ตั้งครรภ์พึงระวัง !?! ภาวะเสี่ยงใกล้คลอด
สุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ขณะที่โรคร้ายหลากหลายนำมาซึ่งความเจ็บป่วยการสูญเสีย การมีความรู้ความเข้าใจรู้หลักปฏิบัติเตรียมความพร้อมก่อนต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย จึงมีความสำคัญความจำเป็นที่ไม่อาจมองข้ามละเลย เช่นเดียวกับว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งต้องรับภาระเพิ่ม ทั้งการดูแลตนเอง ดูแลลูกน้อยในครรภ์ ตลอดระยะเวลาการอุ้มท้อง ทุกช่วงเวลาจากนี้จวบจนถึงการคลอดพบหน้าสมาชิกใหม่ของครอบครัว จึงมีความหมาย
การดูแลครรภ์ ดูแลสุขภาพเพื่อหลีกไกลจากภาวะความเสี่ยงต่าง ๆ ศาสตราจารย์ นายแพทย์อภิชาติ จิตต์เจริญ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลให้ความรู้แนะนำว่า ก่อนการตั้งครรภ์ควรเตรียมตัววางแผนไว้แต่เนิ่น ๆ อีกทั้งการตรวจสุขภาพเตรียมความพร้อมทั้งสามีและภรรยา มีข้อดีหลายด้าน ช่วยคัดกรองไม่ให้เกิดผลเสียไปยัง ลูกน้อย ทั้งเรื่องของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ภาวะเลือดจางจากโรคธาลัสซีเมีย ฯลฯ
การเตรียมความพร้อมที่ดีก่อนการตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญ นอกจากนี้ ถ้าเกิดการตั้งครรภ์ หากทราบถึงการมาของประจำเดือนครั้งสุดท้ายก็เป็นสิ่งที่ดีมีความจำเป็น ทั้งนี้เพราะประจำเดือนในครั้งสุดท้ายจะถูกนำมาคาดคะเนวันคลอดคร่าว ๆ ทำให้ทราบถึงอายุครรภ์ “การที่ไม่ทราบประจำเดือนครั้งสุดท้ายจะเป็นปัญหาทำให้ไม่อาจทราบการตั้งครรภ์ว่า เกิดขึ้นนานเท่าใด ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลเสียตามมา ทั้งในเรื่องการคลอดก่อนกำหนดโดยไม่จำเป็นหรือการคลอดเกินกำหนดไป อีกทั้งยังส่งผลต่อการวางแผนการดูแลการตั้งครรภ์ อย่างการคลอดเกินกำหนดจะส่งผลต่อเด็ก เด็กจะขาดออกซิเจนในท้อง คลอดออกมาอาจทำให้ตัวเล็ก อาจมีการเสียชีวิตในครรภ์ได้ ฯลฯ”
การดูแลอย่างแรก หลังจากทราบว่าตั้งครรภ์ ควรรีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ เพราะการฝากครรภ์แต่เริ่มแรกไม่เพียงทำให้ทราบอายุครรภ์อย่างแน่นอน แต่ยังทำให้ทราบถึงภาวะความเสี่ยงต่าง ๆ จากการตั้งครรภ์ได้ร่วมด้วย เมื่อมีการตั้งครรภ์ถือว่ามีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้วและไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ปกติก็ตาม ในครรภ์ที่ปกติถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ แต่หากมีภาวะแทรกซ้อนถือว่ามีความเสี่ยงสูง ในความเสี่ยงที่อาจพบเจอมีทั้งในเรื่อง การแท้งบุตร การตั้งครรภ์นอกมดลูก ครรภ์เป็นพิษ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนต่างเป็นความเสี่ยงที่ต้องใกล้ชิดดูแล
การดูแลครรภ์แต่ละช่วงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็ต้องใกล้ชิดรู้หลักปฏิบัติสังเกตความผิดปกติ โดยทั่วไปแบ่งเป็น สามไตรมาส อย่างสามเดือนแรกที่กล่าวมาคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ เนื่องด้วยช่วงเวลานี้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นหลายด้าน เมื่อมาฝากครรภ์แพทย์จะซักประวัติความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างโรคทางกรรมพันธุ์ การตั้งครรภ์ที่ผ่านมามีภาวะแทรกซ้อนอย่างไร ในกรณีมารดาที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือ มีอายุมากกว่า 35 ปีถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยง
ช่วงการฝากครรภ์อย่างที่กล่าวจะมีการตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดหาหมู่เลือดดูภาวะต่าง ๆ ทั้งโลหิตจาง ตับอักเสบ ฯลฯ เมื่อมีการตรวจดังกล่าวก็จะดูว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงหรือไม่ กรณีที่มีความเสี่ยงสูงแพทย์จะมีการตรวจเฉพาะ มีการดูแลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องไป พอเข้าสู่ ไตรมาสสอง ภาวะแทรกซ้อนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกกับไตรมาสสาม ในไตรมาสนี้ ภาวะแทรกซ้อนอย่างที่กล่าวมาอาจมีไม่มาก ถ้าจะมีก็จะเป็นเรื่องของความดันโลหิตสูงอาจจะเริ่มมีบ้างในกรณีที่ครรภ์เป็นพิษ แต่โดยทั่วไปจะพบน้อย และในไตรมาสนี้ช่วงอายุครรภ์ประมาณ 18-22 สัปดาห์จะมีการอัลตราซาวด์ดูความปกติของเด็ก จากนั้นพอมาถึง ไตรมาสสาม ภาวะแทรกซ้อนอาจมีเพิ่มขึ้นในภาวะแทรกซ้อนใกล้คลอดที่มักพบจะมีทั้ง ครรภ์เป็นพิษ ซึ่งมีความอันตรายทั้งแม่และลูก ภาวะครรภ์เป็นพิษในช่วงตั้งครรภ์ หากมีอาการปวดศีรษะมาก ตาพร่ามัวจุกแน่นหน้าอกต้องรีบพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ภาวะแทรกซ้อนยังมีในเรื่อง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด ทารกเติบโตช้า การตั้งครรภ์เกินกำหนดหรือการตกเลือดก่อนคลอด จากภาวะรกเกาะต่ำ ส่วนสัญญาณการคลอด นอกจากการบีบตัวของมดลูกอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเปิดของปากมดลูกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ บอกได้ในการบีบตัวของมดลูกผู้ที่กำลังตั้งครรภ์สังเกตถึงสิ่งนี้ แต่หากมดลูกบีบตัวนานอาจทำให้เกิดการเจ็บปวด ทำให้แม่ต้องทรมานและถ้ากรณีที่เด็กเติบโตช้าน้ำหนักตัวน้อย การบีบตัวนานอาจทำให้เกิดผลเสียต่อเด็กในครรภ์ เสียชีวิตได้ในกรณีที่ทารกขาดออกซิเจนหรือมีภาวะทารกเติบโตช้า ฯลฯ ตลอดช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์ การสังเกตดูแลตนเองอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญและแม้ว่าแพทย์จะดูแลอย่างเต็มที่ แต่ผู้ที่ตั้งครรภ์ก็ต้องไม่ละเลยสังเกตดูแลตนเองด้วยเช่นกัน อย่างการขยับการดิ้นของทารกในครรภ์ต้องสม่ำเสมอ สังเกตได้โดยปกติทารกจะดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้งในช่วง 12 ชั่วโมง หากน้อยกว่านี้ควรพบแพทย์ เพราะสิ่งนี้เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกถึงความผิดปกติ
นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ต้องพึงระวังเรื่อง น้ำหนัก ซึ่งหากมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากเกินไป น้อยไป ก็ไม่เป็นผลดี อย่างน้ำหนักเพิ่มน้อยไป อาจทำให้ทารกในครรภ์ตัวเล็ก ส่วนน้ำหนักแม่เพิ่มมากเกินก็อาจทำให้ครรภ์เป็นพิษ เกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรืออาจทำให้เด็กตัวโตเกินทำให้เกิดการคลอดยากคลอดลำบาก ฯลฯ โดยทั่วไปน้ำหนักไม่ควรเพิ่มเกิน 2-3 กิโลกรัมต่อเดือน การพักผ่อนที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ที่กำลังตั้งครรภ์เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารมีครบ 5 หมู่ จิตใจแจ่มใส ไม่เครียดวิตกกังวลและหากพบสิ่งผิดปกติช่วงใกล้คลอดหรือในขณะตั้งครรภ์ ทั้งภาวะปวดศีรษะบวม ตาพร่ามัว จุกแน่นหน้าอก มีเลือดออกหรือมีความผิดปกติสิ่งใดก็ตามต้องไม่มองข้าม อย่ารอช้าควรรีบพบแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งยังช่วยกำจัดความเครียดความวิตกกังวลใจมีความหมายถึงการสร้าง ความปลอดภัยให้กับคุณแม่และลูกน้อย สุขภาพดีสิ่งที่ทุกคนปรารถนาไม่ว่าจะเป็นด้านใด หากเคร่งครัดปฏิบัติ ศึกษาดูแลถูกวิธีสิ่งนี้ย่อมเกิดได้
ที่มา เดลินิวส์
Create Date : 15 มีนาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2555 22:26:32 น. |
Counter : 1696 Pageviews. |
|
|
|
เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่มือใหม่คนนี้มาก