20091001 วิพากษ์ MAN. UNITED vs WOLFSBURG in UCL
กิ๊กส์...ในวันนี้...ที่อายุเป็นเพียงตัวเลข


อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกๆท่าน มาพบกันแบบชุ่มฉ่ำ ชุ่มฉ่ำ กันในวันนี้ กับฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อเย็นวันวานที่ผ่านมา ทำเอาแถวบ้านผมเริ่มกลายเป็นทะเลกรุงเทพฯ ไปทีละนิด ทีละน้อยแล้วครับ วันนี้ มาถึงคิวของบอลยุโรปถ้วยใหญ่กลางสัปดาห์ กับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สอง เราต้องเปิดบ้านรับมือ ราชันย์หมาป่า โวลฟส์บวร์ก แชมป์บุนเดสลีก้าเยอรมัน ทรรศนะผมจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลยครับ

การจัดทัพนัดนี้ พลิกโผหลายอย่าง หนึ่งเลยก็คือ ท่านเซอร์ได้แสดงให้เห็นว่าคุสแซ็คยังคงเป็นแคนดิเดตคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นรองฟอสเตอร์มากนักในใจป๋า ป๋าจึงยังคงวางใจให้คุสแซ็คลงสนามเฝ้าเสาในเกมนี้ และก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ที่ป๋าจะวางตัวไว้ตามนี้ครับ คือในเกมลีกจะเป็นฟอสเตอร์ ส่วนคุสแซ็คจะได้รับโอกาสในบอลถ้วย เพื่อความเท่าเทียมกัน สุดท้ายใครดีกว่า ก็รับตำแหน่งมือสองรอน้าซาร์ไป น่าจะเป็นงั้นนะ เอาไว้ดูสุดสัปดาห์อีกทีนะ ส่วนเรื่องที่สองคือนานี่ถูกพักแฮะ และเรื่องที่สามได้แก่การที่โอเว่นถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงทั้งๆที่มีข่าวว่าเจ็บเล็กน้อยจากเกมที่แล้ว ทำให้ไลน์อัพเป็นดังนี้คือ คุสแซ็คยืนตระหง่านหน้าประตู แผงหลังชุดเก่ง โอเช-ริโอ-วิดิช-เอวร่า แผงกลางจอมลีลา วาเลนเซีย-คาร์ริค-อันแดร์สัน-กิ๊กส์ และคู่หน้า ตือโป๊ยก่ายจับคู่กับอดีตคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย

ทางฝั่งผู้มาเยือน ราชันย์หมาป่าของอาห์มิน เฟย์ นั้น ก็มีคู่ศูนย์หน้าร้อนแรงสุดๆในเวทีบุนเดสลีก้าอย่างกราฟิเต้ และเอดิน เซโก้ ที่ครองตำแหน่งดาวซัลโว และรองดาวซัลโวบุนเดสลีก้าฤดูกาลที่แล้ว (ถ้าจำไม่ผิดนะ) แสดงให้เห็นว่า สองพระหน่อนี้ยิงกระจายแบบไม่เกรงใจใครจริงๆ การจัดไลน์อัพของเฟย์ ผมเองก็ไม่เคยติดตามทีมนี้มาก่อนเลยไม่ทราบว่ากราฟฟิคของทางโทรทัศน์ขึ้นมาถูกต้องกับแท็คติคของเฟย์จริงๆหรือเปล่า ที่กราฟฟิคเขาวางให้ทีมหมาป่ามายืนแบบเพชรงามน้ำหนึ่งเหมือนๆกับรูปแบบของเชลซี และยังเป็นรูปแบบที่แมนฯ ยูไนเต็ดเราดูจะเคยมีปัญหาในการรับมือพอสมควร ดูได้จากสมัยที่อันเช่จัดมิลานในแท็คติคคล้ายๆกันนี้มาปราบเราในปีโน้น ที่เล่นเอาแดนมิดฟิลด์เรามีปัญหามากมายในการคอนโทรลเกม ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ผมจะขอยกไปแสดงทรรศนะไว้ในส่วนของการวิเคราะห์รูปเกมครับ

เริ่มเกม ยี่สิบนาทีแรกก็เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เมื่อยูไนเต็ดที่ไม่ค่อยคุ้นกับการรับมือแท็คติคแบบนี้ และเคยมีอดีตฝังใจกับเกมมิลานมาก่อน นักเตะของเรามีปัญหากับการคุมโซนและเพรสซิ่งนักเตะทีมเยือน เนื่องจากรูปแบบการวางโพสิชั่นนิ่งและการเคลื่อนที่ของผู้เล่นที่ใช้แท็คติคค่อนข้างใหม่ต่อความคุ้นเคยของนักเตะเรา แท็คติคตามกราฟฟิคที่บอกว่าเป็นไดมอนด์นั้น ทำให้มิดฟิลด์ของหมาป่ามีเยอะและคลุมพื้นที่ตรงกลางได้ดีกว่า การใช้วิงแบ๊คธรรมชาติวิ่งขึ้นลงทำเกมรุกและรับริมเส้น ทำให้ไม่ต้องมีปีกธรรมชาติมาวิ่งประจำขึ้นลงตามกราบ แต่สามารถใช้มิดฟิลด์กลางสนามสี่คนคุมพื้นที่และขยับขึ้นลงทำเกมได้แน่นดีมาก เรียกได้ว่านักเตะยูไนเต็ดไปทางไหนก็เจอแต่เสื้อเขียวตามรุมตลอด เล่นเอาแดนกลางเราทำอะไรไม่เป็นในช่วงยี่สิบ ยี่สิบห้านาทีแรกของเกมเลยทีเดียว

แต่เกมของโวลฟส์บวร์กก็คล้ายๆเกมของเราที่เมื่อเล่นในเกมแบบนี้ ที่เน้นผลการแข่งขันมากกว่าจะมาเปิดแลก นั่นคือทีมเยือนที่ครองเกมได้ในช่วงแรก แต่ก็ไม่ผลีผลาม กลับเดินหมากในแบบเจ้าเล่ห์แสนกลหน่อยๆ การที่ครองเกมตรงกลางได้ การเพรสซิ่งแย่งบอลกลับมาได้เร็ว สามารถกดดันให้ยูไนเต็ดเสียบอลง่ายๆ ออกบอลผิดพลาดบ่อยๆ ตรงนี้ทำให้ช่วงแรกเกมของทีมเยือนดูจะดีกว่าเจ้าบ้านซะจนเหมือนกับเล่นในสนามก็ไม่ปาน แต่แนวรับเจ้าถิ่นยังคงคุมพื้นที่และเน้นเซฟตี้เฟิร์สท์ในช่วงดังกล่าว คล้ายๆจะเรียนรู้ความผิดพลาดจากเกมบาร์ซ่า จึงไม่ผลีผลามออกอาวุธหนักในช่วงแรก แต่เหมือนพยายามดูเชิงไปก่อน และเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนั้น โวลฟส์บวร์กที่ครองเกมได้ จึงมีโอกาสจบสกอร์งามๆแทบนับครั้งได้ในช่วงดังกล่าว และแมนฯ ยูไนเต็ดก็เริ่มจะค่อยๆตั้งลำกลับมาได้ในกลางๆครึ่งแรกนี้เอง แต่กลับมีเรื่องน่าปวดตับ เมื่อโอเว่นออกอาการเจ็บ (ข่าวตอนนี้คือสามวีค) ทำให้ต้องส่งเบิร์บจิต้าลงมาแทนในครึ่งแรกนี้เลย

ยูไนเต็ดที่เป็นรองพอสมควร เมื่อเคยชินรูปแบบและการเคลื่อนที่รวมทั้งวิธีการเล่นของหมาป่า ก็เริ่มตั้งลำได้ เริ่มหาจุดอ่อนของหมาป่าได้ การที่จะบุกเข้าใส่โดยตั้งเกมจากตรงกลางอาจทำได้ยาก เนื่องจากมิดฟิลด์ตรงกลางของเขามีถึงสี่คน แถมยังมีวิงแบ๊คอีกสองตามกราบ ทำให้ช่วงแรกๆเราหาช่องให้บอลกันไม่เจอ ปะติดปะต่อเกมไม่ได้ แต่พอรู้ทางหนีทีไล่ รูนี่ย์และเบอร์บาตอฟก็พยายามฉีกตัวเองออกมาริมเส้นหลังตำแหน่งของวิงแบ๊คที่ลอยขึ้นไปนั่นแหละ ตรงนี้ครับคือจุดอ่อนแรกของแท็คติคนี้ เมื่อเน้นการขึ้นเกมริมเส้นด้วยวิงแบ๊คแบบนี้ เกมรับเมื่อโดนสวนก็จะเหลือเพียงมิดฟิลด์ตัวรับตัวเดียวกับคู่เซ็นเตอร์เท่านั้น และรูนี่ย์กับเบิร์บก็แอบดอดไปรับบอลยาวจากตรงริมเส้นข้างหลังวิงแบ๊คนั่นแหละ เจอแบบนี้หลายๆครั้งเข้าวิงแบ๊คหมาป่าก็เริ่มระแวง จะเติมสูงมากก็ไม่กล้า เพราะโดนวางบอลสวนเจาะยางตลอด และเมื่อโดนเจาะยางคู่เซ็นเตอร์ก็ต้องถ่างมาปิด ในขณะที่มิดฟิลด์ตัวรับก็ต้องช่วยคุมพื้นที่ตรงกลางไว้ พื้นที่ในแนวหลังของหมาป่าจึงมีให้เล่นมากเหลือเกิน แต่ยูไนเต็ดเจ้าบ้านเองต่างหาก ที่ไม่สามารถพลิกโอกาสได้มากเท่าที่ควร จังหวะเปิดสุดท้ายยังคงห้าสิบห้าสิบ คือดีห้าสิบ เสียห้าสิบ แล้วไอ้ที่ดีห้าสิบก็ดันไปทำเสียอีกเกือบหมด โอกาสจบแบบได้ลุ้นจริงๆจึงยังมีน้อยอยู่

เกมรับเจ้าบ้านวันนี้ต้องบอกว่าวิดิชกับริโองานเข้าเต็มๆครับ การที่วิดิชต้องเป็นตัวชนกราฟิเต้ที่สูงใหญ่แข็งแกร่ง ถึก และล่ำบึ้กขนาดนั้น ก็เป็นงานที่ยากพอตัวอยู่แล้ว แต่การที่เอดิน เซโก้เองก็สูง และเล่นลูกกลางอากาศเยี่ยม ยังทำให้งานของตัวซ้อนอย่างริโอยากขึ้นไปอีก ปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ ไอ้เจ้าสองคู่หน้านี้ ดันเล่นบนพื้นได้เนียนอีก ทั้งกราฟิเต้และเซโก้ต่างก็ได้แสดงสเต็ปหลอกวิดิช หลอกริโอหลังหัก หัวทิ่มกันทั้งคู่หลายต่อหลายช็อต ดีที่มิดฟิลด์เราไม่ปล่อยให้หลังโล่งบ่อยนัก จึงช่วยกันตามซ้อน ตามพัวพันได้เรื่อยๆ อีกทั้งเอวร่าและโอเชก็แทบไม่เติม เพื่อช่วยปิดเกมวิงแบ๊คทีมเยือนนั่นเอง นอกจากนั้น คุณภาพของนักเตะหมาป่าแต่ละคนโดยเฉลี่ยผมว่าทักษะความสามารถสูงกว่าเรานะครับ การพาบอลไปกับตัว การครองบอลและบังบอล รวมทั้งเหลี่ยมเชิงในการเล่นกับบอล ทำให้แย่งบอลยากพอสมควร เมื่อนับว่านี่คือเกมยุโรปด้วย ที่ถึงแม้จะเสียบโดนบอลแต่ถ้าเข้าจากข้างหลังถือเป็นฟาล์วรวด ตรงนี้ก็เล่นเอานักเตะเราหลายๆคนหงุดหงิดไปตามๆกัน ยิ่งทำให้งานยากพอสมควรครับ

เกมในครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ดเจ้าบ้านดูเหมือนจะไม่พะวงเหมือนในครึ่งแรก เริ่มเร่งจังหวะและเพิ่มสปีดเกมมากขึ้น อันแดร์สันกับคาร์ริคผลัดกันสอดขึ้นไปตามช่องว่างเพื่อเพิ่มตัวเลือกในการเข้าทำตลอดเวลา ส่วนในเกมรับก็ดูเหมือนจะจัดการได้อยู่หมัดมากขึ้น ผมสังเกตว่าการแก้เกมด้วยการให้รูนี่ย์และเบิร์บฉีกไปตัดหลังวิงแบ๊คนั้นได้ผลเอามากๆ ยิ่งฝั่งซ้ายที่ได้ตัวมันสมองอย่างกิ๊กส์มาช่วย ยิ่งทำให้เกมฝั่งนี้ไหลลื่น กิ๊กส์มีทางเลือกและวิธีเล่นมากมาย และเหมือนเป็นมิดฟิลด์ริมเส้นมากกว่าปีกแล้วด้วยซ้ำไปในชั่วโมงนี้ เกมของกิ๊กส์มีมิติมากกว่าสมัยก่อนเยอะ เอวร่าเติมสอดข้างหลัง รูนี่ย์ดึงวิงแบ๊ค เบิร์บดึงตัวประกบตรงกลาง อันแดร์สันกับคาร์ริคผลัดกันเติม ทำให้แดนกลางเราเหมือนจะมีมิดฟิลด์เพิ่มขึ้นเป็นสามคนคือ คาร์ริค-อันแดร์สัน-กิ๊กส์ โดยใช้เอวร่าเป็นวิงแบ๊คจำเป็นตามสถานการณ์ การแก้เกมแบบนี้ช่วยให้โวลฟส์บวร์กลดดีกรีความดุดันในการทำเกมรุกไปได้เยอะ กับการต้องพะวงริมเส้นและเกมสวนจากแผงมิดฟิลด์ของเรา

แต่ยังไม่ทันไร โวลฟส์บวร์กกลับมาได้ประตูออกนำไปก่อนจากความสามารถของนักเตะ คาร์ริคกำลังพัวพันกับผู้เล่นโวลฟส์บวร์กทางกรอบเขตโทษด้านขวา นักเตะหมาป่าก็พยายามพาบอลแหวกฝ่าคาร์ริคออกมา แต่คล้ายๆถูกคาร์ริคออปสตรัคชั่นจนล้ม คาร์ริครีบยกไม้ยกมือบอกไม่ได้ทำอะไร ผู้เล่นยูไนเต็ดเหมือนชะงักเล็กน้อยแต่ฮาเซเบะเป็นคนเดียวที่ตามมาเล่นต่อ จับบอล พลิกแล้วหมุนตัวเปิดบอลย้อยมาเสาสอง เอวร่าที่เสียเปรียบส่วนสูงเต็มที่พยายามแล้วแต่ไม่สามารถโหนถึงบอลได้ กลายเป็นเซโก้ที่โถมได้สูงกว่าเยอะ โขกเช็ดเบียดเสาสองสุดที่คุสแซ็คจะเซฟไว้ได้ ทำให้เจ้าบ้านถูกนำไปก่อนแบบสุดช็อคทั้งๆที่กำลังเล่นดีๆอยู่เชียว หวุดหวิดจะได้ประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็กลับมาเสียไปซะก่อนจนได้

แต่แค่ไม่นาน ยูไนเต็ดก็มาได้ฟรีคิกหน้ากรอบเยื้องมาทางขวา กิ๊กส์บรรจงปั่นอย่างปราณีต บอลโค้งแฉลบศีรษะกำแพงผู้เล่นโวลฟส์บวร์กก่อนจะเปลี่ยนทางพุ่งเสียบโคนเสาซ้ายมือชนิดที่นายทวารหมาป่ากลับตัวมาไม่ทัน ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันหลังจากถูกออกนำไปแค่สามนาทีเท่านั้น หลังจากนั้น ยูไนเต็ดโหมเข้าใส่ต่อเนื่องทันที หวังจะปลิดชีพอาคันตุกะให้ได้ ช่วงนี้วาเลนเซียเริ่มแสดงผลงานได้ดีขึ้นเพราะพื้นที่ด้านหลังแบ๊คขวามีมากขึ้นจากการที่เบอร์บาตอฟช่วยมาต่อเกมริมเส้น ถึงแม้โอเชจะไม่เติมมาช่วยบ่อยนัก แต่ในช่วงท้ายก็เริ่มมีเติมให้เห็นบ่อยขึ้น การประสานงานระหว่างโอเชและวาเลนเซียเริ่มดูดีขึ้นบ้างแล้วในวันนี้ และหวังว่าจะทำได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง วาเลนเซียนี่เป็นนักเตะที่มีวินัยอย่างแท้จริงนะครับ วิ่งทั้งรับและรุก การเต็มใจลงมาทำหน้าที่ตามคำสั่งแบบนี้คงเป็นสไตล์นักเตะในฝันของป๋านั่นแหละ นักเตะแบบนี้ในทีมเราถึงไม่เคยขาดหายไป ตั้งแต่เออร์วิน, ฟิลล์ เนวิลล์, เฟล็ทเชอร์, โอเช พวกนี้ใช่ทั้งนั้นครับ

ก่อนหมดเวลาสิบนาทีเศษๆ เจ้าบ้านก็มาได้ประตูที่สองจนได้ จากการทำเกมต่อเนื่องทางซ้าย เบอร์บาตอฟสอดเข้ามารับบอลในกรอบก่อนจะไหลย้อนกลับให้กิ๊กส์ที่ตามซ้อนมารับ กิ๊กส์เข้าไม่ถึงบอลจังหวะแรก แต่ตามไปเก็บจังหวะสองได้ คาร์ริคยืนอยู่บริเวณกรอบเรียกขอบอลทันที กิ๊กส์จึงไหลย้อนถวายพานไปให้ คาร์ริคไม่จำเป็นต้องแต่งบอลครับ บรรจงแปด้วยอีขวาหนีมือนายทวารโวลฟส์บวร์กเข้าเสาไกลอย่างสุดสวย เล่นเอาผู้เล่นหมาป่ายืนเซ็งกันไปตามๆกันกับจังหวะยิงช็อตนี้ ซึ่งจริงๆแล้วยูไนเต็ดในครึ่งหลังมีการต่อบอลไหลลื่นและรวดเร็วทะลุทะลวงมากขึ้น รูนี่ย์และเบิร์บที่ฉีกตัวไปริมเส้นช่วยให้แนวหลังของหมาป่ารวนเรและหลวมมากขึ้น เปิดช่องให้อันแดร์สัน-กิ๊กส์-คาร์ริค ผลัดกันทะลุทะลวงเข้าทำได้เรื่อยๆ ยิ่งทำให้วาเลนเซียมีพื้นที่และเริ่มหาช่องหลบหลีกเพิ่อเปิดบอลเข้ากรอบได้ตลอด แต่ยังไม่ค่อยเข้าเป้านัก ตรงนี้คงต้องปรับจูนความเข้าใจจังหวะเปิดกันอีกพอสมควร ว่าจังหวะไหนใครจะยืนตรงไหน ควรจะเปิดไปที่ไหน แต่ที่สังเกตเห็นก็คือเมื่อไหร่ที่วาเลนเซียเปิดเรียดย้อนมาหน้ากรอบก็เป็นได้ลุ้นทุกครั้งครับ เริ่มเห็นอะไรมากขึ้นจากคนนี้แล้วสินะ

เกมนี้ผู้ตัดสินก็ถือว่ามีมาตรฐานดีพอสมควร จังหวะบอลทูแฮนด์พิจารณาเกณฑ์เดียวกัน จังหวะเข้าข้างหลังให้ฟาล์วมันรวด จะบอลไม่บอลไม่รู้ ใบเหลืองก็สมเหตุสมผล เสียแต่ว่านัดนี้ผู้กำกับเส้นบ้าจี้กับการยกธงล้ำหน้าเอามากๆ แต่มองในอีกมุมอาจเป็นเพราะเราเล่นกับกติกาตรงนี้มากเกินไปด้วย เพราะทุกครั้งจะมีผู้เล่นยืนค้ำล้ำหน้าอยู่เพียงแต่ไม่ใช่ตัวที่จะเล่นบอล (หรือไม่ ก็ไม่รู้เรื่องในจังหวะเปิด) ผู้กำกับเส้นที่ต้องมองทั้งไลน์ผู้เล่น ทั้งจังหวะเปิด ทั้งคนล้ำ ทั้งคนรับบอล ในจังหวะเดียวกันเป๊ะๆจึงอาจผิดพลาดได้ แต่ก็นั่นแหละผมมองว่ามันมีถึงสองประตูนะครับที่เราไม่ได้เพราะการถูกจับล้ำหน้าแบบนี้ กลับกัน ลูกของเซโก้นั้นน่าจะเหลื่อมๆว่าล้ำหน้ากว่าด้วยซ้ำไป แต่ก็เอาเถอะ ต่อให้เราแพ้เกมนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีครับ ก็ได้แค่บ่นๆระบายออกไปเท่านั้นเอง

ส่วนทางด้านโวลฟส์บวร์ก ในช่วงท้ายก็สามารถกดดันเราได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จากการที่เราเริ่มปิดเกม ซึ่งทำให้ผมอดหวาดเสียวไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงห้านาทีสุดท้ายของเกม ชนิดที่ว่าพอกรรมการเป่านกหวีดปุ๊บรูนี่ย์เตะทิ้งระบายความกดดันเลย แต่เกมนี้ผมเองสงสารรูนี่ย์นะ แกพยายามอย่างมากมาตั้งแต่เกมกับสโต๊คแล้วแต่ไม่ได้สกอร์อะไร กลายเป็นเหมือนตัวทำเกม เพราะถ้าหมูไม่ช่วยทำ บอลก็ตื้อ มาไม่ค่อยถึงหมูเท่าไหร่ พอหมูมาทำเกมช่วย เกมก็ดูดีขึ้นมาเยอะ ที่น่าสงสารมากๆก็คือบอลจังหวะสุดท้ายที่น้องหมูควรจะต้องได้เข้าทำ กลับมีน้อยมากๆ ส่วนมากจะออกตัวล้อฟรี ตรงนี้ผมเองก็คงต้องขอตำหนิการให้บอลสุดท้ายของทีมที่ยังขาดๆเกินๆ โดยเฉพาะอันแดร์สันที่เร่งรีบจ่ายหลายครั้งมากๆ โอเคว่าเขาพัฒนาในส่วนอื่นขึ้นมาได้เยอะมากแล้ว และเป็นตัวกลางได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่การให้บอลจังหวะตัดสินยังมีเปอร์เซนต์ผิดพลาดสูงอยู่ จนกิ๊กส์เข้ามาช่วยเล่นนั่นแหละ การให้บอลสุดท้ายในครึ่งหลังจึงกระเตื้องขึ้น

สิ่งที่ได้เห็นในเกมนี้อีกเรื่องคือ ฟอร์มของคาร์ริคเริ่มที่จะกลับมาแล้ว เกมนี้เขาดูนิ่งขึ้น ครองบอลได้ดีขึ้น และคุมเกม ออกบอล ให้บอลได้เนียนตาขึ้น การทำประตูในวันนี้น่าจะสปาร์คแพสชั่นของเขาได้อีกครั้ง และหวังว่าเขาจะเร่งฟอร์มกลับมาพีคๆได้อีกในเร็ววันนี้ อีกคนที่ต้องชมก็คือเบอร์บาตอฟ เกมนี้อาจเป็นความบังเอิญที่ร้ายกาจเมื่อโอเว่นที่เน้นบอลชิ่งและชิงจังหวะกองหลังต้องเจ็บเร็ว ซึ่งพอเบิร์บลงมาก็เหมือนทำให้บอลมีมิติมากขึ้นและป่วนกองหลังโวลฟส์บวร์กได้มากขึ้น เหมือนกับได้ตัวคอนโทรลเกมเพิ่มมาอีกคน ดึงกองหลังได้ เก็บบอลได้ และทำทางเพื่อนได้ดีมากๆ ซึ่งผมมองว่าเป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะครับ ส่วนโอเว่นนั้นผมเองก็เห็นด้วยกับป๋านะ ที่ส่งลงมาในเกมนี้ เพราะลักษณะของโอเว่นที่ใช้ความเร็วชิงจังหวะกองหลังนั้น น่าจะเข้าทางพอดีกับเกมของโวลฟส์บวร์กที่เน้นวิงแบ๊กเติมสูง จะทำให้พื้นที่ข้างหลังมีช่องว่าง ซึ่งโอเว่นจะชื่นชอบเกมแบบนี้เป็นพิเศษ

ประกอบกับการส่งคาร์ริค-กิ๊กส์-อันแดร์สันลงมาพร้อมๆกัน แทนที่จะเป็นเฟล็ทเชอร์ หรือนานี่ ยังหมายถึงการที่ป๋าคาดหวังกับลูกจ่ายปลิดวิญญาณนั่นเอง มิดฟิลด์ทั้งสามคนนี้ ต่างขึ้นชื่อเรื่องการจ่ายบอลคิลเลอร์พาสมาก ถึงแม้ว่าแอนนี่จะยังมีเปอร์เซนต์เข้าเป้าต่ำไปหน่อย แต่เซนส์ที่บอกว่าต้องจ่าย จ่ายช่องนี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังแม่นยำต่ำอยู่ แต่ไอ้สิ่งนี้ของแอนนี่ครับที่ป๋าต้องการเสี่ยงในเกมนี้ การจ่ายเพียงครั้งเดียวที่เข้าเป้าเหมาะเจาะจากหนึ่งในสามคนนี้ ในจังหวะที่หลังหมาป่าลอยสูง จะเป็นประโยชน์ต่อโอเว่นที่รอชิงจังหวะกับดักล้ำหน้าอย่างมาก และสามารถคาดหวังถึงประตูได้เลย เพียงแต่ช่วงที่โอเว่นยังอยู่ในสนามนั้น จังหวะของเรามันยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่านั้นเองครับ ส่วนเกมรับ แอนนี่และคาร์ริคสองคนนี้ก็พอพึ่งพาได้ ถึงแม้เฟล็ทเชอร์จะดูเหลื่อมกว่าในนาทีนี้ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูรอบๆด้านแล้ว ป๋าคงเลือกจุดแข็งด้านการจ่ายบอลลงมาใส่ในเกมนี้มากกว่า

จุดเปลี่ยนที่เสียโอเว่นไปเร็ว นั่นคือจุดที่ทำให้เราต้องมาปรับเยอะ โอเคว่าเบิร์บมาก็ช่วยได้เยอะมาก แต่กับเกมที่เปลี่ยนมาเป็นการให้บอลสั้น ออกบอลริมเส้น หรือชิ่งหนึ่งสอง ถ่ายไปมา มันไม่ใช่จุดแข็งของแอนนี่เท่าไหร่ อย่างที่บอก ถ้าจะเล่นกันในแพ็ทเทิร์นนี้ คงต้องเป็นสโคลส์ หรือไม่ก็เฟล็ทช์ ที่ดูจะเนียนตากว่าแอนนี่ ทำอย่างไรได้ล่ะครับ ทุกอย่างมันเหมือนต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่หลังจากเสียโอเว่นไปตั้งแต่ยี่สิบนาทีแรกเท่านั้น เปลี่ยนใหม่หมดเลยทั้งรูปแบบเกม จังหวะการเล่น และแท็คติค ซึ่งยังดีที่เรากลับมาสู่เกมได้เร็ว จนสามารถเก็บชัยชนะได้สำเร็จ และช่วงท้ายเกมเราก็เห็นว่าเฟล็ทเชอร์ได้ลงมาคุมเกมช่วยตรงกลางแลกกับการถอดตัวรุกอย่างวาเลนเซียออก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อรูปเกมมากนักแล้ว เพราะตอนนั้นเราก็ปิดเกมแล้วด้วย

เอาล่ะ ผู้เล่นของเราวันนี้ผมถือว่าทำหน้าที่ได้ดีทุกๆคน ไม่เว้นวาเลนเซียที่ผมมองว่าเกมนี้เขาดูดีขึ้น ทำงานได้ผลงานมากขึ้น ถึงแม้จะยังไม่เข้าตาเข้าเป้านัก แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาที่ดีในทีมใหม่นี้ ที่เยี่ยมจริงๆผมอยากให้เบิร์บครับ ที่ลงมาพร้อมกับความคาดหวังแถมต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นด้วย รวมทั้งเปลี่ยนแท็คติคทีมอีก ผมจึงยกให้เบิร์บทำได้ดีที่สุด รองลงมาก็กิ๊กส์ ที่เหมือนเกลับมาป็นหนุ่มอีกครั้ง เหลื่อมๆกับรูนี่ย์และคาร์ริค ส่วนทางด้านทีมเยือน หากไม่นับเชเฟอร์และเกนท์เนอร์ที่มีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลาแล้ว เซโก้นี่แหละ คือตัวป่วนอย่างแท้จริง ไหนจะยังมีตัวค้ำอย่างกราฟิเต้อีก และการพล่านทำเกมของมิซิโมวิชกับฮาเซเบะ ที่ทำงานตรงกลางได้เด่น ก็ยังมีผู้รักษาประตูเบนากลิโอ ที่เซฟสวยๆได้หลายครั้งเช่นกันครับ

หลังจากเกมนี้ เรายังมีงานหนักรับมือทีมฟอร์มแรงอย่างซันเดอร์แลนด์ ที่ล่าสุดก็เพิ่งกดไปห้าเม็ดกับฟอร์มร้อนแรงของโจนส์ และอดีตเทพเงาะของเรานั่นเอง โค้ชก็ไม่ใช่ใครอื่น สตีฟ บรู๊ซ คนใกล้ตัวป๋านั่นแหละ เกมนี้เป็นเกมดึกวันเสาร์ก่อนที่จะพักสองสัปดาห์เพื่อ (ผมยังไม่ได้เช็ค//ฮ่าฮ่าฮ่า) และจะกลับมาอีกครั้งก็โน่น วันที่ 17 ตุลาคม ครับกับเกมเปิดบ้านรับมือโบลตัน หวังว่าเราจะเก็บสามแต้มได้ในวันเสาร์นี้เพื่อยืดตำแหน่งจ่าฝูงออกไปอีกสองสัปดาห์เป็นอย่างน้อยนะครับ ก่อนเกมโบลตัน

แล้วมาลุ้นกันครับ


สงบใจ



Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 10:50:47 น.
Counter : 467 Pageviews.

1 comments
  
เข้ามาอ่าน ติดตาม เมือคืนหลับซะก่อน อิๆๆ
โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:12:17:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด