No.14 ป่าลึก( ผัดถั่วเน่าเม๊อะ(นัตโตะ) น้ำซุปเนื้อกวางฉีกฝอย )
ความเดิมต่อจาก บ้านเล็ก กลางแอ่งดอย
เสียงไก่ป่าร้องดังจากไหล่ดอยฝั่งตรงข้ามบ้านที่เรานอน ปลุกให้เด็กชาย ก่ำกับผมตื่น.
ตลบผ้าห่มขึ้นเก็บพับวางไว้บนหมอน เปิดประตูบ้านหลังน้อยออกไปความ เย็นพรูปะทะหน้าอก เย็นสบาย. ข้างนอกสว่างด้วยแสงจันทร์นวล มอง ไปข้างหน้าริมลำห้วย วันนี้ไม่มีหมอกแต่น้ำในลำห้วยยังไหลอย่างสม่ำ เสมอ.
ออกมานั่งบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ไม่นานดวงจันทร์ค่อย ๆ เลื่อนไปขอบ ฟ้าหรี่แสงลงเหลือเป็นวงกลมขาวนวล แสงอาทิตย์ค่อย ๆ สาดแสงแทน เป็นลำยาวยามส่องผ่านต้นไม้ กระทบกระแสน้ำเป็นประกาย
ตื่นนานแล้วหรือน้ำ.....พี่พะก่อเดินออกมาสมทบ เมิน(นาน)แล้วครับ.... ดวงอาทิตย์งามแต้ ๆ ผมตอบ เออ. วันนี้กินข้าวเช้าแล้วเตรียมตัวไป จับปลากันที่ดอยโน้น พี่พะก่อชี้ ลงไปที่ดอยข้างล่าง.
เตรียมตัวอะหยังพ่อง(ผมพยายามฝึกพูดภาษาว่า เตรียมอะไรบ้าง) ก็ไม่มีอะไรมาก มีแห ข้องใส่ปลา ห่อข้าวเที่ยงคนละห่อก็พอ พี่พะก่อ บอก. วันนี้ก่ำอยู่บ้านเน่อ บ่าต้องไป. ครับป่อ ก่ำจะอยู่บ้าน
เช้านี้ผมทำอาหารทางบ้านแห่งนี้ เป็นถั่วเน่าเม๊อะผัด.... ตั้งหม้อดินเปล่าให้ร้อน เอาถั่วเน่าเม๊อะค่อนข้างแฉะที่ห่อใบตองกล้วย ใส่หม้อดินแล้วปิดฝา จับพริกชี้ฟ้าสี่เม็ด หอมบั่ว(แดง) สี่หัว เกลือตำพอแหลกแล้วไส่ในหม้อ ดินที่ร้อน คนถั่วเน่าที่หอมด้วยไม้ป๊าก(กระจ่า) ไอร้อนพวยพุ่งขึ้นเต็ม หม้อ ตอกไข่ไก่ป่าลูกเล็กใส่ไป สี่ใบ. ตักถั่วเน่าที่ร้อนโป๊ะทับไข่จน ไข่จับแข็งแล้ว จึงคนไปมา จนไข่มีสีขาวปนรวมไปกับถั่วเน่าที่ร้อน. แล้วตักออกใส่จานไม้.
หม้อดินร้อนฉ่า ที่มีถั่วเน่าคั่วตกค้างอยู่บ้าง เดือดดังฟอดแฟด พีพะก่อ ตักน้ำใส่ไปสองกระบวย แล้วปิดฝาเติมฟืนเข้าไปอีก พอไอน้ำพุ่งออก มาเปิดฝา หยิบเนื้อกวางย่างรมคำวันที่ฉีกเป็นฝอย โปรยลงไปไม่มาก น้ำที่เดือดค่อย ๆ ละลายเนื้อกวางให้นิ่มส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วห้องครัว
เราช่วยกันยกไปตั้งบนแค่ไม้ไผ่หน้าบ้านหลังน้อย ตักข้าวใส่จานไม้แต่ละคน น้ำซุบเนื้อกวางตักใส่ชามไม้ที่ขุดเป็นหลุม ลึก. กินกับหอมป้อม(ผักซี) เป็นต้นอ้วนที่ก่ำไปเก็บมาล้างน้ำในห้วย แล้วสลัดจนแห้ง. วิธีการกินก็ไม่ยากเลย ตักถั่วเน่าเม๊อะผัด กินกับข้าวไร่สีออกแดง ยามเคี้ยวข้าวปนกับถั่วเน่า จะออกกลิ่นหอม รสมัน แกล้มกับผักชีที่ หอมอีกแบบ ซดน้ำซุปเนื้อกวางรมควันที่ ออกหวาน หอมกลิ่นควัน ซุบจะร้อน จนต้องเป่าให้คลายร้อน ซดเข้าไป ลำแต้ ๆ (อร่อย)
เออที่พะก่อ... ถั่วเน่าเม๊อะนี้กลิ่นคล้าย นัตโตะจัง อะหยัง(อะไร) นัตโตะ พี่พะก่อถาม ไม่รู้เหมือนกันพี่ คำว่านัตโตะมันลอยออกมาเอง จำไม่ได้ว่ามาจาก ที่ไหน.
เอ..พี่น้ำ สงสัยจะเริ่มจำอะไรได้บ้าง วันก่อนเรียกไม้สัก ว่าไม้ทิค อีกคำก็มี คำว่าพิษณุโลก ก่ำว่าอีกไม่นานพี่คงจำชื่อ ชื่อเมืองที่เคย อยู่ พี่ดีใจไหม ก็ดีใจที่เริ่มจำอะไรได้บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้ที่มาอีกนะแหละ.
หลังกินข้าว ก่ำเอาห่อข้าวกับอาหารมื้อเที่ยงให้ไปกิน ระหว่างไปจับ ปลา. เราสองคนเดินลงดอยไป สองลูก.
โน่น ข้างล่างเห็นทิวน้ำ มีน้ำขังอยู่ จวนถึงแล้วพี่พะก่อบอก ไม่นานนัก เราก็เดินลงดอยไปถึงแอ่งน้ำค่อนข้างใหญ่น่าจะกว้าง ประมาณสองไร่.
แอ่งน้ำกว้างนี้ มีต้นกกกับหญ้าขึ้นขอบ ๆ อ่าง พอเดินลงไปจะเป็น ดินอ่อนนุ่มสีดำ ปลิ้นปูดขึ้นระหว่างซอกเท้า ค่อนข้างเหนียว
เมื่อห้าปีก่อน น้ำในแอ่งนี้น้อยกว่านี้มาก พี่มาหาปลาเห็นกิ่งไม้ตก อยู่มาก หาปลาค่อนข้างยากเลย ลากกิ่งไม้ท่อนไม้ไปไว้ตรงก้อน หินก่อนที่จะน้ำไหลตกลงไป. อีกไม่กี่ปีใบไม้ตะกอนดินก็ตกทับ จนกั้นน้ำไม่ให้ซึมลงไป คือซึมได้น้อย เวลาน้ำจากบนดอยไหล ลงมาก็จะล้นต้นไม้ที่ทับถมไว้ จึงเกิดแอ่งน้ำและมีปลาตกขลัก อยู่ในนี้มากเหมือนกัน.
เอาน้องน้ำลงน้ำช่วยกัน ดึงเศษต้นไม้หญ้าขึ้นบนบก จะได้ทอดแห ได้ง่าย เราสองคนถึงลากขึ้นฝั่งจนมีพื้นน้ำที่ขุ่น กว้างสิบกว่าเมตร แล้วยืนรอบนฝั่ง ไม่นานนักมีปลาผุดขึ้นมาหาอากาศหายใจ
พี่พะก่อจับตรงหัวแหที่ถักยาวเกือบเจ็ดศอก พับไปพับมาจับไว้ ด้วยมือขวา แล้วใช้มือซ้ายจับตาข่ายแหที่เหลือประมาณหนึ่งเมตร พาดไว้ที่ข้อศอกขวาที่ยกขึ้นไม่ให้ล่วงลง แล้วใช้มือซ้ายค่อย ๆ คลี่แหส่วนที่มีโซ่เหล็กถ่วงไว้ให้แยกออกจากกัน แล้วก็รอต่อไป
พอปลากระโดดพุ่งตัวขึ้นผิวน้ำ พี่พะก่อเอี้ยวศอกขวาที่มีแหพาด ไปข้างหลังแล้วเหวี่ยงไปข้างหน้า ดึงมือซ้ายไว้นิดรอให้แหทาง ขวามือไปก่อนแล้วปล่อยมือซ้าย ตัวแหก็พุ่งเป็นวงเกือบกลมจม ในน้ำอย่างรวดเร็ว.
เราลงน้ำไปพี่พะก่อทรุดตัวนั่งลงในน้ำ ใช้มือขวาถึงแหส่วนหัวขึ้น ดึงให้ตึงนิด ประสาทสัมผัสว่ามีปลาวิ่งเข้าชนแหใต้น้ำ พี่พะก่อจัด การลงงมปลา ชูคอไว้บนน้ำ แล้วก็จับปลาคล้ายปลากดคังขึ้นมา แล้วจับใส่ข้องที่แขวนไว้ข้างเอว.
เอ้าน้องน้ำ ลงจับปลา วิธีการจับใช้มือขวาควานไปจนเจอปลาให้ กางฝ่ามือแล้วกดตรงไปที่ตัวปลา ปลานิ่งแล้วใช้มือซ้ายมากด แทน แล้วใช้มือขวาสอดไปใต้แหจับตัวปลา ใช้นิ้วชี้แยกออก จากนิ้วกลางกดตัวปลาให้อยู่ระหว่างกลางบีบหัวแม่มือ เงี่ยงปลา อยู่ระหว่างนิ้ว เงี่ยงจะไม่แทงมือ แล้วค่อย ๆ จับปลาใส่ข้อง
ผมลองทำดู ครั้งแรกเจอตัวปลา ปลาดิ้นหลุดต้องกดใหม่ จนจับ ใส่ข้องได้หลายตัว แต่น้อยกว่าพี่พะก่อมาก.
วันนั้นใช้เวลาทอดแหจับปลาหลายชั่วโมง จนตะวันคล้อยต่ำลง จึงชวนกันหิ้วข้องใหญ่ที่ใส่ปลา กับข้องเล็ก ขึ้นดอยกลับบ้านพัก
พอถึงลำห้วยหน้าบ้าน จัดการเอาข้องปลาแช่ในน้ำใช้ไม้ไผ่ปักไม่ ให้หลุดลอยไป แต่ส่วนบนของข้องให้มีช่องว่างสำหรับปลาขึ้น หายใจ ปลาจะได้ไม่ตาย
หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ กินข้าวเย็นกัน มื้อนี้เด็กก่ำทำอาหาร ง่าย ก็เป็นน้ำพริกชี้ฟ้าเผา ตำกับกระเทียม หอม เกลือใส่ถั่วเน่า แผ่นปิ้งตำเข้าด้วยกัน กินกับยอดผัก หละ(ชะอม) ที่ลวกร้อน
ลำแต้ ๆ เน่อก่ำ ผมชมก่ำ ที่ฟ้งแล้วอมยิ้ม.
หลังจากกินข้าวพักหายเหนื่อย แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วดอย เราก็ลงลำห้วยที่น้ำไหลอยู่ตลอดเวลา
จัดการปลาที่จับมาได้ จะมีปลากดเป็นส่วนใหญ่ มีปลามีเกล็ดปน อยู่บ้างไม่มากนัก จับตัวปลาแล้วก็ ทุบหัวปลาด้วยไม้กลมบน ขอนไม้ข้างริมห้วย ผ่าท้องควักใส้ขี้ปลา ดีปลาที่ขมออกโยนใส่ หม้อดินที่เตรียมไว้ทำปุย. ส่วนปลามีเกล็ดจะเป็นปลาขาวก็ ขอดเกล็ดด้วยมีด ควักท้อง แล้วผ่าแบะออกเหมือนกับปลากด
ก่ำจัดการใส่เปี๊ยด(กระบุง) ที่มีรูเล็กข้างล่างนำปลาไปล้างให้หาย เมือกจนสอาดแล้ว นำไปผึ่งไว้บนตะแกรงไม้ไผ่บนตลิ่งข้างบ้าน หลังน้อยของเรา ให้สะเด็ดน้ำ
คืนนั้น เราอาบน้ำล้างคาวปลา ขูดเกล็ดปลาที่ติดตามขาแขนให้ ลอยน้ำไป ขึ้นบ้านใส่เสื้อผ้าแล้ว
เตรียมตัวนอน เพื่อทำงานตอนเช้าที่พี่พะก่อว่า ไม่หนัก แต่ร้อน
เข้านอนในบ้าน ไม่นานนักก็หลับ ผลอย......ไปด้วยความอ่อน เพลียจากการหาปลา
พรุ่งนี้ค่อยเจอกันอีก ถ้า..............
Create Date : 11 กันยายน 2553 |
|
31 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2555 8:10:04 น. |
Counter : 1754 Pageviews. |
|
|
|