20080407 วิพากษ์ MIDDLESBROUGH vs MAN UTD
สวัสดีวันถึงคราวครับ ทุกๆท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบอลสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างที่เกริ่นๆกันไว้แล้ว ไม่ว่าฟอร์มใครจะเป็นอย่างไร ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม ก็ไม่ใช่ที่ๆยูไนเต็ดจะบุกไปคว้าสามแต้มได้ง่ายๆเหมือนเดิม ขนาดคราวนี้ทำท่าว่าจะเป็นเกมที่ง่ายแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แถมเกือบเสียท่าอีกต่างหาก แต่หากว่าจะมองกันอย่างเป็นธรรมแล้ว นี่คงเป็นนัดที่ถึงคราวของเราพอดีด้วย แต่ไหนแต่ไรมา ยูไนเต็ด มิใช่ทีมที่มีการยืนระยะฟอร์มพีคได้นานเท่าไหร่นัก แต่จะมีออฟ มีหลุดเป็นระยะๆครับ และนัดนี้ ก็คงเป็นเช่นนั้นด้วย ผสมกับการที่โบโร่มาดี มาคึกเหลือเกินยิ่งทำให้งานของยูไนเต็ด ยุ่งยากขึ้นอีกหลายเท่า

การจัดทัพในเกมนี้ หลังจากเพิ่งออกไปเก็บอเวย์โกล์มาจากกรุงโรมถึงสองลูก ทำให้ท่านเซอร์ค่อนข้างสบายใจไม่น้อย และเลือกจัดทัพชุดใหญ่เท่าที่จะทำได้ โดยเน้นไปที่สองผู้อาวุโสเช่นเคยครับ แดนหลัง ทดแทนการขาดหายไปของวิดิชด้วยโอเช เหมือนในเกมพบกับโรม่า นอกนั้น ถือว่าชุดใหญ่ และคงเป็นการจัดทัพเพื่อเน้นสามแต้มแน่นอน หลังจากถูกเชลซีไล่จี้มาเหลือแค่สองแต้มเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา ไลน์อัพมีหน้าตาดังนี้

รูนี่ย์ เตเวซ
กิ๊กส์ สโคลส์ คาร์ริค โรนัลโด้
เอวร่า โอเช ริโอ บราวน์
ซาร์

ในขณะที่โบโร่นั้น ส่งอัลเวสลงมาเป็นตัวจริงแต่แรกเลยทีเดียว และจัดตัวจี๊ดลงมาทั้งสองตัว คืออาลียาดิแยร์ และดาวนิ่ง เพื่อเน้นเกมทางด้านกว้าง และคอยสนับสนุนอัลเวสข้างหน้า ส่วนมิดฟิลด์ตรงกลางนั้น เซาธ์เกตเน้นแน่นได้ก่อน ด้วยการส่งสามตัวมายืนเต็มพื้นที่ ได้แก่ จอร์จ บัวเต็ง, แกรี่ โอนีล และ ฮูลิโอ อาร์ก้า ส่วนแผงหลังใช้บริการ โปกาเต๊ทซ์, วีเทอร์, ยัง และเทยเลอร์ เป็นแบ๊คโฟร์

ก่อนเริ่มเกม เครื่องหมายคำถามสำหรับผมก็คือ โอเชจะสามารถต้านทานเกมรุกของคู่ต่อสู้ได้ดีขนาดไหน และแกเร็ธ เซาธ์เกต ซึ่งเป็นกองหลังอาชีพ ดีกรีอดีตทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นกุนซือโบโร่ จะมองเห็นอะไรในแผงหลังยูไนเต็ดที่ไม่มีวิดิชหรือไม่ ซึ่งเกมในสิบห้านาทีแรก ยังคงไม่มีจุดสังเกตที่เด่นชัดนัก เมื่อยูไนเต็ดครองเกมตรงกลางได้เต็มที่ สโคลส์ กับคาร์ริค สลับกันขึ้นลง ไล่บอล ตัดบอล ทำเกมรุกจ่ายบอลสวยๆขึ้นหน้าได้หลายครั้ง ทำให้โบโร่ ต้องถอยร่นลงมาเน้นเกมรับในพื้นที่ตัวเองแน่น แต่ก็ยังเสียประตูจากลูกเตะมุม ที่ลูกหลุดมาถึงเสาสองเข้าทางคาร์ริค ที่ดึงจังหวะก่อนจะกระชากสุดเส้นหลัง และจ่ายเรียดเข้ากลาง บอลหลุดมาเข้าทางโรนัลโด้แปเข้าไปง่ายๆในนาทีที่ 9 เท่านั้น เป็นการขึ้นนำที่เร็วจริงๆ

จากสกอร์นำ และรูปเกมในช่วงสิบห้ายี่สิบนาทีแรกนั้น ทำให้ผมสบายใจ และนึกไปก่อนแล้วว่า เกมนี้ท่าทางจะง่ายกว่าที่คิด และอาถรรพ์ความแรงของสนามนี้ คงถูกทำลายในวันนี้แน่นอน แต่แล้ว จากการที่ยูไนเต็ดไม่สามารถฉกฉวยโอกาส ทำประตูหนีห่างไปอีกลูกได้จากรูปเกมที่เข้าทางนี้เอง เมื่อผสมกับสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกแล้ว ทำให้การต่อเกมของยูไนเต็ดเริ่มยากลำบากขึ้น ขณะเดียวกัน เซาธ์เกตเองเริ่มมองเห็นจุดอ่อนในแนวรับยูไนเต็ด และไม่รีรอที่จะทดสอบความเชื่อของตนทันที เขาสั่งให้ลูกทีมเน้นการวางบอลยาวข้ามไลน์มิดฟิลด์ยูไนเต็ด ไปลงช่องว่างระหว่างแผงหลังถี่ขึ้นเรื่อยๆ และนั่นเอง คือจุดเริ่มต้นของหายนะในเกมนี้ครับ

การที่เซาธ์เกตเน้นลูกวางยาวนั้น ก็เพื่อตัดกองกลางยูไนเต็ดออกจากเกม และเพื่อเน้นเกมโจมตีเร็ว แบบที่ยูไนเต็ดจะลงมาตั้งรับและตั้งหลักจัดระเบียบแผงหลังไม่ทัน ยิ่งไม่มีวิดิช ยิ่งเห็นชัดว่า เราไม่มีตัวขึ้นตัดจังหวะลูกวางยาวเลย บอลแต่ละลูก เข้าหัวเข้าเท้านักเตะโบโร่ตลอด และพวกเขาก็หาจังหวะจบได้น่าหวาดเสียวขึ้นเรื่อยๆ น้าซาร์ต้องพุ่งเป็นลิงเลยในช่วงสิบห้านาทีสุดท้ายของครึ่งแรก และโบโร่ก็มาได้ลูกตีเสมอจากการวางยาวข้ามไลน์มิดฟิลด์อีกแล้ว บอลตกมาที่หัวของอาลียาดิแยร์โหม่งเช็ดข้ามไปเข้าทางอัลเวสที่สอดตามมา ก่อนจะแปสวนตัวน้าซาร์เข้าไปเป็นประตูตีเสมอได้สำเร็จ

ยิ่งยิงได้ เกมของโบโร่ยิ่งน่ากลัว เซ้าธ์เกตนั้น มั่นใจสุดๆแล้วว่า จุดอ่อนที่เขามองเห็นคือจุดอ่อนจริงแท้แน่นอน โบโร่หันมาเน้นเกมวางยาวออกปีกบ้าง ขึ้นหน้าบ้าง และเน้นเปิดจากริมเส้นเพิ่มด้วย เมื่อยูไนเต็ดหันมาปิดเกมทางกว้าง โบโร่ก็จะหุบมาจ่ายบอลยาวเข้ากลางแทน กลายเป็นโบโร่เล่นขย่มยูไนเต็ดอย่างเมามัน และให้โอกาสยูไนเต็ดได้ทำเกมสวนกลับบ้างบางจังหวะเท่านั้น

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง เกมยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ยูไนเต็ดคัมแบ๊คลำบากมากขึ้น ก็คือ สายฝนพร้อมกับหิมะ ที่โปรยปรายหนาขึ้นเรื่อยๆ เกมภาคพื้นดินของยูไนเต็ดทำได้ลำบากมาก เนื่องจากจังหวะบอลไม่เป็นใจเอาเสียเลยเมื่อเจอสภาพฝนและหิมะบนพื้นสนาม ครั้นจะหันมาเล่นเกมบอมบ์ ก็ไม่มีตัวเข้าทำที่ได้เปรียบแผงหลังเจ้าบ้านเลย ตรงกันข้าม โบโร่หันมาเน้นเกมยาวเต็มตัว และได้ผลดีมากจริงๆ ตัวรุกสามตัวข้างหน้า หาที่ว่างได้ตลอดในแผงหลังยูไนเต็ด ทำให้กองกลางยูไนเต็ดทั้งสองคน ต้องลงต่ำมาไล่ตัดบอล แต่นั่นยิ่งทำให้เกมของโบโร่น่ากลัวขึ้น เพราะเมื่อกลางยูไนเต็ดลงต่ำ โบโร่ก็ไม่ต้องพะวงเกมสวนกลับมากนัก เพราะบอลยาวก็สามารถใช้แบ๊คโฟร์สกัดได้ ส่วนบอลสั้น ก็ต่อบอลกันลำบากเพราะสภาพสนามไม่เป็นใจให้เล่นบนพื้น

เกมในครึ่งหลัง ท่านเซอร์ต้องปรับเอาโอเชหนีไปยืนเป็นแบ๊ค หุบบราวน์เข้ามาเซ็นเตอร์ เพราะโบโร่น่ากลัวมากเกินกว่าจะให้โอเชที่ไม่เข้าขากับริโอ มายืนสกัดกั้น ซึ่งในครึ่งหลังนี้ สโคลส์และคาร์ริคต้องลงมาเล่นเกมรับเต็มตัว เข้าบล๊อคลูกยิงบ้าง เข้าไล่สกัดจังหวะสุดท้ายบ้าง แทบจะเรียกได้ว่า เป็นกองหลังเลยด้วยซ้ำ นานๆจึงจะมีจังหวะสวนกลับขึ้นไปเล่นหน้ากรอบโบโร่สักครั้ง เกมส่วนใหญ่กลายเป็นของโบโร่ที่เดินเกมกดดันยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่อง ยิ่งยูไนเต็ดเร่งเกมหวังยิงประตู โบโร่ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นกับจังหวะวางยาวสวนกลับ และในที่สุด ก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อบราวน์หลับหูหลับตาโหม่งอีกแล้ว คราวนี้ขึ้นแย่งกับอาลิยาดิแยร์ แต่เนื่องจากหลับตาโหม่ง แทนที่จะโหม่งทิ้งออกไป กลับกลายเป็นโหม่งไปกระแทกหัวอาลิยาดิแยร์กระเด็นกลับมาเข้าทางปืนอัลเวส ซึ่งซัดสวนทางน้าซาร์เข้าไปอีกจนได้

ลูกนี้ริโอโมโหมาก ผมสังเกตเห็นว่าริโอแทบจะหันมาจวกน้องน้ำตาลด้วยซ้ำไปนะครับ แต่ก็ยังยั้งไว้ทัน และจากลูกนี้เอง ที่ทำให้ยูไนเต็ดไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป นอกจากเปิดเกมแลกแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน และหวุดหวิดจะเสียประตูเพิ่มหลายต่อหลายครั้ง น้าซาร์และแผงกองหลัง มีโอกาสสกัดคาบลูกคาบดอกคาบเส้นประตูบ่อยมาก ในขณะที่เกมรุกทำอะไรไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันนัก กิ๊กส์เสียบอลบ่อยมากในเกมนี้ เตเวซเองก็ดูเงียบๆ ไม่ได้สร้างโอกาสให้ทีมมากเท่าไหร่ทั้งที่ก็วิ่งอย่างเต็มที่ตลอด มีเพียงรูนี่ย์และโรนัลโด้ ที่พอจะปั่นป่วนได้บ้าง

ท่านเซอร์ต้องแก้เกม ด้วยการส่งปาร์คลงมาแทนเตเวซ เพื่อเพิ่มตัวป่วนในเกม ทดแทนเตเวซที่เริ่มหมดจริงๆจังๆแล้ว และปาร์คก็ทำได้ดีมากๆ เมื่อต่อเกมกับรูนี่ย์และโรนัลโด้ได้เป็นอย่างดี หาช่องว่างทะลุทะลวงได้ดีมากๆ หลังจากนั้น ก็ต้องเพิ่มการสนับสนุนทางริมเส้น ด้วยการส่งฮาร์กรีฟส์ลงมาแทนโอเช เพื่อเล่นริมเส้นทางขวา เกมดูดีมากขึ้น เมื่อฮาร์กรีฟส์ได้เติมมาทางริมเส้น และเปิดบอลได้ลุ้นดีจริงๆ แต่แล้วข่าวร้ายก็มาเยือน เมื่อริโอที่ปักหลักยืนและสกัดกั้นการรุกมาอย่างเต็มที่เกิดมีอาการเจ็บ ต้องเดินกะเผลกออกจากสนาม ท่านเซอร์ต้องส่งปิเก้ลงมายืนคู่กับบราวน์แทนในตำแหน่งเซ็นเตอร์ และก็ยังคงเล่นกันได้เอ็นเตอร์เทนหัวใจจริงๆครับ เพราะทั้งคู่ไม่ค่อยรู้อกรู้ใจกันเลย เกมของโบโร่ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปใหญ่ในแต่ละจังหวะ

กลับกัน ยูไนเต็ดเริ่มหาจังหวะของตัวเองท่ามกลางสายฝนและพายุหิมะเจอ เริ่มที่จะทำเกมรุกได้เป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น การมีฮาร์กรีฟส์และปาร์ค สร้างความแตกต่างในเกมรุกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อยูไนเต็ดทิ้งเกมฝั่งกิ๊กส์ ที่เสียจังหวะมาตลอดในครึ่งแรก มาขึ้นทางฝั่งขวาแทน โดยมีตัวขึ้นเกมเปลี่ยนหน้ากันไปในแต่ละจังหวะ ทั้งฮาร์กรีฟส์ ทั้งปาร์ค หรือโรนัลโด้ และมาทำได้สำเร็จ เมื่อปาร์คได้บอลหลุดมาทางขวาก่อนจะดึงหลอกเทย์เลอร์หนึ่งจังหวะ และลากเข้ามาเปิดเรียดเข้ากลางประตู ซึ่งมีรูนี่ย์รออยู่แล้วและเจ้าตัวก็สังหารแฉลบกองหลังเข้าประตูไปได้ ทำให้ยูไนเต็ดตีเสมอได้สำเร็จ

เกมของโบโร่ทำได้น่ากลัวมาตลอด แต่แล้วก็มาช๊อตไปดื้อๆ เมื่ออัลเวสมีอาการเจ็บจากการเข้ามาปาดเอาบอลจากเท้าของคาร์ริค เซาธ์เกตต้องส่งตุนกายลงมาแทน และนั่นเองที่ทำให้เกมของโบโร่ชะงักงันไปเฉยๆ เกมกลายเป็นของยูไนเต็ดแบบเต็มตัว และเดินเกมรุกกดดันเจ้าบ้านหวังทำประตูชัยฉีกหนีเชลซีให้ได้ แผงหลังของโบโร่โอนไปเอนมา แต่ยูไนเต็ดกลับพลาดจังหวะสุดท้ายไปโดยตลอด ทำให้ไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ การเปลี่ยนตัวในนาทีสุดท้ายของเซาธ์เกตคือการเผาเวลาที่ตัวเองกำลังถูกโหมอย่างหนักนั่นเอง แต่แล้วโบโร่ก็เกือบทำให้แฟนๆยูไนเต็ดหัวใจสลาย เมื่อในนาทีสุดท้ายก่อนเสียงนกหวีดจะดัง เมื่อบอลถูกทิ้งไปข้างหน้าและตุนกายมีโอกาสสังหารเหน่งๆแต่น้าซาร์ยังเซฟไว้ได้ทัน จบเกมด้วยการแบ่งแต้มไปอย่างสุดมันที่สกอร์ 2:2

หลังจากเกมนี้ ก็คงยืนยันได้เป็นอย่างดีสำหรับเด็กผีหน้าใหม่ๆครับ ว่าสนามแห่งนี้ไม่เคยง่ายจริงๆสำหรับเรา และคราวนี้ เล่นเอาเกือบแพ้ด้วยซ้ำไป โชคยังดีที่ลูกยิงของรูนี่ย์ไปแฉลบกองหลังเปลี่ยนทางเข้าประตูไปได้ และโชคดีมากๆ ที่หลายๆจังหวะของโบโร่ ไม่ได้เป็นประตู ทั้งน้าซาร์ ทั้งคาร์ริค ทั้งริโอ ต่างช่วยกันสกัดในจังหวะสุดท้ายได้ทั้งสิ้น และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ยูไนเต็ดได้หนึ่งแต้มในเกมนี้กลับออกไปจากริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม

เกมนี้ หากถามหาแมนออฟเดอะแมตช์ คงไม่มีทางเป็นอื่น นอกจากอัลเวส นอกจากยิงสองประตู ยังเกือบทำแฮตทริกได้ ถ้าไม่ติดเข่าริโอเสียก่อน และหลังจากที่เขาเจ็บออกไป เกมของโบโร่ก็ไม่ได้น่ากลัวอีกเลย นั่นยิ่งตอกย้ำความสำคัญของอัลเวสที่มีในเกมนี้ยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้น ผู้เล่นของโบโร่แทบทุกคน ก็ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ มีวินัย และแทบไม่ค่อยผิดพลาดในเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกขึ้นนำเร็ว แทนที่จะลนลาน กลับยิ่งมีความมุ่งมั่น และกระหายในการไล่ล่าบอลมากขึ้นไปอีก ต้องขอชมเชยจริงๆครับ

ส่วนทางด้านยูไนเต็ด เป็นอีกเกมที่กองกลางต้องลงไปตั้งรับอย่างผิดวิสัย และทำให้เกมรุกติดๆขัดๆอยู่เป็นชั่วโมง กิ๊กส์นั้น ในชั่วโมงนี้ต้องบอกตรงๆว่า ทำอะไรได้น้อยกว่าปาร์คซะด้วยซ้ำ กิ๊กส์ในวัยนี้ ทั้งช้า และไม่คล่องตัว เสียบอลง่าย และเปิดบอลไม่แม่นยำ ลูกที่ปาร์คพักอกส่งให้นั้น ถ้ากิ๊กส์เข้าใจ น่าจะเป็นโอกาสจบสกอร์ที่สวยงามอีกจังหวะ แต่กิ๊กส์ก็ไม่เก็ทครับ นับว่า โอกาสของกิ๊กส์ เริ่มนับถอยหลังอย่างจริงจังแล้วล่ะ สำหรับการออกสตาร์ทในเกมใหญ่ๆ นอกจากนั้น โอเชและบราวน์ยังแสดงให้เห็นว่า มีปัญหามากจริงๆในการตามจับผู้เล่นฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการวางยาวให้ควบไปเอาบอลแบบนี้ยิ่งมีปัญหามาก และนั่นคือจุดเริ่มที่ทำให้ริโอต้องรับบทหนักก่อนจะเจ็บไปในที่สุด

แมนออฟเดอะแมตช์ฝั่งยูไนเต็ด คงต้องเป็นน้าซาร์ ที่งัดซูเปอร์เซฟมาโชว์หลายต่อหลายครั้งจริงๆ และหากไม่มีซาร์ คงพรุนไปแล้วแน่ๆ ปาร์คเองก็เล่นได้ดีเหลือกำลังจริงๆ ยิ่งทำให้ผมคิดไปว่า หากนัดนี้ ปาร์คลงเล่นแทนกิ๊กส์ตั้งแต่แรก เกมอาจจะมีอะไรให้เราลุ้นมากกว่านี้ครับ และที่สำคัญ นานี่ครับ ที่หายไปจากเกมมาหลายนัดหลังจากลงมาเป็นตัวสำรองที่พบกับลิเวอร์พูลในเกมล่าสุด จากนั้น ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย สัญญาณที่ดีเพียงอย่างเดียวในเกมนี้ก็คือ รูนี่ย์ยิงได้อีกนัด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเพิ่มความมั่นใจให้เขาได้มากขึ้นนั่นเอง

รูปเกมในเกมนี้ หากผมจะบอกว่า ผู้ควรจะได้เครดิตไปเต็มๆคือเซาธ์เกตครับ ที่อ่านจุดอ่อนยูไนเต็ดออกและโจมตีได้ตรงจุดจริงๆ การที่เขาเป็นกองหลังดีกรีทีมชาติมาก่อน น่าจะทำให้เขามองเกมตรงนี้ได้ขาด และหาวิธีเอาชนะได้ดีนั่นเอง และการโจมตีแบบนี้ หากทุกคนนึกไม่ออก ผมอยากบอกว่า เป็นรูปแบบที่เราโจมตีลิเวอร์พูลในเกมล่าสุดนั่นเองครับ ก็คือการใช้มิดฟิลด์ตัดเกมรุกคู่ต่อสู้ ก่อนจะวางยาวไปยังที่ว่างให้ตัวรุกควบไปเอาบอลเข้าทำนั่นเอง แท็คติคนี้ มักถูกท่านเซอร์นำมาใช้ในปีนี้ เมื่อพบคู่ต่อสู้ที่มีมิดฟิลด์แกร่งๆ และศักยภาพสูงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในแดนกลาง และลดจังหวะเข้าทำในแดนหน้า แต่สุดท้ายก็เป็นเซาธ์เกต ที่นำเอาแผนนี้มาคืนสนองได้อย่างเจ็บแสบที่สุด

เมื่อมองไปที่สกอร์ อาจดูเหมือนว่าเราเสียไปสองแต้ม แต่ขอให้มองรูปเกมและโอกาสในเกม จะพบว่า เราสามารถไปคว้ามาได้หนึ่งแต้ม เพราะโอกาสที่จะแพ้นั้นเปิดกว้างมากจริงๆในเกมนี้สำหรับเรา การได้มาหนึ่งแต้ม ก็ถือว่าสำคัญมาก หนึ่งแต้มจากเกมนี้ เป็นหนึ่งแต้มที่ยังคงทำให้เราแพ้ได้หนึ่งนัดในการต่อสู้ที่เหลือนะครับ และที่สำคัญ เกมหน้าวันอาทิตย์ที่ต้องต้อนรับอาคันตุกะจากลอนดอน อาร์เซนอล นั่นจะเป็นศึกแรกที่วัดกันว่า ยูไนเต็ดจะยังกุมความได้เปรียบในสถานการณ์ต่อไป หรือว่า จะบอกเราว่า อาร์เซนอลกลับมาเป็นผู้ท้าชิงเต็มตัวอีกครั้ง ก็เกมหน้านี่แหละครับ ก่อนที่จะมาเอจศึกสุดท้ายกับเชลซีที่ลอนดอนในปลายเดือนนี้นั่นเอง

สำหรับศึกหน้ากับโรม่า ค่อนข้างน่าหวั่นใจ สองอเวย์โกล์ที่ได้มา แต่กับการที่ไม่มีวิดิช และน่าจะไม่มีริโอ นั่นอาจทำให้เกมเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องกับเกมแรก เราอาจไม่ได้เล่นสบายๆอย่างที่คิด แต่อาจต้องเน้นเกมบุกเพื่อยิงประตู เพราะแผงกองหลังไม่อาจวางใจได้อีกต่อไป กับการยืนหยัดต่อต้านเกมรุกของโรม่าตลอดเก้าสิบนาทีอย่างแข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านๆมา ลำพังโอเชและบราวน์นั้น จังหวะสกัดตัวต่อตัวนั้น ไม่เท่าไหร่ แต่จังหวะสอดประสานกันและกัน ยังมีปัญหาอย่างมากครับ และทำให้หลายครั้ง ฝั่งตรงข้ามฉวยโอกาสได้มากมายหลายครั้ง

แต่นั่นยังคงมีแง่ดีให้มองอยู่บ้าง เมื่ออาร์เซนอล ต้องงัดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากเกมที่แล้วไม่ต่างจากเรา แต่อาร์เซนอลก็ต้องงัดออกมาอีกครั้งและน่าจะมากกว่าเดิมอีกในเกมวันอังคารนี้กับลิเวอร์พูล เพื่อผ่านเข้ารอบรองฯต่อไป นั่นอาจเป็นงานที่หนักหนากว่ายูไนเต็ด และอาจส่งผลได้บ้างต่อเกมการเล่นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ครับ

ก็ต้องมานั่งลุ้นกันให้เสียวหัวใจเพิ่มขึ้นอีกนิดแล้วล่ะครับ เนอะ...



สงบใจ




Create Date : 07 เมษายน 2551
Last Update : 7 เมษายน 2551 9:41:44 น.
Counter : 444 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด