20090202 วิพากษ์ MAN UNITED vs EVERTON

ทำลายสถิติครั้งที่สอง...ของน้าซาร์

สวัสดีครับ กลับมาพบกันตามเคย กับบทวิพากษ์แมนฯยูไนเต็ดเช้าวันจันทร์ สำหรับเกมนี้ ก็สามารถเก็บแต้มได้ตามเป้า คือสามแต้ม ถึงแม้ออกจะอึดอัดไปบ้างกับรูปเกมที่ได้เห็นกัน อีกทั้งยังมีความหนึบของทิม โฮเวิร์ด เข้ามาช่วยเพิ่มความอึดอัดเข้าไปอีก แต่สุดท้าย เราก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ



เกมนี้ ถูกเลื่อนมาจากโปรแกรมเดิมมันเดย์ไนท์ มาเตะกันในคืนวันเสาร์แทน เนื่องจากเอฟเวอร์ตันติดภารกิจเกมเอฟ เอ คัพ กับลิเวอร์พูล ที่ต้องเตะใหม่ในกลางสัปดาห์นี้ จากผลเสมอกัน นั่นทำให้เอฟเวอร์ตันออกจะลำบากกว่าเรา หากจะเปรียบเทียบในแง่ขุมกำลังที่มีให้เลือกน้อยกว่า แถมยังต้องเจอโปรแกรมช่วงนี้อัดแน่นกว่าเราอีก แต่ทั้งสองทีม ต่างก็เข็นผู้เล่นที่ดีที่สุด ลงสนามกันทั้งคู่อย่างเต็มพิกัด ซึ่งทางทอฟฟี่นั้น ทิม เคฮิลล์ กับ มารูยาน เฟลไลนี่ คู่หูคู่แสบต่างผ่านการทดสอบความฟิตและลงสนามได้ตั้งแต่ต้นเกม โดยเคฮิลล์ ถูกวางเป็นหน้าเป้า และ เฟลไลนี่ แอฟโฟร่สุดเท่ ยืนหน้าต่ำ ตรงกลางสี่คนมี พีนาร์, อาร์เตต้า, เนวิลล์น้อง และ ออสแมน แผงหลังสี่คนมี เลย์ตัน เบนส์, เลสคอตต์, จากีลก้า และฮิบเบิร์ต นายด่านเป็นอดีตปิศาจ ทิม โฮเวิร์ด

ในขณะที่ทางฝั่งเจ้าบ้าน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่หมายมั่นปั้นมือกับสามแต้มเต็มในบ้าน ได้น้าซาร์ ยืนเฝ้าเสาต่อเพื่อทำสถิติเพิ่มอีกนัด แผงหลังได้ แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และ จอห์น โอเชีย ตรงกลางใช้ คาร์ริคกับ เฟล็ทเชอร์คุมเกม มีโรนัลโด้ และ ปาร์ค ทำเกมริมเส้น คู่หน้าใช้ เบอร์บาตอฟ กับเตเวซ สำรองข้างสนามยังมี คุสแซ็ค, บราวน์, ฟาบิโอ, เอ็คเคอร์สลี่ย์, กิ๊กส์, กิ๊บสัน และเว็ลเบ็ค

เห็นอะไรลางๆไหมครับ นั่นก็คือ การที่มีรายชื่อของฟาบิโอ และ เว็ลเบ็คในทีม นั่นหมายถึงว่าทั้งสองคนต่างหายจากอาการบาดเจ็บเรียบร้อยและพร้อมลงสนามได้แล้ว นับเป็นข่าวดีมากๆเลยครับสำหรับสโมสรและแฟนๆ



เริ่มเกม ต่างฝ่ายต่างยังดูเชิงกันอยู่ พยายามตั้งเกมของตัวเองตามถนัดไม่มีผลีผลาม ยูไนเต็ดและเอฟเวอร์ตัน มาวันนี้ด้วยแท็คติคคล้ายๆกันมาก นั่นคือ เพรสซิ่งไล่บอลทุกจังหวะ เมื่อเสียบอลแล้วจะลงมาไล่บอลทุกคน และลงมายืนแพ็คคุมโซนไล่ต่ำอีกต่างหาก รวมทั้งพยายามปิดเกมริมเส้นของคู่ต่อสู้อย่างเต็มที่ ในเกมรุก ความต่างของทั้งสองทีมจะอยู่ที่การทำเกมรุก ซึ่ง เอฟเวอร์ตันเน้นที่เกมโต้กลับเป็นพิเศษ เนื่องจากมักถูกยูไนเต็ดครองเกมรุกเข้าใส่มากกว่านั่นเอง เอฟเวอร์ตันเน้นเกมโต้กลับโดยฝากความหวังไว้ที่ เฟลไลนี่กับเคฮิลล์ ที่เก็บบอลดีมากๆ และเล่นลูกกลางอากาศได้ดีทั้งคู่ ในขณะที่เกมรุกของเอฟเวอร์ตันยามครองบอลได้นั้น จะขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายที่พีนาร์และเบนส์เป็นหลัก เน้นเจาะไปที่แกรี่ เนวิลล์ที่โรยราลงไปมาก

เกมรุกของเอฟเวอร์ตันได้ผลทางฝั่งซ้ายเป็นพิเศษ อย่างที่บอกครับแกรี่ค่อนข้างมีปัญหา เมื่อโดนเบนส์ และพีนาร์ ทำชิ่งหนึ่งสอง ใช้สปีดกระชาก รวมทั้งจ่ายตัดหลังไปสุดเส้นบ่อยๆ แต่การที่เกมรับยูไนเต็ดไม่ได้มีเพียงแผงหลังสี่คน แต่จะถอยปาร์คลงมาช่วยแกรี่เป็นพิเศษ และมีเฟล็ทเชอร์กับคาร์ริค ลงมาช่วยรองช่วยซ้อนบอลหน้ากรอบโทษเพิ่ม ทิ้งตัวรุกแค่สามคนยืนดักเก็บบอลแถวสองเพื่อโต้กลับ ซึ่งการตั้งเกมรับของยูไนเต็ด เริ่มแสดงให้เห็นเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และยังปิดเกมของเอฟเวอร์ตันได้ดีมากๆ



เกมรับของยูไนเต็ด สามารถปิดเกมรุกเอฟเวอร์ตันได้ค่อนข้างสนิท เกมริมเส้นที่เน้นหลุดมาทางแกรี่ จะถูกปิดถูกซ้อนจากปาร์ค และกองกลาง เซ็นเตอร์จะถูกกำชับไม่ให้ถ่างออกมาซ้อนเลยแม้แต่หนเดียว จะเห็นว่าลูกที่พีนาร์หลุดไปทางเส้นหลังและลากเข้าหาน้าซาร์นั้น ก็จะไม่มีริโอหุบมาช่วย แต่จะมีเฟล็ทเชอร์, ปาร์ค หรือคาร์ริค คอยถอยลงมาปิดทางมากกว่า และเซ็นเตอร์ จะปักหลักคอยป้องกันประตูจากเคฮิลล์ และเฟลไลนี่อยู่หน้ากรอบตลอดเวลาเมื่อมีผู้เล่นทอฟฟี่หลุดมาเปิดจากริมเส้น ซึ่งการยืนป้องกันลักษณะนี้ อาจจะปิดเกมริมเส้นได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ก็จริง แต่สามารถตั้งแนวป้องกันหน้าปากประตูได้เต็มที่ อีกทั้งยังเน้นการดักเช็คออฟไซด์ให้ผู้เล่นทอฟฟี่ปวดหัวได้อีกด้วย จากการดักไลน์หลายๆครั้งที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ผู้เล่นยูไนเต็ดยังถูกกำชับว่า ถ้าต้องทำฟาล์ว ให้พยายามทำตั้งแต่ระยะไกล อย่าให้อยู่ในรัศมีทำการของอาร์เตต้า เราจะเห็นว่า อาร์เตต้าได้ส่องฟรีคิกในระยะทำการแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นตลอดเกม นอกนั้นจะเป็นระยะค่อนข้างไกลไปสักหน่อย ซึ่งพลังในการยิงของอาร์เตต้าก็จะไม่ได้รุนแรงมากนัก ปัญหาหนักเพียงข้อเดียวที่แผงหลังของยูไนเต็ดต้องเผชิญนั่นคงเป็นการดวลกับเฟลไลนี่ครับ วิดิชถูกจัดลงมาประกบเฟลไลนี่ ถึงแม้จะหยุดแอฟโฟร่ได้ชะงัด แต่เจ้าตัวเองก็อ่วมไปไม่ใช่น้อย จนถึงเลือดกลบปากอีกแล้ว เฟลไลนี่เด่นทั้งรุกและรับ น่าจะเป็นหนึ่งในสามสี่คนของทอฟฟี่ ที่มีส่วนร่วมกับเกมมากๆในเกมนี้ครับ



เมื่อเกมรับสามารถหยุดความอันตรายของอาวุธหนักของเอฟเวอร์ตันได้แล้ว มาดูเกมรุกกันบ้าง เกมรุกเรา หลังจากช่วงแรกๆ ถูกเอฟเวอร์ตัน ไล่เพรสซิ่งจนเอาอยู่เช่นกัน ทำให้มีการปรับรายละเอียดเกมรุกหลังผ่านไปเกือบได้สักพัก จากแรกๆ ที่พยายามเล่นเกมรุกตามคอนเซปต์ถนัด คือขึ้นเกมทางริมเส้น และลากตัดหุบเข้าใน รวมทั้งให้กลางต่อบอลขึ้นหน้ากับเบอร์บาตอฟและเตเวซ แต่การเพรสซิ่งของทอฟฟี่ ทำให้เกมรุกที่เน้นการต่อบอลเดินขึ้นหน้าจะทำได้ไม่ค่อยถนัด ถูกบีบ ถูกไล่แซะเสียบอลบ่อยๆ จึงต้องปรับนิดหน่อยครับ มาเป็นการขึงเกมอยู่ห่างๆ และพยายามให้คนที่ครองบอล ดึงผู้เล่นทอฟฟี่ออกจากโซน และใช้บอลเร็ว จ่ายสวนกลับพื้นที่ที่ถูกเปิด โดยที่จะมีผู้เล่นออฟเดอะบอล สอดเข้าพื้นที่ที่ถูกเปิดไปรับบอล

การปรับเกมตรงนี้ ได้ผลค่อนข้างมาก ประกอบกับการสลับตำแหน่ง หมุนกันเล่นไปเรื่อยๆของแนวรุกสามสี่คน ยิ่งทำให้แผงหลังทอฟฟี่สับสน และหลงตำแหน่งง่ายขึ้น คาร์ริคและเฟล็ทเชอร์ สบโอกาสสอดเข้าไปหน้ากรอบได้หลายครั้ง ปาร์คกับเตเวซเองก็ยังได้โอกาสส่องด้วย แต่ติดที่โฮเวิร์ดวันนี้กินยาหนึบมาครับ ปัดป้องแบบไม่น่าเชื่อได้ตลอด ช่วงปลายครึ่งแรก ยูไนเต็ดมาเพิ่มมิติเข้าไปอีก ด้วยการให้ผู้เล่นสามารถลากจี้เข้าไปจากตรงกลางได้เมื่อมีช่อง และก็ได้เสียวหลายที จนมาได้ประตูในที่สุด เมื่อคาร์ริคทำชิ่งกับเพื่อนก่อนจะพาบอลหลุดเข้าไปในกรอบ คาร์ริคลากหลุดอาร์เตต้าไปแล้ว แต่อาร์เตต้าแหย่ขาไปข้างหลังสกัดไว้ในจังหวะสุดท้าย ผู้ตัดสินเป่าทันที และโรนัลโด้ก็สังหารจุดโทษเข้าไปในช่วงท้ายครึ่งแรกนั่นเองให้เจ้าบ้านออกนำได้สำเร็จ




บอลในครึ่งหลังก็เหมือนกับครึ่งแรก ในแง่รูปเกมและการทำเกมจากทั้งสองฝั่ง ยูไนเต็ดมีการเพิ่มความหลากหลายเข้าไปอีกหน่อย ด้วยการให้ปาร์คและโรนัลโด้ สลับฟากกันป่วนแผงหลังทอฟฟี่เรื่อยๆ ในขณะที่เกมโต้กลับด้วยการวางยาวของทอฟฟี่เริ่มไม่ได้ผลแล้ว วิดิชกับริโอ สามารถรับกินลูกวางยาวและป้องกันได้หมดจด แต่กับการขึ้นเกมทางพีนาร์และเบนส์ทางซ้าย ยังคงอันตรายอยู่ เกมนี้โอกาสใกล้เคียงที่สุดของทอฟฟี่คงเป็นการส่องไกลจากหน้ากรอบที่ถูกน้าซาร์ตะครุบไว้ได้สองครั้ง และยังมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเพียงแต่เอฟเวอร์ตันยังไม่สามารถฉกฉวยความได้เปรียบแปรเปลี่ยนเป็นประตูไว้ได้

ทิม เคฮิลล์ในเกมนี้ ผมดูแล้วเหมือนสภาพเขายังไม่เต็มที่เท่าไหร่ ปกติเคฮิลล์ที่คุ้นตาผม มักจะดุดันกว่านี้ กดดันคู่ต่อสู้ได้มากกว่านี้ นัดนี้กลับกลายเป็นเคฮิลล์หายไปนานมาก โผล่มาทีมีเสียวทีแล้วก็หายไปอีกนาน กลับเป็นเฟลไลนี่, พีนาร์ และอาร์เตต้า ที่กลายเป็นตัวขับเคลื่อนเกมของทอฟฟี่ทั้งรุกและรับไปมากกว่า นอกจากนั้น คนที่ผิดคาดอีกคนก็คือ ออสแมนครับ ที่ปกติน่าจะเป็นตัวทำเกมที่ดีอีกคนของเอฟเวอร์ตัน แต่เกมนี้ ออสแมนก็เงียบไปหน่อยเช่นกันครับ น่าจะพะวงกับเกมรับที่ต้องรับมือจากการคุกคามของเจ้าบ้านตลอด ซึ่งตรงนี้เอง ที่ทำให้งานของโอเชียง่ายขึ้น ขนาดจ่ายผิดจ่ายถูกตั้งหลายดอกทั้งที่ไม่ค่อยถูกกดดัน แต่ก็ยังไม่ค่อยถูกเจาะทางนี้เท่าไหร่ โอเชียเลยเล่นค่อนข้างสบายครับ



ยูไนเต็ดเปลี่ยนตัวก่อนครับ ท่านเซอร์ถอดแกรี่ เนวิลล์ออก ส่งเวส บราวน์ลงมายืนแบ๊คขวาแทน ซึ่งหลังจากนั้น เกมรุกของเอฟเวอร์ตัน ก็กดดันทางนี้น้อยลงเยอะ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลอะไรครับ แต่มอยส์กลับเน้นไปที่การวางบอลยาวมากขึ้น เกมเริ่มกลายเป็นของยูไนเต็ดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อล่วงชั่วโมงผ่านไป ผมนั่งนับเวลารอนาทีที่ 72 อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อให้น้าซาร์ทำสถิติของอังกฤษขึ้นมาใหม่เสียที แต่แล้วการเปลี่ยนตัวของมอยส์ ก็ทำเอาผมงงไปหมดครับ เมื่อถอดเฟลไลนี่ออกในนาทีที่ 67 และส่งอนิเชบี้ลงมาแทน ที่งงก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็เพราะว่าเกมนี้ ในสายตาผม คนที่น่าจะถูกถอดออกน่าจะเป็นเคฮิลล์หรือออสแมนมากกว่า เฟลไลนี่ถึงแม้จะไม่มีโอกาสส่องหรือทำหวาดเสียว แต่ผมว่ากดดันวิดิชและแผงหลังยูไนเต็ดได้น่าดูเลยล่ะครับ หากสังเกตดีๆ เกมนี้ ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในเกมของทอฟฟี่ก็คือ พีนาร์, อาร์เตต้า และเฟลไลนี่นี่แหละ (ผมไม่ได้พูดถึงแผงหลังนะ)

พอเฟลไลนี่ถูกถอดออกไปเท่านั้นเอง วิดิชและแผงหลังคนอื่นๆก็เล่นง่ายขึ้นเยอะเลยครับ อนิเชบี้ไม่สามารถกดดันแผงหลังยูไนเต็ดได้เท่าเฟลไลนี่เลย เคฮิลล์ที่ยังพอมีโอกาสบ้างในช่วงแรกๆ ก็ยิ่งหายไปจากการมีส่วนร่วมกับเกม ป๋าถอดเฟล็ทเชอร์ออกในนาทีที่ 74 และส่งกิ๊กส์ลงมาแทน เกมหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากให้พูดถึง เกมคู่นี้ที่ปกติมักจะหนักพอสมควร วันนี้กลับไม่มีใบเหลืองแม้แต่ใบเดียว อาจจะเป็นเพราะยูไนเต็ดเองก็ไม่ได้ต้องการเกมหนักด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อถนอมแข้งนักเตะให้อยู่ตลอดรอดฝั่งกับอีกสามสี่เดือนที่เหลือ ในขณะที่เอฟเวอร์ตันเองก็คงไม่เน้นเข้าปะทะหนักๆเช่นกัน เพราะก็ยังมีเกมตกค้างกับลิเวอร์พูลให้เล่นในอีกสามสี่วันให้หลัง ประกอบกับยังมีลุ้นโควต้ายูฟ่าคัพด้วย นักเตะก็เจ็บเยอะอยู่แล้ว หากมาเสียเพิ่ม ก็คงไม่คุ้มเท่าไหร่ในระยะยาว



เกมยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมๆจนจบเกมในที่สุด และเป็นสามแต้มสำหรับเจ้าบ้าน น้าซาร์ก็ทำสถิติยืดระยะเวลาคลีนชีตออกไปเป็น 12 นัดติดต่อกัน ที่เวลาทั้งหมดก็น่าจะ 1,122 นาทีเข้าไปแล้ว ทำลายสถิติของลีกอังกฤษเรียบร้อย และเป็นการทำงานสถิติครั้งที่สองหลังจากที่เพิ่งทำลายสถิติลีกสูงสุดไปหมาดๆ และกำลังจ่อทำลายสถิติคริส วู้ดส์ อดีตนายด่านทีมชาติอังกฤษ ที่ครองสถิติของเกาะอังกฤษอยู่ที่ 1,196 นาที สมัยค้าแข้งในลีกสก๊อตต์ ซึ่งเครดิตนี้ นอกจากน้าซาร์แล้ว ก็คงต้องยกให้ผู้เล่นที่มีส่วนร่วมในเกมรับทุกๆคนด้วย ยิ่งหากมองสถิติหลังเกมนี้นะครับ ทอฟฟี่ยิงทั้งหมดเจ็ดครั้งเป็นลูกตรงกรอบสามครั้ง แต่ที่น่าพูดถึงที่สุดก็คือ การบล็อกลูกยิง ยูไนเต็ดเกมนี้ บล็อกลูกยิงได้ถึง หก ครั้งทีเดียว ซึ่งก็น่าสังเกตว่า การได้ยิงไกลจากคู่ต่อสู้ ไม่ค่อยได้ผ่านตัวบล็อกมาหลายนัดเข้าให้แล้วครับ ก็น่าจะช่วยให้งานเข้าน้าซาร์น้อยลงเยอะทีเดียว

ส่วนผู้เล่นที่น่าจะโดดเด่นที่สุดในเกมนี้ ก็คงต้องเป็นคาร์ริค จากที่เริ่มเกมได้ติดๆขัดๆพอสมควร แต่ก็กลับมาบงการเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ เบ็ดเสร็จแค่ไหน ก็ขนาดที่ว่า เฟล็ทเชอร์คู่ขาเขาแทบจะหายไปจากทีวีเลยก็ว่าได้ครับ คาร์ริคมีจังหวะสอดเข้าไปยิงงามๆหลายครั้ง เรียกจุดโทษได้ลูกหนึ่ง และเกือบได้อีกลูกด้วยซ้ำ เข้าไปบล็อกจังหวะยิงของเอฟเวอร์ตันได้อีก และวิ่งพล่านทำเกมทั้งรุกและรับตลอดเวลา เตเวซเองเกมนี้ก็เด่นไม่เบา แต่มักจะเลือกฝืนยิงฝืนลากเข้าไปเองมากกว่าจะจ่ายให้เพื่อนในจังหวะสุดท้าย นอกจากนั้นคงต้องชมปาร์ค, ริโอ และวิดิช ที่เล่นได้อย่างมีวินัย มีประสิทธิภาพมากๆ และน่าจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ช่วยลดอาวุธหนักของทอฟฟี่ลงได้เยอะครับ



หลังจบเกมนี้ ก็คงต้องไปตามลุ้นกันต่อครับ ว่าผลคู่ลิเวอร์พูลกับเชลซี จะลงเอยแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องพะวงก็คงเป็นฟอร์มของเราเองที่ต้องดูแลให้ดีทุกๆนัด นัดนี้ หากไม่ได้ความหนึบของโฮเวิร์ด ทอฟฟี่เองก็อาจจะโดนไปมากกว่านี้ ซึ่งสิ่งที่อยากจะสื่อก็คือ นัดนี้ ความคมของเราไม่ใช่ปัญหาครับ แต่อยากให้เครดิตโฮเวิร์ดมากกว่า ที่ปัดป้องได้หลายลูกจริงๆ และยังมีฮิบเบิร์ตอีก ที่ตามมาสกัดได้หลายจังหวะ และผมมองว่า หากทอฟฟี่ไม่มีโปรแกรมโหดรออยู่ และไม่เผชิญอาการบาดเจ็บมากนัก ทอฟฟี่อาจเล่นงานเราได้หนักหน่วงกว่านี้มากครับ ไม่เชื่อลองนึกย้อนไปถึงครึ่งหลังของนัดแรกที่เจอกันสิครับ เล่นเอาซะเราโอนไปเอนมาจะพังมิพังแหล่นั่นทีเดียว

มาถึงตอนนี้แล้ว ลิเวอร์พูลชนะเชลซีด้วยสกอร์สองเม็ด นั่นส่งผลให้เชลซีมีประตูได้-เสียตามหลังเราไปแล้วนะครับ และยังมีแต้มตามหลังเราถึงห้าแต้ม ในขณะที่ลิเวอร์พูลตามหลังเราสองแต้ม ทั้งสองทีมยังแข่งมากกว่าเราอีกหนึ่งนัด ทำให้โอกาสของเราที่จะป้องกันแชมป์นั้น ยังเปิดกว้างอยู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อย่าประมาท และอย่าพลาดเอง ช่วงนี้เราจำเป็นต้องเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด ก่อนที่บอลยุโรป จะมาแบ่งสมาธิไปจากเรา ก่อนที่นัดชิงลีกคัพ จะมาขโมยโปรแกรมแข่งเราไปอีกนัด ผมเชื่อว่า ถ้าเราประคองสถานการณ์ระยะห่างของแต้มนำเท่านี้ไปได้จนถึงคิวบอลยุโรป โอกาสเราจะยิ่งกว้างกว่านี้เยอะเลยครับ

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552 Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 11:11:42 น. Counter : 1396 Pageviews.		30 comments
Share Tweet