20090416 วิพากษ์ FC PORTO vs UNITED in UCL Quater Final Leg 2 สวัสดีปีใหม่สงกรานต์ไทยครับ ทุกๆท่าน ปีใหม่ไทยปีนี้ เราๆท่านๆแฟนผี ก็คงสุขสมหวังแช่มชื่นกันถ้วนหน้า เมื่อผลฟุตบอลสองนัดในช่วงนี้ เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมหัวใจให้กลับมาหน้าตาผ่องใสกันอีกครั้ง หลังจากตุ๊มๆต่อมๆกันมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ กับผลงานระทดระทวยหัวใจเต็มไปด้วยความอ่อนล้าในค่ำคืนที่ต้อนรับเจ้าวังค้างคาว (มังกร) สัปดาห์ก่อน อันทำให้เราหวั่นใจกันเหลือเกินว่า แข้งขานักเตะเรา จะมีเรี่ยวมีแรงพอทำศึกหนักจนจบฤดูกาลได้ไหมหนอ สำหรับเกมที่ต้องทำศึกกับแมวดำสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ป๋าจัดการพักผู้เล่นตัวหลักไว้พอสมควร ไม่ว่าน้าซาร์, ริโอที่มีข่าวว่าพร้อมแล้ว ก็ยังได้พัก แถมป๋ายังอุตส่าห์ดร็อปโรนัลโด้ไว้ข้างสนามตามใจแฟนๆอีกด้วย ตัวหลักอีกคนที่ดร็อปไว้ก็คือ เอวร่าครับ ทำให้นัดนี้ มีฟอสเตอร์เฝ้าเสา แผงหลังได้แกรี่ เนวิลล์ และ จอห์น โอเชียเป็นฟูลแบ๊ค และมีวิดิชกับอีแวนส์ยืนตรงกลาง มิดฟิลด์กลางสนามใช้ คาร์ริค จับคู่กับ พอล สโคลส์ มีปาร์ค ชี ซอง และรูนี่ย์ เล่นริมเส้น ให้เบอร์บาตอฟกับเตเวซ เล่นหน้าคู่กัน รูปเกมก็ไม่มีอะไรมาก เป็นยูไนเต็ดที่บุกกดดันก่อน และทำได้ดีกว่า จนมาได้ประตูนำเร็ว เมื่อรูนี่ย์ลากบอลเลาะขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะตักเข้ากรอบ มีสโคลส์สอดเข้ามาสะบัดเสยให้บอลย้อยไปตกหน้าต่างเสาสอง สุดปัญญาที่ เคร็ก กอร์ดอน จะป้องกันไว้ได้ทัน หลังจากนั้นยูไนเต็ดก็ผ่อนเกมตามเคย จนต้องกลับมาดิ้นรนหนักอีกครั้ง เมื่อเสียประตูให้ซันเดอร์แลนด์ในช่วงต้นครึ่งหลังที่แมวดำเริ่มโหมบุกเอาคืนบ้าง ฟอสเตอร์กะจังหวะตัดบอลพลาด ออกมาปัดลูกครอสจากกราบซ้ายได้ติดแค่ปลายมือนิดเดียว ทำให้ลูกตกใส่ตัว เคนวิน โจนส์ กระเด้งตามเจ้าตัว และเจ้าตัวก็พลิกตามกลับมาตวัดยิงเข้าไปได้ง่ายๆ จากนั้น ยูไนเต็ดก็ต้องเริ่มเปลี่ยนตัวเพื่อทวงประตูชัย ไม่งั้นตามหลังหงส์แดงยาวแน่ๆ ป๋าเอาโรนัลโด้ลงมาแทนปาร์ค และเอามาเคด้าลงมาแทนเบอร์บาตอฟ จนมาได้ประตูในที่สุด เมื่อ คาร์ริคสบช่องยิงไกลหน้ากรอบ ลูกพุ่งเรียด แต่กำลังจะออกนอกกรอบ ยังดีที่ตรงนั้นมีมาเคด้า ที่สืบสานตำนานดาวยิงมาจากน้าโอเล่ และใช้สัญชาตญาณดาวยิง ตั้งเท้าซ้ายสะกิดทางบอลให้เปลี่ยนทางกลับไปเข้าหน้าต่างเสาแรก ชนิดที่กอร์ดอนไปผิดทาง ลูกนี้เล่นเอาสาวกผีแดงได้เฮกันลั่น ก่อนป๋าจะเปลี่ยนอันแดร์สันลงมาแทนเตเวซในช่วงท้ายๆ และเก็บสามแต้มไปได้สำเร็จ ซึ่งผมจะกลับมาสรุปสถานการณ์ตรงนี้ในช่วงท้ายอีกครั้งนะครับ มาดูนัดที่สองฉลองสงกรานต์กันต่อนะครับ เมื่อเราต้องเดินทางไปบุกวังค้างคาว (จริงๆมันคือวังมังกรนะ แต่ไม่จ๊าบอ่ะครับ ไม่ถูกใจ) เอสตาดิโอ โด ดราเกา ของเอฟซี ปอร์โต้ ถิ่นที่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์บันทึกความพ่ายแพ้ให้กับทีมจากสหราชอาณาจักรมาก่อน และเป็นถิ่นที่ยูไนเต็ดไม่เคยพานพบชัยชนะมาก่อนเลยด้วย สกอร์ที่เกิดขึ้นจากนัดก่อน ที่เสมอกัน 2:2 ทำให้นัดนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่า ยูไนเต็ดจะต้องเจอเกมเครียดและกดดันมากกว่า การเล่นเพื่อชนะในการออกมาเยือนสนามที่ไม่เคยชนะ และไม่เคยมีทีมจากประเทศตัวเองมาชนะ ในขณะที่เจ้าบ้านสามารถเลือกแผนการเล่นได้ยืดหยุ่นกว่ามาก เมื่อไม่จำเป็นต้องเล่นเกมบุก แถมผู้เล่นแต่ละคนก็สามารถส่งชุดเดิมที่ผู้เล่นดีๆได้พักมาเต็มๆลงสนามในเกมนี้ได้ทั้งหมด ส่วนทางด้านผู้มาเยือน ที่พักผู้เล่นตัวหลักมาเช่นกัน สามารถส่งชุดที่เกือบจะดีที่สุดลงสนามได้พอๆกัน บนความเชื่อมั่นของป๋าที่กู่ก้องผ่านสื่อว่า พบจุดอ่อนของปอร์โต้แล้ว และเกมนี้จะชนะได้แน่นอน ก็ต้องมาดูกัน ว่าป๋าจะทำได้อย่างพูดหรือไม่ เกมนี้เราได้น้าซาร์คัมแบ๊คมาเฝ้าเสา แผงหลังได้ริโอ และวิดิช กลับมาเป็นคู่เซ็นเตอร์อีกครั้ง และมีจอห์น โอเชีย กับ พาทริซ เอวร่า ยืนเป็นฟูลแบ๊คสองข้าง แผงกลางวันนี้มีการปรับพอสมควร ให้คาร์ริคและอันแดร์สันรับบทบาทตัวกลาง โดยเน้นไปที่เกมรับ มีรูนี่ย์เล่นริมเส้นด้านขวา และกิ๊กส์ทางซ้าย วางโรนัลโด้เป็นตัวฟรีข้างหน้า และมีเบอร์บาตอฟค้ำเป็นหน้าเป้า ลักษณะออกจะเป็น 4-4-1-1 หรือ 4-2-3-1 นั่นเอง ทันทีที่เริ่มเกม ก็เห็นได้ว่า ยุไนเต็ดรุกกดดันเข้าใส่เจ้าบ้านทันที โดยใช้ความขยันของแอนนี่ และรูนี่ย์ คอยไล่ทำลายเกมของปอร์โต้ คาร์ริคคอยกรองจังหวะเกมรุกหน้าแถวสอง และเชื่อมเกมรุกให้ผู้เล่นแนวรุกข้างหน้า และเปิดป้อนขึ้นหน้า การขึ้นเกมรุกนั้นพยายามเน้นความแน่นอน และความชัวร์ไว้ก่อน โดยลดลูกจ่ายเสี่ยงๆ ห้าสิบห้าสิบลงไป แอนนี่เองดูจะปรับตัวได้ดีขึ้น ดูเหมือนยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกระดับ เมื่อไม่เร่งเกม และเร่งจังหวะตัวเองมากนัก แต่มีการดึงช้า มีการคุมจังหวะเกมร่วมกับคาร์ริคได้ดีมากๆ และเกมนี้ แอนนี่เด่นมากในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก สามารถตัดเกมรุกตรงกลางของปอร์โต้ได้แทบหมดจด ก่อนจะเฝดเอ้าท์ไป ซึ่งก็อาจเป็นเพราะปอร์โต้เอง ไม่ได้เน้นเจาะตรงกลางแล้ว ยูไนเต็ดมาได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 เมื่อโรนัลโด้ได้บอลบริเวณกลางสนาม โรนัลโด้ลากต่อและพลิกเข้าขวา ก่อนจะง้างยิงเต็มข้อด้วยอีขวาจากสี่สิบหลา บอลพุ่งเร็วเป็นจรวดและเสียบหน้าต่างขวามือเฮลตันชนิดเจ้าตัวพุ่งไม่ถึง ประตูนี้ทำให้ความกดดันตกไปอยู่กับเจ้าถิ่นเต็มๆและคลายความกดดันจากบ่าของยูไนเต็ดลงได้มากทีเดียว ยูไนเต็ดเริ่มเน้นครองเกมมากขึ้น และผ่อนเกมรุกลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในขณะที่ปอร์โต้เองก็ไม่ได้ออกอาการตกอกตกใจแต่อย่างใด คงเป็นเพราะว่าปอร์โต้นั้นไม่ต้องเร่งรีบยิงประตูคืนมากนัก เพียงแค่ประตูเดียวที่ปอร์โต้จะยิงได้ไม่ว่าจะนาทีไหน ก็เพียงพอต่อการผ่านเข้ารอบต่อไปจากกฎอเวย์โกล์ หากยูไนเต็ดไม่สามารถยิงเพิ่มได้อีก รูปเกมช่วงนี้จึงออกจะผลัดกันรุก ผลัดกันรับ และเป็นยูไนเต็ดที่ครองเกมได้มากกว่า แต่ไม่ได้เน้นโหมยิงประตูเท่าใดนัก หากแต่เน้นการครอบครองบอล ถ่ายบอล หาที่ว่าง และเจาะเข้าทำเมื่อเห็นช่อง พยายามลดความเสี่ยงลงให้มากที่สุดนั่นเอง ด้วยการที่ปอร์โต้เองมีนักเตะที่คล่อง และเร็ว พาบอลไปได้ดี และครองบอลเหนี่ยวแน่นอยู่แทบทั้งทีม ทำให้ป๋ากำชับลูกทีมลงมาว่าอย่าเสี่ยง อย่าเสี่ยง และเราก็เห็นว่า เราเล่นเสี่ยงน้อยลงมากในเกมนี้ เตะทิ้งได้ก็เตะทิ้งโลด ไม่มีเม้ม เกมรุกของปอร์โต้ หลังจากขึ้นตรงกลางไม่ถนัด ติดคาร์ริคกับแอนนี่ จะขึ้นทางขวาก็สะดุด เพราะโอเชียและรูนี่ย์ต่างช่วยกันไล่และทำลายเกมได้ดี จึงต้องมาขึ้นทางซ้ายแทน ซึ่งก็พบบ่อน้ำมันฝรั่งเศสในที่สุด เกมนี้เอวร่าดูจะสมาธิตกลงไปมาก และหลุดตำแหน่งบ่อย รวมทั้งอ่านจังหวะบอลผิดพลาดหลายครั้ง ทำให้มักจะเสียบอลให้คู่ต่อสู้ง่ายๆ ส่วนหนึ่ง (ส่วนใหญ่เลย) อาจเป็นเพราะว่า ด้านนี้ไม่มีตัวช่วย ไม่เหมือนฝั่งโอเชียที่มีรูนี่ย์ช่วยซ้อนตลอด ทำให้ความผิดพลาดของเอวร่ายิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อต้องรับบทหนักลำพัง ยังดีที่เกมนี้ ลูโช่ มีปัญหาที่หัวเข่า เล่นได้แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ต้องออก และให้มาเรียโน่ลงมาเล่นแทน ทำให้การจ่ายบอลทะลุทะลวงจากนอกกรอบ และการแจกจ่ายบอลทำเกม ลดความอันตรายลงไปมาก ปอร์โต้เมื่อพบช่องว่างเกมรับของเราที่ไม่มีคนช่วยรองเอวร่า ก็หันมาเล่นเกมรุกเจาะทางด้านเอวร่ามากเป็นพิเศษ เล่นเอาเจ้าตัวเหนื่อยมากขึ้นไปอีกกับการเล่นทั้งรุกและรับอยู่คนเดียว การเติมเกมรุกในปลายครึ่งหลังจึงดูเหมือนหมดเอาดื้อๆ ครึ่งหลังรูปเกมก็ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก ปอร์โต้เริ่มเพรสซิ่งหนักขึ้น และถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะกับโรนัลโด้, รูนี่ย์ และ เบอร์บาตอฟ ในขณะที่หลายๆครั้ง กรรมการมักไม่เป่าฟาล์วให้ โรนัลโด้น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะร่างกายค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กับรูนี่ย์และเบอร์บาตอฟที่เปราะกว่ากันเยอะนั้น ค่อนข้างน่าเป็นห่วง แต่ละจังหวะที่โดนนี่เล่นข้อเท้ากันตลอด เปิดปุ่มกันค่อนข้างเนียนเสียด้วย ถ้าไม่มีภาพช้านี่ก็ดูแทบไม่ออกว่าโดนเข้าไปจังจังนะครับ เบอร์บาตอฟนี่โดนทุกจังหวะจริงๆ ในขณะที่รูนี่ย์ ลูกที่จะแจ้งที่สุดก็คือลูกที่กำลังจะหลุดเข้ากรอบไปนั่นแหละ ทำเอาเจ้าตัวโดดหนี ไม่ยอมเล่นต่อ แถมยังต้องกะเผลกไปอีกร่วมๆห้านาที แต่จังหวะทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ฟาล์วแต่อย่างใด ไม่ใช่แค่ปอร์โต้ที่รอดตัวนะครับ ยูไนเต็ดเองก็รอดตัวได้จากหลายๆจังหวะเช่นกัน แต่ส่วนมากจะเป็นจังหวะปะทะแย่งบอล จังหวะชิงโหม่งมากกว่า ในขณะที่เราเองมักจะโดนในจังหวะที่เราทำเกมเข้าใส่ ก็ถือว่าเกมนี้กรรมการค่อนข้างปล่อยเกมครับ โดยภาพรวมมองทั้งสองฝ่ายก็อาจจะเห็นเหลื่อมๆเจ้าบ้านไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก เกมรับของยูไนเต็ดเองสามารถตั้งแนวรับลึกได้ดีมากๆ คาร์ริคและแอนนี่ช่วยกรองบอลจากตรงกลางได้ค่อนข้างดี ทำให้เกมรุกของปอร์โต้ต้องขึ้นทางริมเส้นด้านซ้ายแทบจะตลอด โอกาสของทั้งสองทีมต่างก็มีเป็นระยะๆ เพียงแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอที่จะผ่านมือผู้รักษาประตูได้อีก ทำให้สกอร์ยังคงตรึงอยู่ที่ 0:1 และยูไนเต็ดยังคงกุมความได้เปรียบในการเข้ารอบอยู่ต่อไป เกมรุกของเจ้าวังค้างคาวมักจะถูกชอลิ้วเฮียงฆ่าตัดตอนเสียก่อนบอลจะไปถึงตัวรุกทั้งสาม ฮัลค์ และโรดริเกซนั้น แทบจะถูกตัดขาดออกจากการลำเลียงบอล ในขณะที่ ลิซานโดรเองถึงจะได้บอลก็น้อยครั้ง และมักจะไม่อยู่ในรัศมีทำการของเจ้าตัวนัก ยิ่งเมื่อลูโช่ไม่อยู่แล้ว ทำให้ภาระหนักในการทำเกมตกไปอยู่ที่ ไมเรเลส แทบทั้งหมด และ ต้องพึ่งพาฟูลแบ๊คกับเซ็นเตอร์ในการหนุนขึ้นมาเติมเกมในหลายๆจังหวะเนื่องจากผู้เล่นแนวรุกถูกแผงหลังยูไนเต็ดตัดขาดออกจากเกมไปหลายคน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เอาซะเลย เกมของปอร์โต้ยังอันตรายอยู่ ยูไนเต็ดยังมีจังหวะผิดพลาดเล็กๆน้อยๆอยู่ประปรายและก็ถูกปอร์โต้ลงโทษอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ยังไม่สำเร็จเป็นสกอร์เท่านั้น ยิ่งช่วงท้ายยิ่ง ซี๊ดดดดดดส์ ครับ แต่น้าซาร์ยังนิ่งอยู่ จึงเอาตัวรอดไปได้ นานี่ถูกหย่อนลงมาแทนเบอร์บาตอฟที่โดนเล่นงานจนอ่วม ในขณะที่สโคลส์ก็ถูกส่งลงมาคุมรูปเกมในช่วงท้ายเช่นกัน โดยลงมาแทนอันแดร์สัน ทางด้านเจ้าบ้านนั้น การเปลี่ยนตัวที่เหลือสองคนก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อรูปเกมนัก แต่ปอร์โต้ก็เริ่มโหมเกมบุกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลางวดลง ยิ่งใกล้จบยิ่งรุกหนัก แต่ยูไนเต็ดเองก็เริ่มจับทางได้แล้ว และเริ่มสอดประสานช่วยกันในเกมรับได้ดีขึ้นจนใกล้เคียงระดับที่เคยทำได้ก่อนหน้านี้ คาร์ริค, รูนี่ย์, กิ๊กส์, โอเชีย ช่วยกันประสานงานปิดทางวิ่ง ปิดทางจ่ายบอลของปอร์โต้ได้ดีมากๆ น้าซาร์เองก็ไม่มีพลาดในช่วงนี้เช่นกัน จนสุดท้ายปอร์โต้ก็ทำอะไรไม่ได้ จบเกมด้วยการผ่านเข้ารอบต่อไปของแชมป์เก่าได้สำเร็จ หากจะหาผู้ที่ทำหน้าที่ได้โดดเด่นในเกมนี้ ผมคงยกให้เจ้าหมูบิน ที่เล่นทั้งรุกและรับชนิดไม่กลัวหมดแรง ถึงจะกะเผลกก็ยังฝืนจนเล่นต่อไปได้ โรนัลโด้ก็ควรได้รับเครดิตจากการเล่นที่ลดความแอ๊คลงไปเยอะ แถมยิงลูกตัดสินเกมได้ด้วย กิ๊กส์เองถึงแม้จะมีจังหวะเสียบอลเรื่อยๆ แต่ประสบการณ์ของกิ๊กส์และการตัดสินใจในจังหวะห้าสิบห้าสิบ ก็ต้องยอมรับว่าทำให้เราได้เปรียบในหลายๆจังหวะมาก และช่วยดึงเวลาให้เราได้เยอะทีเดียว แผงหลังวันนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ ไม่รู้นะ วันนี้ผมชอบโอเชียมากเลย รู้สึกว่าโอเชียเริ่มเข้าขากับรูนี่ย์ยังไงไม่รู้แฮะ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ผมว่าเป็นลางดีเลยนะ ทำให้เราสามารถจัดทีมให้รูนี่ย์ยืนด้านขวากับโอเชีย เบอร์บาตอฟเล่นหน้ากับเตเวซ และโรนัลโด้เล่นทางซ้ายกับเอวร่าที่เคยเข้าขากันมากๆก่อนหน้านี้ ลองนึกภาพตามดูสิครับ เกมนี้อาจจะเห็นว่าเอวร่ารั่วมากเป็นพิเศษ ซึ่งผมเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากลองทบทวนให้มากกว่านั้น ก็เห็นว่าด้านนี้ เอวร่าไม่มีตัวช่วยรอง ตัวช่วยเอวร่าคือวิดิชที่ยืนตรงกลาง โรนัลโด้นั้นรับบทบาทตัวฟรี ซึ่งก็ไม่สามารถช่วยกรองบอลข้างหน้าเอวร่าได้ตลอด ในขณะที่กิ๊กส์ทางซ้ายเมื่อเสียบอลข้างหน้าก็ไล่กลับมาไม่ไหว พี่ติ๊กที่เสียตำแหน่งแล้วก็เลยต้องวิ่งน้ำบานกลับมา แข้งขาระทดระท้อไปหมด ทำให้ภาระทางด้านนี้ตกหนักที่เอวร่าคนเดียว และปอร์โต้เองก็เฮกันมาเจาะทางด้านนี้ด้วย เหมือนเห็นว่าตัวป้องกันด้านนี้มีน้อยกว่า และมีพื้นที่ให้เล่นมากกว่านั่นเอง แต่ละช็อตจึงดูเหมือนเอวร่างานเข้า แต่ก็ไม่ปฏิเสธครับ ว่าสมาธิเอวร่าเองก็ดูจะตกไปพอสมควร กับหลายๆจังหวะที่ดูเผลอๆ หรือเข้าไม่สุด ตัดสินใจช้า และลังเล คิดว่าถ้าฟาบิโอกลับมาร้อยเปอร์เซนต์แล้ว คิดว่าคงได้สลับให้เอวร่าได้พักเรียกความสดชื่นบ้างแน่ๆ จบเกมนี้ลง ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกได้ทันที กับความกดดัน และความหวั่นใจว่าจะเข้ารอบสำเร็จหรือไม่ หรือจะนอนเล่นที่บ้านเป็นเพื่อนสาวกหงส์แดงที่หลุดวงโคจรไปก่อนหน้านี้หนึ่งวัน การผ่านเข้ารอบครั้งนี้ ผมนึกย้อนไปถึงเกมกับบาร์ซ่าปีที่แล้ว ที่เรายิงได้จากสโคลส์ตอนต้นเกม และยันได้ตลอดเวลาที่เหลือ ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ ซึ่งจากเกมนี้ และทิศทางของทีมที่เห็นจากการเล่นคืนนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่า ความมั่นใจกำลังกลับมาสู่ทีมของเรา และกำลังเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ นี่เป็นเกมแรกที่ไม่เสียประตูหลังจากถูกทะลวงมาตลอดช่วงหลังๆ ซึ่งตรงนี้ครับ แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่ดีขึ้นในการเล่นเกมรับ และการเล่นเกมรุกอย่างมีวินัย เสียแล้วไล่ โรนัลโด้เองก็ลดดีกรีแอ๊คอาร์ตลงไปมากในเกมนี้ครับ เกมต่อไปกับอาร์เซน่อล ในรอบรองชนะเลิศ เลกแรก จะมีขึ้นในวันพุธที่ 29 ซึ่งเราเล่นในบ้านก่อน เป็นการเล่นในบ้านนัดที่สามรวด แต่เป็นการเล่นสามวันนัดติดต่อกันไม่หยุดเช่นกันครับ เริ่มจากเราต้องไปเที่ยวเวมบลีย์กับเอฟเวอร์ตันก่อนในวันอาทิตย์ที่ 19 นี้ เป็นเกมรองชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ ตามด้วยเปิดบ้านรับปอร์ทสมัธ ในวันพุธที่ 22 และเปิดบ้านรับกุ๊กไก่ ในวันเสาร์ที่ 25 ตามด้วยรับมืออาคันตุกะจากลอนดอนอีกทีม ในวันพุธที่ 29 กับเกม UCL เลกแรก ตามด้วยเยือนโบโร่ในวันอาทิตย์ที่ 3 ก่อนจะเยือนลอนดอน ในเกม UCL เลกสองวันอังคารที่ 5 พ.ค. นี่คือด่านทดสอบที่สาหัสที่สุด หากจะสานฝันอันยิ่งใหญ่ให้เป็นความจริงให้ได้ การลงเล่นสัปดาห์ละสองนัดติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง นับเป็นภารกิจที่ท้าทายกึ๋นเซอร์อเล็กซ์ และท้าทายสภาพความพร้อมของลูกทีมเป็นอย่างมาก ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างลิเวอร์พูลเอง จะได้พักมากกว่าเราตลอด และจะลงเตะสัปดาห์ละนัดเท่านั้น ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่สามารถส่งผลถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างมาก ไม่มีการโรเตชั่นอีกต่อไป ทุกนัดสามารถเล่นได้เต็มที่แบบไม่มีกั๊ก ส่งชุดที่ดีที่สุดลงไปได้แบบไม่ต้องเกรงใจถ้วยอื่น อันจะทำให้เชื่อได้ว่า สมาธิและความพร้อมทุกอย่างของหงส์แดง จะถูกส่งลงไปในทุกๆเกมที่เหลืออย่างเต็มที่ ยิ่งการได้เล่นก่อนยูไนเต็ดอยู่เรื่อยๆ ยิ่งทำให้ความกดดันตกมาอยู่บนบ่ายูไนเต็ดทุกสัปดาห์อย่างช่วยไม่ได้ และนั่น จะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญของเรา ว่าจะสามารถเอาชนะอุปสรรคและแรงกดดันทั้งหลาย และก้าวขึ้นไปสู่จุดที่ฝันไว้ได้หรือไม่ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนเศษที่เหลืออยู่ เราไม่สามารถหาเวลาพักได้อีกแล้ว และต้องทำงานหนัก เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ว่ามีดีพอจะก้าวขึ้นสู่จุดที่ฝันไว้หรือไม่ ด้วยขุมกำลังที่ค่อนข้างเพียบพร้อมในทางลึก ด้วยความมุ่งมั่นที่เริ่มจะกลับมาสู่ทีม ด้วยขวัญกำลังใจที่สามารถคว้ากลับมาได้จากดราเกา บวกกับมันสมองของป๋าและบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชของทีม ผมเชื่อครับ ว่าพวกเขาจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และผมเชื่อครับ ว่าแฟนๆยูไนเต็ด จะส่งแรงใจไปช่วยเชียร์อย่างสุดความสามารถ เพื่อเป็นแรงหนุน เป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้พวกเขา ทำหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง จะถูกพิสูจน์ออกมาเอง บนผืนหญ้า บนความเชื่อ...ของเรา แล้วมาลุ้นกันครับ สงบใจ |
บทความทั้งหมด
|
//www.i-amagel.com/leader.php?id=salakchit