---ของเก่า 21 พฤษภาคม 2550--- ชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ 2007 หลังเกมครับ
หลังจากที่ต้องเห็นการจัดทัพในการลุ้นถ้วยใบที่สามของฤดูกาลนี้ก่อนลงสนามแล้ว ผมก็ให้บังเกิดความไม่เข้าใจในความคิดของท่านเซอร์ อเล็กซ์ ขึ้นมาทันที ไม่ทราบว่าแกคิดอะไร แกกลัวเชลซีถึงเพียงนั้นเชียวหรือครับ จะมาบอกว่านักเตะล้า อ่อนแรง ก็เกรงว่าแกจะลืมไปว่า นักเตะเชลซีหลายคนต่างหาก ที่มีความฟิตพอจะเล่นได้แค่ 45 นาทีเท่านั้น แถมบางคน เจ็บเพิ่ม ต้องถูกเปลี่ยนออกไปก็มี ผมเองอยากจะจับตั๋วเครื่องบินไปกระซิบข้างหูท่านเซอร์จังเลยครับ ว่า ทำไมเฮียไม่ใช้จุดเด่นของเราให้เป็นประโยชน์เล่าครับ


รูปเกมที่ออกมาตลอด 120 นาที มันได้บ่งบอกในตัวเองอย่างชัดเจนว่า เราทำเกมในแดนกลางสู้เชลซีไม่ได้เลย เพราะอะไรหรือครับ เพราะ มิเกลเล่นดีเกินคาด หรือเพราะ มาเกเลเล่ ลืมแก่ หรือเอสเซียงมันสกัดบอลได้ดี จริงๆแล้วทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพราะเกมแพลนที่ผิดพลาดของเราเองต่างหาก ที่ไปเอื้อให้รูปเกมเข้าทางเชลซี ผมเองค่อนข้างแอนตี้ เกมแพลน 4-5-1 มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะลักษณะเฉพาะตัวของยูไนเต็ด ไม่ว่าในยุคไหนๆ ไม่เคยเลยครับที่เราจะมีตัวกองกลาง (ที่ไม่ใช่ปีก) ที่มีเทคนิคดีๆพร้อมๆกัน 3-4 คน ที่มีความสามารถเฉพาะตัวโดดเด่น ถึงขนาดจะไปครองเกมสู้กับทีมที่เน้นแท็คติคเต็มรูปแบบได้ ไม่ว่าการเผชิญหน้ากับ มิลาน, เจอลิเวอร์พูลเกมล่าสุด หรือ เกมนี้ กับเชลซีก็ตาม เราครองเกมสู้เขาไม่ได้เลย การวางแพลนนิ่งในลักษณะนี้ เท่ากับเป็นการท้าทายคู่ต่อสู้ให้แข่งขันกันครองบอลในแดนกลาง แล้วคู่ต่อสู้อย่างเชลซี ที่ถนัดนักหนากับการเล่นสไตล์นี้ ก็ไม่ปล่อยให้เราเล่นได้อย่างถนัดถนี่เลยครับ กลายเป็นท่านเซอร์ แพ้ตั้งแต่ออกสตาร์ทนั่นเชียว


ทุกๆท่านเองก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว ว่าจุดเด่นของแมนยูไนเต็ด กับเชลซี มันช่างตรงข้ามกันสุดขั้ว ยูไนเต็ดถนัดการขึ้นเกมเร็ว ให้บอลกันน้อยจังหวะ แต่ใช้ความเร็วของปีกกับกองหน้าทำชิ่งวิ่งทำทางเจาะเข้าไปโจมตีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เชลซี เน้นการวางแท็คติค ครองเกมตั้งแต่แดนตนเอง ค่อยๆถ่ายบอลขึ้นหน้าเรื่อยๆ อาศัยความแน่นอนในการให้บอลเท้าถึงเท้า แล้วจ่ายลูกได้เสียเข้าไปให้กองหน้าบริเวณหน้าปากประตู ซึ่งจากทั้งสองแพลนนิ่ง มันช่างเป็นรูปเกมและความเร็วของเกมที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่เมื่อท่านเซอร์มาวางหมากเน้นสู้กับเชลซีในแดนกลาง โดยการเล่นแบบคุมเชิงกันนั้น มันเท่ากับเล่นด้วยจังหวะที่ช้าลง ซึ่งนั่นเป็นการทำให้บอลไปเข้าจังหวะถนัดของเชลซี นักเตะเชลซีมีเวลากับบอลมากขึ้น ตรงนี้เองครับ ที่ทำให้ มิเกลเล่นดีขึ้นมาทันตาเห็น และทำให้โรนัลโด้ หายวับไปกับตา


อีกอย่างหนึ่ง การวางเกม 4-5-1 ลักษณะนี้ ทำให้นักเตะของเรามาแออัดกันอยู่ในแดนกลางมากผิดปรกติ ยิ่งกับนักเตะที่ต้องการพื้นที่มากๆในการเล่นกับบอลอย่าง กิ๊กส์ และ โรนัลโด้ ยิ่งทำให้ทั้งคู่ต้องพบกับความยากลำบากในการลำเลียงบอลมากขึ้น เพราะพื้นที่ช่างปิดเหลือเกิน แต่กิ๊กส์ ยังคงสบายกว่านิดนึง ตรงที่มีบทบาทหน้าต่ำด้วย ทำให้เขาพอจะมีพื้นที่เล่นบ้าง แต่กับโรนัลโด้แล้ว จะเห็นว่าพื้นที่ที่เขาเล่นจะทับกับนักเตะคนอื่นตลอดเวลา วิ่งชนกันบ้าง เลี้ยงเข้าไปติดพวกเดียวกันบ้าง บางครั้งถึงขนาดแย่งบอลกันเองกับรูนี่ย์หรือเฟล็ทเชอร์ด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ เราจะเอาอะไรไปสู้กับเชลซีได้ล่ะครับ เขาเล่นกันด้วยแท็คติคที่เขาถนัด ในรูปเกมที่เขาเป็นคนคอนโทรลบอลได้ ต่างกับเรา ที่เป็นแท็คติคที่ไม่ถนัด แถมจังหวะบอลก็ไม่ใช่จังหวะความเร็วที่เราคุ้นเคยด้วย



เมื่อเล่นไปเล่นไป บอลยิ่งเข้าทางเชลซีมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้กองหลังของเราจะโชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดี แต่การเล่นอย่างนี้ เท่ากับเป็นการรอเสียประตูชัดๆ กองหน้าของเราได้บอลน้อยเกินไป และการได้บอลแต่ละครั้ง ก็ต้องมาล้วงกันเกือบถึงกลางสนาม ทำให้กองหลังเขามีเวลาป้องกันได้เต็มที่ จังหวะยิงจ่อๆ หรือจบสวยๆในช่วง 90 นาที จึงไม่ค่อยเห็นเกิดขึ้นกับฝั่งของเราเลย ผิดกับทางฝั่งคู่ต่อกร ที่โจ โคล, ร๊อบเบน, แลมพาร์ด หรือกระทั่งไรท์ ฟิลลิปส์ แม้แต่กาลูที่ถูกเปลี่ยนลงมาทีหลัง ก็มีพื้นที่เล่นมากมายเหลือเกิน ทั้งนี้ เพราะเป็นการเล่นเกมด้วยจังหวะที่ช้าลง ทำให้นักเตะของเชลซีแต่ละคน สามารถเล่นได้ในจังหวะที่เขาถนัดที่สุด และพากันโชว์ฟอร์มได้ดีจริงๆ


หากทุกๆท่านสังเกต เราจะเห็นได้บ่อยๆว่า นักเตะของเรา ไม่สามารถส่ายหาที่ว่างได้เหมาะๆในแดนหน้าเลย สโคลส์ กับคาร์ริค ต้องประคองหาตัวจ่ายอยู่ตลอดเวลาที่ได้บอล บางครั้งวนไปวนมาอยู่หลายรอบ จนต้องจ่ายย้อนหลังในที่สุด ตรงนี้ เป็นผลกระทบที่เป็นรูปธรรมที่สุด จากการเล่นแท็คติคนี้ครับ เมื่อจังหวะเกมช้าลง นักเตะเราโดนประกบ โดนคุมได้ง่ายขึ้น การวิ่งหาที่ว่าง ทำได้ยากขึ้น อีกทั้งการที่บรรดากองหน้า และกองกลางต้องยืนต่ำผิดปรกติบวกกับรูปเกมช้า ทำให้การลำเลียงบอล และถ่ายบอลให้กันทำได้ยากขึ้นมาก ตรงนี้จะต่างกันกับที่ผมเคยวิพากษ์ให้กองหน้ายืนต่ำนะครับ ในรูปเกมที่ผมวิพากษ์ไว้ ผมจะใช้ โรนัลโด้, กิ๊กส์ กับรูนี่ย์ เป็นกองหน้า แต่ยืนต่ำหน่อย เพื่อหาช่องทำทางทะลุทะลวงขึ้นไปในเขตโทษของเชลซี แต่กับเกมนี้ โรนัลโด้ กับกิ๊กส์ ออกจะเน้นทำเกมแดนกลางซะมากกว่า ทำให้ทั้งคู่จะยืนกันต่ำมาก ยิ่งกลางสามตัว ยิ่งต่ำลงไปอีก และกว่าจะได้บอลมา กว่าจะหาจังหวะจ่ายให้รูนี่ย์ ก็ยากสาหัสแล้ว ยิ่งทำให้รูนี่ย์ต้องลงมาล้วงบอลต่ำลงมาอีก บางครั้งถึงเส้นกลางสนามด้วยซ้ำ


เมื่อรูปเกมออกมาลักษณะนี้ ก็ต้องทำใจยอมทนดูเชลซีครอบครองเกม โดยที่เราจะมีโอกาสสวนก็ต่อเมื่อเชลซีรุกขึ้นมามากๆจนหลังเริ่มลอยขึ้นมาตามนั่นแหละครับ แต่พอสวนกลับไป กว่ารูนี่ย์, กิ๊กส์ หรือโรนัลโด้ จะพาบอลไปถึงแดนอันตรายของเชลซี พวกเขาก็กลับมาตั้งรับกันได้ทันหมดแล้ว มีน้อยครั้งมากที่จะได้โอกาสดวลแบบ 1-1 หรือ 2-1 ครับ ยิ่งเวลาผ่านไป การวิ่งทำทางเข้าโจมตีของนักเตะทางฝั่งเรา ก็ดูจะอ่อนแรงลงตามไปด้วย ทำให้ผมมองว่า เราพลาดแล้วล่ะ ที่ไม่ใช้ความสดเข้าบดกับเชลซีแต่แรก มัวแต่เสียเวลา เสียแรง วิ่งหาพื้นที่โดยที่ไม่ได้บอลมาทำอย่างเป็นชิ้นเป็นอันนัก กว่าจะเริ่มมาได้ลุ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ นักเตะเราก็เริ่มระโหยโรยแรงแล้วครับ


เมื่อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ท่านเซอร์ถึงเพิ่งยอมแพ้ด้านแท็คติคนี้ โดยการหันมาเน้นวางบอลยาวข้ามแดนกลางเชลซี ไปให้กิ๊กส์ กับรูนี่ย์ แทนการต่อบอล ซึ่งได้ผลดีขึ้นมาก เมื่อกิ๊กส์ มีพื้นที่มากขึ้น รูนี่ย์มีคนช่วยทำทาง และโรนัลโด้ ที่ถึงแม้จะได้บอลน้อย แต่ก็ช่วยดึงกองหลังไปได้เยอะ ทำให้เริ่มมีโอกาสจบสกอร์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังขาดความคมอยู่ โดยเฉพาะรูนี่ย์ ที่ดูจะวิ่งมาจนเริ่มหมดแล้ว ทำให้เวลายิงแต่ละครั้ง เหมือนไม่มีพลังอย่างที่เคย แต่ละลูกที่เรายิง ก็ดูจะเป็นการรีบร้อนยิงซะจนได้ลุ้นน้อยไปหน่อย ทั้งจากกิ๊กส์, รูนี่ย์ หรือโรนัลโด้ โรนัลโด้เองนั้น มีอยู่จังหวะหนึ่งที่พาลูกขึ้นไปทางขวาได้สวยๆ แต่เลือกที่จะยิงเอง ทั้งๆที่มุมก็ปิด ระยะก็ไกล แถมมีเพื่อนเติมมาโล่งๆแล้วที่หน้ากรอบ ผมเสียดายจังหวะนี้มากครับ หากโรนัลโด้เลือกจ่ายแทนที่จะยิง ก็น่าจะได้ลุ้นถึงประตูชัยเลยด้วย


ส่วนจังหวะที่กิ๊กส์พาบอลข้ามเส้นได้นั้น ผมเองกลับมองว่า ดีแล้วครับ ที่ไม่ได้ประตู ถือว่าเจ๊ากันไป เพราะจังหวะนั้น บอลเข้าซองเช็คไปแล้วนะครับ แต่กิ๊กส์ซึ่งยังมีแรงเฉื่อยอยู่จากการสไลด์เข้ามา หยุดไม่ได้ ทำให้ไหลไปชนเช็ค และพาลูกข้ามเส้นเข้าไป ยังไงๆ ผมก็มองว่าจังหวะที่กิ๊กส์สัมผัสเช็คนั้น ต้องเป็นการฟาล์วแล้ว ถือเป็นการชาร์จผู้รักษาประตูครับ ซึ่งกรรมการไม่เป่า ตรงนี้ ทำให้เชลซีเสียประโยชน์ทันที แถมการที่ลูกข้ามเส้น ยังไงก็ถือเป็นประตู ซึ่งตรงนี้แมนยูจะได้ประโยชน์ทันทีอีกเหมือนกัน ถือเป็นการได้ประโยชน์บนการเสียประโยชน์ของเชลซี สุดท้ายกรรมการก็ไม่เป่าให้เป็นประตู ผมจึงมองว่าเป็นการเจ๊ากันไปครับ แต่จังหวะที่กิ๊กส์สไลด์บอลนั้น หลายคนบอกว่าเขาโดนเอสเซียงสอยข้างหลังทำให้กลายเป็นสไลด์ จังหวะดังกล่าว ผมเองไม่เห็นจริงๆ เพราะภาพช้าก็มัวแต่เน้นที่บอลข้ามหรือไม่ข้ามเส้น ไม่ได้โคลสเข้าไปในจังหวะที่กิ๊กส์กับเอสเซียงทะยานตามกันมาครับ ผมจึงไม่ขอคอมเม้นต์ตรงนี้


แต่จังหวะที่เชลซีได้ประตูนั้น เป็นเพราะแมนยูไนเต็ดเผลอเรออย่างน่าเขกกะโหลกจริงๆ การที่คาร์ริคถูกเปลี่ยนออกไป ทำให้คนที่ควรจะอยู่ตรงที่ๆมิเกลอยู่นั้นหายไป เขามีเวลาที่จะมองแล้วจิ้มบอลยาวให้ดร็อกบา ซึ่งริโอก็เผลอไปอีก จะเข้ามาสกัดดร็อกบาจนไม่ได้มองตัวที่เหลือ ว่าดร็อกบามีโอกาสจ่ายได้ เมื่อริโอพรวดเข้ามา ซึ่งก็ช้าไปครึ่งก้าว ดร็อกบาจึงแปบอลให้แลมพาร์ด ซึ่งไร้ตัวประกบเหมือนกัน แลมพ์ก็ป้ายกลับให้ดร็อกบาอีกทีซึ่งถึงตรงนี้ก็ไม่มีใครตามทันแล้ว ดร็อกบาจึงจิ้มบอลสวนตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าประตูไป เป็นแมนยูไนเต็ดเองแหละครับ ที่พากันหลุดสมาธิกันทั้งยวง โทษใครไม่ได้เลย แต่ผมก็มองว่าดีแล้วที่แพ้ในเกม เพราะหากยืดเยื้อไปถึงจุดโทษ ก็คงแพ้อีกนั่นแหละ เพราะแมนยูไนเต็ด ไม่เคยดวลเป้าชนะใครเลยในยุคของท่านเซอร์ หากไปถึงตรงนั้น เราก็คงหันไปเสียใจกับดวงที่ดวลจุดโทษแพ้ หรืออาจจะหลงระเริงกับดับเบิ้ลแชมป์หากดวลชนะ จนลืมเลือนที่จะมองความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเกมนี้ไป และทำให้การเสริมทีมกลายเป็นเรื่องที่อาจถูกมองข้ามไปได้หลายจุดเช่นกัน


หลังจากความพ่ายแพ้ในค่ำคืนฉลองของบรรดากองเชียร์สีน้ำเงิน ผมก็จะขออนุญาตปลอบใจกองเชียร์ เร้ด อาร์มี่ หน่อยก็แล้วกันนะครับ อย่าให้ความโศกเศร้าเสียใจ กินเวลาเรานานเกินไปนัก เรามาถึงจุดนี้ได้ ได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก เข้ารอบรอง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้ง เข้าชิง เอฟ เอ คัพ ทั้งหมดนี้ ผมอยากให้มองว่า เป็นปีที่มหัศจรรย์ที่สุดของเราอีกปีหนึ่งเช่นกัน เราเริ่มต้นฤดูกาลด้วย ไมเคิล คาร์ริก กับ โทมัส คุสแซ็ค ที่มีแต่เครื่องหมายคำถามว่ามันเป็นใคร อีกทั้ง มีช่วงปิดซีซั่นที่ โรนัลโด้ เกือบย้ายไปต่างแดนเพราะมีปัญหากับ เวย์น รูนี่ย์ และกองเชียร์ชาวอังกฤษ การขายรุด ฟาน นิสเตลรอยออกไป การที่ยังหาตัวแทน รอย คีน ไม่ได้ พอล สโคลส์ ที่เพิ่งผ่าตัดตากลับมา ทำให้ตอนเปิดฤดูกาลนั้น แมนยูไนเต็ด ไม่ได้รับการคาดหมายให้เป็นทีมเต็งด้วยซ้ำ แต่การที่เราก้าวมาได้ถึงขั้นนี้ ต้องยอมรับว่า ท่านเซอร์มีส่วนเป็นอย่างมาก ในการสร้างแรงกระตุ้นให้ลูกทีมพากันโชว์ฟอร์มได้อย่างดีตลอดทุกๆนัด ถึงจะมีพลาดไปบ้าง แต่ก็ถือว่า เราจบฤดูกาลอย่างยอดเยี่ยมเกินความคาดหมายแล้วครับ เมื่อเราพลาดหวังไปสองถ้วย ทั้งๆที่เดินทางมาไกลเกินคาดหมายด้วยซ้ำ ผมก็ขอให้แฟนๆภูมิใจแทนนักเตะด้วยครับที่เดินทางกันมาได้ไกลขนาดนี้


อย่างไรก็ตาม ผมขอถือโอกาส ขอท่านเซอร์นิดนึง ว่าการเสริมทีมช่วงปิดซีซั่นนี้ ผมอยากได้

1. ฮาร์กรีฟส์ รายนี้คงไม่พลาดนะครับป๋า
2. ปีกซ้ายตัวแทน กิ๊กส์ แต่ขอแบบครอสบอล วางบอลแม่นๆ แทนลีลาลากเลื้อย นะป๋า
3. ศูนย์หน้าประเภทลูกกลางอากาศ เหมือนที่เราเคยมียอร์ค ได้มั้ยป๋า
4. กองหลังชั้นดีสักคน ที่สามารถยืนได้ทั้งเซ็นเตอร์ และ ฟูลแบ๊ค นะป๋านะ


อีกอย่าง อยากให้ป๋าขายเฮียริชาร์ดสันได้ไหมครับ หรือไม่ก็ เทรนแกเล่นแบ๊กซ้ายอาชีพไปเลย เราอาจได้แบ๊กจอมบุกเพิ่มอีกคนก็ได้

แล้วก็ ซาฮาเนี่ย ถ้าเป็นตัวจริงกึ่งสำรองแต่เจ็บออดๆแอดๆ แถมไม่ฟิตอยู่อย่างนี้ ให้ทีมอื่นยืมเอาไปเคาะสนิมสักปีก่อนเถอะป๋า

สำหรับสมิธ ป๋าน่าจะจับแกมาเข้าคอร์สกองหน้าตัวเป้าเพื่อเรียกสัญชาตญาณกลับมาหน่อยนะครับ เพราะป๋าโยกแกไปยืนกองกลางซะจนสัญชาตญาณ และวิญญาณเพชฌฆาตแกหายไปแล้วนะ




สุดท้าย ขอสดุดีป๋าด้วยคนครับ ที่พาทีมก้าวข้ามคำวิจารณ์มาจนถึงตอนนี้ได้อย่างเหนือความคาดหมายจริงๆ ผมขอยกย่องไว้ตรงนี้เลยครับ





Create Date : 07 กันยายน 2550
Last Update : 7 กันยายน 2550 7:56:23 น.
Counter : 338 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด