปยังหอลูกไม้แหล่งธรรมชาติสมบูรณ์กลางทะเล ทั้งดอกไม้ทะเล หอย ปู ปลานานาชนิด เราเดินเล่นประมาณ 15 นาที จึงไปต่อที่เกาะเหลาตรง แหล่งถ้วยชามโบราณกลางทะเล ซึ่งคาดในอดีตชาวเรือใช้เป็นที่หลบพายุหรือแวะหาน้ำจืด เมื่อจอดเรือทิ้งไว้ก็คัดสินค้าที่แตกหักทิ้งไว้เมื่อเวลาผ่านไป เศษถ้วยชามก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่พบเห็นในปัจจุบัน เสียดายที่สาวมีเวลาเพียงนิดเดียวเพราะต้องทำงานด้วย เลยต้องปิดทริปครั้งนี้ที่เกาะเหลาตรง ซึ่งขากลับอาจารย์ประสารก็แวะพาเราทานอาหารที่ตลาดท่าข้ามเป็นการจากลาบ้านหยงสตาร์ในครั้งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่ยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซากเรือโบราณสมัย รัชการที่ 4 - รัชกาลที่ 5 กระโจมไฟอโลกวชิรยุตต์ ประภาคคารชนิดก๊าซหยดในลูกแก้ว จะเกิดประกายไฟเมื่อสัมผัสอ๊อกซิเจน ทวดโต๊ะแหลม รูปผู้เฒ่านั่งขัดสมาธิด้วยปูนซีเมนต์ ที่ชาวบ้านนับถือ โรงพระร้อยเก้า โรงพระจีนที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีนของที่นี่ หิวหัวช้าง กลุ่มหินทะเลที่เรียงรายซ้อนกัน ของโบราณ ที่ชาวบ้านอนุรักษณ์ไว้มารุ่นต่อรุ่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ และระบบนิเวศป่าชายเลน ที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้ววัฒนธรรมของที่นี่ก็ควรค่าแก่การอนุรักษ์ด้วย เพราะที่นี่มีผู้สืบทอดรองเง็ง โบราณด้วยซึ่งท่านเป็นผู้สีไวโอลีนประกอบการแสดง ซึ่งหาดูยากในสมัยปัจจุบัน และสิ่งที่สาวหวังอีกเรื่องคือเรือใบโบราณที่อดีตกาลชาวบ้านใช้ประกอบอาชีพซึ่งปัจจัยหลายอย่าทำให้หายไป ถ้ามีรักท่องเที่ยวสนใจมากขึ้นสาวเชื่อแน่ว่าชาวบ้านคงมีกำลังใจในการทำอย่างแน่นอน
ก่อนจากหยงสตาร์ ก็พลาดไม่ได้กับของฝากคือกระปิท่าข้ามคะ
หวังว่าบันทึกความทรงจำในครั้งนี้คงเป็นที่เลินเพลินไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่แวะมาทักทายกัน
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก วิกิพิเดีย bg สวยจากญามี่ และรูปเพิ่มเติมจากน้องชมพูที่ไปด้วยกันคะ
Create Date : 16 เมษายน 2552 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2559 18:55:58 น. |
|
37 comments
|
Counter : 5321 Pageviews. |
|
|
|