20090302 วิพากษ์ CARLING CUP 2009 Final
ONE Down, THREE to Go

สวัสดีครับ ทุกๆท่าน วันนี้เรามาฉลองแชมป์ถ้วยเมเจอร์ที่เล็กที่สุดกันก่อน ผมหวังใจไว้ว่า ถ้วยคาร์ลิ่งคัพที่ได้มาใบนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการตามล่าหาถ้วยอื่นๆกันต่อไปในซีซั่นนี้ ตามความปรารถนาอันแรงกล้าของพลพรรคนักเตะปิศาจแดง และบรมกุนซืออสรพิษเฒ่าแห่งรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ผมเชื่อครับ ว่าถึงแม้วาทะที่หล่นจากปากท่านเซอร์ จะลดความกดดันด้วยการพยายามบอกว่าไม่ได้หวังถึงสี่แชมป์ แต่ภายในใจท่านเซอร์ ผมว่าต่อให้ไม่ถึงกับเป็น นี้ด แต่มันก็คงเป็นระดับน้องๆ ว้อนท์ นั่นแหละครับ ไม่งั้นเราคงไม่เห็นป๋าทยอยส่งแข้งเก๋าประสบการณ์ลงไปเปลี่ยนเกมเป็นระยะๆอย่างแน่นอน

แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักของบทวิพากษ์วันนี้ เหนือสิ่งอื่นใด เกมนี้ก็คงต้องขอซูฮกในหัวจิตหัวใจของเหล่านักเตะท็อตแน่มทุกๆคน ที่ร่วมกันยืนหยัดปักหลักซดกับแข้งผีได้อย่างสุดมันตลอดร้อยยี่สิบนาที (โดยเฉพาะดอว์สัน) จนทำให้เป็นเกมนัดชิงบอลถ้วยที่สนุกที่สุดอีกนัดหนึ่งที่ผมได้เคยรับชมครับ (ถึงแม้จะได้เห็นหน้าหนุ่มนายแบบโฆษณาบ่อยกว่าเตเวซก็เถอะ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ดูบอลนะครับ)


พลันที่เห็นรายชื่อของทั้งสองทีม ผมก็นึกในใจ วันนี้ ป๋าเรา เอานะ แน่ๆเลยนี่หว่า ไม่ได้ส่งตัวเด็กลงสนามมากมายอย่างที่บอกๆไว้แฮะ โดยผู้เล่นที่ลงสนามเป็นตัวจริงเกมนี้ ทางฝั่งปิศาจแดง ประกอบไปด้วย เบน ฟอสเตอร์ นายทวารดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ที่หมายมั่นปั้นมือจะแสดงลวดลายให้คาเปลโล่ได้รับชมกันสดๆ แผงกองหลังมีจอห์น โอเช (เกร็กสัน), ริโอ เฟอร์ดินานด์, โจนาธาน อีแวนส์ และ ปาทริซ เอวร่า มิดฟิลด์คู่กลางใช้ พอล สโคลส์ และ ดาร์รอน กิ๊บสัน ตัวริมเส้น เลือกนานี่ ทางซ้าย และ โรนัลโด้ ทางขวา คู่กองหน้าใช้ แดนนี่ เว็ลเบ็ค และคาร์ลอส เตเวซ ขุมกำลังพลสำรองข้างสนาม มีคุสแซ็ค, เอ็คเคอร์สลี่ย์, วิดิช, ปาร์ค, พอสเซบอน, อันแดร์สัน และ กิ๊กส์

ส่วนทางด้านจ่าแฮร์รี่ของเรา ส่งสิบเอ็ดตัวจริงลงมาดังนี้ ผู้รักษาประตูเป็น เอเรลโญ่ โกเมส แผงกองหลังประกอบไปด้วย เวดราน ชอร์ลูก้า, ไมเคิล ดอว์สัน, เล็ดลี่ย์ คิง และ เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ ใช้เจอร์เมน จีนาส จับคู่ ดิดิเยร์ โซโกร่า ตรงกลาง ริมเส้นมี อารอน เลนน่อน และ ลูก้า โมดริช คู่กองหน้าใช้ โรมัน พาฟลิวเชนโก้ กับ ดาร์เรน เบนท์ พลสำรองข้างสนามไล่เรียงดังนี้ อัลวิค (โกล์), แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนท์ลีย์, ทอม ฮัดเดิลสตัน, คริส กันเธอร์, อาเดล ทารับบ์ และ เจมี่ โอฮาร่า



เริ่มเกมปุ๊บ ท็อตแน่มใส่ปั๊บ ตามคาดไม่มีผิดครับ เกมนี้ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์หรือที่ผมมักเรียกว่า เพรสซิ่งตัวพ่อ เพราะเจอกันไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ทีมไหน แกเป็นงัดเกมเพรสซิ่งเข้าใส่เราตลอด จะต่างกันบ้างก็ตรงดีเทลว่าจะเพรสซิ่งสูงหรือต่ำ หรือ หนัก เบา แค่ไหนเท่านั้นเอง เกมนี้ก็ไม่ต่างกันครับ ลูกทีมจ่าแฮร์รี่วิ่งกันลืมตาย ไล่บดบี้ กดดัน นักเตะยูไนเต็ดทุกจังหวะ ทุกพื้นที่ของสนาม หากใครไม่ได้ชมเกมสดๆ นึกภาพไม่ออก ก็ขอให้นึกเทียบกับทีมเราส่งเตเวซลงสนามทุกตำแหน่ง แล้ววิ่งไล่นั่นแหละครับ ใช่เลย เกมช่วงแรกจึงกลายเป็นสเปอร์ส ที่เร่งสปีดเกม พาจังหวะบอลของยูไนเต็ดให้หลุดจากความแม่นยำได้มาก แต่สเปอร์สเองก็เร่งซะจนเสียบอลบ่อยๆเช่นกัน

แมนฯยูไนเต็ดพยายามคอนโทรลเกม ดึงจังหวะให้ช้าลงเพื่อหาทางกลับมาสู่จังหวะที่ตัวเองถนัด แต่สเปอร์สนั้นก็ไล่เพรสซิ่งบี้ได้ดีมากๆ ทำให้กว่าจะเข้าสู่เกมตัวเองได้แบบเบ็ดเสร็จ ก็ล่วงเข้าไปร่วมๆสิบห้ายี่สิบนาทีของเกม และเมื่อครองเกมได้แล้ว เกมตรงกลางสนามก็ตกเป็นของยูไนเต็ดโดยสิ้นเชิง จีนาสหายไปอย่างไร้ร่อยรอยในครึ่งแรก โซโกร่าต้องรับภาระหนักอึ้งในการตัดเกมรุกของยูไนเต็ด โดยที่สเปอร์สเองยังหวังใช้ทีเด็ดจากลูกโต้กลับเร็วโดยการวางบอลออกปีกสองข้าง ที่มีเลนน่อนที่มีสปีดเร็วกว่านรกทางขวา และโมดริช มิดฟิลด์เชิงสูงทางซ้าย เพื่อหาทางเปิดป้อนให้คู่หน้าที่ค้ำอยู่ในกรอบ ซึ่งทั้งสองคนทั้งสองกราบสร้างปัญหาหนักหน่วงให้เราอย่างมากทีเดียวในเกมนี้


เมื่อตัวผู้เล่นที่ป๋าเราส่งลงมานั้น บางคนยังคงไม่มีประสบการณ์มากพอจะรู้ด้วยตนเองว่า จังหวะไหนควรเร่ง ควรผ่อน ควรดึงเกมบ้าง หลายๆจังหวะเราจึงเห็นนานี่, เห็นกิ๊บสัน ตั้งหน้าตั้งตาลุยขึ้นหน้าไม่หยุดยั้ง ประกอบกับสภาพแวดล้อมนัดชิง ที่มีแพสชั่นสูงมากๆ สปีดเกมที่สเปอร์สพยายามโหมเร่งจังหวะอยู่ตลอด ยิ่งทำให้ยูไนเต็ดหลายคน เร่งจังหวะบุกตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เอวร่าเติมสูงตลอด จนกลายเป็นปีกไปแล้ว เรื่องลงไม่ทันไม่ต้องพูดถึง เอาเป็นว่าไม่ค่อยได้ถอยลงมาจะดีกว่า เนื่องจากสปีดเลนน่อนนั้น อย่าหวังจะกวดให้ยาก ส่วนทางขวาของเรา โอเชียเองก็เติมกระจาย เมื่อเจอมิดฟิลด์เชิงสูงอย่างโมดริชเข้าไป ก็ลเยเกิดอาการเหวอ เตะจังหวะขาดบ่อยๆ ทั้งหมดนี้ภาระหนักหน่วงในการคอนโทรลเกมจึงตกที่สโคลส์ และ...ริโอ ที่คอยดึงจังหวะเกมให้อยู่กับร่องกับรอย

เกมรุกของยูไนเต็ดถึงแม้จะครองบอลได้ดีกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คม แผงหลังสเปอร์สยืนตำแหน่งได้ดีมากๆ เว็ลเบ็คเองก็แสดงให้เห็นว่ายังตื่นสนามเกินไป การเลือกไลน์วิ่งยังทำได้ไม่ดี จังหวะพาบอลไปกับตัวก็ไม่ดี พลิกบอลไม่ได้ แถมออกอาการลังเลทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจยิง ทำให้ผลงานในเกมนี้ค่อนข้างแย่ครับ ต้องรอประสบการณ์อีกสักสองสามปี พอเว็ลเบ็คเล่นไม่ได้ เตเวซก็เหนื่อย เพราะเหมือนต้องเล่นคนเดียว นานี่กับโด้ ถูกถ่างออกไปทางกว้างมากซะจนต่อบอลกับตรงกลางไม่ค่อยได้ ยิ่งนานี่ดูเหมือนจะเด่น แต่ถ้าดูดีๆ ก็พบว่าเฮียเล่นคนเดียวอีกแล้ว จังหวะจบกลายเป็นเรายิงติดบล๊อกบ้าง ยิงเฉี่ยวออกไปบ้างเสียหมด ในขณะที่จังหวะจบของสเปอร์สจากการโต้เร็ว มีเสียวทุกครั้งที่ได้จบ ลูกวิ่งตัดกองหลังของเลนน่อนสร้างปัญหาให้กองหลังเรามาก เมื่ออีแวนส์ต้องตามไปปิดพื้นที่ของเอวร่า และมักไม่ค่อยทันสปีดเลนน่อน ยังดีที่ฟอสเตอร์มีพลาดแค่ครั้งเดียว แต่สเปอร์สฉวยไว้ไม่ได้ จากลูกหลุดตัดหลังเข้ามายิงของเลนน่อนที่ฟอสเตอร์ออกมาวืดแล้วด้วย ยังดีที่มีริโอช่วยไว้ได้


เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ท่านเซอร์ก็ต้องส่งอันแดร์สันลงมาแทนเว็ลเบ็คที่ไม่สามารถอัพเลเวลตัวเองขึ้นมาได้ในเกม อันแดร์สันน่านี้จะถูกส่งลงมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า เนื่องจากไม่มีกองหน้าในรายชื่อสำรองเลยแม้แต่คนเดียว โดยอันแดร์สันที่มีนิสัยขยันเป็นม้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ช่วยเข้ามาเชื่อมเกมระหว่างกลางและเตเวซข้างหน้า รวมทั้งสร้างสรรค์เกมรุกหน้าแผงกองกลาง ซึ่งช่วยให้ทีมสามารถเชื่อมเกมไปเป็นเกมรุกได้ดีขึ้น ไหลลื่นขึ้น แต่ผลกระทบจากการลงมาของแอนนี่ก็ไม่ใช่ไม่มี การที่แอนนี่เป็นมิดฟิลด์สไตล์ไดนาโม วิ่งไม่หยุดนี่แหละ ยิ่งทำให้เกมตรงกลางแน่นขึ้น แต่เป็นการแน่นในแบบที่ไปลดการมีส่วนร่วมของกิ๊บสันไปจากเกม กลายเป็นนานๆจึงจะเห็นกิ๊บสันสักที และส่วนใหญ่จะเป็นการรับ-ป้าย รับ-จ่าย ซะมาก กิ๊บสันเองผมยังมองว่าต้องรอให้ทีเด็ดทีขาดมีมากกว่านี้ จึงจะขึ้นชั้นได้เต็มตัวครับ ทางบอลเขาถึงแม้ว่าจะดี แต่ถูกอ่านได้ง่ายเกินไปหน่อย คู่ต่อสู้สามารถเข้ามาปิดทางออกบอล และดักลูกจ่ายได้ไม่ยากนัก ซึ่งตรงจุดนี้ ผมมองว่าพอสเซบอนยังเหลื่อมๆอยู่พอควร เพียงแต่ว่าการอ่านเกมและความแข็งแกร่ง ความสมดุลรุก-รับ พวกนี้กิ๊บสันยังดูดีกว่าครับ

รูปเกมในครึ่งหลังเป็นสเปอร์สที่สามารถเร่งเกมได้ดีกว่า และเริ่มกดดันแผงหลังยูไนเต็ดได้อย่างต่อเนื่อง โอเชียต้องสังเวยเหลืองก่อนเมื่อไปสอยคู่แข่งเข้าเต็มรัก เกมของน้องไก่ยิ่งเล่นยิ่งดูดีเมื่อแฮร์รี่ถอดพาฟลิวออก และส่งเจมี่ โอฮาร่า ลงมาทำเกมเพิ่มตรงกลาง ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมเกมได้ไหลลื่น เนียนขึ้น ตอนนี้เองที่จีนาสเริ่มออกจอให้เห็นบ้างแล้ว การแก้เกมตรงนี้ แฮร์รี่คงเห็นครับ ว่าการค้ำหน้าเป้าไว้สองตัว แต่บอลไปไม่ถึงมันไม่มีประโยชน์ ยิ่งป๋าเราถอดหน้า เพิ่มกลางเข้าไป แบบนี้มีแต่บอลตรงกลางจะกลายเป็นของลูกป๋ามากขึ้นไปอีก ว่าแล้วจ่าแฮร์รี่ก็เลยส่งโอฮาร่า มิดฟิลด์พันธุ์บู๊ลงมาเพิ่ม ทำให้เกมตรงกลางเริ่มสู้ได้มากขึ้น โมดริชและเลนน่อนได้บอลบ่อยและเริ่มวูบวาบได้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ โอเชียเมื่อเจอพวกเชิงสูงกระชากบ่อยๆเข้าก็ชักไปไม่เป็น เข้าช้าบ่อยๆจนหวุดหวิดจะแดงอยู่รอมร่อ แต่ปัญหาของสเปอร์สก็ยังคงเป็นการจบสกอร์ไม่คมอีกเหมือนเดิม



ช่วงนี้เกมของสเปอร์สไหลลื่นและดุดันมากขึ้น อีแวนส์และริโอเริ่มมีปัญหาในการตามล้างตามเช็ดพื้นที่ที่ฟูลแบ๊คปล่อยทิ้งไว้ให้ทั้งสองข้าง โดยเฉพาะอีแวนส์ที่มีปัญหากับด้านเลนน่อนมากเป็นพิเศษ พี่ติ๊กไม่ช่วยน้องแวนซ์เลย เล่นเอาอีแวนส์เริ่มออกอาการหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะเจ้าตัวเองก็เพิ่งพักฟื้นกลับมา ความฟิตจึงน่าจะยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ แต่เกมรุกของยูไนเต็ดก็ไม่ใช่หายไป ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่แผงหลังของสเปอร์สยังยืนกันได้ดี ทำให้มักจะบังทาง บล๊อกลูกยิง หรือ ตัดไลน์จ่ายทะลุได้บ่อยๆ ทำให้ต้องมาเน้นที่การลากเข้าไปในกรอบมากขึ้น จนโรนัลโด้เองยังถูกใบเหลืองข้อหาพุ่งล้ม ทั้งๆที่ถูกเตะจริง เพียงแต่จังหวะนั้น โด้เองก็ทำอะไรกับบอลไม่ได้แล้ว เพราะจิ้มไปซะไกลเชียว

เมื่อเกมรุกยูไนเต็ดจบไม่ลง เกมของสเปอร์สก็ได้ใจขึ้นเรื่อยๆ รุกเข้าใส่ กดดันได้ต่อเนื่องมากขึ้น เมื่อโดนนวดหนักๆเข้าป๋าก็ต้องส่งวิดิชลงมาแทนโอเชีย เพราะกลัวโดนใบแดงหลังจากเริ่มสอยคนอื่นเป็นงานหลัก มีการปรับอีแวนส์มายืนแบ๊คขวา ที่จะวิ่งน้อยหน่อย แล้วเอาวิดิชที่ยังสด มาช่วยรองด้านเลนน่อนแทน ซึ่งถือว่าการแก้ตรงนี้ได้ผลครับ เกมของเลนน่อนลดความอันตรายลงไปพอสมควร และด้านอีแวนส์เองก็ช่วยให้โมดริชเล่นยากขึ้น เกมยังคงแลกกันสนุก ฟอสเตอร์เองต้องโชว์ฟอร์มหนักกว่าโกเมซเยอะครับ ถึงแม้สเปอร์สจะได้ยิงน้อย แต่ถึงขั้นต้องเซฟตลอด ในขณะที่ยูไนเต็ดได้ยิงเยอะมากก็จริง แต่ไม่ค่อยเดือดร้อนให้โกเมซต้องร่อนต้องเซฟมากนัก ในนาทีสุดท้าย โรนัลโด้ได้โอกาสลากตัดเข้าในก่อนจะสับด้วยซ้ายเต็มข้อ ลูกพุ่งกระแทกเสาแรกอย่างจัง เล่นเอาฝันค้างกันไปหลายคน และก็ต้องต่อเวลาออกไป


เกมในช่วงต่อเวลา กิ๊กส์ถูกส่งลงมาแทนกิ๊บสัน เพื่อเพิ่มมิติในเกมรุกหน้ากรอบ และเป็นการคุมจังหวะของเกมไว้ ประกอบกับเมื่อแอนนี่ลงมา กิ๊บสันก็เฝดเอ้าท์หายไปบ่อยๆด้วย เวลาผ่านไปทั้งสองทีมเริ่มผ่อนคันเร่งลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเริ่มขาตายกันแล้ว สเปอร์สอาการหนักกว่าเพราะกำลังทดแทนมีไม่มาก ผู้เล่นชุดนี้ก็กรำศึกติดต่อกันมานานแถมกลางสัปดาห์ก็ได้พักน้อยกว่า ในขณะที่ยูไนเต็ดชุดนี้มีส่วนประกอบที่ฟิตมากกว่า หลายคนนานๆได้ลงที จึงยังคงเร่งเกมได้อยู่บ้าง จ่าแฮร์รี่เปลี่ยนตัวอีกครั้ง ด้วยการส่งแกเร็ธ เบล ลงมาแทนจีนาส ที่เล่นมีส่วนร่วมมากขึ้นในครึ่งหลัง แสดงว่าจ่าแฮร์รี่ต้องการเอาสปีดและความสดมาเล่นงานแผงหลังยูไนเต็ดบ้างจากการลากเลื้อยกระชากของเบล แต่โชคร้ายมาเยือนครับ เลนน่อนเกิดเจ็บช่วงท้ายครึ่งแรกของเวลาพิเศษ ทำให้ต้องส่งเดวิด เบนท์ลี่ย์ลงมาแทน

เกมของทั้งคู่เริ่มเนือยลง จะมาเน้นก็จังหวะที่ได้โอกาสจริงๆเท่านั้น ยูไนเต็ดที่ยังคงมีเรี่ยวมีแรงมากกว่า ก็พยายามกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมอีกนั่นแหละ ลูกยิงออกซ้ายออกขวาข้ามคานติดบล๊อกไปซะหมด ในขณะที่เกมสวนกลับของสเปอร์สยังเปี่ยมอันตรายเล่นเอาฟอสเตอร์ต้องเซฟลูกยิงจ่อๆของเบนท์อีกครั้ง ในขณะที่สโคลส์ก็ถูกไข้เหลืองจากการเบรกเกมสวนกลับด้วยการหยุดแกเร็ธ เบล ท้ายเกม ไมเคิล ดอว์สัน โชว์พาวเวอร์ด้วยการเป็นตะคริวถูกหามไปรักษา แต่กลับลงมาปักหลักเซฟประตูช่วยโกเมซได้หลายจังหวะ เล่นเอาผมยังต้องปรบมือให้ครับ เกมจบลงอย่างสุดระทึกด้วยการต้องชี้ขาดในการดวลจุดโทษ



กิ๊กส์ ยิงชนโคนเสาขวามือเข้าไป ในขณะที่ฟอสเตอร์เซฟลูกยิงโอฮาร่า
ยูไนเต็ด 1 สเปอร์ส 0
เตเวซยิงเสียบโคนเสาขวามือ ชอร์ลูก้ายิงเข้าไปทางขวากลางๆประตู
ยูไนเต็ด 2 สเปอร์ส 1
โรนัลโด้ ยึกยักก่อนยิงเข้าทางเสาซ้ายมือ เบนท์ลี่ย์ยิงออกข้างเสาซ้าย
ยูไนเต็ด 3 สเปอร์ส 1
แอนนี่ยิงเข้าหน้าต่างขวามือ และสเปอร์สไม่ต้องยิงเพิ่ม เกมจบแล้วครับ
ยูไนเต็ด 4 สเปอร์ส 1

ONE Down, THREE to Go

ปล. ผมให้ ฟอสเตอร์ เป็น แมนฯ ครับ
ส่วนทางฝั่งโน้น ให้ดอว์สันกับเลนน่อน

จบเกมนี้ ด้วยชัยชนะ และถ้วยใบแรกของโครงการในซีซั่นนี้ พร้อมๆกับข่าวดีอย่างเหลือเชื่อ เมื่อหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ลงสนามไปเมื่อวันเสาร์ กลับพลาดท่าไปโดนโบโร่พิชิตกลับมาด้วยสกอร์ 2:0 ทำให้ตอนนี้ เชลซีก้าวขึ้นมายืนอันดับสองของตารางแทนแล้ว ซึ่งทั้งคู่มีแต้มตามหลังเรา 7 แต้มแต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด ทำให้โครงการแชมป์พรีเมียร์ลีกเริ่มสดใสขึ้นเรื่อยๆสำหรับพลพรรคปิศาจแดง ขอเพียงเก็บชัยชนะที่เซนต์ เจมส์ ปาร์คในวันพุธนี้ได้ (หงส์แดงพบซันเดอร์แลนด์ ในขณะที่เชลซีเยือนปอมปีย์) ก็จะทำให้สมาธิเราสามารถพุ่งเต็มที่ไปที่ถ้วยเอฟเอ คัพ กับฟูแล่มวันเสาร์นี้ และเกมกับอินเตอร์เลกที่สองกลางสัปดาห์หน้าได้อย่างค่อนข้างหมดห่วง ไม่ต้องพะวงถึงผลลัพธ์จากเกมแดงเดือดในวันที่ 14 มีนาคมให้มากนัก

พบกันวันพฤหัสบดี และขอให้โชคดี กับการเชียร์บอล คืนวันพุธครับ
สงบใจ



Create Date : 02 มีนาคม 2552
Last Update : 2 มีนาคม 2552 11:40:18 น.
Counter : 474 Pageviews.

1 comments
  
ชวนไปดูการ์ตูน 2หมิงกะอินชอน คับ
ตอน ชื่อเกาหลีของอินชอน(คลิกที่รูปได้เยย)


โดย: พลังชีวิต วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:11:52:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด