20071126 วิพากษ์ Bolton VS Man United
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังเกมที่ทีมรัก โชว์ฟอร์มสุดยอดชาวประมง ออกทะเลหาปลากันตั้งแต่เริ่มเกม โดยมีไต้ก๋งวัยรุ่นจากสเปน นาม ปิเก้ เป็นผู้นำทีมออกทะเลในค่ำคืนดังกล่าว ผมล่ะให้หวั่นใจว่าปิเก้ อาจจะสูญเสียความมั่นใจจากเกมนี้ไปมากพอดู แต่นั่นแหละครับ คาแร็กเตอร์ที่ดีของยอดนักเตะ คือคุณสามารถคัมแบ๊คกลับมาได้ โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด และผมก็หวังที่จะเห็นเช่นนั้นจากปิเก้ครับ


เกมเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ จากการขาดหายไปของเวยน์ รูนี่ย์ ที่เจ็บข้อเท้า จนหายไปทั้งเดือน รวมกับการขาด โรนัลโด้ ที่เจ็บต้นขา (น่าจะระหว่างซ้อม) อีกทั้งขาด เนมานย่า วิดิช ที่บาดเจ็บจากการรับใช้ชาติเซอร์เบีย ทำให้เกมนี้ แมนยูไนเต็ด ได้ลงสนามด้วยขุนพลที่แทบไม่ต่างจากช่วงเปิดฤดูกาลสักเท่าไหร่ และนี่เอง เป็นจุดที่ผมเคยพูดถึงมาหลายครั้งแล้ว ว่าขุมกำลังทดแทนของเรา ยังไม่ดีพอ หรือถ้าจะดีพอ แต่ความสัมพันธ์ในการเล่น ก็ยังไม่ดีพอแน่ๆ และเกมนี้ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นไปแล้วว่า การขาดหายไปของโรนัลโด้ และรูนี่ย์นั้น ส่งผลเสียหายใหญ่หลวงต่อเกมรุกของเราอย่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง อีกจุดหนึ่งก็คือ การที่ปิเก้ ยังใหม่ต่อเกมบดบี้ และเกมหนักเช่นนี้ จนเราสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า เขาเล่นเกร็งเกินไป ยิ่งเมื่อเทียบกับนัดก่อนหน้านี้ ที่เขามีโอกาสลงสนามและโชว์ฟอร์มได้ดีมาแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า เกมเมื่อคืนวันเสาร์ ปิเก้ดูตื่นๆไปหน่อย

ผู้เล่นยูไนเต็ดนั้น ดูๆไป ก็ไม่น่าจะออกอาการได้ขนาดนี้ เพราะ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังเป็นผู้รักษาประตู บราวน์ และเอวร่า เป็นฟูลแบ๊คขวาและซ้ายตามลำดับ ปิเก้ และริโอ เป็นเซ็นเตอร์ มิดฟิลด์คู่กลางสนามเป็นฮาร์กรีฟส์กับคาร์ริค ปีกขวาให้นานี่ ปีกซ้ายเป็นกิ๊กส์ คู่หน้าเป็นเตเวซ และซาฮา ดูๆไป ก็ไม่น่าออกอาการได้มากนักใช่ไหมครับ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า เราต่อบอลไม่ได้เลย โดยเฉพาะในแดนหน้า การทำเกมระหว่างซาฮาและเตเวซ ไม่เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว การเติมเกมของนานี่ ก็ออกแนวฝืนอีกแล้ว หลายๆครั้งที่ลุยไปคนเดียว ทั้งๆที่ไลน์เพื่อนเปิดว่างๆก็ไม่ส่งไม่จ่าย กิ๊กส์เองก็ไม่ได้มีพื้นที่ให้เล่น เพราะไลน์ของโบลตันปิดหมด เอวร่าเติมเกมไม่ถนัด เมื่อเจอลูกหนักของเดวี่ส์ ซึ่งสาเหตุที่มันออกเช่นนี้ ผมจะค่อยๆว่าไปนะครับ

แกรี่ เม็กสันเอง ทำการบ้านมาได้ดีมาก ผมพูดได้เต็มปากเลยด้วยซ้ำ ว่าการบ้านที่เขาทำมานั้น ตรงจุด และจี้จุดอ่อนของแมนยูไนเต็ดได้เต็มๆดีจริงๆครับ การที่ทราบว่า ขาดรูนี่ย์ไป อีกทั้งยังโชคดีที่ผู้มาเยือนก็ไร้โรนัลโด้ อีกทั้งไม่ใช่คู่เซ็นเตอร์ที่เป็นกำแพงเหล็ก ทำให้งานของเม็กสันค่อนข้างง่ายขึ้นเยอะ นั่นคือ การใช้เกมหนัก เข้าบดบี้แดนกลางและแดนหน้าของแมนยู แผงแบ๊กโฟร์ทั้งสี่ ไม่ขยับเติมเกม นอกจากบางช็อตจริงๆเท่านั้น ทำให้ไลน์รับมีผู้เล่นถึงห้าหกคนอยู่ตลอดเวลา และไลน์ดังกล่าว ก็ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นแมนยูไนเต็ด แม้แต่นิดเดียว

ผู้เล่นแนวรับของโบลตัน ทำหน้าที่ได้อย่างมีวินัย โดยการบัญชาการของอิบัน คัมโป้ ทั้งแผงกลางจะเข้ามาเบียด และแย่งบอลตั้งแต่จังหวะแรกที่ผู้เล่นยูไนเต็ดได้จับบอล ไม่ต้องรอให้พลิก หรือบังบอล แค่เห็นว่าบอลมาทางใคร ก็จะมีผู้เล่นเจ้าบ้านเข้ามายืนหายใจรดต้นคอทันที และเบียด แซะ รวมทั้งกระแทก ตั้งแต่จังหวะจับบอลครั้งแรกทันที จะสังเกตว่า ผู้เล่นแมนยู แทบไม่มีโอกาสพักบอลเลย จะถูกแซะ ถูกเบียดตลอดเวลา และนั่นเอง คือจุดเริ่มต้นของหายนะ เมื่อพักบอล บังบอลไม่ได้ การทำเกมก็รุกขึ้นหน้าไม่ได้แน่นอน และทำให้แบ๊กโฟร์เจ้าบ้าน เล่นง่ายขึ้นเยอะ

จุดที่สอง การเล่นเกมแดนกลางของเจ้าบ้าน นัดนี้ แผงกลางของเจ้าบ้าน คล้ายๆกับถูกสั่งมาอย่างดี ว่าไม่ต้องทำเกมมากนัก เน้นการทำลายเกมแดนกลางของยูไนเต็ดเพียงอย่างเดียว โดยเน้นไปที่การเข้าสกัดหนัก และประกบติดผู้เล่นแต่ละตัว อีกทั้ง เม็กสันรู้ดีว่า เกมของยูไนเต็ด อาศัยการขึ้นเกมของฟูลแบ๊ค โดยเฉพาะจากทางซ้ายที่มีเอวร่า ยิ่งนัดนี้ รูนี่ย์ กับโรนัลโด้ไม่อยู่ เม็กสันคงคาดการณ์ไว้ว่าเอวร่าน่าจะมีบทบาทมาก จึงให้เควิน เดวี่ส์ ตามติดทุกฝีก้าว ไม่ให้มีโอกาสพลิกบอลได้ เพราะเอวร่านั้น คล่อง และทางบอลดียิ่งกว่าปีกเสียอีก ผลก็คือ เอวร่าไปไม่เป็นเลย มีจังหวะดีๆเพียงสองสามครั้งเท่านั้นตลอดเกม แต่หนึ่งในนั้น ก็เป็นจังหวะที่เตเวซพลาดซะงั้นครับ และจังหวะนั้น ก็เป็นหลังจากที่เปลี่ยนเอาเดวี่ส์ออกไปแล้วด้วย

การขึ้นเกมของโบลตัน จะเห็นได้ว่า เม็กสันรู้ดี ว่า ฮาร์กรีฟส์ และคาร์ริค มีจุดเด่นตรงไหน เขาจึงไม่ได้เน้นให้ลูกทีมขึ้นเกมผ่านตรงกลางสนาม แต่มักจะให้ออกไปทางปีก ให้ดิยุฟ และโนแลน ถ่างออกไปเล่นทางกว้างมากขึ้น เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคู่กลางของยูไนเต็ด และก็เป็นจุดที่ทำได้ถูกต้องเมื่อ การโจมตีของโบลตัน มักออกไปที่ริมเส้น และหักเข้ากลาง โดยมี กูทรี่ และ อาเนลก้า คอยป่วนอยู่หน้ากรอบ และมักจะใช้การวางบอลผ่านกลางสนามทีเดียว เพื่อเลี่ยงการถูกตัดเกมในแดนกลาง ทำให้รูปเกมในนัดนี้ คาร์ริคหายไปเฉยๆ ต้องคอยเรียกหาบอล หรือไม่ก็ลงไปล้วงมาจากหน้ากรอบบ่อยๆ ขณะที่ฮาร์กรีฟส์ ก็ต้องฉีกไปไล่ตัดเกมบริเวณริมเส้นบ่อยครั้ง เพราะผู้เล่นในแนวรุกของเจ้าบ้านทั้ง โนแลน อาเนลก้า ดิยุฟ หรือแม้แต่ กูทรี่เอง ก็สูงใหญ่ และเก็บบอลได้ดี นี่เองเป็นจุดที่สองที่ทำให้เราขึ้นเกมรุกไม่ได้ดังใจ เพราะกลางไม่ค่อยอยู่ในตำแหน่งที่เล่นได้ถนัด เวลาได้บอล อีกทั้งเวลาได้บอลก็ไม่สามารถพลิกได้เลย เพราะผู้เล่นเจ้าบ้านมาประกบติดตัวทันที


เมื่อเกมของโบลตันมาทางปีก และมักจะมาทางเอวร่า ซึ่งเติมเกมสูงบ่อยครั้ง ทำให้ หลายๆครั้ง ตั้งแต่นาทีแรกๆเลยครับ ที่ปิเก้ ต้องไปซ้อนในตำแหน่งเอวร่า ที่ลงไม่ทันในหลายๆจังหวะ และเมื่อปิเก้ ที่ถือว่ายังใหม่อยู่มาก กับเกมพรีเมียร์ลีก ต้องเจอลูกหนัก ลูกเร็ว และเทคนิคของอาเนลก้า กับโนแลนบ่อยครั้งเข้า ยิ่งทำให้เขาออกลูกเกร็งมากขึ้น จะเห็นได้ชัดเจนมากจากจังหวะเสียประตู ปิเก้ เล็งลูกเปิดของคัมโป้ตาเขม็งทีเดียว และคงคิดว่าน่าจะชิงโหม่งสกัดได้ก่อนที่บอลจะมาถึงอาเนลก้า แต่กลายเป็นว่าเขากังวลมากซะจนอ่านน้ำหนักบอลผิดไป ทำให้กะจังหวะขึ้นเทคผิดอย่างไม่น่าให้อภัย และก็วืดในที่สุด นอกจากจังหวะนี้แล้ว ยังมีอีกหลายครั้ง ที่ปิเก้แสดงให้เห็นว่าเกร็งเกินไป จนอ่านเกมติดๆขัดๆ สกัดผิดพลาดบ่อยๆ


นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ เราได้เห็นว่า เกมนี้ เราไม่ควรชนะด้วยประการทั้งปวง แม้แต่เสมอก็ไม่คู่ควร เพราะโบลตัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีมากกว่า กระหายในชัยชนะมากกว่า และมุ่งมั่น ที่จะเอาบอลมาให้ได้มากกว่าเรา เราคงลืมไปแล้วว่า เราเองต่างหาก ที่ใช้เกมหนักเข้าบดบี้กับคู่แข่งที่อยู่ในคลาสเดียวกันและเหนือกว่ามาโดยตลอด เช่นที่ใช้กับอาร์เซนอลมาแล้ว เราเองที่ลืมไปว่า เกมหนักๆเช่นนี้ เราก็เล่นมาบ่อยๆ และท่านเซอร์เอง ก็คงลืมไปว่า การที่เจ้าบ้านมาเล่นเกมหนักเช่นนี้ คาร์ริค กับฮาร์กรีฟส์ ไม่ใช่ผู้เล่นในสไตล์ที่จะต่อกรกับการเล่นในลักษณะนี้ เพราะทั้งคู่เป็นมิดฟิลด์สไตล์คลาสสิคมากกว่าที่จะเป็นแบบดุเดือดเลือดพล่าน โอเคครับ ที่ฮาร์กรีฟส์ เป็นตัวรับ แต่เขาไม่ใช่ตัวรับประเภทที่เข้าสกัดและสู้กับเกมหนักๆได้เด่นเท่าไหร่ และตอนนี้ มิดฟิลด์ที่จะเล่นแบบนี้ได้ดี คือสโคลส์ ที่ก็ดันยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ

นั่นเองที่ท่านเซอร์คงดูแล้วว่า แดนกลางเราติ๋มเกินไปที่จะเล่นกับโบลตัน และ ก็คงรู้อีกเช่นกันว่า โบลตันเล่นออกข้าง และสาดผ่านกลางสนามบ่อยๆ ทำให้แดนกลางเราขาดการสัมผัสบอลบ่อยเท่าที่ควร และทั้งหมดนั้น ก็คือการส่งอันแดร์สันลงมาแทนปิเก้ และดูเหมือนจะปรับหมากให้บราวน์มายืนคู่ริโอ เอาฮาร์กรีฟส์กับอันแดร์สันลงต่ำมาสกรีนเกมทางปีกและเกมเปิดผ่านกลางของโบลตัน คาร์ริคเปลี่ยนมาเป็นตัวเชื่อมเกม คอยจ่ายขึ้นหน้าหรือออกปีก ซึ่งเกมดีขึ้นมาก เมื่อมีคนคอยตัดบอลอย่างได้น้ำได้เนื้ออย่างอันแดร์สันลงมาช่วย อีกทั้งอันแดร์สันยังมีไหวพริบการอ่านเกมที่เฉียบขาด สามารถตัดบอลและจ่ายบอลสวยๆให้แนวรุกได้หลายต่อหลายครั้ง


การเปิดบอลของอันแดร์สัน คือสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากที่เห็นเช่นนี้ ป๋าเองก็คงเซ็งตัวเองเหมือนกัน ที่ไม่เอาอันแดร์สันลงน้ำแต่แรก ความกระหาย ความมุ่งมั่น และการอ่านเกมทั้งรุกและรับ รวมทั้งความขยัน ทุ่มเท อันแดร์สันพกลงสนามมาหมดทุกอย่าง จนผมเอง อดคิดไม่ได้เลยว่า อันแดร์สันมันลงมาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่กลับทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าฮาร์กรีฟส์กับคาร์ริคทั้งเกมอีกต่างหาก ฮาร์กรีฟส์นั้น ยังพอจะกลับมาให้เห็นบ่อยขึ้น เมื่อช่วยกันกับอันแดร์สัน และการได้ส่องฟรีคิกสองสามจังหวะ แต่คาร์ริคนั้น กลับเงียบไปจริงๆครับนัดนี้ ซาฮาเองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าเป็นตัวพักบอลที่ดี เมื่อถูกล็อคตายจากไมเต้ตลอดเกม เตเวซซึ่งเป็นหน้าต่ำด้วย จึงต้องวิ่งมากขึ้น ทั้งลงมาล้วงลูก ทำเกมเอง ทั้งด้านซ้ายด้านขวา แต่การพลาดช็อตนั้น มันตำตาเกินกว่าที่จะให้อภัยจริงๆครับ เจ้าตัวเองก็ทราบดี และก็คงนอนไม่หลับเหมือนกัน

หากเตเวซไม่พลาด อีกยี่สิบนาทีที่เหลือ น่าจะมีอะไรมันๆกว่านี้เกิดขึ้นให้ได้ลุ้นกัน แต่อย่างว่า ฟุตบอลเกิดขึ้นในโลกของการที่ไม่มีคำว่า “ถ้า” ในเมื่อพลาดไปแล้ว ก็ต้องสู้ต่อไป และการที่ผมเห็นฮาร์กรีฟส์ปั่นฟรีคิก ผมยิ่งอยากให้เจ้าโด้มันเลิกปั่นเข้าไปใหญ่ ทั้งวิถี และความโค้ง ความฮุก มันชวนให้ลุ้นมากกว่าของโด้เยอะครับ



นัดนี้ ผมให้อิบัน คัมโป้ เป็นแมน ออฟเดอะแมทช์อย่างเต็มหัวใจ เขาเป็นหัวใจในการบงการเกมของโบลตันอย่าง
แท้จริง และเป็นตัวหลักในการคุมแผงกลางเพื่อต่อกรและสู้กับยูไนเต็ดได้อย่างสมควรที่จะเป็นผู้ชนะแล้วครับ ส่วนฝั่งผู้มาเยือน ผมให้อันแดร์สันครับ เพราะอันแดร์สัน เป็นคนพลิกเกมยูไนเต็ดให้กลับมาได้อย่างแท้จริง ถึงจะไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา แต่ผลงานเขาเข้าตาผมจริงๆ และหากเขาพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อันแดร์สันนี่แหละ ที่น่าจะเป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวจริงในอนาคตครับ สำหรับอาเนลก้า ผมกลับมีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่ามันจะคล้ายๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเตเวซครับ ผมดูแล้วมันคุ้นตามากๆ กับสิ่งที่อาเนลก้าแสดงให้เห็น และสิ่งที่เตเวซเคยแสดงให้เห็น เอาเป็นว่า ไปลุ้นกันตอนมากราคมก็แล้วกันครับ


ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ผมเองคงไม่โทษใคร นอกจากความมุ่งมั่น และทุ่มเท ที่ดูจะน้อยไปสักหน่อยสำหรับผู้เล่นที่ได้ชื่อว่า เป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกว่าที่จะแสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ดังกล่าว มันก็ผ่านเลยไปเป็นชั่วโมง โดยที่น้องใหม่อย่างอันแดร์สันซะอีกที่เป็นตัวกระตุ้นความฮึกเหิมให้กลับมา แต่มันก็สายเกินไป และทำให้เกมของโบลตันนั้น มั่นใจเกินกว่าจะพลาดได้ง่ายๆไปแล้วครับ

อีกอย่างหนึ่ง ผมเองก็มีมุมมองคล้ายๆคุณกระบี่เก้าสำเนียง ตรงที่ว่า เกมของยูไนเต็ด นั้น มันผิดธรรมชาติมาได้ระยะหนึ่งแล้ว กับการเล่นในฟอร์มที่พีคอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเป็นสิบนัดเช่นที่ผ่านมา และผมเองยังคงมองในแง่ดีว่า เรามาพบกับวันออฟ ในช่วงที่ผู้เล่นเจ็บไปพอดี รูนี่ย์ น่าจะลงมาได้ในวันที่ 3 ธันวาคมที่จะเปิดโรงละครเจอกับฟูแล่ม และก่อนหน้านั้น คือเกมวันที่ 27 พรุ่งนี้ ที่จะเปิดบ้านรับลิสบอน ซึ่งไม่มีผลอะไรแล้ว ดังนั้น การพบกับเกมออฟ ในวันออฟ เมื่อวันเสาร์ ยังคงมีมุมมองที่ดีเหลืออยู่ อย่างน้อย มันก็ไม่ใช่การเสียแต้มให้ทีมลุ้นแย่งแชมป์ และ ยังคงเป็นเดือน พฤศจิกายน อีกทั้งเกิดในช่วงที่มีตัวหลักเจ็บเยอะ ซึ่งหากเรากลับมาได้ในเกมวันที่ 3 ธันวาคม เราก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์เต็มตัวครับ

เพราะ หลังจากนี้ไป เกมทีมชาติก็จะห่างหายไปพักใหญ่ๆเลย เมื่อรวมกับการไม่มีลีกคัพต้องลงสนาม และเข้ารอบบอลยุโรปไปแล้ว น่าจะทำให้เรามีสมาธิกับเกมลีกมากขึ้น และช่วงคริสต์มาสต่อเนื่องปีใหม่นี้เอง ที่เป็นช่วงทำแต้มของเรามาตลอด เมื่อผนวกกับช่วงมกราคม ที่มีคิวเตะ แอฟริกัน เนชั่นส์ ที่เราไม่มีส่วนร่วมใดๆเลย เราน่าจะได้ลุ้นยาวๆอีกสักเฮือก เพื่อกลับมาชิงจ่าฝูงนะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนจะฝันหวานไปถึงตรงนั้น อันดับแรก เราต้องแสดงคาแรกเตอร์ออกมาก่อน ว่าสมควรหรือไม่ ที่จะป้องกันแชมป์ ด้วยการกลับมาให้ได้เร็วที่สุด และจะดีมาก หากเราคัมแบ๊กได้ในวันพรุ่งนี้ทันที ด้วยสกอร์ที่สวยๆสักหน่อยครับเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจกลับคืนมา


พบกันใหม่ สวัสดีครับ



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2550 9:34:31 น.
Counter : 479 Pageviews.

1 comments
  
เห็นด้วยทุกเรื่องเลยครับ
แต่ผมว่าคนที่น่าตำหนิมากที่สุด ในเกมนี้ ไม่ใช่ปิเก้นะครับ แต่เป็น หลุยส์ ซาฮา ที่อุตส่าห์ได้โอกาสลงสนาม แต่เขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นกองหน้า ตัวเป้าที่จะสร้างสรรค์ในการฉีกเกมรุกคู่แข่งได้เลย โดยเฉพาะในยามที่เจอกับเซนเตอร์ที่ประกบติด

ความกระหายที่จะทำประตูของเขา ก็แทบไม่มีให้เห็นเลย กระทั่ง "ความพยายาม" ในการประสานงานกับเตเวซก็ไม่มีให้เห็น ในเมื่อรูปเกมที่กองกลางเราโดนบี้ แบ็คที่จะมาเติมก็โดนเล่นหนัก ก็เหลือแต่ศูนย์หน้าเท่านั้นที่จะต้องสมควรมองเห็นเกม และทำลายจังหวะในเกมรับของคู่แข่งให่ได้ อย่างน้อยก็เพื่อให้กลางของคู่แข่งพะวงห่วงหลังได้มากว่านี้

มกราคมนี้ ซาฮา ควรจะลองหาทีมใหม่ ที่จะทำให้เขากลับมาเป็นกองหน้าที่เฉียบขาดอีกครั้ง

แต่คงไม่ใช่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด อีกแล้วล่ะครับ


โดย: จีโน่ IP: 202.142.193.15 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:47:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด