20100317 วิพากษ์ MAN UTD vs FULHAM
Another revenge, two matches in a row, or three?


สวัสดีครับ ทุกๆท่าน ก่อนอื่นผมคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขออภัยทุกๆท่านที่ผมเข้ามาเขียนบทความล่าช้าไปเยอะโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวอะไรล่วงหน้า เนื่องจากวันจันทร์บริษัทผมปิดทำการหนึ่งวันเพื่อรอดูสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนวันอังคารเมื่อวานนี้ผมก็มีอันต้องไปชีพจรลงเท้าอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันห้าโมงเย็น เพิ่งจะได้ว่างก็วันนี้แหละครับ แต่ก็คงไม่นานนัก ประกอบกับรายละเอียดต่างๆที่อุตส่าห์ดู อุตส่าห์จำมาแทบตาย ก็ดันเลือนหายไปเกือบหมด จากการที่มีภาพน้องหงส์ขย่มปอมปีย์คืนก่อน กับภาพงูใหญ่บุกกัดสิงห์คาบ้านเมื่อคืนมาวนเวียนในหัวแทนซะงั้น//หยอกเย้า เอาเป็นว่า งวดนี้ต้องขออภัยทุกๆท่านด้วยนะครับ และผมคงเขียนบทวิพากษ์ออกมาได้ใม่มากมายนัก แต่ก็จะลองพยายามดู ไปติดตามกันเลยครับ

เกมนี้ นอกจากจะได้วัดสภาพจิตใจและร่างกายของนักเตะอสูรแดง หลังจากเพิ่งยกทัพถล่มปิศาจจากอิตาลีไปเละเทะหมาดๆแล้ว ยังเป็นเกมที่บอกได้อย่างเดียวว่า ต้องได้ ต้องได้ เพราะเกมแรกที่ออกไปเยือนคราเว่น ค็อตเทจ นั้น เราโดนถลุงกลับมาแบบจำสภาพศพแทบไม่ได้ ป๋าจึงต้องรักษาหน้าตัวเองด้วยการเอาคืนเต็มๆแน่นอนครับ ประกอบกับโปรแกรมกลางสัปดาห์มีเพียงการมีนัดอาบแดดแถวชายฝั่งทะเลแค่นั้น ไม่มีเกมเตะใดๆ ป๋าจึงวางทัพนัดนี้มาแบบเอาตายเลยครับ เริ่มจากน้าซาร์ยังได้เฝ้าเสา แผงแบ๊คโฟร์ยังคงเป็น แกรี่ เนวิลล์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และปาทริซ เอวร่า วันนี้ป๋าจัดทัพ 4-4-2 วางมิดฟิลด์ตัวกลางสองตัวเป็น ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และไมเคิล คาร์ริค มีนานี่ลากซ้าย วาเลนเซียกระชากขวา และจัดรูนี่ย์กับเบอร์บาตอฟเป็นคู่ศูนย์หน้าล่าตาข่าย

ส่วนทางด้านฟูแล่มที่ต้องบอกว่าพักน้อยกว่ากัน เนื่องจากเพิ่งไปถูกยูเว่เชือดคาดินแดนรองเท้าบู๊ตมาเมื่อวันพฤหัสบดีเท่านั้นเอง เกมนี้รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือฝีมือดีอีกคนของอิงเกอลันด์ นัดนี้ป๋ารอยก็พยายามจัดทัพที่ดีที่สุดลงมาสู้ โดยมีมาร์ค ชวาร์เซอร์ ยืนเฝ้าระหว่างเสาประตู แผงกองหลังสี่ตัวประกอบไปด้วย สตีเฟ่น เคลลี่, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจส์ และ นิคกี้ ชอรี่ย์ กองกลางสี่คน มีไซม่อน เดวี่ส์, คริส แบร์ด, แดนนี่ เมอร์ฟี่ และคลิ้นท์ เดมพ์ซีย์ จัดการวาง โซลตัน เกร่า เป็นกลางรุกหรือหน้าต่ำ และมีบ๊อบบี้ ซาโมร่า เป็นหน้าเป้า คาดว่า ป๋ารอยก็คงเน้นแท็คติคคล้ายๆเดิม นั่นคือเน้นเกมเร็วและการเล่นเป็นทีมเวิร์คที่ค่อนข้างโดดเด่น โดยเฉพาะการต่อบอลจากกลางไปหน้า รวมทั้งลูกเปิดเข้าพื้นที่อันตรายที่มีซาโมร่าคอยค้ำอยู่อีกทางเลือกหนึ่ง

รูปเกมก็เป็นอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ เมื่อเจ้าบ้านพยายามโหมเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่แรก และก็ทำได้วูบวาบอันตรายทันที แต่ฟูแล่มเองก็เหมือนเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนอยู่แล้ว จึงไม่ได้ลนลานตั้งรับ แต่กลับค่อยๆจัดระเบียบเกมรับ ค่อยๆตั้งหลักเพื่อจับจังหวะการรุกของเจ้าบ้าน จนสุดท้ายก็สามารถจัดการเกมรับของตัวเองได้อย่างเป็นระเบียบ และไม่ปล่อยให้แนวรุกของเจ้าบ้านได้ทำงานง่ายๆเหมือนช่วงต้นเกมอีก ยูไนเต็ดยังคงเน้นที่การขึ้นเกมริมเส้นทั้งสองฝั่งเหมือนเดิม แต่เกมนี้น้ำหนักและพิษสงกลับน้อยลงไปจากเกมสองเกมก่อนอย่างเห็นได้ชัด นานี่เมื่ออยู่ฝั่งซ้ายก็ไม่สามารถคืนร่างอวตารได้เหมือนยามลากเลื้อยฝั่งขวา ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามเล่นเป็นทีม หาเพื่อน หาช่องจ่ายบอลมากขึ้น แต่กับการที่เจ้าตัวถนัดขวา และยังปรับตัวเองกับบทบาทการยืนฝั่งซ้ายได้ไม่เป็นธรรมชาตินัก ทำให้จังหวะหรือสเต็ปการเล่นทางฝั่งซ้ายของนานี่ ยังดูฝืนๆธรรมชาติอยู่ ไม่เนียน ไม่ไหลลื่นเหมือนยามอยู่ฝั่งขวา

ผมสังเกตเอาว่าปัญหานี้นานี่เองก็คงรู้อยู่แก่ใจ และพยายามที่จะปรับอยู่ เพียงแต่มันยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทำให้ยังดูละล้าละลังไปบ้างในจังหวะที่รับบอลแล้วต้องดึงจังหวะ ก่อนจะลากต่อ เพราะต้องดึงเข้าขวาทุกครั้งไป ยิ่งถ้าจังหวะที่จะเปิดบอลจากกราบนั้น ต้องดึงเข้าขวาแล้วตั้งหลักก่อน พอจะล็อคกลับมาเลื้อยต่อก็ต้องโยกกลับมาทางซ้าย สเต็ปเหล่านี้กระมัง ที่ทำให้หลายๆคนอาจจะดูว่านานี่มันยึกยัก ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็คือมันกำลังฝืนธรรมชาติอยู่ ลองดูเวลาเจ้าตัวอยู่ฝั่งขวาช่วงก่อนหน้านี้จะเห็นได้ชัดว่า มันเนียนและไหลลื่นกว่านี้เยอะ ไม่ต้องดึงมาเข้าเท้าอีกข้าง แต่สามารถจัดการได้ด้วยขวาล้วนๆ ไม่ว่าจะลาก กระชาก หรือเปิด ตัดเข้าใน การยืนทางขวามันสามารถขับความเด่นของสเต็ปเท้าขวาเขาได้มากกว่าการยืนทางซ้ายครับ แต่เชื่อผมเถอะ ลองเจ้าตัวมีความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมเชื่อว่านานี่จะปรับตัวได้เองในที่สุดครับ กับบทบาททางซ้าย ที่อาจจะแตกต่างกับสเต็ปทางขวาไปบ้างก็ตาม

กลับกันครับ พอเป็นปาร์คที่ลงมาแทนฝั่งนี้ในช่วงหลังนั้น ปาร์คกลับสามารถแสดงให้เห็นการทำงานทางซ้ายที่ไม่ขัดเขินแต่อย่างใด ทั้งๆที่ก็น่าจะถนัดขวาเหมือนนานี่นั่นแหละ ตรงนี้ผมมองว่าเป็นเพราะสไตล์การเล่นและความเข้าใจเกมของสองคนนี้ต่างกันมากครับ นานี่เป็นนักฟุตบอลในสไตล์ลีลา และมักเลือกที่จะใช้ทักษะพร้อมๆไปกับการจัดการลูกฟุตบอล และจะเน้นการพาบอลไปกับตัว รวมทั้งจบสกอร์ด้วยตัวเองเมื่อได้จังหวะ ซึ่งต่างกับปาร์ค ปาร์คเป็นนักฟุตบอลที่เน้นการเล่นเป็นทีมเวิร์คเป็นหลัก ปาร์คถูกพัฒนาและขัดเกลามาจากจุดนี้ ทำให้เซนส์ในการเล่นเป็นทีมมีสูงและมีความเป็นธรรมชาติในการเล่นเป็นทีมมากกว่านานี่ ถ้าไม่มีพื้นที่ให้จริงๆปาร์คจะไม่พาบอลไปเอง แต่เลือกที่จะชิ่งกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆเพื่อเปิดทางเปิดพื้นที่ข้างหน้ามากกว่า บอลที่มาถึงเท้าปาร์คจึงมักจะถูกส่งผ่านเร็ว และการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทำได้ไหลลื่นได้มากกว่า แต่ปัญหาก็คือเพื่อนก็ต้องเข้าอกเข้าใจการทำทาง การให้บอล และการเคลื่อนที่ไปพร้อมๆกันด้วย ไม่งั้นมันก็ไม่มีประโยชน์

การเปลี่ยนตัววาเลนเซียออกแล้วส่งปาร์คลงมาแทนนั้น เปรียบได้กับการแก้เกมที่เกิดประโยชน์สองเด้งสามเด้ง อย่างแรกก็คือการเปลี่ยนจังหวะเกมรุกทางกราบ ที่รบกวนให้สมาธิตัวประกบอย่างฟูลแบ๊คต้องเสียไป เอานานี่มายืนขวาตามถนัด ปาร์คยืนซ้าย จังหวะการคุมการประกบก็เสียไป ต้องมาเริ่มตั้งหลักกับปาร์คและนานี่ใหม่ อย่างที่สองก็คือ ปรับโหมดการเล่นเกมรุกมาเป็นการเจาะทางภาคพื้นมากขึ้น เมื่อปาร์คและเบอร์บาตอฟในนาทีนี้ ผมมองว่าคือคนที่มีเซนส์บอลทันกันที่สุดในทีมเรา การให้บอล การรับบอล การวิ่งทำทาง ผมว่าปาร์คและเบิร์บคือคีย์แมนในการเคลื่อนที่เจาะแนวรับของคู่ต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในนาทีนี้ พอได้รูนี่ย์มายืนอีกคนช่วยข้างหน้าก็ยิ่งดึงตัวประกบไปได้มากขึ้น ส่วนเด้งสุดท้ายนั้น ผมมองว่า ปาร์คช่วยสกรีนบอลเกมรับได้ตั้งแต่หน้าเขตโทษคู่ต่อสู้ยันลงมาถึงในกรอบโทษเขตตัวเองเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมมองว่านี่คือการเปลี่ยนเกมที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อเกมๆหนึ่ง และเท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่า เราสามารถปรับโหมดเกมของตัวเองได้ ยืดหยุ่นเกมได้มากแค่ไหน เพียงแค่การปรับเปลี่ยนผู้เล่นแค่คนเดียวเท่านั้น

สำหรับทางฝั่งฟูแล่มเอง เกมนี้ยังคงใช้จุดเด่นเดิมๆที่ใช้ได้ผลมาแทบตลอด นั่นก็คือบอลเท้าสู่เท้า กับการเคลื่อนที่เร็วของแนวผู้เล่นกลางสนาม ประกอบกับเกมนี้ครึ่งแรกเรามีนานี่และวาเลนเซียประจำการทางริมเส้น ซึ่งช่วยเกมรับได้แค่การสกรีนเกมริมเส้น ทำให้ตรงกลางปริ๊นซ์กะเจี๊ยบต้องรับบทหนักในการไล่บอล ยิ่งวันนี้เราเล่นกลางสองคน ไม่ใช่สามคน ประกอบกับทรงบอลฟูแล่มเองถนัดการเคลื่อนที่และให้บอลสั้นกันมากอยู่แล้ว จึงไล่ได้ไม่ค่อยจน ฟูแล่มสามารถคายบอลหนีหาพื้นที่ได้ตลอด แต่ข้อดีที่พบก็คือฟูแล่มเองก็ไม่สามารถตั้งเกมรุก เซ็ตเกมบุกของตัวเองได้ถนัดเท่าไหร่ ต้องคอยจ่ายบอลหนีการเข้าบีบเร็วซะมากกว่า ถึงจะเสียบอลยาก แต่ก็ไม่ได้ทำเกมรุกได้ตามเป้าที่วางไว้สักเท่าไหร่นัก ก็ต้องชมเชยนักเตะของเราที่ช่วยกันบีบ ช่วยกันไล่นักเตะฟูแล่มได้อย่างมีวินัยและขยันขันแข็งมากๆ ทำเอาซะเกมของฟูแล่มไม่สามารถเดินหน้ารุกได้เต็มพิกัดมากนัก

อีกประการหนึ่งก็คือ เกมนี้ไม่เหมือนเกมที่แล้วที่สองนักพากย์เอาแต่ย้ำสกอร์ 3:0 ตลอดเวลา มันไม่ใช่เพียงแค่ว่าเกมนั้นต้องใช้ปริ๊นซ์กับเจี๊ยบมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ มันไม่ใช่ตื้นๆแค่นั้นนะครับ เพราะผู้รักษาประตูเกมนั้นก็เป็นคุสแซ็ค แบ๊คขวาเป็นเดอ ลาท มิดฟิลด์ตัวกลางเป็นเฮียลูกหยีกับน้องกิ๊บ นี่คือความจริงของเกมนั้นครับที่เขาบอกไม่หมด หน้าตาทัพเป็นแบบนั้นมันส่งผลมากต่อรูปเกม เพราะสโคลส์กับน้องกิ๊บไม่สามารถไล่บอลตรงกลางของฟูแล่มให้จนได้ ส่วนปริ๊นซ์กะเจี๊ยบก็ไม่ได้มีทักษะและประสบการณ์ในการเป็นไลน์สุดท้าย จังหวะการอ่านเกมและตัดสินใจเกม จึงไม่อาจเปรียบเทียบได้กับการมีเซ็นเตอร์อาชีพทำงาน การประสานงาน ยืนรอง ยืนซ้อน ถ่างช่วยฟูลแบ๊คยิ่งใม่ต้องพูดถึง ตรงนี้คือสาเหตุหลักที่เกมนั้นเราจำศพตัวเองไม่ได้ แต่เกมนี้มันต่างไปเยอะแล้ว แนวรับได้ตัวหลักกลับมาพร้อมพรั่ง ทำให้ความมั่นใจในหลังบ้านมีเต็มเปี่ยม ไม่มีระแวง กลางทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลถึงการเดินเกมก็สามารถทำได้อย่างไม่ต้องพะวักพะวนอะไร

ถึงแม้จะเป็นชุดใหญ่ที่หน้าตาทัพออกมาดูดีเต็มที่ แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดบ้างตามประสามนุษย์เดินดิน จังหวะจะจะสองครั้งที่ซาโมร่าได้พลิกควบหนีริโอไปชิพเดี่ยวๆแต่ออกไปเยอะ กับที่วิดิชอ่านเกมพลาด ปล่อยบอลตกทั้งที่ไม่มีตัวซ้อนข้างหลัง ทำให้ซาโมร่าได้ควบไปยิงจ่อๆ แต่เป็นวิดิชที่กวดตามมาบล๊อคจังหวะสุดท้ายได้ทัน มีเพียงสองครั้งนี้เท่านั้น ที่น่าหวาดเสียวถึงขีดสุดครับ แต่ก็เป็นซาโมร่าเองนั่นแหละ ที่กดดันตัวเองเสียจนจบสกอร์ได้น่าผิดหวัง อาจจะเป็นเพราะทั้งเกมได้โอกาสน้อยมากจนต้องตั้งอกตั้งใจมาก และส่งผลให้กดดันเกินไปก็เป็นได้ครับ ซึ่งตรงนั้นหากเข้าไปก็คงเป็นจุดเปลี่ยนของเกมได้เหมือนกัน แต่เมื่อมันไม่เกิดขึ้น มันก็เลยมีจุดเปลี่ยนอีกแบบเกิดขึ้นแทน ซึ่งผมว่ามาจากการที่ป๋าปรับตำแหน่งเล็กๆน้อยๆของทีมในครึ่งหลังนั่นเองครับ

จากครึ่งแรกที่เราเน้นการไล่บีบเร็ว และกดดันผู้เล่นฟูแล่มเสียจนทำอะไรไม่ถนัด แต่มันทำให้เกมรุกเราตื้อๆไปด้วย เพราะกลางสองคนมัวแต่ไล่บอลเพลินจนเติมมาช่วยน้อยเกินไป วาเลนเซียไม่มีตัวช่วยสอดช่วยดึงตัวคุมตัวซ้อน นานี่เองยังงงๆอยู่กับการยืนซ้ายจนประสิทธิภาพตกลงไป รูนี่ย์กับเบิร์บจึงเหมือนขาดกำลังบำรุงไปหน่อย แต่โชคดีที่พอเริ่มครึ่งหลังก่อนที่การปรับหมากจะส่งผล เจ้าบ้านก็ได้เฮไปก่อนแล้ว เมื่อนานี่หลุดขึ้นมาทางซ้ายก่อนปาดเรียดเข้ามาบริเวณกรอบโทษ บอลย้อนหลังไลน์รับฟูแล่มไปหมด เมื่อไปวิ่งตามผู้เล่นอีกคน กลายเป็นรูนี่ย์ที่ดึงเช็งวิ่งตามมาทีหลังได้แปโล่งๆด้วยขวาส่งบอลเรียดเสียบเสาสองเพียงแค่เริ่มเกมครึ่งหลังยี่สิบกว่าวินาทีเท่านั้นเอง แต่จุดเปลี่ยนที่ผมว่ามันเพิ่งมาถึงครับ นั่นคือการที่ป๋าปรับให้ยืนบีบพื้นที่สูงมากขึ้น คือให้ดันพื้นที่เล่นบอลมาสูงมากขึ้นนั่นเอง เพื่อบีบผู้เล่นฟูแล่มให้ถูกกดในแดนตัวเองมากขึ้น และลดช่องว่างระหว่างกองกลางและกองหน้าของเราลงไป

การปรับครั้งนี้ทำให้ปริ๊นซ์กะเจี๊ยบเติมได้มากขึ้น นานี่ใกล้กับแกรี่มากขึ้น เอวร่าเองก็เล่นสูงขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยกดฟูแล่มได้มากขึ้นจริงๆ โดยที่เกมของฟูแล่มไม่สามารถเซ็ตเกมของตัวเองได้เลย ทำได้เพียงการสวนกลับจากการวางบอลยาวให้ซาโมร่า หรือวิ่งทะลวงของเกร่าเท่านั้น ที่ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของริโอและวิดิช เพียงแต่การทุ่มเทให้เกมรับของวิดิชก็เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับลงคลานเข่าไปหลายครั้งหลายหนจนผมอดหวาดเสียวแทนไม่ได้ กลัวว่าวิดิชจะมาเจ็บไปซะอีกรอบจะงานเข้าเราก็เท่านั้นเอง การเปลี่ยนตัวของฮ็อดจ์สัน เริ่มในนาทีที่ 62 โดยถอดฮันเกลันด์ที่น่าจะมีอาการเจ็บออก แทนด้วยโจนาธาน กรีนนิ่ง และน่าจะถอยเอาคริส แบร์ด ลงมายืนหลังแทน โดยจับกรีนนิ่งไปยืนตรงกลาง จากนั้นก็ส่งเอริค เนฟแลนด์ลงมาแทน คลิ้นท์ เดมพ์ซีย์ เพื่อเพิ่มความสด แต่การแก้เกมทั้งหมดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก จริงๆผมว่าน่าจะถอดเกร่าที่ไร้ผลงานมากกว่าด้วยซ้ำไป นั่นเป็นนาทีที่ 70 เวลาไล่ๆกับที่ปาร์คถูกส่งลงมาแทนวาเลนเซีย การเก็บวาเลนเซียนี้ก็น่าจะเพื่อเกมแดงเดือดด้วย

ปาร์คลงมาทีแรกเหมือนมีการปรับนานี่มายืนทางขวา แล้วเอาปาร์คมายืนซ้าย แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็คล้ายๆกับจะให้นานี่และปาร์ค เป็นตัวฟรีตามริมเส้นที่สามารถสลับฟากสลับดอกได้ตลอด เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา โดยเฉพาะปาร์คนั้นพล่านไปหมดทั้งรุกและรับจริงๆ ช่วยเกมได้มาก และมาได้ประตูเพิ่มในช่วงห้าหกนาทีสุดท้าย เมื่อบอลยาวถูกวางสวนกลับเร็วมาทางขวาให้เบิร์บที่ถูกคุมสอง เบิร์บโชว์ลีลาการดูดบอลและพาบอลแหวกฝ่าสองตัวคุมออกมาได้ ก่อนจะเปิดย้อนเข้าในกรอบให้รูนี่ย์ที่เติมมาได้แปเน้นๆส่งบอลตุงตาข่ายได้สำเร็จ และอีกไม่นาน แกรี่ก็ถูกแทนที่ด้วยฟาบิโอ จากนั้นก็มาได้ลูกที่สามเมื่อปาร์คโยกมาฝั่งขวา ได้บอลตรงริมเส้น แล้วโยนเข้าในกรอบให้เบิร์บได้ก้มโหม่งเต็มศีรษะในนาทีก่อนหมดเวลา ส่งผลให้ล้างแค้นได้สำเร็จ คว้าสามแต้มแซงกลับไปเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้ง

จบเกมนี้ไป ก็ต้องติดตามว่าเกมกลางสัปดาห์ที่เชลซีพ่ายอินเตอร์ตกรอบไปอย่างน่าเจ็บใจนั้น จะส่งผลอะไรให้เชลซีแกว่งไปบ้างหรือไม่ รวมทั้งลิเวอร์พูลเองที่มีเกมกลางสัปดาห์กับลีลล์เช่นกัน จะล้าจะเจ็บหรือจะมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนทำศึกแดงเดือดขบวนที่สองกับเราในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นการขับเคียวที่น่าติดตามชมกันอีกแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้

แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ



Create Date : 17 มีนาคม 2553
Last Update : 17 มีนาคม 2553 10:33:51 น.
Counter : 470 Pageviews.

4 comments
  
Believe in God and with this believe
he will help you to pass through all the difficultlity
as he does to me just believe
โดย: da IP: 168.120.73.82 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:12:07:13 น.
  
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:12:47:27 น.
  
แวะมาทักทายครับ^^

จะพอสู้การท่า เราได้ป่าวครับ

บอลแพ้คนไม่แพ้ T T
โดย: Huntingdon วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:12:50:45 น.
  
แวะมาทักทาย
สวัสดีครับ
โดย: ขุนไกร IP: 222.123.38.196 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:16:20:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด