20081110 วิพากษ์ ARSENALvs UNITED
หมดสิทธิ์แก้ตัวใดๆทั้งสิ้นครับ


เอ่อ...สวัสดีครับ ทุกๆท่าน จากที่ได้บอกกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ากระผมอาจไม่ได้มารับใช้ทุกๆท่านในวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจงานมงคลของเพื่อนเก่าแก่สมัยประถม แต่สุดท้าย เป็นกระผมเองแหละ ที่จำวันงานผิดครับ ไปดูที่การ์ดพบว่าเป็นวันอาทิตย์ เมื่อวานนี้ จึงได้มีโอกาสติดขอบจออีกนัด แต่ดันจบด้วยน้ำตาเปื้อนจอนี่สิครับ...เฮ้อ...


ไลน์อัพ หากดูเทียบกันแล้ว ตามเนื้อผ้าราคาฝีเท้า คงปฏิเสธไม่ได้ว่า แมนฯยูไนเต็ด เป็นต่อพอสมควร ด้วยชื่อชั้นนักเตะแต่ละตำแหน่งเทียบตัวต่อตัวกับทางฝั่งนักเตะอาร์เซนอล มีเพียงสิ่งที่ผมหวั่นใจอยู่สองเรื่องก็คือ ความคล่องตัวของนักเตะอาร์เซนอลในแนวรุก เมื่อเทียบกับฟอร์มหลวมๆของแนวรับเราในช่วงหลัง กับอีกเรื่องก็คือแรงกระตุ้นของนักเตะอาร์เซนอลที่ดูจะได้รับการปลุกเร้ามาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้รูปเกมที่เตะคั่นกลางกับเฟเนบาร์เช่เมื่อกลางสัปดาห์ดูเนือยๆไปอย่างเห็นได้ชัด

ยูไนเต็ดจัดทัพชุดใหญ่เท่าที่มีลงมาเต็มพิกัด ไม่ว่าน้าซาร์, แกรี่-ริโอ-วิดิช-เอวร่า, โรนัลโด้-คาร์ริค-อันแดร์สัน-ปาร์ค และ มีรูนี่ย์-เบอร์บาตอฟ เป็นกองหน้า ส่วนผู้เล่นสำรองมี คุสแซ็ค, โอเช, เอแวนส์, ราฟาเอล, นานี่, เตเวซ และ กิ๊กส์ ในขณะที่เจ้าบ้านอาร์เซนอล ได้อัลมูเนียลงมาเฝ้าเสา แนวรับมีพลิกเล็กๆ เมื่อส่ง ซาญ่า-กัลลาส-ซิลแวสตร์-กลิชี่ ลงมาเล่นได้ ส่วนแผงกลางมี วัลคอตต์-เดนิลสัน-ดิยาบี้-เชส-นาสรี่ ทิ้งเบนด์ทเนอร์เป็นหน้าเป้าคนเดียว ผู้เล่นบนม้านั่งสำรองมี ฟาเบียนสกี้, ฌูรู, ตูเร่, ซง, วิลเชียร์, แรมซี่ย์ และเวล่า

เมื่อเห็นไลน์อัพของอาร์เซนอล ผมเดาออกทันทีว่า เวนเกอร์ต้องเน้นเกมตรงกลางสนามมากกว่าปกติแน่นอน น่าจะเพื่อคุมรูปเกมตัวเองให้ได้ และเน้นการคุมพื้นที่ ไม่ให้นักเตะยูไนเต็ดได้ต่อบอลตามถนัดนัก ส่วนไลน์อัพของผู้มาเยือนก็ดูจะเป็นไลน์อัพธรรมดาๆ แต่เมื่อลงเล่นในสนามจริง ปาร์คดูจะหุบเข้ามาเป็นตัวไล่มากกว่าเป็นปีก ทำให้ผู้เล่นตรงกลางสนาม มีฝ่ายละสามคน ตัวรุกริมเส้นทั้งสองฝั่ง กลายเป็น วัลคอตต์-นาสรี่ และ รูนี่ย์-โรนัลโด้




เริ่มเกมมาก็เป็นอย่างที่คาดครับ ด้วยความเป็นเกมใหญ่ ทั้งคู่ไม่ผลีผลามเปิดเกมเต็มสูบนัก แต่พยายามที่จะเซ็ตเกมของตัวเองให้ได้ ทั้งสองทีมพยายามเล่นในเกมถนัดของตน อาร์เซนอลดูจะเล่นในสปีดที่เร็วกว่าอยู่ตลอด ในขณะที่ยูไนเต็ดผู้มาเยือนเร่งแล้วมีความผิดพลาดให้เห็น จึงพยายามเซ็ตบอลแน่นอนด้วยสปีดที่ช้ากว่าไว้ก่อน แผงกลางของอาร์เซนอลยังไม่ค่อยดันสูงมากนัก เชส-เดนิลสัน-ดิยาบี้ ปักหลักคุมเกมตรงกลางสนามได้ค่อนข้างแน่นกว่า ยูไนเต็ดมาพลาดโอกาสได้ประตูนำจากจังหวะวูบวาบช่วงต้นเกม ที่น่าเสียดายที่สุดคือลูกยิงของรูนี่ย์ เมื่อผู้มาเยือนทำไม่ได้จากสองสามจังหวะหวาดเสียว อาร์เซนอลที่ยิ่งผ่านไป ยิ่งดูมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นเกมทางฝั่งนาสรี่นั้นคุกคามแกรี่ เนวิลล์ได้ตลอดโดยที่โรนัลโด้ยังไม่ค่อยลงมาช่วยมากนัก กลับกันฝั่งเอวร่าที่ลอยสูงบ่อยๆยังมีปาร์คและรูนี่ย์ลงมาช่วยซ้อน ทำให้งานของวัลคอตต์ค่อนข้างยาก

อาร์เซนอลมาได้ประตูขึ้นนำในที่สุด จากลูกเซ็ตพีซอีกแล้ว แผงหลังยูไนเต็ด เกือบจะทำได้ดี เมื่อให้พวกตัวสูงๆแม้แต่ดิมี่ มาป้องกันในกรอบ แต่กลับปล่อยที่ว่างให้ผู้เล่นหน้ากรอบมากเกินไป เมื่อบอลถูกเปิดเข้ามาและโหม่งทิ้งออกมาหน้ากรอบ มีเพียงนาสรี่ ที่เก็บบอลได้โล่งๆคนเดียว และหวดเต็มเท้า บอลพุ่งแฉลบแกรี่ เนวิลล์เปลี่ยนทางผ่านมือน้าซาร์ได้สำเร็จ เมื่อเวลาผ่านมาครึ่งทางของครึ่งแรก หลังจากได้ประตูนำ เกมของอาร์เซนอลยิ่งได้ใจ ช่วงนี้ยิ่งสังเกตเห็นได้ชัดว่า นักเตะอาร์เซนอลเข้าถึงบอลเร็วกว่ายูไนเต็ดครึ่งก้าวเสมอๆ บอลจังหวะเข้าทำใช้ผู้เล่นน้อยแต่ได้ผลตลอด เมื่อนาสรี่ปั่นป่วนแกรี่ได้ผลทั้งเกม ริโอต้องหุบมาซ้อนบ่อยๆ และโรนัลโด้เองต้องเริ่มถอยลงมาช่วยอีกแรง ยิ่งทำให้เกมลากเลื้อยของโด้ อันตรายน้อยลงไปอีก อาร์เซนอลหวุดหวิดจะบวกประตูที่สองได้หลายครั้ง แต่ยังทำไม่ได้ จึงจบเกมครึ่งแรกไปด้วยสกอร์หนึ่งลูกทางฝั่งเจ้าบ้าน



เริ่มครึ่งหลัง ยังไม่มีการขยับเปลี่ยนตัว อาร์เซนอลกลับช็อคแฟนๆผู้มาเยือนทันทีด้วยการยิงประตูที่สองแบบไม่ทันตั้งตัว จากการเซ็ตเกมขึ้นมาทางฝั่งซ้าย สลับกันเล่นชิ่งหนึ่งสองกินพื้นที่เร็วขึ้นมา และเมื่อวัลคอตต์วิ่งโฉบตัดหน้ากรอบจากฝั่งขวามาเพื่อรับบอล เขาก็พาเอาแผงหลังสองสามคนประกบติดเทตามเขามาด้วย นาสรี่ซึ่งวิ่งแลบมาจากข้างหลังทางซ้ายจึงสอดทะลุเข้ามาแทนตรงช่องที่วัลคอตต์ดึงกองหลังไป ก่อนจะรับบอลมาโล่งๆ และยิงเต็มข้อเข้าประตูไป หมดสิทธิ์เซฟสำหรับน้าซาร์ หลังจากได้ประตูที่สอง อาร์เซนอลเล่นง่ายเลย แผงมิดฟิลด์ปักหลักรอตรงกลาง ไล่บอลของแมนฯยูฯ ที่ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องบุกเท่านั้น อาร์เซนอลทิ้งแนวรุกไว้ตัวเดียวคือเบนด์ทเนอร์ ส่วนนาสรี่และวัลคอตต์ต่างถอยลงมาช่วยเกมรับริมเส้นทั้งคู่ ทำเอายูไนเต็ดต่อเกมกันลำบากไม่น้อย

ท่านเซอร์แก้เกมสามครั้งด้วยการส่งราฟาเอลลงมาแทนแกรี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องประสบการณ์เกมรับอีกต่อไป นาทีนี้ยังไงก็ศูนย์แต้ม ตามถึงสองลูกก็ต้องขอเกมรุกมาก่อน เพื่อทวงคืนให้ได้สักลูก ราฟาเอลทำผลงานได้ดีมากๆ ก็อย่างที่ผมเดาเอาไว้แหละ ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งที่ราฟาเอลถูกถอดออกจากเกมเซลติค ก็น่าจะเพื่อเก็บพลังไว้เกมนี้ด้วย นอกจากราฟาเอล ยังมีกิ๊กส์ และเตเวซ ที่ถูกส่งลงมาแทนแอนนี่ กับรูนี่ย์ ที่ท่านเซอร์ดูว่าเกมเซ็ตบอลต่อบอลคงกินเด็กปืนลำบากแล้ว จึงเปลี่ยนมาเน้นเกมพาบอลไปกับตัวแทน โดยเพิ่มการเจาะตรงกลางมากขึ้น จากกิ๊กส์และเตเวซ เกมหลังจากเปลี่ยนตัวครบดูดีขึ้นบ้าง แต่ไม่มากมายถึงขนาดพลิกโฉมรูปเกมได้




เวนเกอร์ก็ขยับเปลี่ยนตัวเช่นกัน ฟาเบียนสกี้ลงมาแทนอัลมูเนียที่มีอาการบาดเจ็บจากการปะทะคาร์ริคในจังหวะชาร์จเข้าทำ เวนเกอร์ยังส่งซงลงมาแทนวัลคอตต์ ที่น่าจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ สำหรับวัลคอตต์ ถึงแม้จะไม่สามารถทำผลงานได้เด่นนัก แต่การวิ่งดึงกองหลังยูไนเต็ดสามคนให้เทหายไปจากพื้นที่ลูกนั้น เป็นจุดที่ทำให้นาสรี่ได้ยิงโล่งๆ แค่วิ่งลูกนั้นลูกเดียวก็คุ้มแล้วสำหรับเกมของวัลคอตต์วันนี้ นอกจากนี้ เวนเกอร์ยังส่งตูเร่ลงมาแทนดิยาบี้ ดูเหมือนจะเพื่อเพิ่มผู้เล่นแนวรับ แต่เรากลับเห็นตูเร่วิ่งเลื้อยทางริมเส้นปั่นป่วนเอวร่าอยู่บ่อยๆ จึงน่าจะหวังอีกมิติหนึ่ง คือความเร็วและลูกยิงไกลของตูเร่เข้ามาช่วย เมื่อถอดวัลคอตต์ออกไป ให้ตูเร่ช่วยทำในจังหวะได้บอลทำเกมรุกด้วยอีกทางหนึ่ง

ยูไนเต็ดครองบอลได้เยอะกว่าอาร์เซนอลก็จริง แต่ไม่สามารถต่อบอลแหวกผ่านแผงหลังอาร์เซนอลเข้าไปยิงจะจะได้บ้างเลย ลูกที่ได้ประตูตีตื้น ก็มาจากความสามารถของราฟาเอลล้วนๆ ที่ไม่ยอมตายง่ายๆ ไปล้วงแคะแกะเกา เอาบอลคืนมาหลายต่อหลายครั้งจากริมเส้น และเมื่อได้จังหวะก็ลากตะลุยเข้าไปจากกราบขวา ก่อนจะยิงจากหน้ากรอบติดไซด์ก้อยหนีมือฟาเบียนสกี้เสียบตาข่ายอย่างงดงาม เป็นประตูเปิดตัวของเจ้าตัวได้สำเร็จ แถมยังยิงลูกแรกให้ชุดใหญ่ได้เป็นการแซงหน้าแอนนี่ด้วยซ้ำ แต่กลับลงท้ายด้วยความพ่ายแพ้ของทีมตนเองไปซะงั้น



หลังจบเกมลงไป ผมก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลังๆกับยูไนเต็ด ฤาที่ว่ากันว่า ไมค์ ฟีแลนยังไม่ใช่ มันจะเป็นเรื่องจริง การเดินจากไปของคาร์ลอส เคยรอซ ได้ทิ้งช่องว่างที่ถมไม่เต็มไว้จริงหรือ มันร้ายแรงต่อทีมขนาดนั้นหรือไม่ ลองมาพินิจพิจารณาดูทีละนิดทีละหน่อย เราอาจพบว่า (หรืออย่างน้อยก็ผมล่ะ ที่อาจพบว่า) การแก้เกมของเราขาดความเฉียบขาดไปมาก กองหลังที่เคยมั่นคง กลับหลวมโพรกเพรกทั้งๆที่เพิ่งเข้าปีที่สามที่ยืนหยัดด้วยกันในช่วงพีคของแผงนี้ หลงตำแหน่งกันบ่อยๆ การปิดเกมที่ทำได้ไม่ดีเอาซะเลยเมื่อได้ประตูนำ ทั้งเกมลิเวอร์พูล, เชลซี, เอฟเวอร์ตัน แม้แต่กับฮัลล์ ซิตี้ ยังเสียให้ถึงสามลูก ในขณะที่ถ้าเป็นยุคก่อนหน้านี้ เกมแบบฮัลล์ ซิตี้ ไม่มีทางมาเสียคืนรวดๆแบบนี้แน่นอนครับ นอกจากการปิดเกม ยังมีการคัมแบ๊ค ที่ทำได้น้อยครั้งลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ คล้ายๆโดนแล้ว โดนเลย ทำนองนั้น อีกทั้งการแก้เกมที่ในครึ่งหลังแพ้คู่แข่งแบบขาดวิ่น เกิดให้เห็นมาหลายเกมแล้ว สิ่งเหล่านี้สื่ออะไรถึงการหายไปของเคยรอซหรือไม่ สื่ออะไรถึงผลงานของไมค์ ฟีแลนหรือไม่ คำตอบที่เห็นได้ชัดเจนจริงๆ คงรอเปิดเผยอยู่ในช่วงที่ท่านเซอร์จะถูกแบนคุมทีมข้างสนามนั่นแหละครับ



มาดูรูปเกมกันบ้าง ผมคงอธิบายตามความคิดผมแบบไม่ลงลึกมากนัก เพราะช่วงท้ายผมก็ไม่ได้มีสมาธิจะเพ่งจะเล็งตรงไหนเป็นพิเศษแล้ว มัวแต่ลุ้นประตูอยู่นั่น.. เกมนี้เป็นเกมที่บ่งบอกถึงความพ่ายแพ้ของเราในสามกระบวนท่าครับ เอาเฉพาะที่เห็นกันชัดๆจะๆนะ ผมเห็นเลยว่าสามกระบวนท่าที่เราแพ้แบบหมดสิทธิ์แก้ตัวครับ

หนึ่งเลย คือความคมในการจบสกอร์ รูนี่ย์ยิงโล่งๆในนาทีที่สิบ โอเคว่าถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นลูกจะจะมากนัก แต่การยิงโล่งๆ ตรงนั้น อย่างน้อยควรจะกดดันอัลมูเนียได้มากกว่านี้ พูดง่ายๆก็คือ ต้องยิงเข้ากรอบนั่นเอง อีกลูกก็คือ ลูกที่โรนัลโด้ยิงออกแบบน่าเขกกะโหลกมาก แค่สองลูกนี้ ก็เพียงพอแล้วในเกมใหญ่ๆเช่นนี้ที่จะส่งผลให้ถึงแพ้ได้เลย ยิ่งเทียบกับโอกาสของอาร์เซนอล การยิงของนาสรี่ทั้งสองลูก ถึงแม้ลูกแรกจะแฉลบ แต่วิถีจากเท้ามันเข้ากรอบแน่นอน และนี่ถ้าเปลี่ยนเบนด์ทเนอร์เป็นอาเดบายอร์ หรือ ฟาน เพอร์ซี่ อาร์เซนอลอาจได้ใส่สกอร์เพิ่มด้วยซ้ำไปครับ จากหลายลูกที่เบนด์ทเนอร์ยิงทิ้งยิงขว้างไปเอง



สอง...คือความแน่นอนในการครองเกมและต่อบอล อันนี้เห็นได้ชัดมากๆ ขนาดเวลาที่ต้องการประตูอย่างที่สุด แต่เรากลับไม่สามารถวิ่งหาลูกบอลเจอได้ง่ายๆ บางช็อตนี่อาร์เซนอลครองบอลวนไปวนมาเป็นนาทีๆโดยไม่ถูกเท้าผู้เล่นฝั่งเราเลย แต่เมื่อเราได้บอลกลับไม่สามารถต่อบอลกันได้แบบนั้น ทั้งๆที่การต่อบอลออกบอลเร็ว ก็ถือเป็นจุดเด่นอันหนึ่งของเราเช่นกัน แต่เมื่อต้องมาเทียบกับอาร์เซนอลที่เล่นในรูปแบบนี้มานาน เล่นจนเป็นโลโก้ของทีมไปแล้ว และเล่นจนระบบมันฝังเข้าไปในหัวนักเตะทุกๆคน นักเตะอาร์เซนอลสามารถคาดเดาได้ไม่ยาก ว่าบอลจากเท้ายูไนเต็ดจะไปที่ใคร ไปอย่างไร และมักจะไปดักทางวิ่งได้ตลอด แต่เราดักการให้บอลอาร์เซนอลไม่ค่อยถูก!!! เปอตีต์ (ถ้าจำไม่ผิด) เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ระบบของเวนเกอร์จะเน้นมากเวลาขึ้นเกมต้องมีอย่างน้อยสองทางเลือกในการต่อบอลเสมอๆ และบางทีอาจจะมีถึงสามสี่ทางด้วยซ้ำ ประตูที่สองคือการยืนยันคำพูดนี้ นอกจากจะลากไปเอง ยังมีวัลคอตต์ และนาสรี่ ที่รับบอลได้ทั้งสองคน ยังไม่มองถึงผู้เล่นที่แอบเติมทางกราบอีกล่ะ นี่เองที่เราเห็นว่าอาร์เซนอลจะเติมกันเป็นแผงๆ ไล่สเต็ปไปเรื่อยๆทุกครั้ง

สาม...ความกระหายและการเข้าถึงบอล นักเตะอาร์เซนอลเข้าถึงบอลได้ก่อนเราตลอด และยังมีตัวช่วยสอดรับบอล ช่วยแก้ไขสถานการ์ถูกรุมอยู่เสมอ ไม่เคยต้องถูกไล่เดี่ยวๆให้เห็น นี่แสดงว่า ฟุตบอลของอาร์เซนอลนอกจากสวยงาม แข็งแกร่ง ยังเต็มไปด้วยความฟิต ที่วิ่งช่วยกันได้ตลอดทั้งเกม วิ่งขึ้น วิ่งลงทั้งทีม นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เวนเกอร์ไม่สามารถใช้งานนักเตะอายุขึ้นเลขสามได้ดี และมักจะถูกเทรดออกไปมากกว่า นอกจากนี้ นักเตะอาร์เซนอลยังรู้ว่าจะจัดการโด้ จัดการรูนี่ย์ จัดการดิมี่อย่างไร ด้วยการพยายามเข้าถึงบอลให้ไดก่อน และก็ด้วยการซ้อน ซ้อน และซ้อน ไม่เปิดโอกาสให้ไปเดี่ยวๆ มีเพียงซาญ่าเท่านั้น ที่โดนเผาเดี่ยวๆหลายครั้ง การเล่นป้องกันลักษณะนี้ คือเหตุผลหลักที่ดันให้ดิมี่ต้องถอยลงไปเล่นกลางสนาม!!!



แถมอีกข้อนะครับ เราได้เห็นมาแล้วว่า ทีมที่หยุดอาร์เซนอลได้ เขาเล่นอย่างไร เขาเล่นหนัก สไลด์ทุกจังหวะ เบียด กระแทกทุกจังหวะ ทุกๆช็อต เพื่อไม่ให้นักเตะอาร์เซนอลได้เล่นถนัด แต่ยูไนเต็ดกลับมาเดินเกมคอนโทรลสู้ด้วย ซึ่งสุดท้ายเข้าทางอาร์เซนอล แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนเกมตัวเอง โอเคอาจจะเปลี่ยนในช่วงท้าย มาเน้นที่การให้กิ๊กส์ และเตเวซพาบอลลุยแหวกเข้าไป แต่นั่นมันก็ยาก เมื่ออาร์เซนอลแพ็คเกมแน่นซะแล้ว จะโยน ก็สูงกันจัง กองหน้ายูไนเต็ดเนี่ย ดิมี่ก็ยืนซะต่ำกลางสนาม และอย่าไปมองเกมเอฟเอคัพปีที่แล้วเด็ดขาด ผมมองว่าเกมนั้นคืออุบัติเหตุทางฟุตบอลของอาร์เซนอลที่นานน๊านนนน จะเกิดซะที

สังเกตว่า หากเป็นยุคมิลเลนเนียม ถึงจะเอาชนะได้ยากไม่แพ้กับตอนนี้ แต่ยูไนเต็ดยุคนั้น ยังถือว่ายิงประตูอาร์เซนอลได้ไม่น้อย การฉวยโอกาสทำเร็วในยุคนั้น เปิดแผลอาร์เซนอลได้ง่ายกว่าสมัยนี้ เมื่ออาร์เซนอลขึ้นเป็นแผงลงเป็นแผง แท็คติคการใช้ลูกวางของเบ๊คแฮม จึงได้ผล ความเร็วของยอร์คและโคล ความคมของเชอรี่และโซลชา การหาตำแหน่งช่องว่างในแผงหลังที่ยังลงมาเซ็ตแถวป้องกันไม่ทัน และความแม่นยำในการเปิดบอลเข้าหาตัวกองหน้าของเบ๊คแฮม คือแท็คติคที่มีศักยภาพสูงสุดในการต่อกรกับอาร์เซนอลในยุคเวนเกอร์

เวลาผ่านไปไม่หวนกลับฉันใด การจะไปมัวยึดติดแต่อดีตก็ไม่เข้าท่าฉันนั้น เราได้ผ่องถ่ายนักเตะยุคมิลเลนเนี่ยมไปเกือบหมดทีมแล้ว หลงเหลือก็เพียงแกรี่, สโคลส์ และกิ๊กส์เท่านั้น (ไม่นับบราวน์ได้ไหม) ที่ตอนนี้สามคนนี้ก็ไม่ค่อยได้ลงอยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ เราเปลี่ยนมาเล่นในอีกสไตล์ที่ท่านเซอร์มองว่ามีศักยภาพไม่แพ้กัน เพียงแต่อาจจะต้องอาศัยเวลา และการปรับตัวของผู้เล่นอีกสักพัก แต่นั่น...มันคนละเรื่องกับความคมที่หายไปจากกองหน้าเราสองสามนัดหลังสุด ซึ่งต้องรีบปรับปรุงด่วนมากๆ รวมทั้งการแก้เกมแต่ละเกมที่ดูจะมีประสิทธิภาพน้อยลงเรื่อยๆในการคัมแบ๊คและกลับมาเปลี่ยนเกม


มาดูโปรแกรมที่เหลือของเดือนนี้กันอีกครั้งนะครับ
November 2008

11 Nov League Cup (Carling) Queens Park H
15 Nov Barclays Premier League Stoke City H
22 Nov Barclays Premier League Aston Villa A
25 Nov UEFA Champions League Villarreal CF A
30 Nov Barclays Premier League Man City A



เกมบิ๊กโฟร์หกนัด ผ่านมาครึ่งทาง เราเก็บได้แค่หนึ่งจากเก้าแต้ม มีโอกาสเป็นบ๊วยมินิลีกไม่น้อยเมื่อจบซีซั่น และนั่นจะบั่นทอนโอกาสคว้าแชมป์ลงไปมากอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้เรายังเหลืออีกสามเกมในบ้านทั้งหมด แต่หากทั้งสามทีม มาเล่นตีหัวเข้าบ้านกันทั้งสามทีม โดยที่แท็คติคและการแก้เกมของเรายังปรับไม่เจอจุดสมดุลสักที ผมว่าโอกาสเก็บเก้าแต้มเต็มนั้นจะยากมากๆ ต้องลุ้นกันหนักเลยทีเดียวแหละครับถ้ายังจะคว้าแชมป์ อย่างน้อยทางที่ได้ลุ้นหน่อยก็คือเก็บแต้มจากทีมนอกบิ๊กโฟร์ให้เป็นกอบเป็นกำที่สุด เพื่อตุนเอาไว้นั่นเอง

สงบใจ




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2551 10:29:12 น.
Counter : 536 Pageviews.

0 comments
วิ่งข้างบ้าน 15,17,18,19,21 มิ.ย.2568 สองแผ่นดิน
(24 มิ.ย. 2568 22:37:50 น.)
สาวไทย พ่าย สาวเช็กเกีย 0-3 สัปดาห์ที่ 2 วอลเลย์บอลหญิง VNL 2025 VBTV Volleyball World 21 มิ.ย. 2025 sunmachon
(22 มิ.ย. 2568 15:59:20 น.)
เปิดรับสมาชิกชาย-หญิงเตะฟุตบอลเพื่อสุขภาพ ที่สนาม park arena กาญจนาฯ กรุงเทพ ครับ เหมียวกุ่ย
(17 มิ.ย. 2568 12:16:52 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 378 : ฝันที่ไม่เคยเป็นจริง The Kop Civil
(10 มิ.ย. 2568 11:07:24 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sa-ngob-jai.BlogGang.com

สงบใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด