20080522 วิพากษ์ MAN UNITED vs CHELSEA in UCL
สวัสดีครับ ทุกๆท่าน สุขสมหวังกันอย่างไร ก็เข้ามาพูดคุยกันได้เต็มที่นะครับ หลังจากที่ยูไนเต็ดก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ถ้วยสูงสุดของยุโรปได้เป็นสมัยที่สามไปอย่างสุดตื่นเต้นเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมานะครับ วันนี้ ผมจะคุยสั้นๆพอให้ได้อรรถรส ในด้านรูปเกมการแข่งขันที่เกิดขึ้นกันพอหอมปากหอมคอ
การจัดตัว ก็ค่อนข้างพลิกโผพอสมควร ที่ไม่มีพาร์ค ชี ซอง ทั้งในตัวจริงและบนม้านั่งสำรอง แต่ทีมที่จัดลงมาก็ถือได้ว่าเป็นชุดใหญ่เต็มเหนี่ยวเลยทีเดียว โดยไลน์อัพทีแรก ผมนึกว่าเป็น 4-3-3 แต่เมื่อดูเกม ก็กลายเป็น 4-4-2 ตามกราฟฟิคที่ขึ้นมาทางจอทีวีครับ นั่นคือ
รูนี่ย์ เตเวซ
โรนัลโด้ สโคลส์ คาร์ริค ฮาร์กรีฟส์
เอวร่า วิดิช ริโอ บราวน์
ซาร์
ส่วนทางเชลซี ก็มาในรูปแบบ 4-3-3 ตามถนัด และถือเป็นชุดใหญ่ที่ปรับเอา เอสเซียงไปยืนแบ๊คขวาเหมือนนัดหลังๆเช่นเดิมครับ สามตัวรุกใช้ มาลูด้า ดร็อกบา และโจโคล กองกลางมี บัลลัค แลมพาร์ด และ มาเกเลเล่ แผงแบ๊คโฟร์ใช้ เอสเซียง เทอร์รี่ คาร์วัลโญ่ และ แอชลี่ย์ โคล มีปีเตอร์ เช็ค เฝ้าเสา
ซึ่งผมมองว่า หากเป็นการชิงกับทีมยุโรปทีมอื่นๆ พาร์ค น่าจะมีชื่อแน่ๆ อย่างน้อยก็น่าจะอยู่บนม้านั่งสำรอง แต่เมื่อเป็นการเจอกับเชลซี ทีมจากอังกฤษด้วยกัน ที่น่าจะเน้นลูกหนักและลูกแข็งแกร่งในการเบียดปะทะกันเป็นหลัก พาร์คอาจจะไม่เหมาะนัก ท่านเซอร์จึงเลือกที่จะตัดพาร์คออกไปจากทีม อันนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ครับ
เริ่มเกมครึ่งแรกมาในช่วงสิบนาทีแรก เกมยังคงรัดกุม ผลัดกันขึ้นเกมรุก และครองบอลกดดันอีกฝ่ายอย่างสูสี แต่เมื่อผ่านสิบนาทีแรกไปแล้ว ยูไนเต็ดก็ครองเกมได้อย่างเด็ดขาด เปิดเกมรุกกดดันเชลซีได้อย่างต่อเนื่อง สโคลส์และคาร์ริคบงการเกมตรงกลางได้อย่างแข็งขันและเปิดป้อนให้กองหน้ากับปีกพาบอลเข้าทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่เชลซีต้องตั้งรับและเน้นเกมโต้กลับ
เกมของยูไนเต็ด ท่านเซอร์นั้นแก้เกมรับของเชลซีที่เน้นให้ แอชลี่ย์ โคล มาปิดการทำเกมของโรนัลโด้ได้ในแบบที่เรียกว่านึกไม่ถึงกันเลยทีเดียว ด้วยการสลับให้โรนัลโด้ มาขึ้นเกมทางซ้ายเป็นหลัก และให้ฮาร์กรีฟส์คอยเติมทางขวาแทน การแก้เกมลักษณะนี้ ทำให้เอสเซียงทางซ้ายต้องรับบทหนัก และโดนโรนัลโด้กระชากหายหลายต่อหลายครั้ง และประตูขึ้นนำก็มาจากการที่สโคลส์เล่นชิ่งหนึ่งสองทางกราบขวากับบราวน์ ก่อนที่บราวน์จะเปิดด้วยซ้ายเข้าไปเสาสอง เอสเซียงขยับมาหน้าโรนัลโด้แต่กลับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เมื่อบอลข้ามหัวเขาไปเข้าหัวโรนัลโด้ที่ขึ้นเทคโล่งๆ โหม่งเบียดเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เกมของเชลซีก็ช็อตไปดื้อๆ และโดนยูไนเต็ดกดดันอยู่ตลอด หวุดหวิดจะได้ประตูที่สองหลายครั้ง แต่ก็เป็น ปีเตอร์ เช็ค ที่สามารถปัดป้องการยิงจากเตเวซ และคาร์ริคไว้ได้ แต่จากลูกโต้กลับในนาทีสุดท้าย เอสเซียงได้จังหวะส่องไกล บอลแฉลบกองหลังยูไนเต็ดก่อนจะกระทบหลังริโอ กระดอนมาเข้าทางปืนแลมพาร์ด ยิงเข้าไปให้เชลซีตีเสมอได้สำเร็จก่อนหมดเวลาเล็กน้อย ทำให้ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ หนึ่งต่อหนึ่ง
เริ่มครึ่งหลัง ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวเกิดขึ้น แต่แกรนท์ได้โชว์ทักษะการแก้เกมโดยไม่ได้เปลี่ยนตัวได้เข้าตาผมดีมาก เมื่อเน้นให้กองกลางมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น บัลลัค และมาเกเลเล่ ลงไปช่วยซ้อนฟูลแบ๊ค โดยเฉพาะด้านเอสเซียงที่ต้องเจอโรนัลโด้ตลอด จะมี บัลลัคบ้าง โจ โคลบ้าง ลงไปซ้อนตลอด นอกจากนี้ เมื่อการวางบอลยาวให้ดร็อกบาในครึ่งแรกไม่เป็นผล แถมทำให้แผงหลังยูไนเต็ดตัดบอลได้ง่ายๆตลอดนั้น แกรนท์ได้เปลี่ยนแท็คติคให้ออกบอลภาคพื้นเร็วขึ้น จากกลางขึ้นหน้า และให้กลางเติมเกมสูงมากขึ้น บัลลัคมีส่วนร่วมเติมเกมริมเส้นมากขึ้น และถ่างไปเล่นทางกว้างเพื่อเปิดช่องว่างในแผงหลังยูไนเต็ดมากขึ้น
การแก้เกมของแกรนท์ในครึ่งหลังนับว่าทำได้ดีมากๆ ประกอบกับยูไนเต็ดเริ่มเน้นการเล่นแบบประคองเกมมากขึ้นด้วย ยิ่งทำให้เกมรุกของเชลซีกดดันยูไนเต็ดได้ดีมากขึ้นจริงๆ นักเตะเชลซีโดยเฉพาะกองกลางไล่บี้แย่งบอลจากนักเตะยูไนเต็ดได้ตลอดและเดินเกมรุกเข้าทำได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเดินเกมทางริมเส้นและเจาะทะลุช่องรวมทั้งโอกาสส่องไกลจากแถวสอง เล่นเอายูไนเต็ดต้องลงไปตั้งรับแบบเต็มตัว โดยเฉพาะคาร์ริคและฮาร์กรีฟส์ ที่ต้องลงไปช่วยซ้อนและเก็บสกัดจังหวะสุดท้ายบ่อยๆ เชลซีหวุดหวิดจะได้ประตูขึ้นนำหลายครั้ง แต่ก็ติดเสาติดคาน รวมทั้งยิงนกตกปลาออกไปบ่อยๆในจังหวะสุดท้าย
ท่านเซอร์ปรับหมากก่อน ด้วยการส่งกิ๊กส์ลงมาแทนสโคลส์ในนาทีท้ายๆ เมื่อสโคลส์ยังคงมีอาการบาดเจ็บเลือดออกจมูกจากการปะทะกับมาเกเลเล่ นั่นทำให้กิ๊กส์ทำสถิติลงสนามให้แมนฯยูฯมากนัดที่สุดแซงหน้าเซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตันไปเรียบร้อย แต่จนแล้วจนรอด ทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป ซึ่งยูไนเต็ด เปลี่ยนเอานานี่ และอันแดร์สันลงมาแทนรูนี่ย์และบราวน์ ส่วนทางเชลซีได้ส่งกาลู, อาเนลก้า และเบ็ลเล็ตติ ลงมาแทน มาลูด้า, โจ โคล และมาเกเลเล่ ซึ่งในช่วงการต่อเวลานั้น เกมของแมนฯยูฯก็กระเตื้องขึ้นมาบ้าง มีจังหวะสวนกลับสวยๆให้ได้เห็น แต่ทั้งคู่ก็ทำอะไรเพิ่มอีกไม่ได้ ต้องมาตัดสินด้วยจุดโทษในที่สุด
ซึ่งการดวลจุดโทษนั้น แมนฯยูไนเต็ดได้ยิงก่อนเชลซี และพอจะสรุปได้ดังนี้ คือในห้าคนแรก โรนัลโด้พลาดก่อน จากการยิงเป็นคนที่สาม ทำให้เชลซีได้เปรียบ แต่เทอร์รี่ที่ยิงเป็นคนที่ห้ากลับลื่นเสียหลักและยิงออกข้างไป ทำให้ห้าคนแรก เสมออยู่ที่ 4:4 จากนั้นก็เป็นการดวลแบบ sudden dead ซึ่งกลายเป็นอาเนลก้า ที่ยิงปิดท้ายไปถูกน้าซาร์เซฟไว้ได้ ส่งผลให้ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปเป็นครั้งที่สามได้สำเร็จในที่สุดครับ
หลังจากจบเกม ผมก็นั่งดูบรรยากาศการฉลองผ่านทางการถ่ายทอดสด ซึ่งได้เห็นภาพ จอห์น เทอร์รี่ ร้องไห้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้รู้สึกสงสารไม่ใช่น้อย เมื่อเขาเป็นกัปตันทีม และแบกรับภาระทุกอย่างของทีมไว้บนบ่า แต่กลับเสียหลักในจังหวะที่สำคัญที่สุดของเกม ทำให้พลาดโอกาสคว้าชัยชนะไปอย่างน่าเสียดายที่สุด ความผิดหวังครั้งนี้ของเทอร์รี่ นับว่าน่าเห็นใจมากทีเดียว
นอกจากนี้ ระหว่างเกมการแข่งขัน ยังมีการปะทะนอกเกมกันอยู่เรื่อยๆ มีใบเหลืองปลิวออกจากกระเป๋าลูบอส มิเชล เป็นระยะๆ รวมทั้งจังหวะของดร็อกบาที่โดนใบแดงจากการตบหน้าวิดิชในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกด้วย แต่นั่นก็คือส่วนหนึ่งของเกมที่เกิดขึ้น ผลจากตรงนั้นอาจส่งผลต่อเกมบ้าง หากดร็อกบาคือหนึ่งในลิสต์ผู้ยิงจุดโทษ ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเขาจะเป็นผู้ยิงหรือไม่ แต่เมื่อถูกใบแดงออกไปแล้ว นั่นก็คือจุดเปลี่ยนเล็กๆอันหนึ่งของเกมเช่นกัน และยิ่งถ้าหากเขาถูกวางให้เป็นมือที่ห้าแทนเทอร์รี่ นั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยทีเดียวก็เป็นได้
จากเกมนี้ ผมขอยอมรับในฝีมือของแกรนท์และผู้ช่วยอย่างเต็มที่เสียที หลังจากที่ได้เห็นรูปเกมที่เปลี่ยนไปในครึ่งหลังของเชลซี ที่ทำได้ดีมากๆ สามารถปิดจุดอ่อนของตัวเองในครึ่งแรกได้หมดจด และยังเปิดแผลในแผงหลังยูไนเต็ดได้เรื่อยๆอีกด้วย ตรงนี้ แกรนท์น่าจะได้เครดิตไปเต็มๆสักทีนะครับ
สุดท้ายนี้ นอกจากจะขอชื่นชมทีมเชลซีทั้งทีม ที่ต่อสู้ได้เต็มที่แล้วจริงๆ ก็ยังขอชื่นชมนักเตะยูไนเต็ด ที่สามารถต้านทานพายุการบุกกระหน่ำจากเชลซีได้เป็นอย่างดี
และท้ายที่สุด ผมขอฉลองชัยชนะนี้...ที่รอคอยมาเก้าปี เป็นการฉลองดับเบิ้ลแชมป์อีกครั้ง อย่างยิ่งใหญ่ครับ...
สงบใจ
วิพากษ์...ปิดท้ายฤดูกาล 2007-2008