กรกฏาคม 2552

 
 
 
13
22
23
 
 
3 กรกฏาคม 2552
All Blog
ริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวาร






ความรู้เรื่องการกดจุดเป็นของเก่าแก่และมีมานานหลายพันปีซึ่งเป็นที่ยอมรับของชาวจีน ศาสตร์แห่งการกดจุดได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะในยุโรป Dr.Frank Bahr ท่านเป็นแพทย์ชาวเยอรมัน เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกดจุดโดยเฉพาะ ท่านได้ศึกษาและเขียนตำราการกดจุดไว้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่ามีประโยชน์ เหมาะสำหรับนำมาเผยแพร่แก่ประชานชนในการดูแลสุขภาพ เพราะการกดจุดก็คือศาสตร์แขนงเดียวกับการฝังเข็มที่เราๆท่านๆรู้จักกันดี แต่กดจุดเป็นการฝังเข็มโดยไร้เข็ม ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเหมือนฝังเข็ม และไม่มีอันตรายใดๆต่อผู้ทำ ถ้าท่านกดได้ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพก็จะได้ผลในการรักษา ทั้งยังช่วยเสริมการรักษาของแพทย์ให้หายเร็วขึ้น แต่ถ้าท่านทำแล้วไม่ได้ผล ก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร


ริดสีดวงทวารเป็นเส้นเลือดขอดที่เกิดขึ้นที่บริเวณทวารหนัก สาเหตุยังไม่ทราบ มักพบว่ามีญาติพี่น้องเป็นด้วย สาเหตุส่งเสริมที่ทำให้เป็น เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง ออกแรงเบ่งอุจจาระมาก การตั้งครรภ์มีก้อนเนื้องอกในท้อง ต่อมลูกหมากโต ตับแข็ง มะเร็งของลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
⇒ อาการ
มีเลือดไหลออกเป็นหยดหลังถ่ายอุจจาระ มักเกิดขึ้นเวลาท้องผูกหรือถ่ายอุจจาระแข็ง โดยมากจะไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างไร บางคนอาจมีอาการคัน ปกติจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่จะเป็นๆหายๆเรื้อรัง น่ารำคาญหรือทำให้วิตกกังวล ถ้ามีอาการอักเสบก็อาจมีอาการเจ็บปวดได้ และถ้ามีเลือดออกเรื้อรัง ก็อาจทำให้ซีดได้
ในคนสูงอายุอาจพบร่วมกับโรคมะเร็งในลำไส้ ดังนั้นถ้าหากพบในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือเป็นๆหายๆ บ่อย ก็ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน


ข้อแนะนำทั่วไปก่อนกดจุด
1. นั่งหรือนอนในท่าที่สบายมือที่จะกดจุดไม่ควรเย็น ถ้าเย็นควรทำมือให้อุ่นก่อนโดยแช่ในน้ำอุ่น หรือใช้ผ้าห่อมือไว้

2. ถ้าท่านมีผิวหนังที่แพ้ง่าย อาจจะใช้โลชั่นหรือแป้งฝุ่นทาบริเวณที่จะกดจุดก่อนลงมือกดจุด

3. ระหว่าทำการกดจุด บางรายอาจจะมีเหงื่อออกมาก ควรให้พักระหว่างการกดจุดได้

4. .ในวันที่อากาศหนาวเย็น เมื่อกดจุดเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกไปนอกบ้านควรสวมเสื้อให้อบอุ่น


ข้อแนะนำก่อนกดจุด
1. การกดจุด หมายถึงการนวดจุดๆนั้นโดยใช้ปลายนิ้วมือที่เล็บสั้น

2. อ่านและดูรูปที่แสดงตำแหน่งการกดจุดให้เข้าใจ แล้วลองกดจุดที่อยู่บนร่างกาย สำหรับจุดที่อยู่บนใบหูอาจจะใช้กระจกส่องช่วยหาจุด หรือวานให้ใครคนใดคนหนึ่งดูจุดนั้นในรูปแล้วชี้ตำแหน่งให้

3. เมื่อท่านกดถูกจุดๆนั้นจะให้ความรู้สึกได้ดีกว่าบริเวณรอบๆ และควรกดจุดให้แรงพอ

4. นิ้วมือที่นิยมใช้กดจุด มักใช้นิ้วชี้ โดยให้ปลายนิ้วมือตั้งฉากกับผิวหนัง และนวดไปตามทิศทางที่ลูกศรชี้ในภาพ นวด (ถู) ออกไปเป็นระยะทาง 1 นิ้ว การนวดควรนวดประมาณ 30 ครั้ง ต่อ 10 วินาที หรือ 70-100 ครั้งต่อนาที

5. จุดบนใบหูอาจจะใช้ปลายนิ้วก้อยหรือปลายดินสอ ปากกามนๆ นวดได้ เพราะบริเวณใบหูเล็กและแคบกว่าร่างกาย

6. การกดจุดตามหลักของจีนได้กำหนดเวลาในการกดแต่ละครั้งไว้ดังนี้
เด็กอายุ 0-3 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด ½-3 นาที
เด็กอายุ 3-6 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-4 นาที
เด็กอายุ 6-12 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-5 นาที
เด็กอายุ 1-3 ปี ใช้เวลากดทั้งหมด 3-7 นาที
เด็กโต ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10 นาที
ผู้ใหญ่ ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10-15 นาที

7. จุดที่กดอยู่บนร่างกาย ควรกดหรือนวดทั้ง 2 ข้างของลำตัว (ร่างกายจะแบ่งเป็น 2 ข้าง คือ ข้างขวาและซ้าย)

8. ระยะต่างๆ ที่ใช้ในการวัด จะวัดจากความกว้างของนิ้วมือของผู้กดจุดเอง


⇒ ตำแหน่งที่กดจุด
จุดที่กดบนร่างกาย







1. จุด “จางเหมิน” (Zhangmen)

วิธีหาจุด : อยู่ตรงใต้ชายโครงซี่ที่ 11 ประมาณ 0.3 ซ.ม. (วิธีหาจุดให้งอข้อศอกแนบที่ข้างลำตัว จุดนี้จะอยู่ตรงใต้ข้อศอกพอดี)
วิธีนวด : นวดทแยงขึ้นบน (ดังรูป)







2. จุด “ชีเฉวียน” (Ququan)

วิธีหาจุด : จุดอยู่บริเวณด้านข้างของข้อพับขาด้านใน
วิธีนวด : นวดขึ้นบน (ดังรูป)








3. จุด “เหว่ยจง” (Weizhong)

วิธีหาจุด : จุดอยู่กึ่งกลางของข้อพับขา
วิธีนวด : นวดลงล่าง(ดังรูป)








4. จุด “ไป่หุ้ย” (Baihui)

วิธีหาจุด : จุดอยู่บนศีรษะ อยู่กึ่งกลางระหว่างใบหูทั้ง 2 ข้าง
วิธีนวด : นวดเข้าหาหน้าผาก(ดังรูป)





กดจุดที่ใบหู
หูขวา : การรักษาที่มีประสิทธิภาพ จะอยู่ที่บริเวณขอบของใบหูส่วนที่พบม้วนเข้า

วิธีหาจุด : จุดจะอยู่บริเวณส่วนต้นของใบหูด้านใน
วิธีนวด : นวดขึ้นไปตามส่วนโค้งของใบหูด้านใน นวดให้แรงพอ(ดังรูป)



หูซ้าย : จุดอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับหูขวา แต่ให้นวดลงล่าง


การรักษา
การกดจุดที่ใบหูจะได้ผลดีกว่าที่ร่างกาย ให้นวดติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 วันๆ 1-2 ครั้ง ๆ ละ 5 นาที แล้วตามด้วยการกดจุดที่ร่างกาย 1 วันสลับกัน
ในรายที่เป็นมาก อาจจะมีการเสียเลือดมาก ท่านควรพบศัลยแพทย์เพื่อผ่าตัดรักษาริดสีดวงทวาร แต่หัวใจของการรักษาอยู่ที่ท่านต้องพยายามอย่าให้มีท้องผูก ซึ่งท่านต้องพยายามกินผัก และผลไม้ให้มากๆ ทุกวัน รวมทั้งดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย

และถ้าท่านเป็นเรื้อรังหรือสงสัยจะมีโรคอื่นร่วมด้วย ท่านควรจะไปโรงพยาบาลเพื่อใช้กล้องส่องตรวจทางทวารหนัก หรือเอกซเรย์ดูลำไส้ใหญ่

ผู้เขียน: ลลิดา อาชานานุภาพ


ขอบคุณข้อมูลดีๆๆจาก หมอชาวบ้าน




Create Date : 03 กรกฎาคม 2552
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 6:47:30 น.
Counter : 3065 Pageviews.

4 comments
  
thank
โดย: mai IP: 10.0.1.238, 58.147.40.122 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:10:46 น.
  
ดี ๆๆๆๆๆๆๆๆ คร่า
ขอบคุณที่ให้ข้อมูล
โดย: วิภาวรรณ IP: 61.7.145.43 วันที่: 19 ธันวาคม 2552 เวลา:13:52:27 น.
  
ข้อมูลดีมากค่ะ สนใจแพทย์แผนทางเลือกมาก
รู้สึกว่าแพทย์แผนปัจจุบันจะรักษาไม่ค่อยหาย และค่อนข้างมีผลข้างเคียงสูงจาการใช้ยาเกินขนาด

อยากเล่าสู่กันฟังเรื่อง ข้อควรระวังในการกินยาที่หมอจ่ายให้ นั้น ควรจะสอบถามเภสัชกรให้ดี เขียนหน้าซองยาให้ชัดเจนว่า ยาไหนรักษาโรคอะไร ถ้าอาการป่วยหายไป สามารถหยุดกินได้ไม่ต้องกินทั้งหมด เช่น ยาพารา ให้กินเมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ แต่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง กินจนหมด 30 เม็ด (หมดซองเลย) อย่างนี้อันตรายต่อตับมาก ดังนั้น ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโรคและยาที่รักเพิ่มเติมด้วย จะดีต่อตนเองมาก

เรื่องกรณีตัวอย่าง :

มีครั้งหนึ่งเจอกรณีหมอไม่ตรวจสอบการให้ยาหรืออาจสอบถามคนไข้ไม่ครบถ้วน ทำให้มีีการให้ยาซ้ำซ้อน กลายเป็นว่าผู้ป่วยมีอาการป่วยเพิ่มขึ้นมาจากโรคเดิม คือ มีอาการทางจิต คลุ้มคลั่ง จิตหลอน เหม่อลอย จึงต้องส่งต่อไปหาหมอจิตเวช สุดท้ายเจอต้นเหตุ
ดังนี้ ... หมอจ่ายยาคลายเครียด 2 ตัว ยานอนหลับ 3 ตัว แต่ชื่อยาคนละชื่อคนละบริษัท ญาติ และคนไข้ ต่างก็อ่านภาษาอังกฤษที่ซองยาไม่ออก รู้แต่ว่าหมอให้กินยาที่ให้ไปให้หมด แล้วก็นัดมาเอายาใหม่ (เป็นกรณีที่ต้องกินยาต่อเนื่อง) ก็เลยกินตามนั้น โดยไม่รู้ว่ามียาอะไรบ้าง คิดแต่ว่ากินให้หมดคอร์ส เท่านั้น กินยาเกินขนาด มานานถึง 1 ปี น่าสงสารเค้ามาก ทรมานแทนคนป่วยและญาติที่ต้องดูแล มาตลอด ทั้งที่วิิธีรักษา ก็คือ.... พอให้คนไข้หยุดยาทุกอย่าง ปรากฎว่าอาการทางจิต หายไปเป็นปลิดทิ้ง จุดใต้ตำตอแท้ๆ เลยค่ะ
โดย: เกด IP: 61.19.68.162 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:17:15 น.
  
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้
โดย: nat IP: 117.47.88.144 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:0:10:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pimpagee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



Smile...Small...Smooth...Smart...

counter
สร้าง Playlist ของคุณได้ที่นี่
New Comments