บันทึกคั่นเวลา ตอน 1 : WRITEเธอ...สังคมนิยมพาฝัน
บันทึกคั่นเวลา...ตอน 1 WRITEเธอ...สังคมนิยมพาฝัน
บันทึกคั่นเวลา...เป็นเอนทรีใหม่ในช่วงนี้ที่เขียนคั่นระหว่างทาง ที่จริงต้องบอกว่าอาการอยากดองบล็อคกลับมาอีกครั้งแต่พอไม่เขียนก็คิดถึง บางทีฉันคงจะต้องเริ่มเขียนอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องคั่นเวลาก็ตาม หลังจากเข้าเรียนคลาสเรียนเขียนนิยายข้ามทวีป กับครูเหน่ง กีรติ ชนา ได้สิบสัปดาห์ ฉันไม่คิดเลยว่าการเขียนนิยายสักเรื่อง จะต้องมีหลักการมากมายเพราะเขียนตามที่ใจอยากเขียนมาตลอด ทั้งที่จริงๆ แล้วงานเขียนถูกวิธีมีอะไรมากกว่านั้นถึงเวลาที่จะต้องเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่เริ่มแรก บางครั้งท้อว่าทำไมงานเขียนถึงได้ยากนักแต่ก็ต้องเรียนรู้ต่อไปไม่งั้นก็คงจะไม่รู้อยู่อย่างนั้น หยิบหนังสือที่ซื้อไว้มาตะลุยอ่านและมีหลายเล่มที่อยาก เขียนถึง ก็เลยเกิดเอนทรีนี้ขึ้นมาสำหรับอัพบล็อคเก็บเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับงานเขียนไว้ที่นี่บันทึกคั่นเวลา นี้ จะลงไว้ในหมวดงานเขียน ส่วนหนังสือนิยายที่อ่านก็ค่อยอัพบล็อคในหมวดหนังสือตามปกติ
โลกนักอ่าน บ้านนักเขียน ห้องเรียนนักฝัน
WRITEเธอ... สังคมนิยมพาฝัน... เป็นนิตยสารเล่มเล็กอีกเล่มที่ได้อ่านและอยากเอามาเล่าคั่นเวลาในเล่มมีเรื่องสั้น บทกวี บทความ บทสัมภาษณ์ เกร็ดประวัติศาสตร์และเรื่องน่ารู้น่าสนใจหลากหลาย เกี่ยวกับงานเขียนเป็นหลัก ที่จริงฉันก็ซื้อเก็บไว้หลายเล่มแต่เล่มนี้อ่านแล้วก็สะกิดใจเล็กๆ กับคำโปรยปกหน้า สังคมนิยมพาฝัน คืออะไร? นี่คงเป็นภาษานักเขียนฉันคิดแบบนี้ตั้งแต่เห็นปกครั้งแรก ว่ากันถึงคำจำกัดความ สังคมนิยมพาฝัน อาจหมายถึงนิยายที่เป็นที่นิยมอ่านกัน และมีบทบาทกับยุคสมัยไม่เฉพาะปัจจุบันแต่มีมานานหลายสิบปีแล้ว ในปัจจุบันนิยาย พาฝัน ถูกปรามาสว่า น้ำเน่า มอมเมาผู้คน ในขณะที่ในอดีต นิยายเพื่อชีวิต ฝ่ายซ้าย ชูธงอุดมการณ์มาร์กซิสม์ก็ถูกปรามาสไม่ต่างกัน เพียงแต่ เมื่อวางอยู่ต่างยุคสมัยความนิยมอาจแตกต่าง หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองปี 2519วรรณกรรมเพื่อชีวิตถูกกวาดล้าง ไปพร้อมกับชีวิตนักศึกษาและผู้คน ไม่นานก็เกิดมีนิยามวรรณกรรมใหม่ๆขึ้นมา รวมถึงนิตยสารผู้หญิงก็ถือกำเนิดขึ้นหลายหัวภายในปี 2520-2525 เพื่อชีวิตก็น้ำเน่าได้ เป็นวาทะท้าทายของ สุชาติ สวัสดิ์ศรีผู้ให้กำเนิดนิตยสารโลกหนังสือ และนำเข้าสกุลวรรณกรรมใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามา และในปี 2522 รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนหรือ ซีไรต์ ก็ถือกำเนิดขึ้น ด้านบนเป็นส่วนหนึ่งในหน้าคำนำของนิตยสารเล่มนี้ที่เขียนโดย คุณอุทิศ เหมะมูล ที่เล่าถึงนิยายเพื่อชีวิตสะท้อนสังคมสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองการถูกกวาดล้างและการเกิดใหม่ของนิยายที่เรียกกันว่านิยายพาฝันและยังคงได้รับความนิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน เนื้อหาด้านในเล่มน่าสนใจดังตัวอย่างที่จะหยิบยกมาเล่าสู่กันอ่านเป็นบางตอน ที่คิดว่ามีประโยชน์เป็นแรงบันดาลใจ เริ่มจากนักเขียนในบทสัมภาษณ์คนแรกของเล่มนี้
ความนัยของนักเขียนพาฝัน(พันธุ์ทาง)
เส้นทางของนักเขียนอย่าง คุณอัยย์ หรือ อิง ปรนัย ที่ผันตัวมาจากการเป็น บก. นิตยสารวัยรุ่นหลายหัว ทั้ง SINCERE, J-SPY, I-SPY ที่บอกเล่าว่าตัวเธอเองเป็น นักเขียนนิยายพาฝัน(พันธุ์ทาง) และตอนนี้กำลังถอดใจอยากเลิกอาชีพนักเขียนเกิดอะไรขึ้น? ฉันได้แต่สงสัย พาฝันพันทาง ในความหมายที่ฉันได้อ่านคือ ทางหนึ่งที่สร้างความสุขด้วยความรักและอีกทางสะท้อนสังคมด้วยความรู้สึก กับความคิดที่ว่า หากหนังสือไม่ถูกเปิดอ่าน ใครเล่าจะรู้ ว่าแนวทางการเขียนนิยายของเธอเป็นอย่างไรจะพาฝัน จะลูกกวาดหรือไม่ หรือที่จริงแล้วเป็นแนวไหน นิยายเรื่องล่าสุด เกลียวคลื่นกระแซะทราย สอดแทรกทั้งพาฝัน สังคม การเมือง รวมอยู่ในเนื้อเดียวกัน กับแนวคิดเริ่มแรก เราอยู่ในยุคที่บ้านเมืองไม่มีเสรีภาพ มีการแบ่งฝ่ายทางการเมืองทีนี้เราก็ตั้งประเด็นขึ้นมาว่า จะมีที่ไหนที่ผู้คนสามารถยอมรับกันอยู่กันได้ด้วยเหตุผล เธอก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพล็อตหลักของเรื่องซึ่งก็คือเกาะที่ไหนสักแห่งที่ผู้คนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีสิทธิเสรีภาพและอยู่ได้อย่างอิสระ และสร้างตัวละคร พล็อตเรื่องขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นิยายแน่นอนว่านิยายพาฝันของเธอ พระเอกเป็นนักต่อต้านการสร้างเขื่อนเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สะท้อนอะไรหลายอย่างแทรกอยู่ในนั้น ส่วนนางเอกเธอให้คำจำกัดความไว้ว่า นางเอกเป็นพวกลิเบอรัล คือเสรีนิยมมาก ถึงกับตั้งชื่อรีสอร์ทว่า Free Beach ส่วนคู่แข่งเป็นพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเป็นลายไทยทั้งหมด ส่วนปมของเรื่องคือการตามหาน้ำตกที่สูงที่สุดในโลก เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามาสร้างเขื่อนอันนี้เราตั้งใจสะท้อนว่ามันหาได้จริงไหม ไอ้สิ่งนั้นที่เขาว่ากันเหมือนกับประชาธิปไตย ที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายมันมีอยู่จริงไหม มีคำถามที่ว่าบางคนมีอคติกับนิยายพาฝันเขาอาจมองว่ามันไม่มีคุณค่า ไร้สาระ คุณอัยย์ขยายความในเรื่องนี้เพิ่ม เหมือนบอกว่าข่าวดีกว่าละคร ซึ่งเอามาเทียบกันไม่ได้หรือจะเอาวรรณกรรมซีไรต์ไปเทียบนิยายพาฝัน ก็เทียบกันไม่ได้ เรามองว่างานแต่ละประเภทก็มีคุณค่าในแบบของมันถ้าจะเทียบคุณต้องเทียบในแนวเดียวกัน ดูว่าอันไหนใช้ภาษาดีกว่า อันไหนดำเนินเรื่องดีกว่าก็ว่ากันไป แล้วทำไมความบันเทิงต้องเป็นเรื่องไร้สาระเสมอไป ถ้าคุณจะด่าแต่นิยายพาฝัน เราว่ามันก็ไม่แฟร์ จากบทสัมภาษณ์บางส่วนที่ตัดตอนมาจากฉบับเต็มซึ่งจะเขียนถึงก็คงเขียนได้ไม่หมด แต่ฉันอ่านแล้วก็คิดตาม ไม่ว่างานเขียนนั้นเป็นงานประเภทไหนต่างก็มีตลาด มีความต้องการ มีคนอ่านเฉพาะกลุ่มของตัวเองจะตัดสินก็คงต้องดูที่ผลงานมากกว่าการเอาวรรณกรรมต่างประเภทมาขัดแย้งกันซึ่งมันคงเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบ
นักเขียนไม่ใช่ศาสดา เป็นบทความที่น่าสนใจมากอีกหนึ่งจากคอลัมน์ ห้องเรียนนักเขียน โดย คุณขจรฤทธิ์ รักษา ที่บางส่วนกล่าวไว้ว่า สำหรับนักเขียนเล็กๆ ที่เพิ่งเขียนหนังสือได้ไม่กี่เล่มทำงานดีๆ ได้ไม่กี่ชิ้น อย่าได้ทะนงตนว่ากำลังทำงานหนัก ทำงานใหญ่ ฉลาดเหนือคนอื่นโอ้อวด เบ่งพอง มองไม่เห็นความสำคัญของใครอื่น เพราะโดยความเป็นจริงแล้วอาชีพนักเขียนก็ไม่ได้เหนือกว่าอาชีพอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นอาชีพชาวนา อาชีพขับรถแท็กซี่ อาชีพนักธุรกิจ อาชีพนักวิทยาศาสตร์ หรืออาชีพหมอ ทุกๆอาชีพล้วนแล้วแต่มีความสำคัญอยู่ในตัวของตัวเองทั้งสิ้น ต่างก็มีอุปสรรคขวากหนามด้วยกันทั้งสิ้น มากบ้างน้อยบ้างตามแต่ความรู้ความสามารถของตน คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ให้คำอธิบายว่า นักเขียนคือศิลปิน ซึ่งสร้างผลงานของตัวเอง ในรูปแบบวรรณคดีโดยอาศัยตัวหนังสือเป็นสื่อการแสดงออกถึงศิลปะ คุณลาว คำหอม ได้กล่าวไว้ว่า นักเขียนนั้นสร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ตนเองแล้ว ด้วยการเขียนผลงานทางวรรณกรรมที่ดีนั่นเอง มันจะยืนหยัดอยู่ได้แค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการยอมรับของนักอ่านรุ่นต่อๆ ไป ในบทความมีการกล่าวถึงที่มาของนักเขียนดังจากต่างประเทศ อย่าง เจ.เค. โรว์ลิ่ง ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างรวดเร็วจาก แฮร์รี่พอตเตอร์ หรือนักเขียนชื่อดังของโลกอย่าง อันตัน เซคอฟ ที่มีผลงานตีพิมพ์แล้วถึง300 เรื่อง หรืออุปสรรคของนักเขียนอย่าง เกาสิงเจี้ยน เจ้าของผลงาน ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ ที่ได้รับรางวัลโนเบลในปี 2000 และ ยานน์ มาร์เทล ที่เขียนเรื่อง การเดินทางของพาย พาเทล ทุกเรื่องที่กล่าวมาน่าสนใจ และจบบทความด้วยประโยคกินใจจากคุณจตุพล บุญพรัด ที่กล่าวไว้ว่า นักเขียนที่ดีต้องทำตัวให้เล็กแต่ทำงานให้ใหญ่
เล่าเรื่องนิยายพาฝัน หรือเพราะนิ่ง จึงเน่า หรือเพราะฝัน จึงไม่เห็นความจริง เป็นหนึ่งในสกู๊ปประจำฉบับที่เขียนโดย คุณปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย โปรยบทความไว้อย่างน่าสนใจอ่านแล้วก็จี้ใจนักอยากเขียนนิยายพาฝันอย่างฉันเข้าอย่างจัง ถ้าพระเอกรวย นางเอกต้องจน ตัวร้ายคล้ายไม่มีอาชีพอยู่จริง วันๆ เกาะแขนพระเอกเดินไปเดินมา ส่วนนางเอกนั้นหรือ ต้องมีนิสัยหยิ่งทะนง รักเกียรติของลูกผู้หญิง ไม่เคยเผยคำว่ารัก แม้ความรู้สึกอัดแน่นเต็มอก ตัวพระเอกแม้จะมีชีวิตสมบูรณ์เพียงใดแต่ไม่อาจเติมเต็ม หากยังไม่มีหญิงผู้อ่อนโยนคนนั้นมาเคียงข้าง เริ่มโปรยบทความมาฉันอ่านแล้วก็อดขำไม่ได้ นี่ไม่ใช่แค่สูตรสำเร็จนิยายเพียงอย่างเดียวฉันยังนึกฉากละครได้เป็นฉากๆ จากบทความเพียงย่อหน้าเดียวนึกแล้วก็น่าสนใจจนอดที่จะอ่านต่อไปไม่ได้ แล้วคำถามเดิมๆ ก็ตามมาในหน้าต่อไปนั่นคือคำว่า น้ำเน่า มาจากไหน หมายความว่าอย่างไร น้ำที่นิ่งนานๆ จะกลายเป็นน้ำเน่า คุณเจือ สตะเวทิน เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้วสมัย 14 ตุลาฯ เป็นคำวิพากย์วิจารณ์ภาพรวมวรรณกรรมไทยในตอนนั้น ว่าไม่พัฒนาวนเวียนอยู่กับพล็อตเดิมๆ วิธีเขียนเดิมๆ จนเป็นน้ำนิ่งดังนั้นน้ำเน่าจึงไม่ได้เกิดขึ้นแต่แรกแต่เป็นความหมายต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรนิยายน้ำเน่าก็ไม่อาจตีความถึงรักโรแมนติกเพียงอย่างเดียวเพราะวรรณกรรมแนวอื่นก็อาจหยุดนิ่งไม่พัฒนาได้ เรื่องของวรรณกรรมย่อมเป็นเรื่องส่วนบุคคล ประโยชน์ย่อมเกิดต่างคนต่างวาระ คำถามที่น่าสนใจกว่าคือ แล้วทำไมนิยายพาฝันที่ดูเหมือนจะไม่แยแสต่อโลกความจริงอันโหดร้ายกลับยืนยงคงกระพัน และอยู่มายาวนานมากกว่าวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิต ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัยหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อใดนิยายพาฝันก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างแข็งขันมั่นคง ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือน ฉันอ่านแล้วก็คิดอีกตามเคยเป็นความจริงที่ว่าเมื่อผู้คนทั้งลำบากและเดือดร้อนกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคม การหาทางออกด้วยการ เสพสิ่งสวยงาม พาฝันแนวจินตนิยม เป็นทางเลือกหนึ่งที่ให้ความสุขได้ดี และชดเชยความรู้สึกหนักหน่วงของสิ่งกระทบในแต่ละวันได้จริงๆ เหมือนกัน เพราะอะไรนิยายพาฝันจึงยังคงกระพัน? ในบทความมีให้คำตอบไว้น่าสนใจ เหตุผลข้อแรก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกี่ยวโยงกับการเมือง งานเขียนประเภทพาฝัน รักโรแมนติกไม่สามารถเลื่อยขาเก้าอี้ใครได้ และมีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ยุ่งการเมือง เนื้อหาวนเวียนกับเรื่อง รักๆ ใคร่ๆปัญหาครอบครัว สะท้อนชีวิต ผ่านงานที่แทรกความบันเทิงเข้าไปมากกว่าสาระ ความบันเทิงย่อมเข้าถึงผู้คนได้มากกว่าอยู่แล้ว และนั่นเป็นธรรมชาติของการเสพเรื่องเล่าของมนุษย์ เพราะเป็นชิงรักหักสวาท ถึงกระแทกใจมนุษย์ เมื่อวรรณกรรมเดินทางมายาวนานและนิยายพาฝันหยุดนิ่งอยู่กับพล็อตเดิมๆ นักคิดที่ไม่ได้เข้าป่าหลายคน เลือกที่จะสร้างงานในแบบที่เป็นของตัวเอง คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี ก็เป็นหนึ่งในนักคิดนักเขียนสร้าง โลกหนังสือ ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่ใหม่ให้วงการวรรณกรรม จนกลายมาเป็น ช่อการะเกด หนังสือรวมเรื่องสั้นที่สร้างนักเขียนใหม่ๆ หลายคน ให้เหตุผลไว้ว่า วรรณกรรมสร้างสรรค์คือการหนีจากหล่มน้ำเน่าของเพื่อชีวิตและพาฝัน ศิลปะคือการลื่นไหล ไม่ควรอยู่นิ่ง ศิลปะจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ควรจะต้องมีชีวิตเสียก่อน ที่ไปว่าเขาน้ำเน่า เขาก็มีประเด็นสะท้อนสังคมได้เหมือนกัน คุณลืมมองตัวเอง หลายเรื่องที่น่าสนใจในบทความเล่าเรื่องนิยายพาฝัน อย่างวรรณกรรมเพื่อชีวิต ยุคแรกของนักเขียนช่อการะเกด ไม่ว่าจะเป็นคุณชาติ กอบจิตติ คุณมาลา คำจันทร์ ยุคสองอย่างคุณวินทร์ เลียววาริณ คุณเดือนวาด พิมวนาและคุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ทั้งนักเขียนที่ถูกพิษการเมืองอย่าง คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) หรือ คุณสุวัฒน์ วรดิลก ที่เปลี่ยนแนวมาเขียนประโลมโลกบ้างตามยุคสมัยโดยใช้นามปากกา รพีพร เกือบครึ่งเล่มกับ WRITEเธอ สังคมนิยมพาฝัน ฉันก็ได้ข้อคิดและความรู้มากมาย เขียนถึงในบล็อคเดียวคงยาวไป ขอลงต่อตอนสองกับบทสัมภาษณ์ คุณโบตั๋น, คุณอาริตา, คุณศุภักษร และบทความน่าสนใจอื่น ใน บันทึกคั่นเวลาตอนที่ 2 หลังงานตะพาบตอนใหม่ค่ะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณพี่พัน พันคม / คุณฟ้าใสวันใหม่ และเพื่อนๆ ที่ถามถึงผลการเรียนค่ะว่าจะไม่อัพเดทแล้ว เพราะยังไม่รู้ผลตรวจ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเอามาลงไว้ในบันทึก ให้อ่านดีกว่า เป็นซีนเดียวกับการบ้านบทที่ 1 แต่เปลี่ยน จากตัวละครในบทที่ 1 ที่เขียนจากมุมมองของ ปัณณ์ (ลูกชาย) มาเป็นมุมมองบุรุษที่ 3 ใครก็ได้ในตัวละครสามตัวจากบทที่ 1 มุมมองของวิณี (แม่ของปัณณ์) ค่ะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จาก ศิลปิน No One Else และ youtube ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^ ค่อยตามไปเยี่ยมพี่ๆ ที่บล็อคนะคะ
Create Date : 24 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2558 2:19:14 น. |
|
33 comments
|
Counter : 1470 Pageviews. |
|
|
OMG !!!
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น