20080505 วิพากษ์ MAN UTD vs WESTHAM
สวัสดีครับผม กลับมาพบกันอีกแล้ว กับชัยชนะที่ผ่านพ้นไปได้พอสมควร เนื่องจากติดวันหยุดยาวอีกแล้ว ทำให้ผมมาพบทุกๆท่านช้าไปหน่อย หวังว่าคงจะไม่ว่ากันนะครับ นัดที่ผ่านไปนั้น ก็คือ นัดที่เราต้องเปิดบ้าน รับมือขุนค้อน เวสต์แฮม ที่มักจะได้รับบัญชาสวรรค์ ให้ต้องโคจรมาแข่งกับเราในนัดท้ายๆเป็นประจำ และก็มักจะเป็นตัวตัดแต้มชั้นดีของเราอีกต่างหาก โดยเฉพาะในอัพตัน ปาร์ค แต่คราวนี้ เป็นนัดที่ยังมีความหมายสำหรับยูไนเต็ดอย่างมาก ประกอบกับเวสต์แฮมนั้นหมดห่วงกับอันดับในลีกแล้ว เกมนี้จึงค่อนข้างแตกต่างอย่างมากกับเกมแรก ที่เราบุกไปพ่ายมาอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้ โดยเฉพาะในเรื่องรูปเกมของฝั่งเวสต์แฮม



หลังจากจบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับบาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศนัดที่สองไปหมาดๆ เราก็ต้องเช็คความพร้อมของสองสตาร์ดังอย่าง เวยน์ รูนี่ย์ และ เนมานย่า วิดิช ที่ไม่สามารถแม้แต่จะมีชื่อบนม้านั่งสำรองในเกมบาร์เซโลน่า เมื่อผ่านพ้นมาถึงก่อนออกสตาร์ทเกมนี้ ทั้งคู่ก็ยังคงไม่สามารถคัมแบ๊คได้ทัน ทำให้ท่านเซอร์เลือกที่จะส่งผู้เล่นลงมาดังนี้

เตเวซ โรนัลโด้
ปาร์ค คาร์ริค สโคลส์ นานี่
เอวร่า ริโอ บราวน์ ฮาร์กรีฟส์
ซาร์

สังเกตได้ว่า ไลน์อัพนั้น ยกมาจากเกมบาร์เซโลน่าทั้งดุ้น อาจจะเพราะไลน์อัพดังกล่าว ลูกทีมทำผลงานโดยรวมได้ดีมากในนัดนั้น และยังเล่นตามแผนที่วางมาได้ไม่มีผิดเพี้ยนอีกต่างหาก ทำให้ท่านเซอร์อาจจะวางใจที่จะเลือกใช้ชุดเดิมนี้อีกครั้งก็เป็นได้ ส่วนทางด้านเวสต์แฮม ที่มีรายชื่อผู้เล่นที่ไปจีบนางพยาบาลยาวเป็นหางว่าว ก็ส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดที่พอจะส่งมาได้ในเกมนี้ แต่ต้องปรับให้ เจมส์ ทอมกินส์ ดาวรุ่งวัยกระเตาะ ลงมายืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวจริงในนัดนี้ คู่กับ ลูคัส นีลล์ กองหลังที่มีข่าวลือกับทีมใหญ่ๆพอสมควร หน้าคู่ส่ง บ๊อบบี้ ซาโมร่า ลงมายืนคู่กับ ดีน แอชตัน กองกลางประกอบไปด้วย มาร์ค โนเบิล, หลุยส์ บัวมอร์ต, เฮย์เด้น มัลลินส์ และ สก๊อตต์ ปาร์คเกอร์



หลังจากเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น ทั้งคู่ก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เปิดหน้าแลกกันทันที และแค่สองนาที ยูไนเต็ดก็ออกนำอย่างรวดเร็ว จากการที่โรนัลโด้ได้บอลทางขวา ไขว้เปลี่ยนทางเข้าใน เล่นเอาลูคัส นีลล์เสียหลัก ก่อนจะลากจี้เข้ากรอบเขตโทษ โดยมีแม็คคาร์ทนี่ย์ถอยประคองห่างเกินไป ทำให้โรนัลโด้สับไกยิงสะดวก บอลแฉลบขาแม็คคาร์ทนีย์เข้าเสาแรก ส่งให้ยูไนเต็ดออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว เวสต์แฮมหลังจากเสียประตูเร็วก็ไม่ได้ออกอาการตกอกตกใจ กลับยังคงเปิดหน้าแลกหมักกับยูไนเต็ดอย่างไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีแชมป์เก่าแต่อย่างใด บอลชิ่งเร็วของเวสต์แฮมในวันนี้ เล่นกันได้สนุกดีมาก แม่นยำและรวดเร็ว สามารถส่งบอลขึ้นหากองหน้าได้ตลอด เพียงแต่ยังไม่สามารถฝ่าแผงหลังยูไนเต็ดเข้าไปยิงได้ถนัดๆ

เวสต์แฮมเดินเกมได้น่าทึ่ง โดยเฉพาะลูกครอสจากปีกที่เปิดเข้ามาได้เสียวตลอด โดยที่ทั้งดีน แอชตัน และบ๊อบบี้ ซาโมร่า ต่างพากันคุกคามแนวรับยูไนเต็ดในกรอบได้เรื่อยๆ แต่เกมรุกของยูไนเต็ดก็เปี่ยมอันตรายเช่นกัน เกมแลกกันอย่างเมามัน แต่ความคมยังอยู่กับฝั่งยูไนเต็ด เมื่อฮาร์กรีฟส์สบโอกาสหลุดขึ้นมาทางขวาจนสุดเส้นหลัง ก่อนเปิดข้ามมาเสาสอง ข้ามหัวเจมส์ ทอมกินส์ ตกลงมาบนหน้าขาของโรนัลโด้ ที่กระแทกบอลเข้าไปอย่างง่ายดาย ทำให้ยูไนเต็ดออกนำเป็นสองประตูจากแค่ยี่สิบสี่นาทีเท่านั้น และหลังจากนั้นสองนาที เตเวซได้ลากบอลเข้าหากรอบ ก่อนเจอช่องสับไกยิงเต็มข้อ ลูกพุ่งจากระยะประมาณสามสิบกว่าหลาข้ามปลายมือโรเบิร์ต กรีน เสียบตาข่ายสุดสวย ส่งให้เจ้าบ้านออกนำสุดกู่เป็นสามลูก




แต่แล้ว หลังจากนั้นแค่สองนาทีเช่นกัน เวสต์แฮมได้จังหวะสวนกลับ ซาโมร่าวางบอลยาวเข้ามาหน้ากรอบ เวสลี่ย์ บราวน์พยายามโหม่งสกัด แต่บอลโด่งย้อยมาหน้าประตู มีดีน แอชตันที่ถูกริโอค้ำอยู่ไม่ให้ขึ้นโหม่งได้ถนัด ทำให้แอชตันไม่มีทางเลือก ต้องทิ้งตัวลงเพื่อตีลังกายิง แต่กลับทำได้ดีสุดๆ โดยแอชตันสามารถตีลังกายิงส่งบอลเข้าตาข่ายชนิดที่ทั้งริโอ และน้าซาร์ไม่สามารถขยับไปป้องกันได้ทัน ทำให้เวสต์แฮมยังอยู่ในเกมได้ต่อไป และเวสต์แฮมได้ทำให้เกมนี้เป็นเกมเอ็นเตอร์เทนแฟนบอลอย่างแท้จริง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองฝ่ายยังไม่เพลาเกมบุกลง ยังคงเดินหน้าผลัดกันรุกรับอย่างสนุกสนานจนล่วงมาถึงช่วงท้ายเกมครึ่งแรก จากจังหวะหน้ากรอบของเวสต์แฮม มีการกระทบกระทั่งกันระหว่าง ลูคัส นีลล์ และนานี่ แต่นานี่กลับโชว์ลีลาเฮดบัตต์ใส่นีลล์ ซึ่งจะแจ้งสุดๆ ทำให้ผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะแจกใบแดง ส่งนานี่ไปเกณฑ์ทหารลดอารมณ์ร้อนก่อนเพื่อนๆตั้งแต่ปลายครึ่งแรกเลย และเกมหลังจากนั้น ยูไนเต็ดดูจะค่อนข้างผิดหวังกับการเสียนานี่ไปจากเกมและเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ทำให้เน้นประคองเกมมากขึ้น และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 3:1



เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง ยูไนเต็ดที่มีตัวน้อยกว่า ก็เน้นประคองเกมและเล่นรัดกุมมากขึ้น น่าจะเพื่อไม่เสี่ยงกับการที่ผู้เล่นจะล้ามากขึ้นเพราะมีตัวน้อยกว่าอีกฝั่ง เกมจึงช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และเป็นฝ่ายเวสต์แฮม ที่ได้บอลทำเกมรุกมากขึ้นเยอะ ส่วนยูไนเต็ดก็เน้นตั้งรับมากขึ้น และหาจังหวะสวนกลับเข้าทำแทน เวสต์แฮมมีโอกาสวางบอล ครอสบอลสวยๆเข้ากรอบหลายครั้ง แต่ไม่สามารถเจาะคู่เซ็นเตอร์เข้าไปได้ง่ายๆ เคอร์บิชลี่ย์ปรับหมากก่อน โดยส่งโนลเบอร์โต้ โซลาโน่ลงมาแทน หลุยส์ บัวมอร์ต และตามด้วยคาร์ลตัน โคล ลงมาแทน ดีน แอชตัน ที่มีอาการเจ็บทั้งคู่

หลังจากนั้น ยูไนเต็ดมาได้ประตูที่สี่อย่างไม่คาดคิด เมื่อคาร์ริคได้โอกาสพาบอลขึ้นมาตรงกลาง ก่อนจะหาเพื่อนจ่ายแต่เพื่อนถูกประกบติดกันหมด คาร์ริคจึงค่อยๆลากขึ้นมาเรื่อยๆ โดยไม่มีผู้เล่นเวสต์แฮมเข้ามาปิดทาง ในที่สุด คาร์ริคก็ตัดสินใจยิงจากหน้ากรอบ บอลพุ่งไปแฉลบนีลล์ก่อนจะเปลี่ยนทางเข้าประตูไปในที่สุด ทำให้ยูไนเต็ดออกนำเวสต์แฮมไปเป็น 4:1 คลายความกดดัน และความเครียดของเกมลงไปในทันที เกมหลังจากนั้นก็กลับมาเปิดแลกกันอย่างสนุกสนานอีกครั้ง เมื่อยูไนเต็ดเล่นได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น สามารถเปิดเกมรุกได้อีกครั้ง ถึงแม้ผู้เล่นจะน้อยกว่า แต่การเซ็ตเกมรุกของเจ้าบ้าน ก็ไม่ได้ใช้ผู้เล่นมากเท่าไหร่นักอยู่แล้ว จึงทำให้ทั้งสองทีมกลับมาเปิดเกมแลกกันอีกรอบ


ยูไนเต็ด โดยท่านเซอร์ หลังจากเห็นเกมกลับมาขาดอีกครั้ง จึงเริ่มทยอยเปลี่ยนตัวผู้เล่น เริ่มจากส่งไรอัน กิ๊กส์ ลงมาแทนปาร์ค ตามมาด้วยดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ลงมาแทนโรนัลโด้ ที่เพิ่งรับเหลืองไปหมาดๆออกมาจากเกม ทั้งสองคนถูกส่งลงมาหลังจากเกมผ่านหนึ่งชั่วโมงไปหมาดๆ เกมยังคงแลกกันต่อไป แต่ไม่มีช็อตหวาดเสียวจะแจ้งให้เห็นกันมากนัก มักจะมาตายในจังหวะสุดท้ายทั้งสองฝั่ง เมื่อเกมผ่านมาถึงเจ็ดสิบนาทีสุดท้าย ท่านเซอร์ก็ส่งจอห์น โอเชียลงมาแทน พอล สโคลส์ ส่วนเคอร์บิชลี่ย์ ก็ส่งเฟร็ดดี้ เซียร์สลงมาแทนมัลลินส์เพื่อเพิ่มโอกาสในแดนหน้า แต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ทั้งคู่ จบเกมไปด้วยสกอร์ 4:1





หลังจากจบเกมลง หลายๆท่านอาจจะมานั่งนึกว่า ทำไมวันนี้ เวสต์แฮมถึงเปลี่ยนแนวทางไปจากเดิม แนวทางที่เคยเก็บชัยชนะจากยูไนเต็ดได้เรื่อยๆ แต่วันนี้ เคอร์บิชลี่ย์กลับเลือกใช้เกมรุกเต็มพิกัดกับยูไนเต็ด และลูกทีมเขาก็ทำได้ดีในการขึ้นเกมรุก เพียงแต่การเปิดหน้าแลกกับยูไนเต็ดนั้น มันมีความเสี่ยงอยู่สองประการที่ต้องยอมรับ หนึ่งก็คือ เกมรุกคุณไว้ใจได้ในการจบสกอร์แค่ไหน ขึ้นไปแล้วได้จบสกอร์หรือไม่ เข้าไม่เข้าก็อีกเรื่อง แต่ต้องจบให้ลง และสอง เกมรับคุณสามารถต้านทานเกมรุกยูไนเต็ดได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเสียบอลในเกมรุกแล้วโดนโต้กลับเร็ว ทั้งสองความเสี่ยงนี้ เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี ก่อนจะลงมาเปิดหน้าแลกกับยูไนเต็ด และผมคิดว่าเคอร์บิชลี่ย์เองก็ทราบถึงเหตุผลดังกล่าว แต่ทำไมเขาจึงกล้าที่จะเสี่ยงใช้แท็คติคดังกล่าวล่ะ

ผมมองว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เคิร์บกล้าเสี่ยงแลกหมัด อันแรกก็คือเวสต์แฮมลอยตัวไปแล้วในเรื่องอันดับในตาราง ทำให้ไม่ต้องมาพะวักพะวงกับการหนีตกชั้น แพ้หรือชนะในเกมนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เวสต์แฮมเดือดร้อนอะไรมากนัก แต่กลับกัน นี่คือโอกาสอันดี ที่เคิร์บจะพิสูจน์ลูกทีมของเขาในการทำเกมรุก อาจจะเพื่อฤดูกาลหน้า หรือเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ให้ดาวรุ่งก็แล้วแต่ แต่อย่าลืมว่า ทีมอย่างเวสต์แฮมนั้น ไม่สามารถมาทดลองแท็คติคได้อย่างพร่ำเพรื่อมากนัก เพราะต้องดิ้นรนหนีตกชั้นทุกๆปี เกมส่วนใหญ่จึงต้องเล่นแบบรัดกุม เน้นตั้งรับแล้วใช้เกมโต้กลับเข้าทำ ซึ่งอาจจะได้ผลมาแล้วกับยูไนเต็ด แต่เคิร์บเองคงเห็นว่า เกมที่ชนะยูไนเต็ดมาหลังๆนั้น ก็ถูกยูไนเต็ดบุกแทบโงหัวไม่ขึ้น เป็นยูไนเต็ดที่ไม่คมเอง ไม่สามารถทำสกอร์ได้เอง แต่เวสต์แฮมกลับทำได้ ปีนี้ สามสี่นัดที่เหลืออยู่ กับตำแหน่งที่ลอยตัวไปแล้ว ทำให้เคิร์บมีเวลา มีเกมที่สามารถทดลองอะไรได้มากขึ้น เพื่อเตรียมทีมในฤดูกาลหน้า และเตรียมแท็คติคที่ต้องใช้ ให้หลากหลายมากขึ้นครับ




เงื่อนไขดังกล่าวนี้เอง ที่ผมคิดว่า เป็นสาเหตุที่เคิร์บต้องการทดสอบแท็คติคเกมรุกเต็มพิกัดดูบ้าง ว่าจะสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน และเพื่อไม่ให้ลูกทีมโดนกดอยู่ข้างเดียวเหมือนที่ผ่านๆมาเมื่อเจอกับยูไนเต็ด กับทั้งเพิ่มความหลากหลายในเกมการเล่น เมื่อเจอกับทีมระดับเดียวกันในซีซั่นหน้า ซึ่งเราจะเห็นว่า เกมรุกของเวสต์แฮมนั้นไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย กลับกัน การขึ้นเกมยังรวดเร็ว แม่นยำ และกระจายไปในทุกๆพื้นที่ของสนามอีกด้วย เพียงแต่มักจะมาตายตอนจังหวะสุดท้ายก็เท่านั้นเอง หากเคิร์บสามารถปรับตรงจุดนี้ได้ดีขึ้น เวสต์แฮมจะโชว์ผลงานได้ดีขึ้นแน่ๆ เมื่อเล่นเกมรุก

และอีกจุดหนึ่งที่ต้องเร่งปรับ หากจะเล่นเกมรุกก็คือ เวสต์แฮมต้องขันน๊อตเกมรับให้แน่นกว่านี้ โดยเฉพาะการหลุดตำแหน่ง และความเด็ดขาดในจังหวะสกัดบอล ประตูแรกที่เสียไป เห็นชัดๆเลยว่า แม็คคาร์ทนี่ย์ไม่กล้าเข้าสกัดโรนัลโด้ กลับถอยประคองเมื่อโดนลากจี้เข้าหาตั้งแต่นอกกรอบด้วยซ้ำ แถมการถอยประคองก็กลับยืนเสียห่างจนโรนัลโด้มีช่องเบ้อเริ่มที่จะยิง ส่วนลูกที่สองก็เห็นได้ชัดเจนว่า แผงหลังสกัดลูกเปิดของฮาร์กรีฟส์ได้ไม่ดีเอาซะเลย จนบอลมาตกที่โรนัลโด้ ยิ่งลูกที่สี่ยิ่งแล้วใหญ่ ปล่อยให้คาร์ริคพาบอลขึ้นมาโดยไม่มีใครประกบเลย ในที่สุดเขาก็ได้ยิงโล่งๆ



ส่วนทางด้านยูไนเต็ดเอง เกมนี้ก็ไม่ได้มีเรื่องแท็คติคให้พูดถึงมากมายนัก เพราะเวสต์แฮมเองก็มาเปิดหน้าแลกด้วย ทำให้เกมค่อนข้างไหลไปตามกระแสบอลของทั้งสองฝั่ง ผู้ตัดสินก็ค่อนข้างปล่อยเกมด้วย ไม่ค่อยเป่ามากนัก ยิ่งเอื้อให้เกมเร็วขึ้นไปอีก และการที่รูปเกมเป็นการบุกแบบเต็มตัว นั่นเลยทำให้รายละเอียดของเกมและแท็คติคของทั้งสองฝั่ง ไม่ค่อยได้ลงลึกในรายละเอียดเท่าไหร่นัก ดูเหมือนการเล่นไปตามธรรมชาติบอลมากกว่า คล้ายๆกับย้อนยุคไปสู่เกมของยูไนเต็ดในช่วงทศวรรษที่แล้วก็ว่าได้ ซึ่งเป็นรูปเกมที่หลายๆคนหลงใหลในสีเสื้อปิศาจแดงครับ กับเกมรุกในลักษณะนี้ ที่เราไม่ได้เห็นมานาน

ในด้านรายละเอียดของเกมทางฝั่งยูไนเต็ดเอง ก็ไม่ได้มีการลงลึกอะไรมาก ผู้เล่นส่วนใหญ่ มีอิสระในการทำเกม ฮาร์กรีฟส์ และเอวร่า สามารถเติมเกมบุกได้เรื่อยๆ ผิดจากเกมบาร์ซ่าอย่างเห็นได้ชัด สโคลส์ และคาร์ริค ก็ผลัดกันขึ้นลงได้อย่างเนียนตา ทำเกมรุก และสกรีนเกมรับได้เป็นอย่างดี ทำให้เกมในวันนี้ค่อนข้างสมดุลกันระหว่างรุกและรับ สิ่งนี้ เป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีครับ สำหรับหลายๆท่านที่เริ่มสงสัยในรูปเกมของแมนฯยูฯในขวบปีหลังๆที่ออกแนวอิตาเลียนจ็อบมากขึ้นเรื่อยๆ เกมนี้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เราสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นได้หลากหลาย ทั้งๆที่ผู้เล่นก็ชุดเดียวกันกับนัดที่ผ่านมาเป๊ะๆ นี่อาจเป็นอีกข้อ ที่ท่านเซอร์เลือกไม่ปรับผู้เล่นแม้แต่รายเดียว จากนัดบาร์ซ่ามาถึงนัดนี้ แต่กลับเลือกผู้เล่นเดิม และเปลี่ยนแนวทางการเล่นให้ดู นั่นก็อาจเป็นไปได้ครับ




สำหรับผู้เล่นที่เล่นได้โดดเด่นในเกมนี้ ก็คงต้องยกให้โรนัลโด้ที่ซัดคนเดียวสองเม็ด จนสะสมสถิติเป็นสี่สิบลูกไปแล้ว รองลงมาก็มีริโอ ที่ดักกินลูกเปิดของเวสต์แฮมได้เรียบ รวมกับดักทางวิ่ง ทางให้บอลของแอชตันและซาโมร่าได้หลายจังหวะ การคุมเกมตรงกลางของสโคลส์และคาร์ริคก็ดูเด่นไม่น้อยครับ ละยิ่งการวิ่งบี้ของปาร์คและเตเวซอีก เกมที่มีพื้นที่เปิดมากขนาดนี้ เพราะเน้นเกมรุกกันทั้งคู่ ทำให้ผู้เล่นยูไนเต็ดและเวสต์แฮมสามารถแสดงทักษะความสามารถได้มากขึ้น ซึ่งไม่แปลกเลย ที่หลายๆคนจะทำผลงานได้ดีครับ ยิ่งมองดูเฟล็ทเชอร์ที่ยังได้โอกาสยิงหนีกรีนแต่ลูกไปชนเสาเด้งออกมา ก็ยิ่งต้องยอมรับว่าเขาพัฒนาการเล่นขึ้นมาจากปีที่แล้วได้มากทีเดียวครับ

ส่วนทางฝั่งของเวสต์แฮมนั้น ผมยกให้บัวมอร์ต และปาร์คเกอร์ ที่พยายามทำผลงานตรงกลางสู้กับสโคลส์และคาร์ริคอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งดีน แอชตันด้วยแล้ว ที่พยายามวิ่ง พยายามกดดันกองหลังยูไนเต็ดเหลือเกิน ซึ่งผลตอบแทนก็คือประตูสุดสวยของเขานั่นเองครับ ส่วนดาวรุ่งของเวสต์แฮมก็น่าจับตาไม่น้อยครับ ทอมกินส์ และเซียร์ส หากมองว่าอายุยังน้อยทั้งคู่ การเล่นได้ในระดับนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่งหากเรามองย้อนไป ก็จะพบว่า เวสต์แฮมนี่แหละครับ อาแจ๊กซ์ในอังกฤษเชียวแหละ สามารถผลิตดาวรุ่งชั้นดีออกมาได้เรื่อยๆ ที่แตกต่างกับอาแจ๊กซ์ ก็คือ เวสต์แฮมไม่สามารถเก็บไว้ใช้ได้เองเลย ต้องขายออกไปตลอด




หลังจากเกมนี้ผ่านไป ก็คงต้องไปลุ้นเกมกับเชลซีกันต่อ ซึ่งผลก็ออกมาแล้วว่า เชลซีสามารถบุกไปเก็บสามแต้มล้ำค่าออกมาจากเซ็นต์ เจมส์ ปาร์คได้สำเร็จ ทำให้แต้มมาเท่ากันอีกครั้งที่ 84 คะแนน และต้องมาลุ้นกันเต็มเหนี่ยวในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้นะครับ ว่ายูไนเต็ด และเชลซี ใครจะทำผลงานออกมาได้ขนาดไหน และใครจะสมหวัง ใครจะผิดหวัง

เรามาลุ้นกันต่อวันอาทิตย์นะครับ

สงบใจ



Create Date : 06 พฤษภาคม 2551
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 9:40:56 น.
Counter : 438 Pageviews.

2 comments
  
ตามมาอ่านครับ...

นึกว่าจะพูดถึงนานี่สักเล็กน้อยซะอีก....

ไม่รู้ว่า โด้เห็นนานี่เล่น (ทุกอย่าง) จะนึกถึงตัวเองเมื่อมาแรกๆ หรือเปล่านะครับ..... คล้ายกันจริงๆ
โดย: proofman IP: 58.10.149.124 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:18:37 น.
  
เงิน
โดย: บาส IP: 118.173.244.78 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:13:05:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด