20090506 วิพากษ์ ARSENAL vs MAN UNITED in UCL Semifinal 2nd leg Were marching to ROME, w/o Fletch? สวัสดีครับ เกือบจะเป็นเพอร์เฟคท์มอร์นิ่งอยู่แล้วเชียว หรับเช้าสดใสวันนี้ เพียงแต่ใบแดงเมื่อคืนมันทำร้ายจิตใจกันมากไปนิด ซึ่งผมจะขอไปต่อยอดเรื่องนี้ในบทวิพากษ์นะครับ ทุกๆท่านที่เป็นสาวกอสูรสามง่าม หากพูดกันเฉพาะผลการแข่งขัน ก็คงถูกอกถูกใจกันตั้งแต่สิบห้านาทีแรกแล้วล่ะ เราสามารถฝ่าด่านทดสอบโหดหินนี้ไปได้ และทำให้เพ่งสมาธิไปที่เกมลีกในประเทศได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดการแข่งขันที่เหลือ ก่อนจะไปชิงดำเจ้ายุโรปที่โรมกันเป็นนัดสุดท้าย สำหรับเกมนี้ ออกจะมีเซอร์ไพรส์ในการจัดตัวเล็กๆ โดยท่านเซอร์ปรับทัพจากชุดที่ต้อนปืนไม่ขาดในบ้านมาเพียงตำแหน่งเดียว คือเลือกพาร์ค ชี ซอง มาแทนคาร์ลอส เตเวซ แต่มีการปรับหมากการยืนของบุคคลเล็กน้อย โดยให้น้าซาร์คัมแบ๊คมาเฝ้าเสา แผงหลังเป็นชุดที่ดีที่สุดตอนนี้ ปาทริซ เอวร่า, เนมานย่า วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ จอห์น โอเชีย มิดฟิลด์ตัวกลางสองตัวใช้ไมเคิล คาร์ริค และ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ มีอันแดร์สันเป็นตัวรุก ริมเส้นด้านซ้ายให้เวย์น รูนี่ย์ รับบทบาทนี้อย่างต่อเนื่องเป็นนัดที่สามหรือสี่แล้ว และปาร์คยืนกราบขวา ทิ้งโรนัลโด้ห้อยเป็นหน้าเป้า ส่วนทางด้านกุนซือมาดละเมียดนั้น ปรับเล็กน้อยเช่นกันจากนัดที่พบกันสัปดาห์ก่อน เอาโยฮัน ฌูรู ลงมายืนเซ็นเตอร์แทน ซิลแวสตร์ โดยจับคู่กับ โคโล่ ตูเร่ ฟูลแบ๊คยังคงเป็น บาการี่ ซาญ่า และ คีแรน กิ๊บบส์ อัลมูเนียยังคงเฝ้าเสาตามปกติ มิดฟิลด์ตรงกลางใช้ เชส ฟาเบรกาส, อเล็กซ์ ซง และ ซามีร์ นาสรี่ ริมเส้นด้านซ้ายได้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ คัมแบ๊คมายืน และ ด้านขวายังคงเป็น ธีโอ วัลคอตต์ หน้าเป้าไว้ใจ เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์เหมือนเดิม เริ่มเกมเกมเริ่ม อย่างที่คาดไม่มีผิด อาร์เซน่อลปรับโหมดอีดิทค่าความเร็วมา ติดเทอร์โบเร่งรอบเครื่องแรงตั้งแต่ออกตัวทีเดียว ทุกคนเข้าหาบอลเร็วมาก และกดดันผู้เล่นยูไนเต็ดทุกจังหวะ พยายามบีบให้ยูไนเต็ดต้องเร่งเกมตลอด เพื่อที่จะให้เกิดความผิดพลาด และไม่ให้ยูไนเต็ดชลอเกมเพื่อดึงช้าตามสไตล์ทีมนำที่ไม่จำเป็นต้องเล่นรุกมากนัก แต่เหมือนป๋าก็คาดมาแล้วว่าจะเจอแบบนี้ จึงเห็นว่านักเตะเราไม่ได้มีลุกลี้ลุกลนหรือตื่นตกใจ กลับพยายามถ่ายบอลไปมาตามที่ว่าง หรือตั้งแนวรับสองชั้นอย่างใจเย็น เป็นระบบ อาร์เซน่อลมาได้เสียวก่อนจากลูกยิงที่แฉลบแบบเบิ้ลๆ โดนวิดิชแล้วเด้งไปโดนริโอย้อนมาเสาแรก ดีที่หลุดกรอบออกไป แต่น้าซาร์ก็ถึงกับเหวอแล้ว แต่ยูไนเต็ดยังคงเล่นอย่างใจเย็นและพยายามตั้งเกมของตัวเอง แม้อาร์เซน่อลจะครองเกมช่วงต้นได้ดีมากๆก็ตาม บอลรุกเร็วของยูไนเต็ดกลับสำแดงเดชได้ก่อน เพียงแปดนาที อันแดร์สันจ่ายบอลออกซ้ายให้โรนัลโด้ควบไปถึงเส้นหลัง ตบกลับย้อนเข้ากลาง ลูกเลยถึงเสาสองตัดหลังกิ๊บบส์ เจ้าตัวพยายามเบรคแล้วแต่กลับล้มลง ทำให้ปาร์คที่ตามมาข้างหลังแต่งดึงจังหวะก่อนล้มตัวยิงข้ามอัลมูเนียเข้าไปได้ จากนั้นแค่สามนาที ฟาน เพอร์ซี่ย์เข้าข้างหลังโรนัลโด้ กรรมการให้ฟรีคิก และโด้ก็ลุกขึ้นมาซัดระยะกว่า 35 หลา บอลพุ่งเสียบเสาซ้ายใกล้ตัวอัลมูเนียอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ชนิดที่เจ้าตัวพุ่งไม่ถึง ทำเอาบรรดากองเชียร์เจ้าถิ่นเงียบกันเป็นแถว เพราะตอนนี้ หากจะเข้ารอบก็ต้องคุยกันที่ สี่ประตู เท่านั้น ลูกที่สองนี้ส่งผลให้ยูไนเต็ดเล่นง่ายขึ้นเยอะ และเริ่มผ่อนเกมลงไป หันไปเล่นตามจังหวะเกมไปเรื่อยๆแทน อาร์เซน่อลปรับหมากทันที ด้วยการหุบฟาน เพอร์ซี่ย์เข้าตรงกลางมาเล่นกับบายอร์ ให้นาสรี่ออกมาเล่นทางกว้างมากขึ้น แต่เหมือนดาบสองคม เพราะบอลยังคงไปไม่ถึงข้างหน้า นั่นยิ่งทำให้ฟาน เพอร์ซี่ย์หายไปอีกคน บายอร์ต้องฉีกตัวเองออกมารับบอลทางกว้าง วัลคอตต์ก็ติดเอวร่าหนึบ เอาตัวรอดไม่ได้ โอเชียวันนี้ไม่เติมเลย ยิ่งทำให้กราบซ้ายของเจ้าถิ่นเดินเกมไม่ได้ แถมพอดัน RVP เข้าไปหน้ามากขึ้น นาสรี่เริ่มเล่นบทตัวฟรีซ้ายมั่งขวามั่ง ยิ่งทำให้เกมตรงกลางเป็นรองผู้มาเยือนเข้าไปใหญ่ ยูไนเต็ดตอนนี้ก็ถอนกำลังรุกเอาอันแดร์สันลงมายืนไล่ต่ำกว่าปกติร่วมกับเฟล็ทช์และคาร์ริค ยิ่งทำให้เกมของอาร์เซน่อลติดขัด บอลจากหลังไปถึงกลางยาก จากกลางไปหน้ายิ่งยากเข้าไปใหญ่ หันไปออกปีก ก็ตัดเข้าในหรือหาช่องทะลุทะลวงเข้ากลางไม่ได้ มันแน่นไปหมด ทำให้ต้องหันมาเล่นลูกวางยาวจากหลังบ้าง ครอสจากปีกบ้าง ซึ่งเข้าทางหอคอยคู่พิฆาตของยูไนเต็ด ที่เก็บกินเรียบ ยูไนเต็ดหันมาเล่นเคานท์เตอร์ แอ็ทแท็ค เต็มรูปแบบแล้ว แต่แฝงด้วยความเขี้ยวในการครองเกม เมื่อไม่มีช่อง ก็ไม่พยายามจบด้วยการยิง แต่เลือกจ่ายคืนหลัง ถ่ายบอลไปมา เล่นฆ่าเวลาเพื่อให้นักเตะเจ้าถิ่นต้องออกแรงไล่บอลมาสูงขึ้น แล้วค่อยจ่ายตัดเข้าในอีกที ซึ่งเป็นการเล่นที่บอกตรงๆว่า เข้าทางแท็คติคป๋าจริงๆ สวนเร็ว ออกปีก เข้ากลาง ยิงไม่ได้ คืนหลัง ออกทางกว้าง เปิดพื้นที่ ตบเข้ากลาง ทะลุช่อง ตัดหลังแบ๊ค ทำเอาโอกาสจบในครึ่งแรกของผู้มาเยือนมีเพียบ แต่อัลมูเนียยังเหนียวได้อีก ปัดลูกยิงรูนี่ย์ เซฟลูกฟรีคิกโรนัลโด้ เกมนี้โรนัลโด้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ฟอร์มของเขา เริ่มกลับเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มเล่นได้อย่างตอนพีคๆปีที่แล้ว และเริ่มกลับมาเป็น บิ๊กเกมเพลย์เยอร์อีกครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า การที่ กิ๊บบส์ พลาดในประตูแรก มีส่วนมาก ที่ทำให้กิ๊บบส์ออกอาการไม่มั่นใจตลอดครึ่งแรก ผิดจากเกมแรกไปมากทีเดียว เกมในครึ่งหลัง เวนเกอร์ถอดกิ๊บบส์ออก แล้วส่งเอบูเอ้ลงมาเล่นแทน หนึ่งน่าจะเพื่อปกป้องกิ๊บบส์จากการที่เจ้าตัวผิดพลาดแล้วเสียประตูอันทำให้เจ้าตัวเครียดจนส่งผลต่อเกมของโรนัลโด้และปาร์คในครึ่งแรกที่ดีขึ้นมาทันตาเห็น สองก็น่าจะเพื่อเอาประสบการณ์และความแข็งแกร่งของเอบูเอ้มาปิดทางด้านกราบซ้ายนี้ เกมครึ่งหลังก็ยังคงเป็นแบบเดิม อาร์เซน่อลครองเกมได้มากกว่า แต่หาทางเจาะไม่ค่อยได้มากนัก โอกาสยิงส่วนมากมาจากนอกกรอบ และไม่ได้มีความหวาดเสียว แถมยิ่งบุก ยิ่งกดดัน เกมโต้กลับของยูไนเต็ดกลับยิ่งทวีความอันตรายมากขึ้น โรนัลโด้ได้ตัดเข้าใน สับไกติดปลายมืออัลมูเนีย ก่อนจะมาได้ลูกที่สามเมื่อล่วงเข้าชั่วโมงเศษๆ เกมโต้กลับจากกรอบโทษตัวเอง โรนัลโด้ป้ายให้ปาร์คตรงกลางสนาม ปาร์คจ่ายนำขึ้นทางซ้ายให้รูนี่ย์ควบไปเอา และดึงตัวประกบไปได้สอง ก่อนจะปาดเรียดข้ามกลับมาทางขวาของกรอบ มีโรนัลโด้ที่วิ่งควบแซงตัวประกบเข้าไปกดเสยเพดานตาข่ายได้สำเร็จ ท่านเซอร์เก็บตัวนักเตะทันที เอากิ๊กส์ลงมาแทนอันแดร์สัน เอาเบอร์บาตอฟลงมาแทนรูนี่ย์ และเอาราฟาเอลลงมาแทนเอวร่า สองคนหลังนี้มีเหลืองติดตัว ท่านเซอร์จึงไม่เสี่ยงให้ชวดลงสนามนัดชิงจากโทษแบน จากการเปลี่ยนตัวนี้ ก็โยกโอเชียมาแบ๊คซ้าย ราฟาเอลยืนแบ๊คขวา กิ๊กส์และเบอร์บาตอฟลงมาเก็บบอลเพื่อปิดเกมโดยไม่ได้เน้นเกมรุกมากนัก เวนเกอร์เองก็ถอดเอาวัลคอตต์ออกเพื่อส่งเบนท์เนอร์ลงมาแทน ซึ่งการปรับหมากของสองกุนซือ ส่งผลให้รูปเกมออกมาผิดแผกจากเดิมไปเยอะ ความดุดันในการไล่ล่าบอลของเราลดน้อยลง การขาดหายไปของรูนี่ย์และอันแดร์สัน ส่งผลมากในการไล่เกมแดนกลาง และทางกราบซ้าย ทำให้อาร์เซน่อลครองเกมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยและสามารถหาจังหวะจบได้มากขึ้น ซึ่งผมมองว่า ป๋าไม่แคร์แล้วเมื่อถึงตรงนี้ เวลาร่วมยี่สิบนาที กับห้าประตู ที่อาร์เซน่อลต้องยิงเพื่อเข้ารอบ มันดูจะเกินเลยไปแล้ว ที่จะกังวลขนาดนั้น แต่กลับมีอุบัติเหตุในเกมจนได้ เมื่อบอลจากกราบซ้ายจ่ายเข้ามากลาง ฟาเบรกาสโฉบเข้ามารับโดยมีเฟล็ทเชอร์ตามมาติดๆ เฟล็ทเชอร์เหยียดขาสกัดบอลจากหลัง แต่ก็ไม่ได้ถูกที่บอลอย่างเดียว จังหวะสองได้กระแทกเข้าด้านหลังฟาเบรกาสด้วย ท่านเปาโรเซ็ตติไม่รอช้า เป่าปรี๊ดทันทีให้เป็นจุดโทษ และใบแดงช็อคแฟนๆผีก็ถูกแจกให้เฟล็ทช์ไปด้วยกัน การเสียลูกโทษและใบแดงนี้ ผมมองว่าเป็นความซวยครับ ซวยอย่างไร้ที่ติจริงๆ โรเซ็ตติที่ค่อนข้างเข้มงวดกับการเข้าแท็คข้างหลัง ซึ่งส่งผลดีต่อผู้เล่นยูไนเต็ดโดยเฉพาะโรนัลโด้ตลอด 75 นาทีแรก ก็กลับมาทำร้ายเราจนได้ หากจะมองว่าเฟล็ทเชอร์แหย่โดนบอลก่อน และไม่มีท่าทาง, มือไม้ หรือแม้แต่เจตนาที่จะดึงหรือทำฟาล์วฟาเบรกาส ก็ดูจะไม่ผิดแต่ประการใด หรือจะมองว่า เป็นการทำฟาล์วจากการเข้าข้างหลัง ซึ่ง ถึงแม้จะโดนบอล แต่ก็ไม่ได้เล่นรุนแรง หรือมีเจตนาจะทำฟาล์ว โรเซ็ตติจะให้จุดโทษบวกใบเหลืองข้อหาเข้าข้างหลังก็ยังได้ แต่ไม่ใช่กับโรเซ็ตติในวันนี้ ที่เข้มงวดกับการสกัดจากด้านหลังเป็นพิเศษ อันแสดงให้เราเข้าใจได้ไม่ยากว่า โรเซ็ตตินั้นเคร่งกติกามากๆ และคราวนี้ กรณีเฟล็ทเชอร์นี้ จากมุมที่โรเซ็ตติเห็น โรเซ็ตติก็กางตำราโปรเฟสชันนั่ล ฟาล์ว ออกมาใช้ตามความเข้มงวดของเจ้าตัว ที่เห็นว่าเฟล็ทช์เข้าจากด้านหลัง ซึ่งถึงแม้จะโดนบอล แต่เมื่อเป็นตัวสุดท้าย จังหวะคู่ต่อสู้กำลังยิง และเป็นการเข้าจากข้างหลังด้วย มันดูน่าจะเป็น โปรเฟสฯ ตามตำราเป๊ะๆ บวกกับกฎการทำฟาล์วจากด้านหลังโป๊ะๆ ที่อ้างอิงว่า ถึงจะโดนบอล แต่อาจก่ออันตรายต่อเพื่อนร่วมอาชีพ มันจึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งก็อย่างที่ผมบอก ซวยจริงๆครับ สำหรับเฟล็ทเชอร์ ไม่รู้สิครับ ผมเองก็หวังว่า จากภาพช้าหลายๆมุมมองที่เราได้เห็น ท่านเซอร์น่าจะทำอะไรสักอย่าง ที่สามารถผ่อนผันบรรเทาโทษเฟล็ทเชอร์ลงได้ จะเป็นการอุทธรณ์ หรือร้องเรียน หรืออะไรก็ตามแต่ เพราะจากภาพช้า ผมเองมองว่า มันไม่ได้เป็นจังหวะ 50:50 เลยด้วยซ้ำ เฟล็ทช์แหย่บอลไปก่อนตั้งครึ่งก้าวของฟาเบรกาส บอลหลุดไปไกลแล้วด้วยซ้ำ ก่อนฟาเบรกาสจะล้มตามแรงบวก ซึ่งมองได้ไม่ยากเลยว่า ค่อนข้างเป็นแฟร์ชาร์จ และหากเอาภาพช้านี้ไปให้โรเซ็ตติดู ในกรณีที่เจ้าตัวไม่ใช่กรรมการในสนามวันนี้ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าโรเซ็ตติจะถือเป็นแฟร์ชาร์จ แต่ก็เอาเถอะครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป เราก็คอยลุ้นอยู่ทางนี้เหมือนเดิม ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดไปแล้วได้มากนัก รูปเกมหลังจากอาร์เซน่อลได้จุดโทษ ที่ฟาน เพอร์ซี่ย์ซัดเข้าไปเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย จากนั้นเวนเกอร์ก็ส่งเวล่าลงมาแทน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ที่มีอาการเจ็บจากการปะทะ แต่ผมเองกลับมองว่าวันนี้ ฟาน เพอร์ซี่ย์ไม่ได้ฟิตเต็มถังเท่าไหร่นักนะครับ ลูกที่ใกล้เคียงที่สุดของอาร์เซน่อลเกมนี้ น่าจะเป็นลูกที่ตัวเขาลากตัดจากขวาเข้ามากดเต็มๆให้น้าซาร์ต้องทุบออกมานั่นแหละ เกมของอาร์เซน่อลเริ่มเดือดขึ้นเมื่อพยายามกดดันหนักใส่ทีมเยือน แต่ไม่สามารถเปิดสกอร์เพิ่มได้อีก จนในที่สุด ก็จบไปด้วยสกอร์นี้ รวมแล้วแมน ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 4:1 อ้อ ก่อนจะจบเรื่องเกมในวันนี้ ผมมีข้อความจากทางเว็บสกายสปอร์ตส์ ที่รายงานการแข่งขันเกมนี้อยู่ด้วยแบบนาทีต่อนาที ในนาทีที่ 80 ทางสกายได้ขึ้นข้อความดังนี้ในเว็บรายงานของเขาครับ 80 Uefa has apparently confirmed that there is no appeal allowed on this instance. Only on mistaken identity. สรุปว่า ไม่มีการอุทธรณ์ ยกเว้นในกรณี mistaken identity ซึ่งผมเดาเอาว่า เป็นการแจกของสมนาคุณจากท่านเปาให้ผิดฝาผิดตัว หรือแจกผิดใบ ยังไงรบกวนผู้เชี่ยวชาญกรณีนี้ ให้ความกระจ่างด้วยนะครับ ว่าไอ้ mistaken identity นี่มันหมายความตรงๆในเกมฟุตบอลว่าอย่างไรกันแน่ หลังเกมนี้ จิตใจผมห่อเหี่ยวลงไปมาก แทนที่จะได้ชื่นชมยินดีกับชัยชนะของทีมรัก แต่กลับต้องเห็นภาพเฟล็ทเชอร์ ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริงของทีม ถูกตะเพิดออกนอกสนามด้วยไดเร็คต์เร้ดการ์ด ทำให้เจ้าตัวต้องอดลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคีย์แมนตรงกลางสนามคนหนึ่ง ที่ช่วยฝ่าฟันมาจนถึงรอบนี้ได้ เฟล็ทเชอร์นั้น เล่นในเกมนี้และเกมที่แล้วได้โดดเด่นมากๆ สามารถไล่ตัดบอล ทำลายเกมคู่ต่อสู้ได้ชะงัด ช่วยให้งานของคาร์ริคเบาสบายตัวขึ้นเป็นกอง แถมการขึ้นเติมเกมรุกก็ดูดีมีชาติตระกูลขึ้นเยอะ จากที่เคยมองกันว่า อันแดร์สันดูดีกว่าเมื่อต้นซีซั่นที่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นเฟล็ทเชอร์ดีกว่าชนิดแอนนี่ยังไม่ติดฝุ่นด้วยซ้ำไป เพียงแค่การตัดสินใจชั่ววูบเท่านั้น ที่ทำให้เขาต้องฝันร้ายในเกมนี้ หากไม่แหย่ขาสกัด โอเคว่าอาจเสียประตู แต่ก็มีโอกาสที่น้าซาร์จะเซฟได้ ที่แน่ๆ เจ้าตัวจะไม่เสียฟาล์ว แต่ก็ป่วยการครับที่จะพูดถึงมากนักในตอนนี้ เพราะเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว ฤา นี่จะเป็นคำสาปของแมนฯยูไนเต็ด ในห้วงสมัยของเซอร์อเล็กซ์ ที่คีย์แมนจะมีอันเป็นไป ไม่ได้ลงสนามในนัดชิงขนะเลิศถ้วยยุโรปที่อุตส่าห์ฝ่าฟันมาถึง คราแรก สิบปีที่ผ่านมา ก็เป็นรอย คีน และ พอล สโคลส์ สองคีย์แมนกำลังหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนพายูไนเต็ดสยบม้าลายถึงตูริน ฝ่าฟันเข้าชิงได้ที่คัมป์นู แต่กลับต้องนั่งบนอัฒจรรย์เพื่อดูเพื่อนๆร่ายเวทมนตร์ในช่วงสามนาทีทดเจ็บ คว้าถ้วยใบโตมาครอบครอง ล่วงมาคราที่สอง ปีที่แล้วที่เพิ่งผ่านมา ก็มีปาร์ค ชี ซอง ที่เป็นคีย์แมนตัวจักรสำคัญ เป็นหนูถีบจักรร่ายเพลงแข้งในช่วงที่ว่ากันว่า ฟอร์มกำลังดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา แต่กลับเจอกำแพงที่มองไม่เห็น ถามไม่มีคำตอบ ลักพาตัวไปจากมอสโคว์ ชนิดที่ไม่มีชื่อแม้แต่สำรอง และเฟล็ทเชอร์เอง เกมดังกล่าวก็เป็นเพียงสำรองที่ไม่มีส่วนร่วมในสนาม มาครานี้ คราที่สามที่ป๋าพาลูกเข้าชิงที่โรม ถึงแม้พยายามจะเก็บตัวที่ติดใบเหลืองออกไป แต่หนุ่มดาร์เรนก็ดันมาดวงแตกซะก่อน...ฤา มันจะเป็นคำสาป ที่เฟล็ทช์จะได้รับเกียรติยศนี้ในคราหน้า ที่เข้าชิงได้อีกครั้ง โดยจะมีใครคนหนึ่งต้องคำสาปมาดวงแตกแทนที่ต่อไป เกมนี้ ผู้ที่ต้องขอชมเชย นอกจากโรนัลโด้ ที่เด่นที่สุดรองลงมาก็เฟล็ทช์นี่แหละครับ ตามด้วยปาร์ค ที่ยิงได้สองนัดติดต่อกัน หวังว่าด้วยแรงคำสาปที่ว่ามา ปาร์คจะได้ลงเป็นตัวจริงที่โรม ที่เหลือก็คือบรรดาผึ้งงานทั้งหลังและกลางทุกๆคน ผมขอชมเชยทุกๆคนอย่างเท่าเทียมกันครับ สำหรับทางอาร์เซน่อล ไม่นับอัลมูเนียที่ดันประมาทไปนิดกับลูกที่สองที่เสียไป ไม่งั้นคงต้องชมมากกว่านี้ ผมอยากเอ่ยถึงนาสรี่ ที่พล่านทำเกมโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และทำได้ค่อนข้างดี ต่างจากเชส ฟาเบรกาส ที่เงียบอีกแล้ว และเงียบเป็นเกมที่สองติดต่อกันทีเดียว ถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมายไปพอสมควรกับการหายไปของเชสในเกมนี้ แต่ที่ดูว่าจะทำอะไรไม่ได้เลยเทียบกับความคาดหวังก็คงเป็นวัลคอตต์นี่แหละ ที่เจอเอวร่าและรูนี่ย์ร่วมกันติดเบรคซะไปไม่เป็นตลอดเกมจนเวนเกอร์ต้องเลือกเบนท์เนอร์ลงมาแทนเขาในที่สุด จบจากเกมนี้ ก็ต้องขอยกย่องป๋าของเรา ที่วางหมากมาได้เนียนสุดๆอีกแล้ว รวมทั้งนักเตะที่เล่นได้อย่างมีวินัย รูนี่ย์อาจจะเงียบๆไปบ้าง ก็เพราะรู้ตัวว่าตัวเองติดโทษเหลืองคาอยู่ เช่นเดียวกับเอวร่า สองคนนี้พยายามระงับจิตใจตัวเอง ไม่เสียบคู่ต่อสู้ตลอดเกม เอวร่านั้นทำอย่างมากก็แค่ขวางไว้ ยิ่งรูนี่ย์ เขาไม่สไลด์แท็คเกิ้ลเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตรงนี้ต้องบอกว่า ท่านเซอร์กำชับนักเตะได้ดีจริงๆครับ และจากตรงนี้ หวังว่ามันจะส่งแรงผลักให้เราทำผลงานสี่นัดในลีกได้ดีอย่างต่อเนื่องด้วย หลังจากบรรดาดาราหลายๆคน ต่างไม่มีชื่อในเกมนี้ เตเวซ, สโคลส์, อีแวนส์, นานี่, ไม่ได้ลงสนาม เบอร์บาตอฟ, กิ๊กส์ และราฟาเอล ได้เล่นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็คงต้องขอให้ป๋าวางหมากดีๆลงมาตลอดห้าเกมที่เหลือของซีซั่นนี้ด้วย เพื่อเราจะได้ไม่ต้องบริหารหัวใจมากนัก มันอันตรายต่อสุขภาพน่ะครับ แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ |
บทความทั้งหมด
|