20100426 วิพากษ์ MAN. UNITED vs SPURS
Keep the Faith and then, BELIEVE

สวัสดีครับ งวดเข้ามาทุกขณะแล้วนะครับ สำหรับช่วงทางตรงร้อยเมตรสุดท้ายของการชิงชัยพรีเมียร์ลีกอังกฤษซีซั่นนี้ นัดที่ผ่านไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นก็เป็นนัดที่ 36 ของทั้งยูไนเต็ดและเชลซี ซึ่งทำให้เหลือแมทช์การแข่งขันอีกเพียงแค่สองแมทช์เท่านั้น กับเพียงหนึ่งแต้มที่เรายังตามหลังเชลซีจ่าฝูงอยู่ ซึ่งผมจะพูดถึงเรื่องนี้ไนตอนท้ายบทความ ส่วนตอนนี้ จะขอพูดถึงเรื่องเกมการแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแน่มฮ็อต สเปอร์ส ที่เพิ่งผ่านไป ให้ได้ติชมกันก่อนก็แล้วกันนะครับ เกมนี้เป็นที่จับตาของกูรูและกองเชียร์กองแช่งทั้งหลายยิ่งนัก เมื่อสเปอร์สเองเพิ่งโชว์ฟอร์มสดเปิดบ้านเชnอดนิ่มๆเชลซี และก่อนหน้านั้นก็เพิ่งจะเอาชนะอาร์เซน่อลมาได้หมาดๆจากฟอร์มอันสุดฮ็อตของแกเร็ธ เบล เกมนี้จ่าแฮร์รี่จึงหมายมั่นปั้นมือจะล้างอาถรรพ์น้ำใต้ศอกผีแดงเสียที เพื่อต่อยอดการลุ้นอันดับสี่ของตารางลีกต่อไปนั่นเอง

เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากต้องลุ้นอาการของรูนี่ย์มาตลอดวีคที่ผ่านมา ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อรูนี่ย์มีอาการเจ็บซ้ำที่ขาหนีบขึ้นมาระหว่างซ้อม ทำให้ล่าสุดมีการเปิดเผยออกมาว่ารูนี่ย์มีอาการบาดเจ็บขณะนี้ที่ข้อเท้า, หัวเข่า และโคนขาหนีบ รวมสามแห่ง น่าจะปิดเทอมโรงเรียนป๋าไปแล้ว และต้องลุ้นหนักทีเดียวสำหรับเวิลด์คัพ เกมนี้ท่านเซอร์ยังเลือกที่จะวางแท็คติค “ทำลายก่อนโจมตี” ด้วยการวางกลางห้าตัวเช่นเดิมในแท็คติค 4-5-1 โดยการวางเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ เฝ้าเสา แผงหลังมี ราฟาเอล ดา ซิลวา, เนมานย่า วิดิช, จอนนี่ เอแวนส์ และ ปาทริซ เอวร่า มิดฟิลด์ตรงกลางสามตัวมี พอล สโคลส์ กับดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ ไรอัน กิ๊กส์ คอยคุมพื้นที่ตรงกลางสนาม วางอันโตนิโอ วาเลนเซียทางขวา และ หลุยส์ นานี่ ทางซ้าย มีดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟห้อยเป็นหน้าตัวเป้าคนเดียว

ส่วนทางฝั่งน้องไก่ของจ่าแฮร์รี่ มีการปรับทัพเล็กน้อยจากเกมก่อน ได้เล็ดลี่ย์ คิงฟิตกลับมาเป็นตัวจริง มีอารอน เลนน่อน กลับมานั่งที่ม้านั่งสำรอง ได้วิลสัน ปาลาซิออสพ้นโทษแบนกลับมารับใช้ทีมได้ เกมนี้สเปอร์สยังใช้บริการเอลเรนโญ่ โกเมส นายทวารคนเก่งตามเดิม แผงหลังสี่คนวาง เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้, ไมเคิล ดอว์สัน, เล็ดลี่ย์ คิง และถอย แกเร็ธ เบล จากปีกซ้ายกลับมายืนแบ๊คซ้ายตามเดิม จ่าแฮร์รี่วันนี้วางแท็คติค 4-4-2 ลงมาสู้กับแชมป์เก่า มีมิดฟิลด์ตัวกลางสองตัวเป็นวิลสัน ปาลาซิออส และ ทอม ฮัดเดิลสตัน มิดฟิลด์ริมเส้นสองฝั่งใช้เดวิด เบนท์ลี่ย์ทางขวา และลูก้า โมดริซ ทางซ้าย มีกองหน้าสองตัวคือ โรมัน พาฟลิวเชนโก้ และเจอร์เมน เดโฟ

รูปเกมที่เกิดขึ้นต้องบอกก่อนเลยครับ ว่าเกมนี้ว่ากันด้วยแท็คติคล้วนๆ ถึงแม้การต่อสู้ชิงชัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสนามที่เราๆท่านๆได้เห็นกัน จะดูเหมือนทั้งสองฝั่งนั้นเปิดหน้าแลกกันแบบใครดีใครอยู่ แต่ลึกๆแล้วมันคือการเปิดเกมตามแท็คติคที่วางมาเป๊ะๆของกุนซือทั้งสองฝั่ง เจ้าบ้านยูไนเต็ดนั้น ท่านเซอร์คงศึกษาเกมของจ่าแฮร์รี่สองเกมที่ผ่านมาอย่างเอาจริงเอาจังน่าดู จึงวางแผนมาตัดและทำลายเกมตรงกลางของสเปอร์สไม่ให้ต่อเกมตรงกลางได้ ทำให้บอลไปไม่ถึงแดนหน้า และกำชับให้พอล สโคลส์ สวมบทบาทจอมทัพตรงกลางอย่างเต็มตัวในเกมนี้ โดยวางสโคลส์ให้เป็นตัวบัญชาการเกมตรงกลางสนามคอยแจกจ่ายบอลตัดแนวรับของสเปอร์ส ที่ต้องพูดเลยครับว่านี่เป็นจุดที่ท่านเซอร์วางเกมมาเจาะจุดอ่อนของสเปอร์สได้เด็ดขาดมากๆกับตำแหน่งและหน้าที่ของสโคลส์

ส่วนทางจ่าแฮร์รี่นั้น ผมเดาเอาว่าจากการที่ได้วิลสัน ปาลาซิออสกลับมาก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ตามด้วยปัจจัยที่สองคือการต้องการเปลี่ยนแผนมาเล่นรัดกุมกว่าเดิมเมื่อออกมาเยือนโรงละครแห่งนี้ เราจึงเห็นการถอยแกเร็ธ เบลลงมายืนแบ๊คซ้าย แทนที่จะเป็นปีกซ้ายที่เจ้าตัวทำผลงานโดดเด่นสุดๆในเกมเชือดเชลซีคาบ้าน การมาเล่นรัดกุมของจ่าแฮร์รี่นี้จึงน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่กลับมาเกื้อให้เกมตรงกลางของยูไนเต็ดเจ้าบ้านสามารถกดมิดฟิลด์สเปอร์สได้อยู่หมัด ยิ่งมองว่าตัวกลางของสเปอร์สวันนี้วางฮัดเดิลสตันและปาลาซิออสลงมาสู้ ซึ่งสองคนนี้ไม่ใช่มิดฟิลด์สไตล์สร้างสรรค์เกมรุกของสเปอร์ส ทำให้การตัดทำลายเกมของบรรดาผึ้งงานเจ้าบ้านทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การที่เบนท์ลี่ย์และโมดริซนั้นไม่ใช่ตัวที่จะลงมาเจาะพื้นที่ริมเส้นโดยธรรมชาติด้วย เบนท์ลี่ย์นั้นก็คล้ายๆเบ๊คแฮม คือมีความถนัดในการวางบอลที่แม่นยำมากกว่าจะพาบอลเจาะแนวรับ ส่วนโมดริซนั้นก็เป็นประเภทมันสมองและเซนส์บอลสูง เหมาะจะเป็นตัวบงการเกมในลักษณะจอมทัพมากกว่าจะลงมาวิ่งเจาะฟูลแบ๊คด้วยตัวเอง

ที่ว่ามานั้นคือปัจจัยหลักๆของแท็คติคเบื้องต้นที่ทั้งสองทีมส่งลงมาในสนาม ซึ่งทำให้ยูไนเต็ดเจ้าบ้านสามารถกระทำภารกิจแรกได้สำเร็จลุล่วงไปได้ไม่ยาก นั่นก็คือการทำลายเกมของสเปอร์สไม่ให้ต่อบอลและทำเกมได้ นั่นเท่ากับการตัดพาฟลิวเชนโก้กับเดโฟออกจากเกมรุกของสเปอร์ส บอลแต่ละลูกที่มาถึงก็จะถูกวิดิชและเอแวนส์ตามคุมจนไม่สามารถพลิกเล่นได้เลยสักครั้ง ส่วนโมดริซและเบนท์ลี่ย์นั้น ไม่สามารถกดดันฟูลแบ๊คสองข้างของยูไนเต็ดได้เลย เมื่อโมดริซต้องคอยหุบเข้ามาช่วยต่อเกมตรงกลางบ่อยๆ และเบนท์ลี่ย์เองก็ไม่รู้จะตั้งป้อมเปิดบอลไปเข้าหัวใคร ในเมื่อเนมานย่า วิดิชเองก็ปักหลักคุมพื้นที่ในกรอบไว้ได้อย่างเหนียวแน่นตลอดเวลา ซึ่งก็คงไม่เป็นการผิดแผกจากวัตถุประสงค์ของสองกุนซือเท่าไหร่นัก เมื่อป๋าเราเน้นการทำลายเกมของสเปอร์สก่อน ส่วนเรื่องการเข้าทำคือไพรออริตี้หลัง ไม่ได้ก็ยังไม่เป็นไร ถ้าได้ก็เป็นโบนัส ส่วนของจ่าแฮร์รี่นั้นก็อย่างที่แกวางหมากมา คือเน้นรัดกุมไว้ก่อนนั่นแหละ ดังนั้นการทำเกมหรือครองเกมไม่ได้ ก็คงเป็นสิ่งที่จ่าแกคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่เหมือนกัน

ยูไนเต็ดเริ่มทำเกมของตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ ปิดเกมรุกของสเปอร์สได้มากขึ้น กิ๊กส์ถึงแม้จะไม่สามารถใช้ความเร็วหรือลูกพริ้วกระชากลากเลื้อยเจาะพื้นที่ตรงกลางได้เหมือนสมัยหนุ่มๆ แต่เขายังสามารถเก็บบอล คุมจังหวะหน้ากรอบเขตโทษได้เรื่อยๆ ปัญหาที่เราไม่สามารถจบสกอร์ได้ก็เกิดจากการที่นานี่ยังไม่สามารถเล่นได้เข้าขารู้ใจกับกิ๊กส์และเบอร์บาตอฟ ทำให้การต่อบอลในจังหวะสุดท้ายมักจะขาดๆเกินๆไปจนต่างคนต่างบ่นกันตลอด ส่วนเบอร์บาตอฟเองก็ยังคงอยู่ในสไตล์เดิมของเขา นั่นคือเป็นกองหน้าที่เน้นการใช้เซนส์บอลและทักษะมากกว่าพละกำลัง ออกแรงวิ่งไกลๆหน่อยก็เกิดอาการแข้งขาพันกัน ถูกเบียดถูกแซะมากๆก็ล้มลุกคลุกคลาน ทำให้กลายเป็นเป้าของคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟสเปอร์สในการรุมกินโต๊ะเป็นประจำ แม้ว่าเจ้าตัวจะมีความพยายามวิ่งสู้เป็นอย่างมากทั้งๆที่ร่างกายไม่ค่อยเอื้อ จนผมอดที่จะชื่นชมหัวจิตหัวใจของเบิร์บไม่ได้ ส่วนทางสเปอร์สนั้นต้องบอกว่ามีปัญหาในการปิดเกมรุกทางริมเส้นของเจ้าบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ

สโคลส์สามารถต่อยอดฟอร์มการเล่นจากเกมก่อนได้ดีมากๆ การจับบอลที่ไม่ถูกแซะได้ง่ายๆอีก การพลิกบอลหนีตัวคุมที่ทำได้เนียนตาขึ้น ทั้งๆที่น่าจะหมดวัยแห่งพัฒนาการไปแล้ว และสิ่งที่ตามมาก็คือการวางบอลยาวอันทรงประสิทธิภาพของเขาไปตามจุดบอดในพื้นที่แผงหลังสเปอร์สนั่นเอง เกมนี้นานี่กับเอวร่า สามารถแลบขึ้นไปรับบอลริมเส้นในแดนหลังฝั่งขวาของสเปอร์ส ส่วนวาเลนเซียและราฟาเอลก็สามารถแลบขึ้นไปรับบอลเจาะทางขวาได้บ่อยๆเหมือนกัน ตรงนี้ทำให้เอก็อตโต้ไม่สามารถขึ้นเกมมาเติมทางขวาได้ ส่วนเบลที่มีความเร็วสูงมากๆ ก็กลายเป็นต้องมาพะวงลูกวางตัดหลังตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถขึ้นเติมเกมได้บ่อยนัก การขึ้นเติมแต่ละครั้งของเบลก็จะถูกวาเลนเซียเข้าสกรีนเป็นด่านแรก ตามด้วยราฟาเอลด่านที่สองแล้วจะมีมิดฟิลด์อย่างเฟล็ทเชอร์ หรือตัวเซ็นเตอร์อย่างเอแวนส์หรือวิดิชมาช่วยซ้อน และวาเลนเซียจะสปีดตามมาเก็บเป็นจังหวะสาม นี่คือแผนการปิดเกมริมเส้นของเบลที่ถือว่าหมดจดจริงๆ

พอตัดบอลตรงนี้ได้ ตัวที่ว่างอยู่อย่างวาเลนเซีย หรือไม่ก็ราฟาเอล จะวิ่งสวนเบลกลับขึ้นไปทางริมเส้นทันที บอลจะถูกถ่ายเร็วมาที่สโคลส์ซึ่งจะหาช่องวางยาวสวนขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นบาสเก็ตบอล เราจะเรียกจังหวะนี้ว่าฟาสต์เบรคก็ไม่ผิด ซึ่งจังหวะลักษณะนี้เอง ที่กลายเป็นจุดที่ทำให้เกมริมเส้นของสเปอร์สต้องห่วงหน้าพะวงหลังจนเบลไม่สามารถเติมเกมขึ้นมาได้บ่อยนัก และไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันริมเส้นไปได้เลย ถึงแม้ครึ่งแรกเกมจะยังคงโนสกอร์ แต่ก็ต้องบอกว่า แท็คติคของแมนฯ ยูไนเต็ด ทำงานได้ดีกว่าฝั่งสเปอร์สพอสมควร ที่ขาดไปก็คงเป็นการประสานงานในจังหวะสุดท้ายเท่านั้นเอง เกมในครึ่งแรกนี้มีเรื่องน่าพะวงก็เพียงการที่โธมัส คุสแซ็คออกมาวอร์มข้างสนามตั้งแต่ไก่โห่ ทำให้ผมชักหวั่นใจว่า น้าซาร์เป็นอะไรหรือเปล่า คุสแซ็คที่ไม่ได้ลงสนามมานานจะยังคงรักษาฟอร์มของตัวเองไว้ได้แค่ไหนกันแน่ โชคดีครับที่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และสิ่งดีๆอีกอย่างก็คือ ผมได้เห็นโอเว่น ฮาร์กรีฟส์ออกมาวอร์มคู่กับคุสแซ็คนั่นเองครับ

เกมในครึ่งหลังเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น จ่าแฮร์รี่ก็ต้องเปลี่ยนเกมก่อน ด้วยการถอดเจอร์เมน เดโฟออกแล้วแทนที่ด้วยไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ซึ่งผมเดาเอาว่า เป็นเพราะกุ๊ดยอห์นเซ่นสามารถเล่นเป็นหน้าต่ำคอยหนุนเกมของพาฟลิวเชนโก้ได้ดีกว่าเดโฟ และเฮียกุ๊ดเองก็มีเบสิคและเซนส์บอลที่ใช้เล่นเป็นตัวเชื่อมกับกองกลางได้ดีกว่า จึงกลายเป็นการมีหน้าเป้าตัวเดียวที่มีหน้าต่ำคอยทำทางให้ ซึ่งน่าจะมีประโยชน์มากกว่าจากเดิมที่เป็นหน้าคู่ลอยเท้งเต้งให้วิดิชและเอแวนส์โขกสับเอาจนไปไม่เป็น แต่แล้วกลับกลายเป็นเจ้าบ้านมาได้ประตูนำไปก่อน เมื่อเบอร์บาตอฟพาบอลเลาะเข้าไปในกรอบโทษจากฝั่งซ้ายจนสามารถดึงตัวประกบมาได้สองสามคนก่อนจะตอกส้นออกมาทางกรอบโทษให้เอวร่าสอดมารับ เอวร่าแตะหลบหนึ่งจังหวะแล้วถูกเอก็อตโต้พุ่งสไลด์มารวบทั้งตัว กลายเป็นจุดโทษและไรอัน กิ๊กส์ยิงเข้าไปทางหน้าต่างมุมขวามือของโกเมส ที่นายทวารโกเมสไม่สามารถพุ่งไปได้ถึงทั้งๆที่เดาทางถูก กลายเป็นประตูนำให้เจ้าบ้านได้ในช่วงก่อนครบชั่วโมงแรกไม่นาน

หลังจากนั้นวาเลนเซียออกอาการเจ็บ จึงถูกแทนที่ด้วยคาร์ริค มีการสลับตำแหน่งในแนวรุกพอสมควร โดยให้นานี่สลับมาขึ้นทางขวา แล้วถ่างไรอัน กิ๊กส์ไปยืนทางซ้ายมากขึ้น ตรงกลางกลับมาให้สโคลส์-คาร์ริค-เฟล็ทเชอร์ คุมพื้นที่แทน นานี่มาอยู่ทางขวานั้นถึงแม้จะทำให้เกมรุกของเจ้าตัวทำงานได้ดีขึ้นมาก แต่ในเชิงรับนั้นมันก็ได้ส่งผลเสียต่อเกมของราฟาเอลพอสมควร เมื่อไม่ได้สกรีนเกมของเบลได้ดีเท่าตอนวาเลนเซียยังอยู่ ทำให้เบลเริ่มที่จะคายพิษสงกดดันเจ้าหนูวัยไม่เหยียบยี่สิบได้มากขึ้น กลายเป็นสลับคิวกันขึ้นเกมรุกทางฝั่งนี้ไป เกมของสเปอร์สเริ่มที่จะหันมารุกมากขึ้นเพื่อทวงประตูคืน แล้วต่อเนื่องตามมาด้วย เอวร่าที่ฝืนอาการป่วยลงมาจนต้องอ้วกแตกอ้วกแตนคาสนาม จ่าแฮร์รี่เห็นอาการของเอวร่าแล้วก็แสดงความเหี้ยมออกมาก่อน ด้วยการถอดเบนท์ลี่ย์ออกแล้วส่งอารอน เลนน่อนลงมาเจาะเอวร่า สุดท้ายพอเอวร่าที่ไม่สามารถฝืนอาการป่วยตัวเองต่อไปได้ ก็ถูกแทนที่ด้วยจอห์น โอเชีย ตรงนี้ยิ่งทำให้เกมริมเส้นยูไนเต็ดเสียขบวนมากขึ้น การปรับสมดุลยังไม่เข้าที่ แล้วก็ถูกสเปอร์สโหมเกมรุกกดดันเอาคืนมากขึ้น แล้วในที่สุดก็มาทำได้สำเร็จ เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของน้าซาร์ เบลวางบอลเข้ามาในกรอบ เล็ดลี่ย์ คิงขึ้นเทคกดคาร์ริคจนขึ้นไม่ได้แล้วโขกเต็มหัวส่งบอลผ่านราฟาเอล ที่คุมเส้นเสาสองอยู่แต่ก้าวออกมาจากเส้นสองสามก้าวเข้าไปได้ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันในนาทีที่ 71

การเสียประตูตีเสมอนี้ คงต้องโทษทั้งคาร์ริคและราฟาเอล คือคาร์ริคนั้นขึ้นเทคช้ากว่า ทำให้ถูกคิงกดเอาไว้จนขึ้นเทคไม่ได้ แต่จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่กองหลังอาชีพนะ อีกคนคือราฟาเอลที่คุมเส้นอยู่แล้วประมาทเดินก้าวออกมาจากเสาทั้งๆที่บอลยังไม่ได้ถูกโหม่งเข้ามานั่นก็ต้องบอกว่ามีส่วนรับผิดชอบอีกคน แต่เขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มไม่ถึงยี่สิบคนหนึ่ง ที่อาจจะยังขาดประสบการณ์ในระดับสูงอีกนิดหน่อย อย่าลืมว่าราฟาเอลคนนี้ก็เล่นงานโรนัลดินโญ่มาแล้ว เล่นงานริเบรี่ จนริเบรี่ต้องพึ่งพาการฟ้องโวยวายกรรมการมาแล้ว เกมนี้เขาก็ร่วมกับวาเลนเซีย กดแกเร็ธ เบลจนวิ่งไม่ออกมากว่าครึ่งเกมแล้วด้วยซ้ำ ผมว่าเด็กคนนี้มีแววมาก ถ้าให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไป และประคับประคองจิตใจแกในช่วงรอยต่อนี้ให้ดีๆ ผมกล้าพูดเลยว่า เด็กคนนี้น่าจะทำผลงานดีได้มากกว่าเอวร่าด้วยซ้ำไปครับ แต่อย่างว่า ความผิดก็คือความผิด ประตูนี้ หกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์คงต้องโทษคาร์ริคเป็นคนแรกที่ขึ้นช้าจนถูกเล็ดลี่ย์ คิงกดเสียสนิท ที่เหลือก็ให้เป็นความประมาทของราฟฟี่ ที่ก้าวออกมาจากเส้นก่อนเวลาที่ควรนั่นเอง

จากการเอาเลนน่อนลงมาเล่นนั้น จ่าแฮร์รี่ก็มีการปรับทัพผู้เล่นจริงๆจังๆด้วย โดยการปรับเอาเอก็อตโต้สลับมายืนแบ๊คซ้าย ถอยปาลาซิออสมายืนแบ๊คขวา ดันแกเร็ธ เบลขึ้นปีกซ้าย แล้วหุบโมดริซเข้ามากลางคู่ฮัดเดิลสตัน ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ความเร็วของเลนน่อนกดทางขวา และเบลกดทางซ้าย จนได้ประตูตีเสมออย่างที่ว่าไป จากนั้นเกมรุกของสเปอร์สก็ยังคงมาเป็นพายุ ในขณะที่สมดุลในเกมของอสูรร้ายเจ้าถิ่นยังคงหาหนทางกลับมาสู่เกมไม่ค่อยได้ แล้วจ่าแฮร์รี่ก็ขย่มซ้ำอีกดอก เมื่อส่งปีเตอร์ เคราช์ลงมาแทนพาฟลิวเชนโก้ เพื่อเล่นลูกกลางอากาศ ชงบอลให้กุ๊ดยอห์นเซ่น หรือแถวสองที่เติมมาเข้าทำอย่างโมดริซ และฮัดเดิลสตัน เคราช์กดดันวิดิชและเอแวนส์ได้ดีมากๆ ในที่สุดท่านเซอร์เองคงเห็นว่าราฟฟี่ไม่สามารถทานแรงกดดันจากความรู้สึกผิดได้ดีนัก ประกอบกับต้องการส่งแนวรุกลงมาเป็นไพ่ใบสุดท้ายด้วย จึงเลือกที่จะถอดราฟฟี่ออก แล้วส่งกิโก้ มาเคด้าลงมาแทน ถอยเฟล็ทเชอร์ลงมาเป็นแบ๊คขวาแทนโดยยังคงการเล่นแท็คติคเดิม แล้วก็เหมือนกิโก้คือตัวนำโชค เมื่อเขาสามารถมีส่วนร่วมในประตูขึ้นนำได้ทันที

เฟล็ทช์ เซ็ตบอลมาขึ้นมาทางขวา ก่อนจ่ายตัดเข้าในให้กิโก้ เล็ดลี่ย์ คิงอ่านจังหวะนี้ผิดถนัด เมื่อถลันออกมาปิดไลน์ของกิโก้ ทำให้กิโก้ป้ายบอลขึ้นหน้าให้นานี่ตัดแนวของคิงได้ทันที นานี่สลัดหลุดคิงเข้าไปชิพข้ามตัวโกเมสเข้าไปได้สำเร็จในนาทีที่ 81 แล้วเกมของสเปอร์สก็ช็อตหายไปดื้อๆ จนมาถูกลงโทษซ้ำในอีกสามนาทีต่อมา เมื่อนานี่ได้บอลควบทะลุเข้าไปในกรอบ แล้วถูกปาลาซิออสวิ่งตามมาเหนี่ยวและกระแทกจากด้านหลังจนล้มลงกลายเป็นจุดโทษอีกครั้ง กิ๊กส์วิ่งเข้ามายิงเปลี่ยนมุมเป็นหน้าต่างซ้ายมือโกเมส ซึ่งเจ้าตัวก็เดาถูกอีกครั้งแต่ไปไม่ถึง อยู่ดี ทำให้เจ้าบ้านแทบจะปิดเกมไปในนาทีที่ 84 กับสกอร์ 3:1 แล้วสุดท้ายเกมก็จบลงไปเท่านี้ สำหรับเกมนี้ จากการที่นานี่ได้กลับมาประจำแนวรบทางกราบขวา เขาก็เค้นพลังแฝงออกมาได้ทันที จนกลายเป็น แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ในสายตาผมแทนสโคลส์ได้ ซึ่งน่าคิดเป็นอย่างมากว่า ถ้านานี่ยังคงทำผลงานทางขวาได้อันตรายกว่าทางซ้ายอยู่เยอะแบบนี้ ท่านเซอร์จะมีแนวคิดปรับสมดุลตรงนี้กับวาเลนเซียอย่างไรบ้าง น่าจับตามองเหมือนกันครับ ในเรื่องนี้

ส่วนเรื่องของราฟาเอล ผมว่าแกน่าจะสลัดความผิดหวังได้สำเร็จตั้งแต่เห็นนานี่ยิงประตูขึ้นนำอีกครั้งได้ เพราะเห็นแกดีใจเสียยิ่งกว่านานี่เสียอีก นี่คงเป็นสิ่งดีอีกข้อที่ช่วยบรรเทาสภาพจิตใจหดหู่ของราฟาเอลได้ดีเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยการที่แกรู้สึกผิด คิดว่าที่เราตกรอบจากการทีแกถูกไล่ออกนั้น น่าจะบรรเทาได้ด้วยการคว้าแชม์พรีเมียร์ลีก ซึ่งก็ต้องภาวนากันสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างมาก หากจะให้มันเป็นความจริงขึ้นมา นอกจากนี้ เกมนี้ก็เป็นอีกเกมหนึ่งที่ผมเห็นว่าไมเคิล คาร์ริคยังไม่ได้คัมแบ๊คสู่ฟอร์มที่ดีของตัวเองเลย และอาตี๋ปาร์คเองก็ถูกลักพาตัวหายไปไหนก็ไม่ทราบ ไม่มีแม้แต่ในซุ้มม้านั่งสำรอง และน่าจะหายไปตั้งแต่เกมที่เปล่งพลังข่มนักเตะเสือใต้ไม่ออกจนโดนเปลี่ยนตัวนั่นแหละครับ ตรงนี้น่าจะต้องติดตามข่าวสารกันพอสมควร โดยเฉพาะช่วงเปิดตลาด เพราะผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์เราตอนนี้มันเยอะมากจริงๆ ฮาร์โก้ก็หายเจ็บกลับมา ทำให้แดนกลางเราแทบจะเดินชนกันหมดแล้ว นี่ยังไม่นับว่าสโคลส์สามารถรีเทิร์นกลับมาอยู่ในฟอร์มสุดยอดอีกครั้งได้แบบนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น ปีหน้าแกก็ยังคงต้องเป็นกำลังหลักเหมือนเดิมแทนที่จะเป็นกำลังทดแทน


จบเกมนี้ ข้ามมาวันอาทิตย์ ก็มีเกมให้เรามาตามลุ้นผลสกอร์ของเชลซีกับสโต๊ค ที่ไปๆมาๆก็ลุ้นไม่ขึ้นเอาซะเลย ในตารางลีกจึงยังคงเป็นเชลซีที่ครองจ่าฝูงอยู่ ตามมาด้วยยูไนเต็ดด้วยความห่างเพียงแต้มเดียวเท่านั้น เรื่องลูกได้เสียนั้นเลิกพูดได้แล้ว กับเกมอีกสองเกมที่เหลือแห่งการลุ้นแย่งแชมป์ ที่เหมือนจะยังคงเปิดกว้างสำหรับทั้งสองทีม หากแต่ในความเป็นจริง มันอยู่ในกำมือของเชลซีต่างหาก เพราะในทางทฤษฎี หนึ่งแต้ม กับ สองนัด นั้นเหมือนเป็นเรื่องที่มีโอกาสพอสมควร เมื่อมีเกมที่เชลซีต้องออกไปเยือนน้องหงส์ด้วย แต่ในทางปฏิบัติแล้วเมื่อพิจารณาว่าเกมที่เชลซีต้องออกไปเยือนลิเวอร์พูลซึ่งเป็นคืนวันอาทิตย์นั้น เป็นเกมที่เชลซีได้เตะก่อนบ้างในเวลาทุ่มครึ่งของบ้านเรา ทำให้พวกเขาได้ลงเตะในฐานะทีมจ่าฝูง เพื่อทำคะแนนฉีกหนีแชมป์เก่ายูไนเต็ดออกไป ในขณะที่แชมป์เก่าได้ลงเตะทีหลังในเวลาสี่ทุ่ม ซึ่งน่าจะทำให้สถานการณ์กลับไปอยู่ในมือของเชลซีเต็มๆ โดยไม่มีแรงกดดันเรื่องการทวงจ่าฝูงคืนเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา

เรื่องของแรงกดดันหรือสภาวะทางด้านจิตใจนั้น ต่างคนต่างก็ว่ากันไป ส่วนผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นจริงๆมันจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องไปรอลุ้นกันเองล่ะครับ และในฐานะแฟนผีแดงเข้าขั้นคนหนึ่ง ผมคงบอกทุกๆท่านว่า ยังคงหวังว่าจะทำได้สำเร็จครับ...............Keep the Faith................Believe


แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ



Create Date : 26 เมษายน 2553
Last Update : 26 เมษายน 2553 11:26:18 น.
Counter : 608 Pageviews.

4 comments
  
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:11:32:45 น.
  
โดย: thanitsita วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:16:35:39 น.
  
ใช่ครับ ผมก็แปลกใจตอนที่ คุสแซ็ค ออกมาวอร์มข้างสนาม

เอ น้าซาร์เจ็บหรือเปล่า?

เห็น ฮาร์กรีฟส์ นานๆที ก็คิดถึง ...คาร์ริค และปาร์คด้วย ผมคิดถึงหมด

ปกติผมจะชอบคนที่มีบุคลิกนิ่งๆ อย่าง เฟเดอเรอร์

เพราะฉะนั้นของตายเลย ที่ผมจะชอบ เบิร์บของเรา เป็นพิเศษ เพราะเขาจะเงียบในการเล่น ใช้สมองและสายตาร่วมกับเท้า บังเอิญว่าการรับและจ่ายบอลของเขา จะมากไปจะน้อยไป แต่ผมก็รู้สึกว่าเขาเล่นฉลาด

ทีนี้ สำหรับ นานี่ ที่ผมดูว่าเขาจะก้าวร้าวและอยากยิงประตู แต่เกมในช่วงหลังๆ เขามีจุดเด่นมาก หากไม่ชอบนานี่ ก็ไม่ใช่แฟนผีแน่ๆแล้ว

อันที่จริง นักเตะทีมเรา ผมก็ชอบหมดแร่ะ เพียงแต่โดยนิสัยตัวเอง ซึ่งเป็นคนนิ่ง ไม่ค่อยพูด ก็เลยชอบคนแบบคนนิ่งๆ ไม่ชอบคนก้าวร้าว ชอบใช้ศอก ชอบเปิดปุ่มสตั๊ด

ก็เลยชอบคนอย่างกิ๊กส์ อย่างเวส บราวน์ อย่างเวดิซ มากกว่าเนวิลล์ มากกว่าเฟเดอนานส์ นิดๆ

ขณะดู ตอนที่ เอวร่าอ๊วก ก็ลุ้นครับ กลัวจะเป็นอะไรไป แล้วก็ปรบมือคนเดียวในห้อง เพราะดูคนเดียว โห เอวร่า ใจสู้จริงๆ

มีตอนที่ นานี่ นั่งลงท่าทางจะอ๊วกอีก เหวอ สงสัยจะวิ่งสู้ฟัดมาตลอดเกมแน่ๆ เลย

ผมเองถ้าออกกำลังกายหนักๆ ก็เกือบจะอ๊วก อันนี้ก็เคยเป็น ช่วงหลังๆพอแก่ตัวลง ก็ไม่เคยแล้ว จะรู้ความพอดีของตัว

เกมส์หัวค่ำคืนนั้น ผมสุขใจตอนที่กิ๊กยิงลูกโทษแรกได้ แม้จะเป็นครึ่งหลัง ต่อด้วยถูกยิงเสมอ แล้วต่อมา นานี่ ก็ชิพลูกข้ามหัวประตู โห ดีใจ นำไปแล้ว 2 : 1 แล้วก็ กิ๊ก ยิงลูกโทษอีก ชนะไป 3 : 1

ผมอ่านที่น้าหงบวิเคราะห์ อย่างตั้งใจเลยครับ เขียนดีครับ

ผมนี่ ช่างไร้ฝีมือ จะไม่เคยวิจารณ์เกมส์ ไม่ว่าจะบอล เทนนิส หนัง คอนเสิร์ต ไม่เคยทั้งนั้นครับ ไปเที่ยวมา ยังไม่ค่อยกล้าเล่าให้ใครฟังเลย คนที่เขารู้ เขาจะคอยกระทุ้งให้เขียน เขาบอกว่าเขาจะคอยอ่าน อุ อุ ผมไม่ค่อยได้ทำครับ ถ้าทำก็แบบเล็กๆ เพราะรู้ไม่ลึกพอ ความจำสั้นด้วยซิ

ขอบคุณน้าหงบครับ เหลืออีกสองเกมแล้ว ขอให้หอยสะดุดหงส์ เถิ๊ด


บล็อกของน้าหงบ ถ้าเป็นอาหาร ผมว่าขาดรสจี๊ดจ๊าดไปนิ๊ดนุง ตรงที่ขาดรูปประกอบครับ ดูจะแห้งแล้งไป

อาจจะเพราะน้าหงบไม่ว่าง หรือไม่มีรูป หรือใส่โค๊ตรูปไม่เป็น อ้อ หรือชอบแบบตัวอักษรเป็นพรืด หรือ?
โดย: yyswim วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:16:46:20 น.
  
ไม่มีเหตุผลอย่างว่าหรอกครับคุณ yyswim

แต่เป็นเพราะ ผมลักเวลางานมาเขียนน่ะสิครับ T_T

ทำให้ไม่มีเวลามานั่งค้นภาพตามเน็ตน่ะครับ

แค่ตัวอักษรนี่ก็กินเวลาถึง 11 โมงแล้วอ่ะ

นายตาเขียวใส่แล้วครับ อิอิอิ
โดย: หงบ (สงบใจ ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:36:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด