|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภพผูกรัก บทที่ 5/1
บทที่ 5/1 ว่างเปล่าในพริบตา รถลีมูซีนสี่ประตูสีขาวคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดกลางลานที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาดัดแปลงเป็นเวทีแสดงของคณะโบราณคดีเรื่องกำเนิดหมอยาตำราโอสถพระนารายณ์[1]แต่มีอันต้องล่มกลางคันเพราะเหตุอาเพศที่เพิ่งเกิดขึ้น ร่างระหงภูมิฐานในชุดกระโปรงสูทสีครีมอ่อนก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเดินทางเดินตรงเข้ามายังกลุ่มคนที่รายล้อมรอบบริเวณศาลาริมน้ำอย่างเร่งรีบกระทั่งรองเท้าส้นสูงสีน้ำตาลเข้มหยุดกึกลงต่อหน้าเจ้าของรองเท้าผ้าใบสีดำซอมซ่อทันที เพียะ! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้ากร้านแดดของศาสตราจารย์วันชนะ ปริชาติวงศ์ ดังลั่นจนทำให้ผู้คนหันมามองเป็นตาเดียวจากทีท่าหวาด ๆ ก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาเพื่อฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “คุณ! ไหนว่าอยู่สิงคโปร์ไง” “ลูกหายทั้งคนจะให้ฉันทนอยู่ที่นั่นได้เหรอ ฉันบอกให้คุณดูแลลูก แล้วนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง!” “ไม่เอาน่าคุณ!” “คุณก็รู้ว่าแกไม่ควรมาที่นี่ แกไม่ควรมา!” สิ้นคำผรุสวาท น้ำตาของหญิงแกร่งอย่างรองศาสตราจารย์ดอกเตอร์แพทย์หญิงรัชนี ปริชาติวงศ์ ก็ไหลอาบแก้ม ร่างระหงที่มีความสูงไล่เลี่ยกับบุตรสาวค่อย ๆ ก้มลงกอดตัวเองซวนเซ กระทั่งผู้เป็นสามีเข้าช่วยพยุงแต่นางกลับผลักไสแล้วจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาขึ้งโกรธราวเปลวเพลิงที่พร้อมแผดเผาให้อีกฝ่ายกลายเป็นจุณ “อย่าเข้ามาใกล้!” “โธ่ คุณนี” วันชนะเสียงอ่อนลง “มันเป็นอุบัติเหตุคุณก็รู้ ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกัน” “ทั้งที่หลวงปู่เคยบอกให้ระวัง เราห้ามแกได้แต่คุณกลับไม่!” “แล้วคุณเชื่อด้วยหรือ ผมจำได้ว่าคุณไม่เคยเชื่อคำทำนายของพ่อผม” รัชนีถึงกับผงะ ดวงตาเรียวรีหรุบลง ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันกลั้นสะอื้นเพราะพูดไม่ออกร้องก็ไม่ได้เพราะเห็นนักข่าวจากหลายสำนักที่บ้างก็รู้ตัวแล้วว่าคนที่มาใหม่มีฐานะเป็นอะไรกับเจ้าของเรือน รัชนีได้แต่หวนนึกถึงคำทำนายที่นางไม่เคยเชื่อและไม่คิดจะเชื่ออีกครั้ง “วันใดที่จันทร์ดับทับห้วงวันที่เกิดอาเพศสี่อย่างเมื่อนั้นจักเกิดการผลัดแผ่นดิน ชะตาของแม่หนูน้อยรุ้งตะวันจะพลิกผันมิอาจหวนคืน” เป็นไปไม่ได้! ไม่จริง! “ยายรุ้ง! ยายรุ้งของแม่ กลับมา!” ร่ำร้องได้เท่านั้น รัชนีก็เดินแกมวิ่งฝ่าวงล้อมนักข่าวที่ต่างกรูกันเข้ามาด้วยความอยากรู้ที่เห็นอาการของนางด้วยความตื่นตกใจ วันชนะวิ่งตามไปโอบร่างสั่นเทาเอาไว้แนบอกก่อนที่นางจะกระโดดลงไปในคลองที่นักประดาน้ำกำลังงมหาร่างรุ้งตะวัน “ปล่อย! ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปตามลูก!” “อย่า! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจกับกู้ภัยเถอะ” วันชนะติง สีหน้าไม่คลายวิตกและยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อมองไปในกระแสน้ำแล้วเห็นนักประดาน้ำคนหนึ่งโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเพียงลำพังและโบกมือให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนฝั่ง ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันกับการคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง... “ทำไมไม่เจอ!” พลันรัชนีเกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงอย่างควบคุมไม่อยู่กระทั่งผู้เป็นสามีต้องพยุงให้นั่งลงแล้วเอ่ยปราม “น้ำนิ่งแบบนี้เดี๋ยวคงเจอตัวลูก คุณอย่าเป็นกังวลไปเลย” “นี่มันกี่ชั่วโมงแล้ว คิดว่าฉันจะเชื่อคุณ?” นางว่าพลางผละออกจากร่างคล้ำแดดที่ทั้งเตี้ยและมอมแมมจนแทบไม่มีเค้าความเป็นศาสตราจารย์หลงเหลือ ดวงหน้าเรียบเนียนเพราะฉาบเครื่องสำอางหนากระตุกยิ้มเยาะอีกฝ่ายทั้งน้ำตาทันที “คุณเป็นคนทำให้ลูกต้องมาข้องแวะกับวิชาบ้าบอพวกนี้ หากลูกไม่ตามรอยคุณแกก็คงไม่ต้องมาที่นี่ ป่านนี้คงไปเรียนต่ออเมริกาไปแล้ว” “คุณจะโทษผมอีกแล้วสินะ” “ก็ใช่นะสิ เพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว” รัชนีเป็นอาจารย์แพทย์แผนปัจจุบันที่มีคนนับหน้าถือตามากมายจ้องตาสามีที่เป็นทั้งแพทย์แผนไทยและศาสตราจารย์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทันใดนักข่าวหลายสำนักก็กรูกันเข้ามาหาทั้งสองแล้วจ่อไมค์ถามทันที “อาจารย์คะ รู้สึกยังไงที่ลูกสาวคนเดียวต้องมาประสบอุบัติเหตุแบบนี้คะ” “แล้วจะทำยังไงต่อไปคะ” “ไม่รู้!” นางตอบน้ำเสียงขุ่นมัวพลางตวัดหางตามองอีกฝ่ายแล้วตวาดซ้ำ “นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามว่าฉันต้องรู้สึกยังไงที่ลูกหายหรอกนะ” “คุณ! พูดกันดี ๆ ก็ได้” วันชนะปราม “พูดดี ๆ แล้วจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่อย่างฉันไหม” นักข่าวสาวคนเดิมมองสองสามีภรรยาสลับกันไปมาแต่ก็ยังอาจหาญถามต่อ “เอ่อ... ดิฉันทราบมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดอุบัติเหตุกับผู้ที่จะมารับบทนี้ถึงสองคนจนกระทั่งลูกสาวคุณเป็นคนที่สาม ไม่ทราบว่านี่ใช่อาถรรพ์ของบ้านเรือนไทยที่เค้าว่ากันรึเปล่าคะ” “ฉันจะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็ถามเขาสิ” นางโบ้ยให้สามีที่ไม่ได้อย่างใจทันที “ผมว่าพอแค่นี้ก่อนเถอะคุณนักข่าว อย่าเพิ่งถามอะไรภรรยาผมตอนนี้เลย” “แต่ว่า...” “ถือว่าขอร้อง” วันชนะปรามเมื่อเห็นว่าเรื่องจะบานปลายจึงรีบพยุงรัชนีให้ออกจากจุดนั้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหยุดความโกลาหลได้ “แต่ว่าอาจารย์คะ เรื่องนี้เกี่ยวกับอาถรรพ์เรือนไทยหลังนี้ไหมคะ” ไม่แคล้วที่นักข่าวสาวจะจ่อไม่ค์ถามอีก จนกระทั่งรัชนีผลักสามีออกแล้วย่างสามขุมเข้าหานักข่าวสาว ใครคนหนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมเสียงทรงพลัง “หยุดก่อนครับทุกคน!” ทินพัฒน์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาห้ามปรามจนเหล่านักข่าวพากันล่าถอยเพราะเห็นทีท่าขึงขังที่พร้อมมีเรื่องทุกเมื่อหากถูกคุกคาม กระนั้นก็ยังมีหน่วยกล้าตายอยู่หนึ่งคนที่พุ่งตัวเข้าประกบทันที “พี่ทินบอกน้องหน่อยสิว่าเรื่องเป็นไงมาไงกันแน่” ทินพัฒน์ชะงักกึก มือกำหมัดแน่นไม่พอยังส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้พร้อมคำพูดทุ้มห้วน “นิล” “ก็นิลน่ะสิ ขอข่าวหน่อยนะพี่ทิน นะ” ทินพัฒน์มองหญิงสาวสลับกับบุพการีทั้งสองของรุ้งตะวันอย่างหวาดๆ เขามีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้และต้องทำเดี๋ยวนี้ จึงลากนิลสีออกห่าง “โอ๊ย! พี่ทิน นิลเจ็บนะ” หญิงสาวโอดครวญลั่น ชายหนุ่มจึงเข่นเขี้ยวกระซิบตอบ “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่ามาทำข่าวภาพงานละครเวทีได้ แต่อย่ามาอาศัยความเป็นน้องสาวสินีมาหาข่าวอุบัติเหตุคุณรุ้งแถวนี้” “โธ่! แต่นี่มันเรื่องใหญ่นะคะ” “ก็ใหญ่นะสิ ยิ่งไม่ได้” “แต่พี่ทินแค่ลำดับเหตุการณ์ให้น้องนุ่งหน่อยไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้” ทินพัฒน์ตวาด นิลสีถึงกับหน้าถอดสี ดวงตาหลุกหลิกคอยมองหาร่องรอยแหล่งข่าวที่จะสามารถหาได้แล้วก็ได้แต่ย่นจมูกเพราะทุกคนต่างกำลังยุ่งอยู่กับการหายตัวของรุ้งตะวัน อาจารย์หนุ่มส่ายหน้าระอายีผมนักข่าวสาวรุ่นก่อนถอนหายใจหนักหน่วงบอก “อย่าเพิ่งวิญญาณนักข่าวเข้าสิงตอนนี้เลย เอาไว้รอตำรวจแถลงข่าวอีกที เราต้องนึกถึงหัวอกพ่อแม่รุ้งตะวันบ้าง” “ค่ะ นิลได้ยินมาว่าคนนี้พี่ทินคั่วอยู่จริงไหม” “นิลสี! อย่าพูดพล่อย ๆ” ทินพัฒน์โพล่งสีหน้าขึงขังทันที “ก็จริงนี่คะ ไม่งั้นจะเลือกเรือนไทยของเด็กคนนี้ทำไมในเมื่อพี่ก็หาโลเคชั่นหลักได้ก่อนที่นี่แล้วด้วยซ้ำ” ทินพัฒน์อึกอักพูดไม่ออก ทันใดโสภิตาก็เดินแกมวิ่งผ่านทินพัฒน์กับนิลสีเข้ามาหารัชนีกับวันชนะ ดวงหน้าอวบอิ่มแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักแต่ก็มีแก่ใจไปตามหาคนคนหนึ่งตามคำบอกของคนในพื้นที่เพื่อจะให้ช่วยหาตัวรุ้งตะวันอีกแรง “มาแล้วค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูพาคนมาช่วยหายายรุ้งอีกแรงแล้วค่ะ” “คนนี้นะหรือหนูเพิ้ง” วันชนะถามพลางจ้องอีกฝ่ายศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะเหลียวหาโสภิตาและได้คำตอบคือรอยยิ้มแห้ง ๆ จากสาวอวบตอบแทน “ค่ะ นี่คืออาจารย์ทองหมอดูชื่อดังประจำตำบลเลยนะคะ เขาว่ากันว่าแม่นเหมือนจับวางด้วยค่ะ” บุพการีทั้งสองของรุ้งตะวันต่างมองหน้ากันด้วยความอึดอัดไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีเพราะภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายวัยกลางคนอายุอานามน่าจะประมาณห้าสิบปลาย ผมเผ้ายาวยุ่ง แต่งตัวด้วยชุดเสื้อคอกลมกระดุมหน้าผ้าป่านหยาบกับกางเกงเลสีขาวขายาวรองเท้าแตะสีดำขมุกขมอม ที่คอแขวนลูกปะคำเม็ดเท่าหัวแม่มือสลับกับวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะคล้าย ๆ กระดูกห้อยเต็มแผงคอราวกับองคุลีมาล ท่าทางของหมอดูคนดังทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างมองกันและกันไปมาอย่างไม่มั่นใจเพราะไม่รู้ว่าดีหรือเพี้ยนกันแน่ อาจารย์ทองมองเมินเดินปลีกตัวไปที่ท่าน้ำแล้วยืนพนมมืออยู่อย่างนั้นเนิ่นนานไม่สนใจใครทำให้รัชนีถอนใจก่อนหันมาบอกสามีและทินพัฒน์อย่างคนตัดสินใจได้ “เอ่อ... ฉันว่าเราอย่าเสียเวลาเลย ฉันจะจ้างทีมประดาน้ำจากกรุงเทพมาช่วยกู้ภัยอีกแรง ถึงตอนนี้ไม่ได้ชีวิตก็ขอให้ได้ร่างลูกกลับคืนมาทำพิธีก็ยังดี” รัชนีเสียงสั่นอย่างคนปลงตก “ไม่ต้อง!” อาจารย์ทองส่งเสียงตวาดมา “เอ๊ะ!” รัชนีถลึงตาใส่ทันทีที่ถูกห้ามปรามจึงตอบไปด้วยคำพูดถือดี “ฉันไม่รอแล้วจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน จะให้ฉันงอมืองอเท้ารอความหวังโดยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง” “หาไปก็ไม่มีประโยชน์” ทองว่าพลางส่ายหน้า รัชนีฉุนกึกโพล่งขึ้น “หากช่วยเหลืออะไรไม่ได้ก็กลับไปเถอะอาจารย์” “อย่าชักใบให้เรือเสียสิคุณ” วันชนะปราม “แล้วจะไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงล่ะคุณ!” “ผมว่าตามที่คุณแม่บอกก็ดีเหมือนกับครับอาจารย์” ทินพัฒน์ช่วยพูดกับวันชนะเพราะเห็นเป็นอื่นไม่ได้อีกแล้วว่านอกจากรุ้งตะวันจะหายตัวได้ ไม่มีทางไหนเลยที่หญิงสาวจะรอดชีวิตกลับมาได้เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงแบบนี้ เพราะอิทธิพลจากสุริยุปราคาแน่! เขาเห็นกับตาแม้ว่าดวงจันทร์จะไม่บดบังดวงอาทิตย์แม้สักกระผีกลิ้นเพราะรายงานการเกิดคลาสนั้นเกิดขึ้นไกลถึงสหรัฐอเมริกาและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในไทย แต่ช่วงเวลาเดียวกันท้องฟ้าเหนือเรือนไทยกลับแดงฉานดังเลือดนก น้ำที่นิ่งสนิทเกิดปั่นป่วนรุนแรงราวกับทะเลคลั่ง พริบตานั้นร่างของรุ้งตะวันที่กระโจนดำดิ่งเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์คือฉากล่มเรือก็ไม่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกเลย
[1] ตำรับยาพระโอสถพระนารายณ์ : คัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ ตำรับยาแผนไทยของชาติเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยที่หลงเหลือมาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย รวบรวมขึ้นในสมัยสมเด็จพระนายณ์มหาราข ++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พ่อกับแม่รุ้งออกโรงแล้ว ใครจะแรงกว่ากันก็ไม่รู้ค่ะ อิอิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า
Create Date : 22 กันยายน 2564 |
|
20 comments |
Last Update : 22 กันยายน 2564 0:05:51 น. |
Counter : 1179 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอพีย์, คุณRain_sk, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณกะว่าก๋า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmultiple, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtuk-tuk@korat, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณThe Kop Civil, คุณhaiku, คุณSertPhoto, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณมยุรธุชบูรพา, คุณ**mp5**, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณkae+aoe, คุณชีริว |
| |
โดย: กะว่าก๋า 22 กันยายน 2564 6:57:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 22 กันยายน 2564 9:41:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 22 กันยายน 2564 22:55:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 23 กันยายน 2564 6:54:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 23 กันยายน 2564 8:33:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 25 กันยายน 2564 14:31:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 26 กันยายน 2564 15:14:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 26 กันยายน 2564 17:08:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชีริว 4 ตุลาคม 2564 22:23:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ความเดิม..
รุ้งตะวัน..เล่นละคร
เป็นStunman/Stand in เล่นบทนักโทษชายตกน้ำ
แล้ว วาปไปโผล่ในภพนู้น
บังเอญท่านจมื่นฯ นั่งเรือจะเข้าท่า
ได้กระโดดช่วย..น้องรุ้งไว้(โดยงงๆในรูปร่างหน้าตาและคำพูดที่เพ้อออกมา)
ย้อนมาบทที่5/1 ที่ปัจจุบัน กำลังวุ่นวาย
งมหาน้องรุ้งอยู่..
ตื่นเต้นๆวนไป..
*แหม!! หนุกหนานๆจังค่ะน้องนุ่นคนเก่ง*