20100118 วิพากษ์ MAN UNITED vs BURNLEY
มันก็เป็นแค่เพียงภาพลวง....หลอกตา


สวัสดีครับ ก่อนอื่น คงต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับทุกๆท่านที่เฝ้ารอกระทู้วิพากษ์เมื่อสัปดาหที่แล้ว เนื่องจากผมติดภารกิจค่อนข้างหนักหน่วง และไม่สามารถตื่นขึ้นมาดูเกมดึกๆได้อย่างเต็มตามากนัก แถมช่วงสัปดาห์ถัดมาก็เป็นช่วงที่ผมงานเข้าจนแทบจะไม่มีเวลาเข้าเน็ตมาอู้งานเลยตลอดทั้งสัปดาห์ สุดท้ายก็ล่วงเลยมาจนถึงวันพฤหัสบดีโดยที่ไม่ได้เขียนบทวิพากษ์แม้แต่คำเดียว ต้อขออภัยจริงๆ ทั้งๆที่เป็นวันที่ผมอยาจะเขียนด่ามากมายอย่างที่ไม่เคยอยากขนาดนั้นมาก่อน แต่เอาเถอะครับ ไหนๆก็ผ่านไปแล้ว ผ่านไปพร้อมๆความเสียดายจนแทบเหวี่ยง ยิ่งเห็นอาร์เซน่อลเขาหลุดเสมอไปก่อนแล้วเรายังอุตส่าห์หนีไม่ออกแบบนี้มันน่ากระทืบนัก เฮ้อ... เอาล่ะ เรามาดูของใหม่กันดีกว่า แต่บอกไว้ก่อนนะครับ ถึงแม้จะชนะมาสวยๆ แต่หากหวังจะเข้ามาชื่นชมทีมรักในกระทู้นี้ ขอบอกว่าท่านคิดผิด วันนี้ผมตั้งใจมาตำหนิฟอร์มทีมรักเต็มๆครับผม


การจัดทัพนัดนี้ ค่อนข้างเป็นที่ลำบากใจสำหรับท่านเซอร์พอสมควร เพราะเพิ่งถูกถีบกระเด็นตกรอบสามเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกในชีวิตการคุมทีม แถมเป็นการถูกบรรจงถีบงามๆจากอดีตทีมศักดินาเก่าที่ตอนนี้ยังลืมตาอ้าปากไม่ได้เต็มที่อย่างลีดส์ ยูไนเต็ด อีกด้วย ซึ่งไม่ต้องมาบรรยายเรื่องสงครามดอกกุหลาบอะไรกับนักเตะของเราชุดนี้ เพราะส่วนมากแล้ว นักเตะเราในชุดนี้แทบไม่มีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์หน้านั้นเลยแม้แต่น้อย (ฉันไม่รู้ ฉันไม่ใช่คนแถวนี้) คงพูดไม่ได้เต็มปากว่านี่เป็นสงครามดอกกุหลาบเหมือนเมื่อสมัยสิบกว่ายี่สิบปีก่อนโน้น การตกรอบดังกล่าวทำให้ป๋าต้องละเอียดมากขึ้นในการจัดตัวแต่ละนัด จะมาทำง่ายๆเหมือนเดิมคงไม่ได้อีกแล้ว และยิ่งการมีศึกคาร์ลิ่งคัพ รอบรองชนะเลิศจ่ออยู่อีกสามวันข้างหน้ากับอริร่วมเมือง ยิ่งทำให้ต้องคิดหนัก เพราะศึกนั้นพูดได้คำเดียวว่า ใกล้เคียงกับการคว้าถ้วยมากแล้วในตอนนี้ หากจะเอาเด็กลง ก็ต้องเสริมความมั่นใจด้วยใยเหล็กอย่างหนาชนิดตัวจริงสแตนด์บายข้างสนามให้พรึดแน่นอน

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้การเลือกตัวผู้เล่นค่อนข้างอึดอัดใจได้ไม่น้อย ตรงนี้ทำให้ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ช่วยป๋าให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ด้วยการโดนแบนมันซะเลย ป๋าจะได้ไม่ต้องคิดมากตรงกลางสนาม นอกจากนั้น การที่วิดิช กับ ริโอ ยังไม่สามารถสลัดอาการเจ็บได้เต็ม 100% เสียที ก็ช่วยให้การเลือกแผงหลัง ไม่ต้องลำบากใจมากนัก ป๋าก็เลยสบายใจขึ้นเยอะในการจัดตัว นัดนี้ ท่านเซอร์ได้น้าซาร์กลับมาเฝ้าเสา หลังจากหายไปด้วยอาการเจ็บและต้องกลับไปเฝ้าภรรยาที่กำลังป่วย น้าซาร์กลับมาเฝ้าเสาได้แบบนี้ เราก็สบายใจขึ้นเยอะ ฟูลแบ๊คสองข้างได้แกรี่ เนวิลล์ ยืนทางขวา ปาทริซ เอวร่ายืนทางซ้าย คู่เซ็นเตอร์เลือกจอนนี่ เอแวนส์ กับ เวสลี่ย์ บราวน์ กองกลางตัวกลางสนามสองคนเลือกไมเคิล คาร์ริค กับ พอล สโคลส์ มี วาเลนเซียยืนกราบขวา และ และ และ หลุยส์ นานี่ ฝ่าวิกฤติกลับมายืนทางซ้าย ใช้งานคู่กองหน้าเป็น เวย์น รูนี่ย์ กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

รูปเกมที่เกิดขึ้น ก็เป็นไปอย่างที่หลายๆฝ่ายคาดการณ์ นั่นคือเจ้าบ้านพยายามครองเกมและเปิดเกมบุกเข้าใส่ตลอดเวลา การขึ้นเกมเน้นไปทางกราบขวาเป็นหลัก นั่นคือวาเลนเซียที่เน้นการประสานงานกับแกรี่ เนวิลล์ แต่เหมือนงานนี้ กุนซือขัดตาทัพของเบิร์นลี่ย์ อย่าง ไบรอัน ลอวส์ (ที่มีลูกสาวสวยงาม อร้าอร่ามชื่อว่าแดเนี่ยล ลอวส์ นั่นแหละ ลองเซิร์ชดูสิ) จะทำการบ้านมาดีมาก นัดนี้ แกจับเด็กเก่าของเราอย่าง คริส อีเกิ้ลส์ ลงมาเจาะทางแกรี่ เนวิลล์ เป็นพิเศษ เรียกได้ว่า แกรี่ขึ้นเมื่อไหร่ คริสพร้อมเจาะเมื่อนั้น และตรงนี้ก็ทำให้งานของแกรี่หนักหนาสาหัสพอสมควร จนไม่สามารถขึ้นเติมเกมได้สะดวกนัก ต้องพะวงเกมรับทางด้านนี้ที่ตัวเองก็ความเร็วไล่คริสไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่ด้วย วาเลนเซียจึงมีแกรี่มาช่วยนับครั้งได้ในชั่วโมงแรกของเกม

นักเตะของเบิร์นลีย์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บางครั้งนักเตะดาดๆ ธรรมดาๆ ที่ทีมอื่นมองข้าม เมื่อสามารถเล่นร่วมกันด้วยวินัย ด้วยความมุ่งมั่น และด้วยทีมเวิร์ค ความเข้าอกเข้าใจที่ดี ก็สามารถปักหลักซดกับทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะเกรดโอเมก้าสาม อย่างแชมป์เก่าได้อย่างสนุกสนานน่าดูชม กลับเป็นแชมป์เก่าซะอีก ที่ยังแก้ปัญหาเดิมๆไม่ตก นั่นคือทีมเวิร์คยังไม่เข้าที่เข้าทาง ความเข้าใจระหว่างกันยังไม่สุกงอม แถมตัวหลักยังไม่สามารถลงมาเล่นร่วมกันนานๆได้สักทีตั้งแต่เริ่มซีซั่นมาเนี่ย ตรงนี้เองที่ทำให้กองเชียร์พันธุ์แท้ละเหี่ยใจมากมายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความมุ่งมั่นนี่ผมดูออกว่านักเตะเราก็พยายามจะรีดมันออกมาให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่มันยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความเข้าอกเข้าใจกันนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่จะผลักดันให้ทีมๆหนึ่ง สามารถผลิตผลงานเป็นเทพหรือเป็นซาตานก็ได้

เมื่อความต่างของสองทีมมันอยู่ที่สองจุดอย่างที่ว่ามา ทีมหนึ่งอุดมวิตามิน แต่ยังไม่รู้ใจกัน ในขณะที่อีกทีมหนึ่งเข้าขารู้ใจ แต่ขาดวิตามิน จุดเปลี่ยนที่จะเกิดผลลัพธ์นี้มันก็เหมือนเดิมๆครับ นั่นคือประตูแรกจะเป็นของใคร เพราะเกมที่เป็นแบบนี้ หากยูไนเต็ดได้ประตูแรก ก็เท่ากับปลดล็อคและจะกดดันให้ทีมเยือนต้องเปิดแลกแน่ๆ ไม่สามารถเล่นรัดกุมได้มากอีกต่อไป ความเสี่ยงที่จะถูกเจาะก็จะมีมากขึ้น ตรงกันข้าม หากทีมเยือนได้ประตูนำไปก่อน ก็สามารถเล่นรัดกุมเต็มที่แล้วรอสวนงามๆเหมือนที่ฟูแล่มถีบยอดอกเราแล้วรอจังหวะเพื่อกระทืบซ้ำอีกสองดอกนั่นไงครับ นัดนี้เบิร์นลี่ย์ทำการบ้านมาดีมากแล้ว เพียงแต่ว่าคุณภาพนักเตะของเบิร์นลี่ย์เองต่างหากที่ยังขาดไป โอกาสของเบิร์นลี่ย์มีจะจะน่าเป็นประตูขึ้นนำเราไปตั้งหลายที แต่ยิงได้ไม่ดีเอาซะเลย นั่นล่ะครับ คือจุดที่ตัดสินผลลัพธ์ของเกมนี้

หากจะบอกว่า ทีมเราเล่นกันได้ดีแล้ว ผมล่ะเถียงขาดใจเลย โอเคว่าเราครองเกมได้ ครองบอลได้ แต่มันตันครับ มันเจาะไม่เข้า มันพลิกไม่ได้ มันโยนไม่เข้าเป้า มันต่อบอลจังหวะสุดท้ายไม่เข้าท่าเข้าทาง ในขณะที่เบิร์นลี่ย์นั้นมาแบบมีวินัยจริงๆ รับลึก รับแน่น และเพรสซิ่งถึงตัวเร็ว ซ้อนตำแหน่งทดแทนกันได้กันดี ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องการยืนตำแหน่งของเบิร์นลี่ย์นัดนี้ทำกันได้ดี เหมือนเล่นในสนามตัวเองก็ไม่ผิด จังหวะที่ตั้งใจรับลึกแล้วได้สวนกลับนี่เราเห็นชัดมากๆ ขึ้นกันแค่สามสี่คนเท่านั้น แต่ขึ้นได้เป็นแพ็ทเทิร์น ชัดเจน และแม่นยำ เพื่อนๆรู้เลยว่า สวนแบบนี้ ใครอยู่ตรงไหน ให้บอลตัดหลัง ให้บอลทะลุช่องแต่ละครั้ง เล่นเอาหัวใจผมจะวายให้ได้ ดูสปีดแต่ละคนของเราที่จะไปกวดเขาสิ แกรี่งี้, บราวน์งี้, เอแวนส์งี้ ความเร็วขนาดนี้เจอกองหน้าแตะหนีก็ไม่ต้องกวดแล้วครับ รอเก็บจังหวะสองอย่างเดียวเลยถ้าโชคดี แต่ถ้าโชคร้ายก็ไปเก็บที่ก้นตาข่ายแล้วกัน

อย่างที่บอกไป ถ้ากองหน้าของเบิร์นลี่ย์ รวมทั้งคริส อีเกิ้ลส์นั้น สามารถจบสกอร์เนียนๆ คมๆ หน่อย ผมบอกตรงๆ เราคงโดนนำไปแล้วสองลูกเป็นอย่างน้อย ก่อนจะมาได้ประตูของเบิร์บนั้นเบิกร่อง แต่ละลูกที่ฝั่งของเขาได้สับไก ผมบอกตรงๆ ว่าทำใจตั้งแต่เห็นท่ายิงแล้วครับ แต่โชคดีมากมายที่เขาจบไม่ดี และเรายังโชคดีที่นัดนี้เราได้น้าซาร์กลับคืนมา ถึงแม้ว่าคุสแซ็คจะมีช็อตโชวเทพบ่อยๆ แต่เขาขาดความนิ่ง ขาดความเก๋า และวันนี้เราเห็นเลยว่า น้าซาร์ที่มีความนิ่งและปลาเก๋ายังเรียกพ่อนั้น ช่วยให้เราอุ่นใจได้แค่ไหนกับการอ่านจังหวะบอลแต่ละลูกและตัดสินใจออกมาตัด ออกมาคว้าแบบที่ไม่มีลูกพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังงัดซูเปอร์เซฟออกมาโชว์สวยๆได้หลายครั้งด้วยซ้ำไป พูดได้ว่า หนึ่งคือกองหน้าเขาไม่คมพอ และสองคือน้าซาร์นี่แหละ ที่ลดทอนโอกาสได้จบของเบิร์นลี่ย์ไปหลายครั้งมากๆ

เมื่อเบิร์นลี่ย์ทำไม่ได้ และเราเองยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก วาเลนเซียลุยได้ดี แต่เปิดมาแล้วก็ไม่มีใครเล่นได้ง่ายๆหน้ากรอบ นานี่วันนี้เหมือนถูกจูนเครื่องมาใหม่ ถึงจะยังไม่เด็ดขาด ไม่แม่นยำ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แต่ผมมองการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเกมของเขาว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น นานี่รู้จักผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว เขาคายบอลง่ายกว่าเดิม และรู้จักมองเพื่อนๆ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ อย่างน้อยก็เท่ากับว่าเขาได้ปรับความเข้าใจกับป๋าจริงๆ ถึงได้ลงสนาม และก็เริ่มที่จะปรับการเล่นของตัวเองเข้าหาทีมมากขึ้น ซึ่งของแบบนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เมื่อไหร่ที่นานี่ปรับจังหวะตัวเองได้ดีแล้ว เขาก็จะงัดประสิทธิภาพออกมาได้เอง ตอนนี้ก็ได้แต่รอวันนั้นกันไปก่อน มองในแง่ดีก็คือ เรามีนักเตะที่พร้อมเล่นเพิ่มขึ้นอีกคน จากที่เดือนก่อนรู้สึกว่านานี่จะถูกลืมไปแล้ว ไม่มีแม้แต่ที่นั่งบนม้าสำรอง

รูนี่ย์และเบอร์บาตอฟก็ยังมีปัญหาเดิมๆในการเล่น นั่นคือหาคนต่อเกมกันลำบาก สองคนถูกบังคับจากนักเตะเบิร์นลี่ย์ให้เล่นห่างกันเกินไป และผู้เล่นกลางถึงหน้าก็ถูกบังไลน์ให้บอลและต่อบอลกันหมด เรียกได้ว่าต้องเรียกบอล ต้องหาเพื่อน หาตำแหน่งกันวุ่นวายกว่าจะต่อบอลกันได้แต่ละช็อต นี่คือผลกระทบหลักและเป็นผลกระทบที่สำคัญที่สุดจากการดำรงอยู่ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองสามปีที่ผ่านมาที่เขาเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีม บอลถูกฝากไปที่เขาและเขาก็สามารถพามันไป ทำอะไรกับมันก็ได้และสุดท้ายก็คือมันอยู่ก้นตาข่าย และอีกข้อหนึ่งก็คือ โรนัลโด้มีพรสวรรค์เรื่องหนึ่งที่ไม่ยักมีใครพูดถึง นั่นคือความเป็นพรายกระซิบ คล้ายๆที่แวน บาสเท่นมี คล้ายๆที่ลินิเกอร์หรืออินซากี้มี นักเตะพวกนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก อยู่ๆก็จะโผล่มาจบสกอร์หน้าตาเฉย มาจากไหนไม่รู้ กองหลังไม่เห็น โกล์ไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีก็สอดเข้ามาจิ้มแล้ว แต่โรนัลโด้นั้นมีดีกว่าก็ตรงที่ทำเกมด้วยตัวคนเดียวได้ด้วย ยิงไกลได้ดีอีกต่างหาก และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรนัลโด้ทำให้เราตลอดสองสามปีล่าสุด ซึ่งข้อเสียที่รุนแรงที่สุดของมันก็คือ ความเคยชินของทีมเมตนั่นเอง

จากความเคยชินที่มีคนทำอะไรให้ มีคนโผล่มาจบสกอร์ให้ ทำให้เราเริ่มขาดการประสานงานในภาพรวมไปทีละเล็กละน้อย และผมบอกตรงๆว่า ท่านเซอร์คิดถูกแล้วที่ปล่อยโด้ไปตั้งแต่วันนี้ วันที่สถานการณ์ยังพอจะกู้กลับมาได้ ถึงแม้ต้องอาศัยเวลาและความอดทนสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่ารอจนความเคยชินนั้นมันฝังรากลึกจนแก้ไขไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังพอที่จะประคองตัวเองเกาะกลุ่มผู้นำไปเรื่อยๆ และหวังว่าลูกทีมจะเร่งพัฒนาทีมเวิร์คและการประสานงานให้กลับมาเหมาะเจาะ ลงตัว เข้าขากันได้ดีกว่านี้ และภาพในเกมนี้รวมทั้งในเกมก่อนๆหน้า ก็บ่งบอกภาพที่ว่าได้เป็นอย่างดี ท่านเซอร์เองก็คงมองเห็นและคงทราบดีว่า ต่อให้เราซื้อพวกระดับโลกเข้ามาเพิ่มในตอนนี้ แต่ถ้ายังไร้ซึ่งความเข้าอกเข้าใจกัน และการประสานงานในทีม การให้บอลกันยังไม่ดี แม้แต่ตำแหน่งการยืนของแต่ละคนเองก็ยังไม่เนียน แล้วพวกระดับโลกเข้ามามันจะช่วยอะไรตรงนั้นได้ นอกจากแค่เปลี่ยนตุ๊กตาจากโด้เป็นคนอื่น แล้วทั้งสโมสรเราก็ต้องฝากทุกอย่างไว้ที่เท้าของเขาต่อไปอีกงั้นหรือ แล้วเมื่อถึงวันที่พวกนั้นต้องอำลาไปล่ะ เราก็ต้องมานั่งเซ็งแบบนี้อีกหรือไง ผมว่าตอนนี้ท่านเซอร์แกกลับมาตั้งต้นใหม่ หันมาสร้างทีมที่ไม่มีซูเปอร์สตาร์แบบข้ามาคนเดียวอีกต่อไป ก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ใครจะเข้ามาก็ต้องเป้นส่วนหนึ่งของระบบ นั่นคือสิ่งที่ถูกต่างหาก

ครึ่งหลังเราจึงเห็นการปรับแต่งพันธุกรรมการเล่นเล็กน้อย นั่นคือเน้นการเคลื่อนที่ให้มากขึ้น ให้หลังอย่างเอแวนส์ดันเกมมาช่วยเพิ่มแล้วดันรูนี่ย์กับเบิร์บให้เล่นสูงขึ้นไปอีก เพื่อกดและป่วนแนวรับทีมเยือน วาเลนเซียถูกสั่งลงมาให้ตัดเข้าในบ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มความสับสนให้ฟูลแบ็คเบิร์นลี่ย์ แล้วเกมรุกของเจ้าบ้านก็เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการประสานงานที่นานๆจะยอดเยี่ยมสักที รูนี่ย์ได้บอลบริเวณกรอบโทษแล้วดึงผู้เล่นเบิร์นลี่ย์เข้าหาตัวก่อนจะแทงบอลขึ้นหน้าทางซ้ายของปากประตู เบอร์บาตอฟสอดเข้าไปรับพอดิบพอดี โดยมีผู้เล่นเบิร์นลีย์ตามประกบอยู่ก่อนที่เฮียเบิร์บจะตวัดยิงลูกไปกระทบขาตัวประกบเด้งเปลี่ยนทางเล็กน้อยข้ามตัวเจนเซ่นเสียบหน้าต่างเสาสอง อย่างสุดสวย เป็นประตูที่นอกจากจะปลดล็อคให้ทีมแล้วยังปลดล็อคตัวเองได้อีก หลังจากพลาดง่ายๆมาสองสามครั้งก่อนหน้านี้

ประตูนี้ก็เท่ากับเปิดประตูเชื้อเชิญให้เบิร์นลี่ย์ต้องแลกแล้ว และเข้าสู่กระบวนการที่คุ้นเคยของเรา นั่นคือเมือมีพื้นที่ เราก็เล่นง่ายอีกแระ และมาได้ประตูที่สองอย่างรวดเร็ว เมื่อเบอร์บาตอฟสบโอกาสส่องโดนเจนเซ่นปัดออกมา สุดท้ายบอลมาเข้าทางรูนี่ย์ที่โชว์สเต็ปเทพให้เห็นด้วยการดึงบอลอกมาทางกว้าง โยกตัวหลอกยิงครั้งหนึ่งจนเจนเซ่นล้มตัวไปทางซ้ายของตัวเองก่อนเจ้าหมูจะสับไกยิงจริงๆไปทางขวาของเจนเซ่น เรียกได้ว่า ใจเย็นสุดๆกับลูกนี้ และนี่คงเป็นลูกปลดล็อคของเจ้าหมูอีกคน หลังจากซัดแฮตทริกไปเมื่อต้นปี แล้วหลังจากนั้นฟอร์มดันออกทะเลซะทุกนัด ยิงแป้ก ยิงนก จ่ายบอลหมูหกตลอด จับบอลก็ไม่เชื่องเท้า แตะบอลเข้าทางคู่ต่อสู้ เรียกได้ว่าถ้าผมให้คะแนนสองสามนัดล่าสุดของน้องหมู คงมีต่ำห้าเยอะแหละครับ แต่มานัดนี้ ยิ่งครึ่งหลังด้วย ก็ต้องบอกว่า น้องหมูกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้งแล้ว

การเปลี่ยนตัวเกมนี้ ก่อนจะได้ลูกที่สอง คาร์ริคก็ถูกถอดออกมาพักหลังจากเล่นได้ค่อนข้างน่าพอใจ ไม่ถึงกับดีมาก แล้วส่งอันแดร์สันลงมาแทน วันนี้อันแดร์สันผมว่าเล่นดีนะ การขวางบอลข้ามด้านกว้างแบบพุ่งๆของเขาแม่นยำและรวดเร็วดีมาก การเล่นกับบอลก็ดูดี แต่อย่างว่าครับ บอลนำไปสองลูก พื้นที่มีมาก แล้วก็ไม่กดดันแล้ว มันก็เล่นได้สบายใจกว่านั่นแหละ หลังจากนั้น เบิร์บและรูนก็ถูกถอด ส่งดิยุฟกับโอเว่นลงมาแทน และดิยุฟก็สามารถเปิดสกอร์แรกในการลงเล่นนัดแรกในบ้านได้ทันที จากบอลยาวกลางสนามขึ้นหน้า ดิยุฟวิ่งสอดแซงกองหลังขึ้นมาด้วยความเร็วสูงชนิดเจนเซ่นผวาออกมาจะปัดแต่ช้ากว่า ดิยุฟเทคโหม่งตัดหน้าส่งบอลเข้าตาข่ายได้ในช่วงทดเจ็บ นับเป็นนัดเปิดตัวในบ้านที่สวยสดงดงามยิ่งนักของกองหน้าเด็กใหม่คนนี้

อย่างที่ผมบอกครับ รูปเกมที่เกิด กับโอกาสจบสกอร์ กับผลลัพธ์ มันเป็นแค่ภาพลวงตาที่เกิดขึ้น หากใครได้ดูเต็มๆตลอดทั้งเกมก็ต้องบอกว่า เราโชคดีที่ไม่เสียให้เขาก่อนสองสามลูกที่น่าจะเสียนั้น แถมยังโชคดีที่มาได้ประตูปลดล็อคจากลูกแฉลบขากองหลังด้วย ที่ทำให้เราสามารถออกนำทีมเยือนไปได้สำเร็จ ถึงแม้สุดท้ายจะได้สามประตูและคลีนชีต แต่เมื่อพินิจรูปเกมแล้วก็ให้น่าเป็นห่วงเหลือเกิน ดีที่เราได้น้าซาร์กลับมาเป็นผู้มีบารมีหน้าปากประตูที่ต่อไปนี้น่าจะทำให้หลังบ้านเราอุ่นใจมากขึ้น เล่นง่ายขึ้นไม่ต้องพะวงประตูหลัง และน่าจะส่งผลให้กองกลางสามารถทำผลงานได้ดีขึ้นด้วย เมื่อไม่ต้องมาระแวงภัยหลังบ้านตัวเองตลอดเวลา และเมื่อสามารถเล่นได้ตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ไม่ยากแล้วครับ

เมื่อหันฟังจากข่าวลือที่พาเหรดกันมาในช่วงที่ทีมฟอร์มตกนั้น ยิ่งพิเคราะห์ตาม ผมก็ยิ่งคล้อยแฮะ และคงจะต้องถอนคำพูดที่ว่าปีนี้ป๋าต้องเอาดาราดังเข้าทีมอีกคนเพื่อชดเชยกรณีโรนัลโด้และเตเวซ เหตุผลแรกอย่างที่บอกไปว่าป๋าคงไม่อยากเสี่ยงให้ทีมที่กำลังเริ่มสร้างระบบใหม่ ต้องหันกลับมาพึ่งสตาร์อีกครั้งแทนที่จะสร้างทีมเวิร์คให้เข้าที่ก่อน อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การที่ปลิงดูดเลือดสัญชาติอเมริกันมันเอาเงินไปผลาญหมดนั่นเอง จากเมื่อก่อนเราอยู่ของเราเป็นมหาชนดีๆ (ถึงแม้จะขยับซื้อใครได้ช้าเพราะต้องรอมติผู้ถือหุ้น แต่ก็ไร้หนี้สินนะยะ) ไอ้สองตัวนี่ดันไปกู้แบงก์มาซื้อ แล้วผลักหนี้นั้นมาลงที่สโมสรซะงั้น แถมมีข่าวแพลมมาอีกว่า เอาเงินสโมสรไปหมุนสภาพคล่องให้บริษัทพรรคพวกตัวเองอีกต่างหาก นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราขยับตัวซื้อใครยากเย็นเหลือเกิน แถมยังมียูฟ่าออกมาฮึ่มๆว่าจะถีบเราออกจากทัวร์นาเมนต์ยุโรปเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัวอีกต่างหาก เฮ้อ...ไอ้ปลิงเอ๊ยยย

แต่เอาเถอะ จะทำอะไรกัน มันก็สโมสรท่านนี่นะ (อย่างน้อยก็ตอนนี้) พวกเราทำได้เต็มที่ก็แค่ตามเชียร์ต่อไป และลุ้นให้มีคนที่รักทีมจริงๆ เอาฟ่อนเงินมาฟาดหัวไอ้ตระกูลปลิงนี่ให้ออกไปพ้นๆทีมซะทีเถอะน่า เพื่อความสบายใจของทุกๆฝ่าย และสมาธิในการทำทีมของป๋ารวมถึงสมาธิในการเล่นของนักเตะ


แต่ก่อนอื่น เรามาลุ้นเกมคาร์ลิ่งกันก่อนนะครับ

สงบใจ



Create Date : 18 มกราคม 2553
Last Update : 18 มกราคม 2553 10:30:35 น.
Counter : 459 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด