คุณหญิงมณี สิริวรสาร
คุณหญิงมณี สิริวรสาร ธิดาพระยาราชานุประพันธ์ (เปีย บุนนาค) ราชทูตไทยประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มารดาชื่อ ดอรีส (สกุลเดิม วินดั้ม)
คุณหญิงมณีเป็นหลานปู่ของเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) เกิด พ.ศ. 2457 ที่ประเทศอังกฤษ มีพี่ชายร่วมบิดามารดา 1 คน ชื่อ อุทัย บุนนาค
พ.ศ. 2460 เมื่อพระยาราชานุพันธ์ (เปีย บุนนาค) พาครอบครัวกลับประเทศไทย ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านที่ได้รับพระราชทาน ที่ถนนสี่พระยา ซอยแพรกบ้านใน หลังวัดมหาพฤฒาราม (วัดตะเคียน)
คุณหญิงมณีได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เรียนชั้นประถมได้ 3 ปี บิดาให้ลาออกมาเรียนที่บ้านกับมารดา ได้เรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส หลังจากท่านบิดาถึงแก่กรรม
ได้เข้าเรียนต่อเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนเซนต์แมรี่ เอส.พี.จี. ซึ่งเป็นโรงเรียนมิชชั่นนารี นิกายโปรแตสแตนท์ มีอาจารย์ใหญ่เป็นชาวอังกฤษ เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม ศึกษาแล้ว ได้สอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียง 2 ปี พ.ศ. 2478 สอบชิงทุนของ ก.พ. (คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ในแผนกอักษรศาสตร์ ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
และสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เรียนที่มหาวิทยาลัยได้ 2 ปี ต้องลาออกเข้าพิธีสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ใน พ.ศ. 2480 ต่อมามีบุตร 2 คน คือ
หม่อมราชวงศ์เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ และ
หม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ ศักดิเดชน์
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ทำงานกับบริษัท A.T.A. ทำหน้าที่ขับเครื่องบิน
และเป็นเสรีไทยในประเทศอังกฤษอีกด้วย จนทำให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต สิ้นชีพตักษัยเนื่องจากทรงขับเครื่องบิน และเครื่องตกที่ประเทศสก๊อตแลนด์ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติหน้าที่
หม่อมมณีได้เข้าพิธีสมรสใหม่กับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต มีธิดา 1 คน คือ
หม่อมราชวงศ์อรมณี ภาณุพันธุ์
และในปี พ.ศ. 2490 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ได้พาครอบครัวกลับประเทศไทย เมื่อหม่อมมณีกลับมาอยู่ประเทศไทย ได้ไปทำงานในตำแหน่งอาจารย์พิเศษสอนภาษาอังกฤษที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามคำเชิญชวนของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ซึ่งเป็นอาจารย์หัวหน้าภาควิชาในขณะนั้น หลังจากหย่ากับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์แล้ว
จึงลาออกจากอาจารย์พิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาสร้างบ้านหลังใหม่อยู่ที่ถนนเพลินจิต รับงานแปลบทความภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษให้กับสำนักงานข่าวสารอเมริกัน
ต่อมาได้กลับไปพักที่ประเทศอังกฤษเพื่อเยี่ยมมารดาและบุตรที่ศึกษาอยู่ที่นั่น ได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกส่งวิทยุกระจายเสียงภาคภาษาไทยให้สถานีวิทยุบีบีซี อยู่ประมาณ 1 ปี
จึงกลับเมืองไทย พ.ศ. 2503 ได้เข้าพิธีสมรสใหม่กับพลตรี นายแพทย์ปชา สิริวรสาร และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันถึง 23 ปี จนนายแพทย์ปชาถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. 2526
คุณหญิงมณี สิริวรสาร และนายแพทย์ปชา สิริวรสาร ได้บริจาคทรัพย์สร้างตึกผู้ป่วยด้วย โรคหู คอ จมูก เป็นอาคาร 4 ชั้น มีห้องผ่าตัดทันสมัย มอบให้แก่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้ขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้ชื่อตึกว่า "ตึกศักดิเดชน์"
ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดตึกนี้ เมื่อ พ.ศ. 2514 ต่อมาได้บริจาคทรัพย์ส่วนหนึ่งร่วมสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระปกเกล้าฯ ที่จังหวัดจันทบุรี และมอบเงินให้แก่กรมแพทย์ทหารบก จำนวน 1 ล้านบาทเป็นทุนจัดตั้งมูลนิธิ "ศักดิเดชน์"
เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์และใช้ในการดูแลบำรุงรักษาอาคารด้วย จัดตั้งมูลนิธิถวายไว้ที่วัดราชบพิธ เพื่อใช้ดอกผลเป็นปัจจัย 4 ถวายพระสงฆ์โดยสมทบทุนทุกปี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้คุณหญิงมณี ยังได้ช่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ตามสมาคมสตรีต่างๆ และเป็นกรรมการ อยู่หลายสมาคม ทั้งยังช่วยหาเงินปลูกสร้างอาคารให้กับมูลนิธิสตรีอุดมศึกษาจนเป็นผลสำเร็จและยังใช้เป็นอาคารที่ทำงานของมูลนิธิฯ และสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทยอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
คุณหญิงมณี สิริวรสาร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตติยจุลจอมเกล้า เมื่อ พ.ศ. 2532 และถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 2542 สิริอายุ 85 ปี
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วุธวารสิริสวัสดิ์ มานมนัสรมเยศ ที่มาอ่านค่ะ