ในประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อนชื้น ปัญหาการติดเชื้อราที่ผิวหนังจัดเป็นปัญหาโรคผิวหนังที่พบบ่อยมากจึงควรจะทำความเข้าใจและรู้จักโรคนี้ให้ลึกซึ้ง เพื่อจะได้สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นเมื่อเป็นโรคนี้ขึ้นมา
เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังมีกี่ชนิด?เราพอจะแบ่งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. ชนิดพื้นผิว เชื้อราพวกนี้จะอยู่เฉพาะในผิวหนังชั้นตื้นๆ เท่านั้น เชื่อที่ทำให้เกิดโรคที่พบบ่อยมี 3 ชนิดคือ
- เชื้อขี้กลากหรือเดอร์มาโตฟัยต์ (Dermatophyte) ทำให้เกิดขี้กลาก เชื้อราที่ขาหนีบ และเชื้อราที่ฝ่าเท้า
- เชื้อเกลื้อน (Tinea versicolour) ทำให้เกิดโรคเกลื้อน
- เชื้อราแคนดิดา (Candida) ทำให้เกิดเชื้อราที่อับชื้น เช่น ขาหนีบ รักแร้ ฯลฯ
2. ชนิดลึก ได้แก่เชื้อราซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในชั้นลึกๆ เชื้อราพวกนี้มีหลายชนิด แต่พบไม่บ่อยนักจึงไม่จำเป็นที่ประชาชนทั่วไปจะรู้จัก
อาการแสดงของการติดเชื้อเดอร์มาโตฟัยต์การติดเชื้อรา
เดอร์มาโตฟัยต์ ทำให้เกิดโรคผิวหนังได้หลายแบบ ที่พบบ่อย คือ
1. เป็นผื่นแดงตามตัว ขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดหรือตุ่มแดงคันที่ขอบซึ่งเรียกว่า
ขี้กลาก2. เป็นขุยๆ ขาวๆ ที่ง่ามนิ้วเท้า หรือฝ่าเท้า บางครั้งเกิดอาการอักเสบเป็นหนองตามง่ามนิ้ว ได้แก่
เชื้อราที่เท้า หรือที่นิยมเรียกกันว่า ฮ่องกงฟูต
3. เล็บผุร่วนเป็นสะเก็ด ซึ่งเรียกว่า
เชื้อราของเล็บ4. ผมร่วมเป็นหย่อมๆ มีสะเก็ดเป็นขุยๆ บริเวณที่ร่วง มักพบในเด็ก เรียกว่า
เชื้อราของหนังศีรษะการวินิจฉัยให้แน่นอนได้อย่างไร?ทำได้โดยการขูดสะเก็ดไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือการเพาะเลี้ยงเชื้อ
ถ้าสงสัยว่าเป็นเชื้อราชนิดเดอร์มาโตฟัยต์จะรักษาอย่างไร?ถ้าเป็นที่ผิวหนังหรือฝ่าเท้า ยาที่ได้ผลดีมากคือยาทาพวก โทนาฟเตต หรือพวก โคลไตรมาโซล ทาวันละ 2-3 ครั้ง ยาเก่าๆ ชนิดอื่นๆ เช่น ขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อน หรือพวก กรดอันดีซัยลินิค นั้นได้ผลไม่ค่อยดีนัก
ควรใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ถ้าหยุดใช้ยาเร็วกว่านี้ อาจจะเกิดเป็นซ้ำๆ ได้ง่ายขึ้น
ส่วนการติดเชื้อราของเล็บหรือของหนังศีรษะนั้น ในขณะนี้ยาทาส่วนใหญ่จะไม่ได้ผล การรักษาต้องกินยา กริสีโอฟุลวิน สำหรับผู้ใหญ่ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร นานประมาณ 6 เดือน สำหรับเชื้อราของเล็บ การรักษาด้วยการกินยานี้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะยานี้เป็นยาที่อาจมีอาการแพ้ หรือเป็นพิษต่อตับได้
มารู้จักเกลื้อนกันเถอะโรคเกลื้อนมักจะพบในวัยหนุ่มสาว บริเวณที่อับเหงื่อ ผิวหนังบริเวณนั้น จะเกิดผื่นซึ่งอาจมีสีได้หลายสี ตั้งแต่สีน้ำตาลจางๆ น้ำตาลแดง ไปจนกระทั่งขาว มักเป็นดวงกลมเล็กๆ ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตร แต่อาจจะมากกว่ากันจนเป็นแผ่นใหญ่ๆ ลักษณะของเกลื้อนในระยะที่เป็นใหม่ๆ ที่สำคัญ คือ ถ้าเราเอาเล็บขูดจะร่วนออกมาเป็นสะเก็ดขาวเป็นขุยๆ
การวินิจฉัยให้แน่นอนทำได้โดยเอาขุยจากผื่นไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
เราจะรักษาเกลื้อนอย่างไร?การรักษาที่สำคัญคือ
1. การใช้ยาทาที่ได้ผล และราคาถูก ได้แก่ น้ำยาโซเดียมไธโอซัลเฟต (ฮัยโป) 20% ทาบางๆ วันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ
2. อย่าใส่เสื้อผ้าที่อับหรือแฉะเหงื่อนานเกินไป ตลอดจนซักและทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ อย่างไรก็ตามในบางคนสามารถที่จะเป็นเชื้อราชนิดนี้ได้ง่ายมาก โอกาสเป็นซ้ำๆ จึงมีได้บ่อย
อาการของการติดเชื้อราแคนดิด้าการติดเชื้อราแคนดิด้า มักพบในบริเวณที่อับชื้น หรือในภาวะที่มีความต้านทานโรคลดลง เช่น เป็นเบาหวาน เราจะพบมีผื่นแดง มีสะเก็ดตรงขอบๆ สะเก็ดเปื่อยยุ่ย บริเวณขอบๆ ของผื่นอาจพบจุดหนองเล็กๆ อยู่ ผื่นเหล่านี้มักจะแสบมากกว่าคัน
นอกจากนี้ เชื้อราชนิดนี้ยังให้เกิดโรคที่พบบ่อยอีก 2 ชนิด คือ
- ติดเชื้อในช่องคลอด เกิดตกขาว และผื่นคันบริเวณอวัยวะเพศ
- ติดเชื้อในปาก เกิดเป็นฝ้าขาวบริเวณเยื่อบุช่องปาก
เราจะรักษาการติดเชื้อราชนิดนี้ได้อย่างไร?การติดเชื้อราบริเวณผิวหนัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาคือ
1. การใช้ยารักษา ยาที่ได้ผลดีได้แก่ ยาทาพวก โครไตรมาโซล หรือยาทา นิสตาติน
2. การดูแลให้ผิวหนังบริเวณนั้นแห้งสะอาด
3. การรักษาสาเหตุ เช่น โรคภายในที่ทำให้ความต้านทานลดลง เช่น เบาหวาน
ผู้เขียน: นพ.นิวัติ พลนิกร
ขอบคุณ หมอชาวบ้าน