Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
กันยายน 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 กันยายน 2564
 
All Blogs
 

ภพผูกรัก บทที่ 5/1

บทที่ 5/1
ว่างเปล่าในพริบตา

               รถลีมูซีนสี่ประตูสีขาวคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดกลางลานที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาดัดแปลงเป็นเวทีแสดงของคณะโบราณคดีเรื่องกำเนิดหมอยาตำราโอสถพระนารายณ์[1]แต่มีอันต้องล่มกลางคันเพราะเหตุอาเพศที่เพิ่งเกิดขึ้น
                ร่างระหงภูมิฐานในชุดกระโปรงสูทสีครีมอ่อนก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเดินทางเดินตรงเข้ามายังกลุ่มคนที่รายล้อมรอบบริเวณศาลาริมน้ำอย่างเร่งรีบกระทั่งรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลเข้มหยุดกึกลงต่อหน้าเจ้าของรองเท้าผ้าใบสีดำซอมซ่อทันที
                เพียะ!
                เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้ากร้านแดดของศาสตราจารย์วันชนะ ปริชาติวงศ์ ดังลั่นจนทำให้ผู้คนหันมามองเป็นตาเดียวจากทีท่าหวาด ๆ ก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาเพื่อฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
                “คุณ! ไหนว่าอยู่สิงคโปร์ไง”
                “ลูกหายทั้งคนจะให้ฉันทนอยู่ที่นั่นได้เหรอ ฉันบอกให้คุณดูแลลูก แล้วนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง!”
                “ไม่เอาน่าคุณ!”
                “คุณก็รู้ว่าแกไม่ควรมาที่นี่ แกไม่ควรมา!”
                สิ้นคำผรุสวาท น้ำตาของหญิงแกร่งอย่างรองศาสตราจารย์ดอกเตอร์แพทย์หญิงรัชนี ปริชาติวงศ์ ก็ไหลอาบแก้ม ร่างระหงที่มีความสูงไล่เลี่ยกับบุตรสาวค่อย ๆ ก้มลงกอดตัวเองซวนเซ กระทั่งผู้เป็นสามีเข้าช่วยพยุงแต่นางกลับผลักไสแล้วจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาขึ้งโกรธราวเปลวเพลิงที่พร้อมแผดเผาให้อีกฝ่ายกลายเป็นจุณ
                “อย่าเข้ามาใกล้!”
                “โธ่ คุณนี” วันชนะเสียงอ่อนลง “มันเป็นอุบัติเหตุคุณก็รู้ ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกัน”
                “ทั้งที่หลวงปู่เคยบอกให้ระวัง เราห้ามแกได้แต่คุณกลับไม่!”
                “แล้วคุณเชื่อด้วยหรือ ผมจำได้ว่าคุณไม่เคยเชื่อคำทำนายของพ่อผม”
                รัชนีถึงกับผงะ ดวงตาเรียวรีหรุบลง ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันกลั้นสะอื้นเพราะพูดไม่ออกร้องก็ไม่ได้เพราะเห็นนักข่าวจากหลายสำนักที่บ้างก็รู้ตัวแล้วว่าคนที่มาใหม่มีฐานะเป็นอะไรกับเจ้าของเรือน รัชนีได้แต่หวนนึกถึงคำทำนายที่นางไม่เคยเชื่อและไม่คิดจะเชื่ออีกครั้ง
                “วันใดที่จันทร์ดับทับห้วงวันที่เกิดอาเพศสี่อย่างเมื่อนั้นจักเกิดการผลัดแผ่นดิน ชะตาของแม่หนูน้อยรุ้งตะวันจะพลิกผันมิอาจหวนคืน”
                เป็นไปไม่ได้!
                ไม่จริง!
                “ยายรุ้ง! ยายรุ้งของแม่ กลับมา!”
                ร่ำร้องได้เท่านั้น รัชนีก็เดินแกมวิ่งฝ่าวงล้อมนักข่าวที่ต่างกรูกันเข้ามาด้วยความอยากรู้ที่เห็นอาการของนางด้วยความตื่นตกใจ วันชนะวิ่งตามไปโอบร่างสั่นเทาเอาไว้แนบอกก่อนที่นางจะกระโดดลงไปในคลองที่นักประดาน้ำกำลังงมหาร่างรุ้งตะวัน
                “ปล่อย! ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปตามลูก!”
                “อย่า! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจกับกู้ภัยเถอะ” วันชนะติง สีหน้าไม่คลายวิตกและยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อมองไปในกระแสน้ำแล้วเห็นนักประดาน้ำคนหนึ่งโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเพียงลำพังและโบกมือให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนฝั่ง
                 ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันกับการคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง...
                 “ทำไมไม่เจอ!”
                  พลันรัชนีเกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงอย่างควบคุมไม่อยู่กระทั่งผู้เป็นสามีต้องพยุงให้นั่งลงแล้วเอ่ยปราม
                  “น้ำนิ่งแบบนี้เดี๋ยวคงเจอตัวลูก คุณอย่าเป็นกังวลไปเลย”
                  “นี่มันกี่ชั่วโมงแล้ว คิดว่าฉันจะเชื่อคุณ?” นางว่าพลางผละออกจากร่างคล้ำแดดที่ทั้งเตี้ยและมอมแมมจนแทบไม่มีเค้าความเป็นศาสตราจารย์หลงเหลือ ดวงหน้าเรียบเนียนเพราะฉาบเครื่องสำอางหนากระตุกยิ้มเยาะอีกฝ่ายทั้งน้ำตาทันที “คุณเป็นคนทำให้ลูกต้องมาข้องแวะกับวิชาบ้าบอพวกนี้ หากลูกไม่ตามรอยคุณแกก็คงไม่ต้องมาที่นี่ ป่านนี้คงไปเรียนต่ออเมริกาไปแล้ว”
                 “คุณจะโทษผมอีกแล้วสินะ”
                 “ก็ใช่นะสิ เพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว”
                 รัชนีเป็นอาจารย์แพทย์แผนปัจจุบันที่มีคนนับหน้าถือตามากมายจ้องตาสามีที่เป็นทั้งแพทย์แผนไทยและศาสตราจารย์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทันใดนักข่าวหลายสำนักก็กรูกันเข้ามาหาทั้งสองแล้วจ่อไมค์ถามทันที
                “อาจารย์คะ รู้สึกยังไงที่ลูกสาวคนเดียวต้องมาประสบอุบัติเหตุแบบนี้คะ”
                “แล้วจะทำยังไงต่อไปคะ”
                “ไม่รู้!” นางตอบน้ำเสียงขุ่นมัวพลางตวัดหางตามองอีกฝ่ายแล้วตวาดซ้ำ “นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามว่าฉันต้องรู้สึกยังไงที่ลูกหายหรอกนะ”
                “คุณ! พูดกันดี ๆ ก็ได้” วันชนะปราม
                “พูดดี ๆ แล้วจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่อย่างฉันไหม”
                นักข่าวสาวคนเดิมมองสองสามีภรรยาสลับกันไปมาแต่ก็ยังอาจหาญถามต่อ “เอ่อ... ดิฉันทราบมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดอุบัติเหตุกับผู้ที่จะมารับบทนี้ถึงสองคนจนกระทั่งลูกสาวคุณเป็นคนที่สาม ไม่ทราบว่านี่ใช่อาถรรพ์ของบ้านเรือนไทยที่เค้าว่ากันรึเปล่าคะ”
               “ฉันจะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็ถามเขาสิ” นางโบ้ยให้สามีที่ไม่ได้อย่างใจทันที
               “ผมว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะคุณนักข่าว อย่าเพิ่งถามอะไรภรรยาผมตอนนี้เลย”
               “แต่ว่า...”
               “ถือว่าขอร้อง” วันชนะปรามเมื่อเห็นว่าเรื่องจะบานปลายจึงรีบพยุงรัชนีให้ออกจากจุดนั้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหยุดความโกลาหลได้
               “แต่ว่าอาจารย์คะ เรื่องนี้เกี่ยวกับอาถรรพ์เรือนไทยหลังนี้ไหมคะ”
                ไม่แคล้วที่นักข่าวสาวจะจ่อไม่ค์ถามอีก จนกระทั่งรัชนีผลักสามีออกแล้วย่างสามขุมเข้าหานักข่าวสาว ใครคนหนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมเสียงทรงพลัง
               “หยุดก่อนครับทุกคน!”
               ทินพัฒน์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาห้ามปรามจนเหล่านักข่าวพากันล่าถอยเพราะเห็นทีท่าขึงขังที่พร้อมมีเรื่องทุกเมื่อหากถูกคุกคาม กระนั้นก็ยังมีหน่วยกล้าตายอยู่หนึ่งคนที่พุ่งตัวเข้าประกบทันที
               “พี่ทินบอกน้องหน่อยสิว่าเรื่องเป็นไงมาไงกันแน่”
               ทินพัฒน์ชะงักกึก มือกำหมัดแน่นไม่พอยังส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้พร้อมคำพูดทุ้มห้วน “นิล”
              “ก็นิลน่ะสิ ขอข่าวหน่อยนะพี่ทิน นะ”
              ทินพัฒน์มองหญิงสาวสลับกับบุพการีทั้งสองของรุ้งตะวันอย่างหวาดๆ เขามีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้และต้องทำเดี๋ยวนี้ จึงลากนิลสีออกห่าง
                 “โอ๊ย! พี่ทิน นิลเจ็บนะ” หญิงสาวโอดครวญลั่น
                 ชายหนุ่มจึงเข่นเขี้ยวกระซิบตอบ “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามาทำข่าวภาพงานละครเวทีได้ แต่อย่ามาอาศัยความเป็นน้องสาวสินีมาหาข่าวอุบัติเหตุคุณรุ้งแถวนี้”
                 “โธ่! แต่นี่มันเรื่องใหญ่นะคะ”
                 “ก็ใหญ่นะสิ ยิ่งไม่ได้”
                 “แต่พี่ทินแค่ลำดับเหตุการณ์ให้น้องนุ่งหน่อยไม่ได้เหรอ”
                 “ไม่ได้” ทินพัฒน์ตวาด
                 นิลสีถึงกับหน้าถอดสี ดวงตาหลุกหลิกคอยมองหาร่องรอยแหล่งข่าวที่จะสามารถหาได้แล้วก็ได้แต่ย่นจมูกเพราะทุกคนต่างกำลังยุ่งอยู่กับการหายตัวของรุ้งตะวัน
                อาจารย์หนุ่มส่ายหน้าระอายีผมนักข่าวสาวรุ่นก่อนถอนหายใจหนักหน่วงบอก “อย่าเพิ่งวิญญาณนักข่าวเข้าสิงตอนนี้เลย เอาไว้รอตำรวจแถลงข่าวอีกที เราต้องนึกถึงหัวอกพ่อแม่รุ้งตะวันบ้าง”
                “ค่ะ นิลได้ยินมาว่าคนนี้พี่ทินคั่วอยู่จริงไหม”
                “นิลสี! อย่าพูดพล่อย ๆ” ทินพัฒน์โพล่งสีหน้าขึงขังทันที
                “ก็จริงนี่คะ ไม่งั้นจะเลือกเรือนไทยของเด็กคนนี้ทำไมในเมื่อพี่ก็หาโลเคชั่นหลักได้ก่อนที่นี่แล้วด้วยซ้ำ”
                 ทินพัฒน์อึกอักพูดไม่ออก ทันใดโสภิตาก็เดินแกมวิ่งผ่านทินพัฒน์กับนิลสีเข้ามาหารัชนีกับวันชนะ ดวงหน้าอวบอิ่มแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแต่ก็มีแก่ใจไปตามหาคนคนหนึ่งตามคำบอกของคนในพื้นที่เพื่อจะให้ช่วยหาตัวรุ้งตะวันอีกแรง
                 “มาแล้วค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูพาคนมาช่วยหายายรุ้งอีกแรงแล้วค่ะ”
                 “คนนี้นะหรือหนูเพิ้ง” วันชนะถามพลางจ้องอีกฝ่ายศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะเหลียวหาโสภิตาและได้คำตอบคือรอยยิ้มแห้ง ๆ จากสาวอวบตอบแทน
                  “ค่ะ นี่คืออาจารย์ทองหมอดูชื่อดังประจำตำบลเลยนะคะ เขาว่ากันว่าแม่นเหมือนจับวางด้วยค่ะ”
                  บุพการีทั้งสองของรุ้งตะวันต่างมองหน้ากันด้วยความอึดอัดไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีเพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายวัยกลางคนอายุอานามน่าจะประมาณห้าสิบปลาย ผมเผ้ายาวยุ่ง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อคอกลมกระดุมหน้าผ้าป่านหยาบกับกางเกงเลสีขาวขายาวรองเท้าแตะสีดำขมุกขมอม ที่คอแขวนลูกปะคำเม็ดเท่าหัวแม่มือสลับกับวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะคล้าย ๆ กระดูกห้อยเต็มแผงคอราวกับองคุลีมาล  ท่าทางของหมอดูคนดังทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างมองกันและกันไปมาอย่างไม่มั่นใจเพราะไม่รู้ว่าดีหรือเพี้ยนกันแน่
                อาจารย์ทองมองเมินเดินปลีกตัวไปที่ท่าน้ำแล้วยืนพนมมืออยู่อย่างนั้นเนิ่นนานไม่สนใจใครทำให้รัชนีถอนใจก่อนหันมาบอกสามีและทินพัฒน์อย่างคนตัดสินใจได้
               “เอ่อ... ฉันว่าเราอย่าเสียเวลาเลย ฉันจะจ้างทีมประดาน้ำจากกรุงเทพมาช่วยกู้ภัยอีกแรง ถึงตอนนี้ไม่ได้ชีวิตก็ขอให้ได้ร่างลูกกลับคืนมาทำพิธีก็ยังดี” รัชนีเสียงสั่นอย่างคนปลงตก
                “ไม่ต้อง!” อาจารย์ทองส่งเสียงตวาดมา
                “เอ๊ะ!” รัชนีถลึงตาใส่ทันทีที่ถูกห้ามปรามจึงตอบไปด้วยคำพูดถือดี “ฉันไม่รอแล้วจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน จะให้ฉันงอมืองอเท้ารอความหวังโดยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง”
                 “หาไปก็ไม่มีประโยชน์” ทองว่าพลางส่ายหน้า
รัชนีฉุนกึกโพล่งขึ้น “หากช่วยเหลืออะไรไม่ได้ก็กลับไปเถอะอาจารย์”
                  “อย่าชักใบให้เรือเสียสิคุณ” วันชนะปราม
                  “แล้วจะไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงล่ะคุณ!”
                  “ผมว่าตามที่คุณแม่บอกก็ดีเหมือนกับครับอาจารย์”
                  ทินพัฒน์ช่วยพูดกับวันชนะเพราะเห็นเป็นอื่นไม่ได้อีกแล้วว่านอกจากรุ้งตะวันจะหายตัวได้ ไม่มีทางไหนเลยที่หญิงสาวจะรอดชีวิตกลับมาได้เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงแบบนี้
                  เพราะอิทธิพลจากสุริยุปราคาแน่!
                  เขาเห็นกับตาแม้ว่าดวงจันทร์จะไม่บดบังดวงอาทิตย์แม้สักกระผีกลิ้นเพราะรายงานการเกิดคลาสนั้นเกิดขึ้นไกลถึงสหรัฐอเมริกาและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในไทย แต่ช่วงเวลาเดียวกันท้องฟ้าเหนือเรือนไทยกลับแดงฉานดังเลือดนก น้ำที่นิ่งสนิทเกิดปั่นป่วนรุนแรงราวกับทะเลคลั่ง      พริบตานั้นร่างของรุ้งตะวันที่กระโจนดำดิ่งเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์คือฉากล่มเรือก็ไม่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกเลย
 
[1] ตำรับยาพระโอสถพระนารายณ์ : คัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ ตำรับยาแผนไทยของชาติเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่หลงเหลือมาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย รวบรวมขึ้นในสมัยสมเด็จพระนายณ์มหาราข

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พ่อกับแม่รุ้งออกโรงแล้ว ใครจะแรงกว่ากันก็ไม่รู้ค่ะ อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า 


 




 

Create Date : 22 กันยายน 2564
20 comments
Last Update : 22 กันยายน 2564 0:05:51 น.
Counter : 1179 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอพีย์, คุณRain_sk, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmultiple, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtuk-tuk@korat, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณSertPhoto, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณมยุรธุชบูรพา, คุณ**mp5**, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณkae+aoe, คุณชีริว

 

เจิมๆๆ
ความเดิม..
รุ้งตะวัน..เล่นละคร
เป็นStunman/Stand in เล่นบทนักโทษชายตกน้ำ

แล้ว วาปไปโผล่ในภพนู้น
บังเอญท่านจมื่นฯ นั่งเรือจะเข้าท่า
ได้กระโดดช่วย..น้องรุ้งไว้(โดยงงๆในรูปร่างหน้าตาและคำพูดที่เพ้อออกมา)

ย้อนมาบทที่5/1 ที่ปัจจุบัน กำลังวุ่นวาย
งมหาน้องรุ้งอยู่..
ตื่นเต้นๆวนไป..

*แหม!! หนุกหนานๆจังค่ะน้องนุ่นคนเก่ง*

 

โดย: เริงฤดีนะ 22 กันยายน 2564 6:02:51 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

คำถามนักข่าวนี่
สมควรโดนด่าจริงๆครับ
พี่ก๋าเห็นนักข่าวหลายคนแล้วชอบถามแบบนี้
"รู้สึกยังไง ?" ถามคนสูญเสียได้ยังไง

แม่รุ้งน่าจะเป็นคนแรงมากนะครับ
ดูอารมณ์ร้อนมากๆเลย

 

โดย: กะว่าก๋า 22 กันยายน 2564 6:57:47 น.  

 

"พ่อกับแม่รุ้งออกโรงแล้ว ใครจะแรงกว่ากันก็ไม่รู้ค่ะ"

ตอบ แม่รุ้ง ค่ะ อิอิ
แค่เจอกันก็ซัดเผียะ ฝ่ามือพิฆาตใส่พ่อแล้ว 555

กำลังสนุก จบตอนอีกแล้ว ... ขัดใจคนอ่านจริง ๆ เล้ยยย
คราวหน้าขอยาวกว่านี้หน่อยน้าาา

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 22 กันยายน 2564 8:28:29 น.  

 

แหมๆๆแล้วก็ แหม ป้านี มาถึงก็ตบหน้า ลุงวัน ซะฉาดนึง หน้าสั่นเลือดกลบปากขนาดนี้

ถ้า อ.เต๊ะ เป็นลุงวันละก็ มีจูบคืนให้ปากเบี้ยวเล้ยยย
แหมๆไม่ได้ดั่งใจเลย ถ้ายังตบอีก ก็จูบอีก ตบจูบๆๆๆ วนไป อิอิ

น้องพิมมาศบอก เดี๊ยะๆ นิยายข้าไม่ใช่ จำเลยรัก ของอาเปี๊ยก ว้อย แล้วเอ็งว่า ข้าเขียนให้ จูบแบบ french kiss จะดีมั้ย เย้ย ไอ้บร้า 555

แล้วฉากเรือล่ม อันตรายแบบนี้ ทีมงานประมาทมาก
น่าจะเตรียมรถร่วมกตัญญู เอ๊ย ทีมนักประดาน้ำมา standby เอาไว้
เรื่องนี้ต้องโทษ คนแต่ง สถานเดียว อิอิ

น้องพิมมาศ ตาเขียวปั๊ด บอก เออ ถ้ารุ้งไม่จมน้ำหาตัวเจอ
แล้วข้าจะเขียนต่อ ให้ข้ามภพไปได้ไง
เอ็งลองคิดดู หัวเอ็งน่ะ อย่าเอาไว้คั่นหูเฉยๆ เดี๊ยะๆ 555

แล้วก็ อาจารย์หนุ่ม กับ นักข่าวสาว นี่ อ.เต๊ะดูอาการแล้ว ชักจะยังไงๆอยู่นะเนี่ย มีการยีผม กันด้วย ถ้าน้องเค้าเป็นเหาก็ว่าไปอย่าง 555

ชอบคาเรกเตอร์หมอดูมาก มันต้องอย่างนี้แหละ ถึงจะขลัง
ถ้าจะให้ดี ต้องวงสายสิญจน์ ทำพิธีที่ท่าน้ำซะหน่อย
ขณะกำลังบริกรรมคาถา แม่รุ้งก็ชักกะตุก ลุกขึ้นมารำเทียนส่องฟ้า
แล้วพูดเป็นเสียงคนแก่ ว่า ข้าหิววว ขอลาบเลือด ซกเล็ก
เสือร้องไห้ ส้มตำปูปลาร้า 2 ต่อน 555

น้องพิมมาศ กลืนน้ำลายเอื๊อก บอก
ข้าขอเพิ่มตำผลไม้รวมด้วย ข้าเปรี้ยวปาก เย้ย นั่นมันเรื่อง ปอบหยิบแล้ว ว้อย เอ็งอย่ามั่ว 555

ปล.ที่เคยเห็นตามบล็อกเพื่อนๆ สมัยนั้น คือ อ.เต๊ะ ไปมั่วกินปากมัน เฉยๆ สาวๆเค้าก็นินทาเพื่อนบล็อกไป เอ๊ย คุยกันไป อ.เต๊ะก็ฟาดลูกเดียวจ้า555







 

โดย: multiple 22 กันยายน 2564 9:41:15 น.  

 

อ่านตอนนี้สนุกมากกว่าทุกตอนเลยนะครับ
เห็นนักข่าวสัมภาษณ์ครอบครัวรุ้งตะวัน แล้วนึกถึงนักข่าวช่องนึงเลยนะครับ ที่ชอบสัมภาษณ์แบบนี้ตลอด
ตอนต่อไปผมว่าต้องสนุก และลุ้นระทึกอีกแน่นอนใช่มั๊ยครับ

 

โดย: The Kop Civil 22 กันยายน 2564 14:22:30 น.  

 

สุข ทุกข์ในชีวิตเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆครับ
ไม่มีใครหนีได้จริงๆ
สุขๆทุกข์ๆกันอยู่แบบนี้นี่ล่ะครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 22 กันยายน 2564 22:55:06 น.  

 

กลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก ชอบตอนนี้ที่สุด ตัวละครหลากหลายแสดงตัวตนออกมาดีครับ (โดยเฉพาะนักข่าว) ^_^

 

โดย: มยุรธุชบูรพา 23 กันยายน 2564 0:00:07 น.  

 

ส่งกำลังใจก่อนค่ะน้องนุ่น

 

โดย: Sweet_pills 23 กันยายน 2564 0:31:04 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

 

โดย: กะว่าก๋า 23 กันยายน 2564 6:54:55 น.  

 

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

 

โดย: **mp5** 23 กันยายน 2564 8:33:47 น.  

 

เดาว่าเหตการณ์ที่ทำให้รุ้งวาร์ปไปตอนเรือล้ม ต้องเป็นPerfect condition ไอ่นั่นไอ่นี่มาครบพอดิบพอดีเลย เกมส์เลยครับ วาร์ปไปโน้นนนนน

เข้าใจเลยครับว่าทำไมคุณหมอแม่ของรุ้งถึงกังวล นั่งไม่ติด ลูกหายทั้งคน จะให้กู้ภัยหาอย่างเดียวก็คงไม่อุ่นใจ ร้อนใจแน่นอนครับ
พ่อแม่รุ้งออกโรงมาแล้ว จะเป็นยังไงบ้างนะ คุณแม่ดูทีแรกน่าจะเป็น working woman แน่นอน แถมยังสวย หุ่นดีไม่แพ้ลูกสาวซะด้วย ผิดกับตำแหน่งทางวิชาการเลยครับ รศ. ดร. พญ. โอ้ยยยย แค่จำแหน่งก็ย่อยาวแล้ว 555555 จิตนาการไว้ว่าต้องเป็นสาวเนิร์ดแว่นหามีอายุบนใบหน้าชัดเจน แต่ดันเป็นคุณแม่ยังสาว แบบนี้ต้องสมัครเป็นแฟนคลับคุณแม่แล้วครับ

แต่นักข่าวสาวชื่อนิลนี่น่าจะเป็นสายน่ารัก อ้อล้อน่าดู แบบนี้อยากได้ข่าวอะไร ต้องมีคนส่งให้แน่นอนเลยครับ เป็นผมผมก็ให้งาน 55555
หรืออาจจะต้องรอมีจัทรุปราคาก็ได้ครับ รุ้งถึงจะวาร์ปกลับมาได้อีกครับ


จากบล๊อก
ทุกวันนี้ผมกับพี่ที่เคยดีลงานให้ยังมีเฟซบุ๊คกันอยู่ ยังเห็นพี่เค้าโพสงานอยู่เลย แต่ที่ชอบคือชอบเข้าไปดูคนที่ส่งโพสไฟล์มาให้ครับ สวยๆ ทั้งนั้น 55555

แบ่งสี แบ่งมหาลัย เวลาสมัครงานนี่ผมเดือดมาก ตอนนั้นเหมือนถูกเรียกไปตบหน้ากลางสี่แยก บอกร่นน้องต่อเลยครับว่า อย่ามา
จริง มีช๊อตต่อจากนั่นนะครับ ตอนเค้าถามผมว่า มีเพื่อนเกียรตินทยมไหม ผมตอบไปว่า "มีครับ แต่เค้าไม่มาครับ" แล้วยิ้มๆ ก้มๆ หัวว่าผมไปก่อนนะ(จ๊ะ) 555555

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 23 กันยายน 2564 16:35:23 น.  

 

เริ่มแรงขึ้นแล้ว....แหะ ๆ ทำให้ผมนึกถึง นักร้องหญิงที่ผันตัว
มาแสดงละครดังกว่าร้องเพลง

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 24 กันยายน 2564 6:44:10 น.  

 

สนุกค่ะน้องนุ่น คุณแม่รุ้งตะวันเปิดตัวมาอย่างสง่างามและแอบแรงด้วยนะคะ
อาจารย์ทองมาช่วยอีกแรง น่าติดตามต่อมากๆค่ะว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ

ฝันดีคืนนี้นะคะ

 

โดย: Sweet_pills 25 กันยายน 2564 0:20:28 น.  

 

คุณนุ่นได้กินต้มยำไก่หรือยังคะ

 

โดย: sawkitty 25 กันยายน 2564 14:31:17 น.  

 

อ.เต๊ะ ตามมานินทาแม่น้องรุ้งต่อ เย้ย 555
เท่าที่พบเจอ ด็อกเตอร์ผู้หญิง วัยประมาณนี้มานี่
คือ อ.เต๊ะ สอนหลายมหาลัย เคยสอนคู่กับ ด็อกเตอร์ผู้หญิงวัยประมาณนี้มาแยะ น่ากลัวมากทั้งบุคลิกและความคิด
ส่วนใหญ่จะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
ไม่สนใจความเห็นของใครทั้งสิ้น พอให้สอนเองก็สอนไม่ได้ คือแกอาจจะเก่งจริง แต่ไม่มีเทคนิคการพูด การสอน เด็กนั่งน้ำลายยืด หลับเป็นแถว

ไม่เหมือน อ.เต๊ะ ที่แสนจะเจ้าเล่ห์ เอ๊ย ลูกล่อลูกชนแยะ
เอาอยู่หมด 555

ปล.น้องนุ่น หรือ น้องพิมมาศ คนไหนที่งานยุ่ง555
ไม่เหมือน อ.เต๊ะ กลับ ว้าง ว่าง หายใจทิ้งตลอดเวลาเลยละครับ 555

 

โดย: multiple 26 กันยายน 2564 15:14:09 น.  

 

ไม่รู้ว่านักข่าวประเทศอื่นเป็นอย่างไร แต่นักข่าวในไทยชอบถามแบบนี้จริงๆ คือ คนที่ถูกถามเขาจะตอบมั้ยอะว่า ดีใจมากเลย หรือสมหวังจนได้ ผมมองว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถาม หรืออย่างคำถามที่ว่า ต่อไปจะทำอย่างไร คือ พวกเขาต้องการคำตอบอย่างไร หรือคาดหวังให้ตอบยังไง

มาอ่านคราวนี้รู้สึกไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องตรงๆ แต่อยากด่านักข่าวครับ มันก็สะท้อนถึงสังคมเราจริงๆ ที่นักข่าวถามคำถามลักษณะนี้ ซึ่งในความเป็นจริงมันมีให้เห็นตามช่องข่าวทั่วไป

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 26 กันยายน 2564 17:08:10 น.  

 

น้องนุ่นจะไปต่างจังหวัดขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ
ขอบคุณน้องนุ่นมากเลยค่ะสำหรับกำลังใจให้พี่ต๋า
และส่งไปถึงน้องสาวพี่ต๋าด้วย

ฝากกราบสวัสดีคุณแม่น้องนุ่นด้วยนะคะ

ฝันดีคืนนี้ค่ะน้องนุ่น

 

โดย: Sweet_pills 27 กันยายน 2564 0:40:50 น.  

 

"ว่างเปล่าในพริบตา" อิอิ

อารมณ์นี้เลยค่ะ คือนึกว่าคุณนุ่นอัพบล็อกใหม่
แต่มาแล้วคือ ... ว่างเปล่าในพริบตา 555
ไม่เป็นไรจ้า FC รอด้ายยยย

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 27 กันยายน 2564 8:21:47 น.  

 

ชะแวปมาเยี่ยมค่ะ
เผื่อน้องนุ่น จะ up ตอนใหม่
ช่วงนี้ฝนตกทั่วไทย..
รักษาสุขภาพด้วยนะคะน้องนุ่น

 

โดย: เริงฤดีนะ 27 กันยายน 2564 20:50:26 น.  

 

กลับมาอ่านย้อนจ้า อุบัติเหตุทางน้ำช่วงน้ำเยอะๆแบบนี้ต้องระวังเลยครับ
ที่อยุธยาดูคลิปเรือล่มที่วัดพนัญเชิงแล้วสลดใจ ป้ากับลุงอยู่บนเรือที่ค่อยๆคว่ำลงไปเลย ศพลุงไปเจอที่สะพานปิ่นเกล้า ไกลจากจุดเรือล่ม 80 กม. ได้ น้ำแรงมากๆเลยครับ ส่วนศพป้ายังไม่เจอเลย

งานนี้ระดมมาทั้งนักประดาน้ำและอาจารย์หมอ คิดถึงเคสหมูป่าติดถ้ำ อันนั้นหมอผีไร้ประโยชน์มาก แต่อันนี้น่าจะกลับกัน อิอิ

 

โดย: ชีริว 4 ตุลาคม 2564 22:23:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.