สารภีพิกุลกาญจนแก้วเกดกรรณิการ์แกม...มิลวิน่า ดีน คนไททานิกรายสุดท้าย...ตาย

ภุมวารสิริวัฒน์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ ค่ะ

มิลวิน่า ดีน
ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากไททานิก...ตาย

เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาแล้ว 97 ปี ผู้รอดชีวิตก็ค่อยๆเสียชีวิตไป
โดยล่าสุดผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายก็เสียชีวิตไป ถือเป็นการปิดตำนานไททานิก

สมาคมไททานิกนานาชาติแจ้งว่า มิลวิน่า ดีน วัย 97 ปี หญิงผู้รอดชีวิต
จากเหตุการณ์เรือสำราญไททานิกล่ม ได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยเสียชีวิตขณะหลับที่บ้านพักคนชรา ในเมืองอาชูร์สต์ ในประเทศอังกฤษ เมื่อตอนเช้าของวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ก่อนเสียชีวิต 1 สัปดาห์ ดีน ถูกส่งไปรักษาตัวจากอาการปอดบวม และกลับมาพักฟื้นที่บ้านพักคนชรา

ตอนเกิดเหตุ ดีนอายุเพียง 2 เดือน จึงจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ และเป็นผู้โดยสารอายุน้อยที่สุดที่รอดชีวิต ตอนนั้นพ่อพาแม่ ดีน่า และพี่ชายวัย 2 ขวบ ออกจากอังกฤษไปยังสหรัฐ ดีน พี่ชายและแม่รอดชีวิต ส่วนพ่อเสียชีวิต

ดีน มีชื่อเต็มว่า เอลิซาเบธ กลาดีส มิลวีน่า ดีน เกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2455 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

พ่อดีนตัดสินใจไปตั้งรกรากในเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา

โดยวางแผนว่าจะเปิดร้านบุหรี่ที่นั่น จึงพาครอบครัวไป พ่อดีนจองเรือไว้อีกลำหนึ่ง ไม่ใช่ไททานิก

แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้น มีเหตุการณ์ประท้วงของคนงานเหมืองถ่านหิน ทางบริษัทเดินเรือจึงเปลี่ยนให้เดินทางไปโดยไททานิกแทน และเรือออกจากเมืองท่าเซาแฮมตันในอังกฤษ

เรือออกจากท่าตามเวลา ทุกอย่างเป็นปกติ แต่เมื่อเดินทางไปถึง 4 วัน เหลือเพียง 600 ก.ม. ก่อนที่จะถึงชายฝั่งในสหรัฐ เรือไปชนกับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ในตอนดึกของวันที่ 14 เมษายน 2455

ภายหลังทราบว่า เรือไปชนกับก้อนน้ำแข็ง พ่อดีนสั่งให้ครอบครัวขึ้นไปดาดฟ้า และเป็นครอบครัวแรกๆทีได้รับการช่วยเหลือลงเรือชูชีพ และดีนได้รับการห่อในผ้าอย่างดี เพื่อป้องกันจากสภาพน้ำที่เย็นจัดในมหาสมุทรในขณะนั้น ส่วนพ่อดีนไม่ได้ลงเรือชูชีพกับครอบครัว

หลังจากได้รับการช่วยเหลือ จนขึ้นฝั่งในนิวยอร์ก แม่ดีนตัดสินใจเดินทางกลับอังกฤษ

และระหว่างเดินทางกลับ ดีนได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และได้ตีพิมพ์บทความของดีน ในหนังสือพิมพ์เดลิมิร์เรอร์ของอังกฤษฉบับวันที่ 12พฤษภาคม 2455

ดีนและพี่ชายได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนบำเหน็จบำนาญตลอดวัยเด็ก เข้าเรียนในโรงเรียนเมืองเซาแฮมป์ตัน

ดีนได้รับการบอกถึงเหตุการณ์เรือไททานิกล่ม และทราบว่าตน เป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ตอนที่แม่กำลังจะเตรียมตัวแต่งงานใหม่ ซึ่งตอนนั้นดีน อายุ 8 ขวบ

หลังเรียนจบ เข้าทำงานเป็นข้าราชการช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปทำงานต่อเป็นเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการจัดซื้อบริษัทวิศวกรแห่งหนึ่ง ฯลฯ

ดีนไม่เคยแต่งงาน หลังอายุ 17 ปี ดีนเริ่มเข้าร่วมงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ไททานิก เช่น เดินทางไปร่วมประชุม เดินทางไปแสดงงาน เดินทางไปแสดงสารคดี และให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ

เมื่อเดือนตุลาคม 2550 ดีนกลายเป็นผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ไททานิกล่ม คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังการเสียชีวิตของ บาร์บารา เวสต์ ไดน์ตัน ที่เสียชีวิตตอนอายุ 96 ปีที่อังกฤษ

แม่ดีน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2518 ตอนอายุ 96 ปี
พี่ชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2535 ตอนอายุ 81 ปี
อายุยืนทุกคน.

ตัดตอนมาจาก คอลัมน์ คนของโลก หน้า104 มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 1503 วันที่ 5-11 มิถุนายน 2552

ขอขอบคุณ


คนที่ต้องนอนแซ่วบนเตียงเพราะไม่สบายเป็นเวลานาน ได้ดูหนังเรื่องไททานิก และชอบแคต วินส์เล็ตมาก จึงอยากทราบเรื่องราวที่แท้จริง...

ขอให้หายเจ็บไข้ได้ป่วยโดยเร็วไว
ขอให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมในเร็ววัน...



Create Date : 16 มิถุนายน 2552
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 20:16:15 น.
Counter : 3066 Pageviews.

0 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)

Vinitsiri.BlogGang.com

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]

บทความทั้งหมด