20091026 วิพากษ์ LIVERPOOL vs MAN. UNITED
เจอะคำตอบอย่างนี้......จึงหมดคำถามมมมม


สวัสดีครับ ก่อนจะเข้าเรื่องราวที่ปวดใจ ขออนุญาตถอนหายใจดังๆสักครั้งหนึ่งเพื่อทำใจ ซื้ดดดดดดดดด.......ฮ่าห์ เฮ้อ...ก็เป็นอีกนัดหนึ่งของขบวนแดงเดือดในช่วงหลัง ที่ผลการแข่งขันไม่เป็นไปดั่งใจของสาวกฝั่งอสูรแดงอีกแล้ว แถมครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างกับครั้ง 1:4 แต่อย่างใด เพราะเป็นการพ่ายแพ้ทั้งรูปเกม และรูปสกอร์ เรียกได้ว่าพ่ายครบเซ็ตเป็นแพ็คเกจสุดคุ้มแบบแฮปปี้มีลจนได้สิน่า เสียแต่ว่า มันไม่ได้แฮปปี้สมชื่อเลยครับ เอาล่ะ เรามาไล่เรียงกันดูหน่อยดีไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับแดงเดือดขบวนนี้

การจัดทัพ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำถามหนาหูเกี่ยวกับอนาคตของราฟา รวมทั้งอาการบาดเจ็บของบรรดานักเตะตัวหลักของทั้งสองทีม ฝั่งเจ้าบ้านที่มีสโลแกนยอดเท่ติดอยู่ที่เหนือทางเดินขึ้นสนามว่า This is Anfield นั้น จะขาดก็เพียงแค่กัปตันมหาประลัยเพียงคนเดียว แต่ได้เฟร์นานโด ตอร์เรส ผ่านความฟิตกลับมาเป็นหน้าเป้าได้ตามคาด ผู้รักษาประตูยังเป็นเปเป้ เรน่า แผงแบ๊กโฟร์ได้เกล็น จอห์นสัน ฟิตกลับมาอีกคน ที่เหลือประกอบไปด้วย เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนียล แอ็กเกอร์ และ เอมิเลียโน่ อินซัว มิดฟิลด์ตัวรับสองคนมีฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ตัวรุกสามคน ฝั่งซ้ายให้ ฟาบิโอ ออเรลิโอ ส่วนทางขวากับตรงกลาง ให้ ยอสซี่ เบนนายูน กับเดิร์ค เคาท์ สลับดอกกันตามแต่จังหวะเกมจะอำนวย นี่ถือเป็นหมากเด็ดของราฟาก็ว่าได้ และเป็นจุดที่ผมกังวลพอสมควร เมื่อเห็นออเรลิโอมายืนเป็นตัวจริงอีกคน เนื่องจากเกรงๆลูกเซ็ตพีซของหมอนี่อยู่พอตัวเลยครับ และที่สำคัญ คนที่ผมกลัวที่สุดคือเบนนายูนครับ

ส่วนทางผู้มาเยือน นัดนี้ได้เวย์น รูนี่ย์ฟิตกลับมาลงเป็นตัวจริง โดยจับคู่กับดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ปีกสองข้างซ้ายขวาให้ไรอัน กิ๊กส์ กับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย มิดฟิลด์ตัวกลางสองคนเลือก พอล สโคลส์ กับ ไมเคิล คาร์ริค แผงแบ๊กโฟร์ให้จอห์น โอเช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช และ ปาทริซ เอวร่า มีเอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ เฝ้าเสา เกมนี้ เรื่องตัวผู้เล่นผมไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะประสบการณ์โชกโชนกันทั้งนั้น ผมห่วงแค่สองประเด็นเท่านั้นครับในวันนี้ ประเด็นแรกเรามา 4-4-2 แน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่ยังเป็นคำถามก็คือ เราจะเล่นด้วยจังหวะเกมแบบไหน รุก หรือรับ หรืออดทนรอจังหวะ ซึ่งตรงนี้ มันจะส่งผลถึงรูปเกมโดยรวม และประสิทธิภาพของการทำเกมของทั้งสองฝั่งเป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นที่สองก็คือ ความมุ่งมั่น อย่างที่ทราบกันดีครับ นักเตะลิเวอร์พูลถูกกดดันอย่างมาก รวมทั้งราฟาเอล เบนิเตซเองก็ด้วย ทำให้เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็พบว่า ความมุ่งมั่นและกระหายในชัยชนะของฝั่งเจ้าบ้าน ดูจะถูกรีดออกมาในสนามได้มากกว่าเยอะ

ว่ากันถึงเกมในสนามก็เป็นอย่างที่ผมเองกังวลไว้จริงๆ และก็เป็นแม่ม...ทุกอย่างเลยด้วย เอาเข้าไปสิครับ เฮ้อ.... ราฟาเอล เบนิเตซที่ดูเหมือนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายในสายตาหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับผม เพราะผมมองว่า ที่ผ่านมาราฟาคือผู้รับผิดชอบในความตกต่ำของลิเวอร์พูลก็จริง แต่ตัวเลือกอื่นในนาทีนี้ที่ดีกว่าเขามันก็ไม่มี แถมที่ผ่านมา ราฟาเองก็เป็นผู้ที่พาหงส์แดงมาอยู่ในจุดที่สูงที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยเดินทางมาตลอดสิบเก้าปีหลัง ดังนั้น โอกาสที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลในปีนี้คือ ให้ราฟาพลิกสถานการณ์ทีมกลับมา โดยแก้ปัญหาให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คัน เท่านั้นก็น่าจะดีขึ้นได้เยอะ สำหรับลิเวอร์พูล และเกมนี้ ราฟาก็จัดหมากได้ลงตัว และเค้นความมุ่งมั่นออกมาจากลูกทีมได้แบบเพอร์เฟคท์เสียด้วย อันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ลูกทีมยังเชื่อใจเขาอยู่ จึงสามารถรีดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเพื่อราฟา เพื่อแฟนบอล จนได้ผลลัพธ์อย่างทีต้องการ เป็นการตอบทุกๆคำถามที่มีถึงตัวเขาอย่างชัดเจนชนิดที่หมดคำถามกันเลยทีเดียว

หงส์แดงลงสนามมาในวันนี้ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ขยัน มีวินัย ใฝ่คุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง สู้ทุกลูก ชนทุกช็อต และไล่ทุกจังหวะ ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามคาดของหลายๆท่านรวมทั้งท่านเซอร์ด้วย เพราะอะไร เพราะหงส์แดงก่อนเกมนี้ก็เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหว หลังพิงไว้เพียงแค่มวลอากาศบางเบาจากการพ่ายแพ้มาสี่เกมรวดแถมยิงได้แค่เม็ดเดียว ทำให้ไม่มีที่จะให้ถอยอีกต่อไป เดอะค็อปทุกคนนั้นทราบดีครับว่า นัดนี้ ต้องเร่ง ต้องรีด ต้องเค้นทุกอย่างออกมาสู้ให้ได้ และมีเพียงชัยชนะเท่านั้น ที่จะดึงพวกเขาออกมาจากจุดที่ล่อแหลมนั้นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ มันก็คือหายนะของลิเวอร์พูลดีๆนี่เองครับ เพราะการทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในเกมๆนี้ แต่ถ้าแพ้ออกมา มันจะไปบ่อนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ลิเวอร์พูลเชื่อมั่น และคงกลับมาได้ลำบากแน่ๆ ตรงนี้ท่านเซอร์เองก็ทราบดี และเป็นเหตุผลที่จัดตัวที่เก๋าเกม เพื่อคุมจังหวะ คอนโทรลรูปเกมได้ดีลงมามากหน่อย กิ๊กส์, สโคลส์, คาร์ริค เหล่านี้คือตัวความหวังที่จะประคองสถานการณ์ท่ามกลางพายุสีแดงที่โหมเข้าใส่อย่างบ้าระห่ำ

แต่เหตุการณ์จริงในสนามกลับหนักหนาสาหัสกว่าที่ท่านเซอร์คิดไว้ นอกจากลิเวอร์พูลจะวิ่งเป็นม้า บ้าพลังทุกคนแล้ว ยังปรี่เข้ารุมผู้เล่นยูไนเต็ดเพื่อสร้างสถานการณ์สองหนึ่ง สามหนึ่งในทุกๆจังหวะ เพื่อกดดันผู้เล่นทีมเยือนไม่ให้เล่นได้ถนัด เกมนี้ลิเวอร์พูลวางโพสิชั่นนิ่งของการยืนมาดีมากๆและการให้บอลจังหวะสุดท้ายก็ถูกเซ็ตติ้งมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะเป็นการแก้ลำของสองปีก่อนได้ดีมากๆ ตอร์เรสถูกวางไว้ข้างหน้าโดยส่ายไปมาได้ทุกพื้นที่และพิงไลน์สุดท้ายของยูไนเต็ดตลอดเวลาเพื่อกดดันตัวรับตัวสุดท้ายเอาไว้ แต่สามแนวรุกจะไม่ยืนสนับสนุนตอร์เรสสูงมากนัก กลับยืนเหลื่อมเส้นกลางสนามไม่มากมายในจังหวะรุกสวนขึ้นมา ตรงนี้มีเหตุผลครับ การที่ไม่รีบดันสามแนวรุกขึ้นมาก็เพื่อ หนึ่ง ระวังการเสียบอลแล้วโดนสวนเร็ว และสอง นี่สำคัญที่สุดครับ คือการตรึงแนวมิดฟิลด์ของยูไนเต็ดและฟูลแบ๊กไม่ให้รีบลงไปตั้งรับลึกมั่นคงนั่นเอง

สังเกตง่ายๆครับ ลิเวอร์พูลพยายามเพรสซิ่งตลอดเวลา ทุกแดน ทุกพื้นที่ การครอบครองบอลของลิเวอร์พูลจะทำเพื่อสร้างเกมรุก และไม่เน้นจ่ายบอลห้าสิบห้าสิบเลยแม้แต่ลูกเดียว การจ่ายจังหวะสุดท้ายนั้นจะเน้นมากๆ เรียกได้ว่าไม่ชัวร์ไม่จ่ายก็ว่าได้ แต่ลักษณะการตั้งเกมรับของยูไนเต็ดนั้นค่อนข้างเป็นระเบียบเป็นแบบแผนและมาร์คคนในกรอบได้ดีมากๆ ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาในจังหวะที่ลิเวอร์พูลครองเกมกดดันอย่างที่ว่าสักเท่าไหร่ แล้วปัญหามันมาจากไหน ก็มาจากจังหวะรุกสวนกลับเร็วของลิเวอร์พูลต่างหาก ตรงนี้สร้างปัญหาหนักอกหนักใจได้ตลอด สามแนวรุกได้บอลโต้กลับ แต่ไม่เร่งลากขึ้นไปหรือรีบจ่ายขึ้นไป พอไปถึงจุดหนึ่งก็จะดึงรอหนึ่งหรือสองจังหวะ เพื่อให้ตอร์เรสได้ดึงจังหวะไลน์ล้ำหน้าของแนวรับทีมเยือน จากนั้นจึงค่อยจ่ายให้ตอร์เรสไปดวลกับตัวรับ นี่แหละครับ คือหมากรุกฆาตของราฟาเอล เบนิเตซอย่างแท้จริงในเกมนี้

ทำไมไม่รีบจ่ายให้ตอร์เรสแต่แรก นั่นก็เพราะรูปแบบนี้ ยูไนเต็ดสามารถจัดการได้ง่ายกว่านั่นเอง และราฟาเองก็มีประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้วเต็มๆ กับกับดักล้ำหน้าที่เล่นงานตอร์เรสจนชีช้ำกะหล่ำปลีมาก่อน หรือแม้แต่การที่แผงมิดฟิลด์ยูไนเต็ดลงไปรับลึกตามนักเตะลิเวอร์พูลที่ดันกันขึ้นไปเหมือนก่อนๆ แพ็ทเทิร์นนั้นราฟาจับจุดได้หมดแล้วครับ และแก้ทางมาได้แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วนั่นแหละ จึงไม่จำเป็นจะต้องให้ฟูลแบ๊กเติมช่วยมากนัก ไม่จำเป็นต้องให้มิดฟิลด์ตัวรับดันเกมสูงมากนัก ทำให้กลางยูไนเต็ดต้องตรึงตำแหน่งสูงหน่อยตามจุดที่ลิเวอร์พูลดึงไว้ ทำให้ช่องหว่างระหว่างแผงกลางและแผงหลังมีค่อนข้างมาก อย่างเกมนี้ หงส์แดงก็ใช้แค่สามตัวเท่านั้นในเกมรุก คือ ยูน-เคาท์-ตอร์ และมีออเรลิโอในบางจังหวะ แคนั้นก็เหลือๆแล้วในการจะยิงประตูยูไนเต็ด และนี่ก็เป็นรูปเกมเดิมๆที่ราฟาพิชิตเราได้สามเกมติดต่อกัน แบ๊กโฟร์ไม่บุก กลางรับสองตัวคุมพื้นที่ตรงกลาง ที่เหลือก็เล่นตามจังหวะ และเน้นในเกมสวนกลับ

เมื่อรูปการณ์ออกมาอย่างนี้ มิดฟิลด์ยูไนเต็ดก็ลงไปรับลึกไม่ได้ในจังหวะสวน เพราะลิเวอร์พูลไม่ดันขึ้น แต่ให้เบนนายูน หรือเคาท์ ลากบอลมาเดี่ยวๆดึงตัวประกบมา ตรึงแนวกองกลางคู่ต่อสู้ไว้สูงหน่อย ดึงจังหวะจ่ายเลี่ยงกับดักล้ำหน้า เมื่อสบโอกาส ก็จ่ายยัดเข้าให้ตอร์เรสไปดวลทันที เมื่อไม่ล้ำหน้า ตอร์เรสที่เป็นศูนย์หน้าที่ผมเชื่อว่าไม่แพ้กองหลังคนไหนถ้าจับมาดวลกัน แกก็ชอบสิครับ เพราะแกเร็ว คล่อง และพลิกได้ทั้งสองข้าง การแตะบอลแค่จังหวะเดียวแล้วพลิกไปทางใดทางหนึ่งคือจุดเด่นของเขา และจังหวะแบบนี้แหละคือจังหวะสังหารลูกแรก หลังจากก่อนหน้านี้ตอร์เรสมีโอกาสอย่างนี้หลายครั้ง แต่ยังสลัดไม่หลุดเท่าไหร่ มาคราวนี้เบนนายูนดึงจังหวะก่อน เพื่อให้ไลน์รับยูไนเต็ดย้อนกลับไปประกบตอร์เรสแล้วค่อยจ่าย บอลตัดหลังวิดิชทันทีที่ออกจากเท้ายอสซี่ กลายเป็นตอร์เรสวิ่งควบไปกับริโอ แล้วริโอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเหนี่ยวแขน ด้วยความที่ตอร์เรสเร็วกว่าริโออยู่สเต็ปหนึ่งนั่นเอง ตอร์เรสขืนไว้ก่อนจะยิงเต็มข้อเสยเพดานตาข่ายเข้าไปได้สำเร็จ

นี่แหละครับ คือสิ่งที่ราฟามองไว้ การสร้างเกมสวนกลับโดยไม่ให้ถูกกับดักล้ำหน้าเล่นงาน โจทย์ข้อแรกของราฟาที่เขาแก้ได้ ที่เหลือ เมื่อไม่ล้ำหน้าก็ไปวัดกันระหว่างตอร์เรสกับกองหลัง ด้วยความคมและแข็งแกร่งของตอร์เรส ราฟาคงเชื่อว่า ดวลกันยี่สิบช็อต อาจจะแพ้สิบเก้า แต่ขอแค่ช็อตเดียวที่ผ่านได้ แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับตอร์เรส แล้วมันก็จริง ส่วนลูกที่สองที่เสียไปช่วงทดเจ็บนั้น ผมว่ามันเป็นไปตามจังหวะเกมครับ เกมมันถูกบังคับให้ออกมาในรูปแบบนั้น ว่าอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อเราดันสูงกันเต็มที่แต่ยิงคืนไม่ได้ ก็ย่อมเป็นโอกาสให้เขาสวนแล้วย้ำชัยกลับไป เช่นเดียวกับจังหวะของใบแดงวิดิชก็ไม่ต่างกันนัก ส่วนใบแดงของมาสเคราโน่นั้น ผมว่าไม่น่าเสียเท่าไหร่ เพราะไม่ได้อันตรายอะไรเลย และลูกนั้นก็ไม่ได้มีลุ้นอะไรกับจังหวะหวาดเสียวเลยด้วย

ส่วนแพ็ทเทิร์นที่เหลือของราฟา หมากกลที่เขาวางไว้ นอกจากที่พูดไปแล้ว ก็คงเป็นการเอาแอ็กเกอร์มายืนกับคาร์ราเกอร์นี่แหละครับ ที่ถือเป็นการเกาถูกที่คันอีกที่ แอ็กเกอร์ผมว่าเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และเป็นบอลอ่านทางเก่ง สามารถป้องกันได้จากทั้งภาคพื้นและอากาศ ช่วยงานคาร์ราเกอร์ได้มาก ส่วนออเรลิโอ นี่ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นส่วนเติมเต็มให้แผนของราฟาอย่างแท้จริงนอกจากจะช่วยกรองบอลให้อินซัวที่ยังไม่จัดเจนบนถนนพรีเมียร์ลีกแล้ว ออเรลิโอยังเป็นตัวเทคนิคอีกตัวในแนวรุก ที่ครองบอลดี จ่ายแม่น และยิงไกลหวังผลได้สูง เรียกได้ว่าแท็คติคการวางหมากและจัดตัวของราฟานั้น เกมนี้ทำได้ละเอียดทุกเม็ด ทุกจุดเลยจริงๆ ทำให้แทบไม่ต้องแก้เกมในตอนพักครึ่งเลยก็ว่าได้

เอาล่ะ พูดถึงลิเวอร์พูลมากพอแล้ว ที่เอ่ยถึงมากหน่อยเพราะเกมนี้เป็นลิเวอร์พูลที่กำหนดจังหวะเกมและรูปแบบการเล่น โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายวางแผนแก้ตลอดเก้าสิบหกนาทีครับ ท่านเซอร์ไม่ได้ต้องคิดมากนักกับเกมนี้ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วครับ ว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นก่อนเกม มันเป็นตัวบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูลต้องมาเต็มสูบแน่ๆในเกมนี้ และต้องรีดเอาทุกอย่างออกมาด้วย ท่านเซอร์จึงต้องวางหมากมาเพื่อรองรับสถานการณ์ตรงนั้นเป็นหลักก่อน นั่นคือเหตุผลที่ไม่เปิดเกมแลก ถึงแม้ผมเองจะมองว่าลิเวอร์พูลในปีนี้ น่าจะอ่อนลงพอสมควรในแดนกลางจากการขาดอลอนโซ่ และเราน่าจะเปิดหน้าแลกกันก็เถอะ แต่ท่านเซอร์ที่ช่วงนี้พยายามเล่นกับทีมใหญ่ๆด้วยแท็คติคยุโรปจ๋า ก็ยังคงเพลย์เซฟก่อน เล่นอดทน และรอจังหวะที่จะโจมตีแบบเข้าเป้าให้ได้ แต่เมื่อเหตุการณ์กลับกลาย ลิเวอร์พูลบุกจริง เล่นจริง กดดันจริง แต่ไม่ดันสูง ใช้แนวรุกไม่กี่ตัวเพื่อกดทีมเยือนเอาไว้ แค่นั้น หมากของท่านเซอร์ก็แทบจะถูกกลืนหายไปเลย

แบ๊กโฟร์ไม่ดัน ออเรลิโอประคองอินซัว ลูคัสกับมาสเคราโน่ไม่ลอยพร้อมกัน นี่เท่ากับตัดโอกาสที่ยูไนเต็ดจะหาช่องว่างเล่นชิงจังหวะกับกองหลัง หรือสวนกลับ เพราะพื้นที่ไม่เปิด ในขณะที่ไลน์ดีเฟ้นซ์ต้องพะวงกับตอร์เรสชนิดปล่อยเดี่ยวไม่ได้ วิดิชถูกวางเป็นตัวชนตอร์เรส และเน้นเล่นบอลจังหวะแรกทันที โดยมีริโอคอยซ้อนจังหวะสอง และมีฟูลแบ๊กตามมาช่วยในจังหวะสามสี่ห้า เป็นการป้องกันตัวสอดเติมของลิเวอร์พูล แต่ก็เท่ากับเป็นการลดความจัดจ้านของการเติมของเอวร่าไปด้วย เพราะตอร์เรสถ่างตัวเองออกมาด้านนี้บ่อยๆ และเบนนายูนกับเคาท์เองก็สลับดอกมาโจมตีด้านนี้หลายครั้ง เอวร่าจึงต้องพะวักพะวงกับเกมรับมากกว่าปกติจนรุกไม่ค่อยขึ้น กิ๊กส์ก็โดดเดี่ยวทางปีก ถูกเกล็น จอห์นสันที่เร็วกว่าเยอะชิงจังหวะได้ตลอด มิดฟิลด์คู่กลางที่เน้นโฮลดิ้งคนหนึ่ง เปิดป้อนคนหนึ่ง แต่เมื่อเจอลูกสดและขยันของลูคัสกับมาสช์เข้าไปก็ทำงานลำบาก คาร์ริคไม่ใช่ตัวที่จะมาวิ่งไล่บดบี้คู่แข่งเหมือนเฟล็ทช์ ส่วนสโคลส์ก็ช้าไปเยอะ ถึงจะวางบอลแม่น แต่เมื่อตัวรับทางปีกไม่มีพื้นที่ไม่มีตัวช่วยมันก็ไร้ประโยชน์

เล่นไปๆ แบ๊กโฟร์แมนฯยูไนเต็ดจึงเหมือนถูกตอร์เรสกดไว้ตลอดเวลา ส่วนฟูลแบ๊กก็ทำงานไม่ได้ตามถนัด มิดฟิลด์ครองบอลไม่ได้ แถมยังถูกแนวรุกของลิเวอร์พูลพยายามตรึงแนวห่างจากไลน์แบ๊กโฟร์ด้วย กองหน้าไม่ได้บอลก็ต้องลงมาทำเกมเองบ่อยๆ ถ่างออกมาเล่นริมเส้นบ่อยๆ แต่ด้วยการที่ทั้งคู่ไม่ใช่พวกสปีดยาวๆ การชิงจังหวะไลน์แผงหลังลิเวอร์พูลจึงเกิดขึ้นได้ยาก ยิ่งรูนี่ย์ไม่ใช่พวกเซ้นส์บอลตัวปั้นแต่ต้องลงมาล้วงเอง การจ่ายทะลุช่องหรือคิลเลอร์พาสจึงผิดพลาด ติดโน่นติดนี่ตลอด บอลไม่สามารถทะลุไปได้ ส่วนเบอร์บาตอฟเองเมื่อได้บอลก็ถูกรุมตลอด เพราะผู้เล่นลิเวอร์พูลไม่ปล่อยให้ยูไนเต็ดมีพื้นที่ มีเวลาเล่นกับบอลเลย สุดท้ายเบอร์บาตอฟก็ถูกแทนด้วยโอเว่น และสโคลส์ก็ถูกแทนด้วยนานี่ ซึ่งก็ทำให้วูบวาบมากขึ้นพอสมควร แต่หงส์แดงได้กำลังใจมาเต็มที่แล้วตอนนี้ ตั้งไลน์ป้องกันได้ดีมากๆ แถมกรรมการยังค่อนนกหวีดข้างหวานกับเจ้าถิ่นอีกด้วย ยิ่งทำให้นักเตะยูไนเต็ดหงุดหงิด ร้อนรน และทำอะไรผิดพลาดไปหมด

เกมนี้จะว่าไป ถ้าผมไม่ได้ปวารณาตนเป็นสาวกผีแดง ก็คงได้รับอรรถรสไปเต็มๆล่ะครับ เพราะเป็นการสู้ด้วยแท็คติคกันจริงๆ แถมเป็นอีกนัดหนึ่งแล้ว ที่แท็คติคของราฟาดูจะเหนือกว่าป๋าเฟอร์กี้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อต้องมาวัดกันจริงๆแบบนี้ ความละเอียดในการวางหมาก วางโพสิชั่นนิ่ง รายละเอียดในการเล่นแต่ละช็อต แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวะ ราฟาทำการบ้านมาได้ดีมากๆ ปิดทุกการแก้เกม ปิดทุกหมากเกมรุกของเฟอร์กี้ได้อยู่หมัด เลือกที่จะใช้ตอร์เรสดวลกับแผงหลังโดยขอเพียงจังหวะที่ดวลชนะครั้งสองครั้งก็จะปิดเกมได้ ในขณะที่ป๋าเฟอร์กี้ ที่เลือกจะมาในแท็คติคการต้านทานมากกว่า เฟอร์กี้พยายามเน้นเกมที่ยืดหยุ่นกว่า เสี่ยงน้อยกว่า และหวังว่าจังหวะไม่กี่ครั้งที่เปิดให้จะทำให้เราสามารถปิดบัญชีได้ แต่ใครจะไปคิดถึงล่ะครับ ว่าเกมนี้ ราฟาละเอียดสุดๆและปิดทางหนีทีไล่ของทีมเยือนได้หมด มิดฟิลด์ถูกบีบตลอดเวลา ริมเส้นขึ้นเกมไม่ได้ ต่อให้ขึ้นได้ เปิดเข้ากลางได้ ก็จะไม่ค่อยมีตัวเล่นสะดวกๆ คาร์ราเกอร์ กับแอ็กเกอร์เก็บกินแทบทุกลูก ลูกโด่งอย่าไปหวัง เพราะเราไม่ได้วางแพลนมาแบบนั้น ตัวกองหน้าทั้งคู่จึงไม่ได้เข้าไปรอในกรอบเลย นี่คือการตีกรอบเกมของยูไนเต็ดได้หมดจดจริงๆ

เอาล่ะครับ ไม่ว่าจะออกมายังไง มันก็ผ่านไปแล้วกับเกมๆนี้ ทำได้อย่างเดียวคือเรียนรู้จากความผิดพลาด จากความพ่ายแพ้ บทเรียนคราวนี้ น่าจะตอกย้ำให้เฟอร์กี้ได้เข้าใจมากขึ้น เพราะไม่ใช่ครั้งสองครั้งนะที่รูปเกมเป็นแบบนี้ แต่สามครั้งติดต่อกันเข้าให้แล้ว ต้องคิดอย่างจริงๆจังๆแล้วครับ ว่าเราจะแก้จุดสลบในหมากของราฟากันอย่างไร เรื่องกรรมการนั่นผมไม่อยากให้เป็นประเด็นอะไรมากนัก เรื่องนี้มันมีมานมนานกาเลแต่ไหนแต่ไร การเล่นเป็นทีมเยือนก็ต้องเจอนกหวีดขมมากบ้างน้อยบ้างเป็นธรรมดา แม้แต่ตอนผมดูบอลสมัยเกือบยี่สิบปีก่อน ทุกคนก็เข้าใจในจุดนี้ และด่ากรรมการกันเป็นเรื่องปกติ แต่มันทำอะไรไม่ได้ไงครับ สุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการทำประตูอยู่ดี ไอ้ครั้นจะมัวบอกว่าเราหวังจะปราบลิเวอร์พูลด้วยเซ็ตพีซ จึงต้องหวังลูกฟรีคิก แต่กรรมการไม่เป่ามันก็เลยจบ ไอ้อย่างนั้นมันไม่ไหวครับ เราควรต้องเอาชนะในแนวทางของเรา ด้วยตัวของเรา และด้วยแผนการเล่นของเรา ไม่ใช่รอแต่จะเล่นลูกเซ็ตเพลย์ อย่างนั้นมันคงไม่สมกับที่เป็นยูไนเต็ดเท่าไหร่มั้งครับ และรูปเกมที่เกิดในวันนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูลนั้น สมควรแล้ว ที่จะเดินออกจากสนามอย่างผู้ชนะจริงๆ

ส่วนตัวผมนะ ผมอยากเห็นป๋าเปลี่ยนมุมมองแท็คติคเกมแดงเดือดบ้าง ราฟาหลังจากเจอมาเยอะ เจ็บมาแยะ เขาก็เปลี่ยนแนวตัวเองพอสมควร จนสามารถอยู่เหนือเราได้ ทั้งแท็คติค และผลลัพธ์ วันนี้เราคงต้องดูตัวเองแล้วครับป๋า ว่าควรต้องเปลี่ยนแนวทางการเล่นไหมในเกมแดงเดือดขบวนหน้า ขืนกลับมาแพ้คาบ้านตัวเองอีกให้มันกลายเป็นแพ้เหย้า-เยือนสองปีติดนี่มันจะดูไม่จืดเชียวนะป๋านะ เด็กหงส์ที่ทำงานผมเขาคงมันปากกันตลอดสัปดาห์อ่ะ ผมเองนั้นอยากเห็นป๋าจัดทีมที่สู้ได้สูสีกว่านี้ และก่อกวนลิเวอร์พูลได้ดีกว่านี้ แต่จะทำได้ยังไงล่ะครับ ตัวที่ถูกส่งลงมานี่ก็แทบจะดีที่สุดเท่าที่ส่งได้แล้ว แต่ปัญหามันคืออะไรล่ะ มันคงเป็นโจทย์ที่เฟอร์กี้ตีไม่แตกมากกว่า ว่าจะเล่นในรูปแบบที่เข้าทางผู้เล่นตัวเองได้อย่างไร เพราะถ้าจะว่ากันตามแท็คติคเพียวๆแล้วนั้น ผมไม่เชื่อครับว่า เฟอร์กี้โดยลำพังจะอยู่เหนือราฟาได้ เพราะหลังจากหมดเคยรอซผมก็ไม่เห็นว่า เวลาที่แก้เกมด้วยแท็คติคจัดๆเนี่ย ป๋าจะทำได้ดีเท่าเดิม เช่นเกมกับบาร์ซ่า และแดงเดือดปีที่แล้ว เป็นต้น

ดูตามความเป็นจริง ก็ถือว่ายังไม่เสียหายอะไรมากกับผลพ่ายแพ้นัดนี้ (นอกจากเสียหายทางใจ เวลาเจอเพื่อนหงส์ที่ทำงาน) เพราะทีมที่ตามหลังเรามาดันออกเสมอกันรวดทีเดียวเชียว ไม่ว่าจะเป็น แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ซิตี้ หรือ อาร์เซน่อล แม้แต่สเปอร์สเองก็ถึงแพ้ด้วยซ้ำไป มีเพียงเชลซีที่ฉีกหนีออกไปเท่านั้น ซึ่งเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่มีหวังอยู่มากกับอันดับที่สองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ขอเพียงดีดตัวเองกลับมาจากนัดนี้ได้ เราก็ยังได้ลุ้นอยู่ตลอดครับ และอย่าลืม...ว่า นี่ยังไม่ถึงช่วงโค้งถนัดของเรานะครับ เอาไว้อดใจรอช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ กับช่วงแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพก่อนเถอะครับ ผมว่าขุมกำลังที่มีของเราเมื่อถึงตอนนั้นก็จะแสดงให้เราได้เห็นเองครับ ว่าเราสมควรจะยืนตรงไหนเมื่อจบฤดูกาล



แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ



Create Date : 26 ตุลาคม 2552
Last Update : 26 ตุลาคม 2552 10:58:11 น.
Counter : 530 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด