ขอเขียนถึงอภิสิทธิ์ชนคนหนึ่งหน่อย เพราะอดรนทนไม่ไหวจากข่าวที่มีลูกชายนักการเมืองคนหนึ่งกลับเข้ามารับราชการทหารหลังจากถูกให้ออกจากราชการเพราะต้องคดีอาญา และจากนั้นก็ยังสามารถย้ายจากทหารไปเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรภายใน 17 วัน โดยอ้างว่า "ยิงปืนแม่น" (เพราะเคยมีผลงานมาแล้วจนตำรวจทั้งกรมอึ้ง!)
สร้างความแคลงใจให้คนในสังคมมากมายว่ามันง่ายไปหรือเปล่า ขณะที่ผู้เป็นพ่อกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เมื่อสัมภาษณ์ผู้บังคับบัญชาที่รับโอนเขากล่าวว่าสตช.ขาดแคลนตำรวจที่แม่นปืน จึงให้ลูกชายนักการเมืองคนนี้มาเป็นครูฝึกตำรวจ จะได้ไม่มีตำรวจตายอีก ฟังแล้วทั้งขำทั้งสังเวชใจกับความตะแบงของนายตำรวจใหญ่
แล้วเวลาที่วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายแต่ละครั้ง เห็นยิงตายทุกราย แบบนี้ยังไม่แม่นอีกหรือ?
และถ้าเขายิงปืนแม่นมากขนาดที่ประเทศนี้ไม่มีใครเทียบเท่าแล้ว ก็น่าจะไปเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยลงแข่งโอลิมปิก 2012 เสียเลย (แต่อาจจะต้องกลั้นใจเชียร์หน่อยนะ) อยากเห็นผลงานเชิงประจักษ์เหมือนกัน ถึงเวลานั้นเกิดได้เหรียญทองมา ก็ไม่ต้องถามคนอื่นแล้วว่า "รู้มั้ย กูลูกใคร"
หรือถ้าอยากจะทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองมากกว่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายจากทหารไปเป็นตำรวจหรอก เพราะทหารเองก็ใช่ว่าจะยิงแม่น โดยเฉพาะทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่โดนยิงร่วงเป็นว่าเล่น ควรจะเสียสละไปเป็นครูฝึกให้ทหารใต้น่าจะดีกว่า
หรือว่าแม้แต่หน่วยทหารเองก็ยังไม่กล้าให้ทำงาน โดยอาจจะกระอักกระอ่วนใจไม่รู้จะบรรจุให้ทำงานตำแหน่งอะไร เพราะไม่แน่ใจว่ามีมันสมองมากพอที่จะอ่านหนังสือออก! คงถนัดแต่ใช้กำลังมากกว่าสมอง---อย่างนั้นหรือเปล่า
ผู้บังคับบัญชาคนเดิมยังให้สัมภาษณ์แบบกลบเกลื่อนต่อไปอีกว่า ไม่ใช่แค่คนๆ นี้ที่จะรับเข้ามา ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาโท ขอแค่จบปริญญาตรี แต่ยิงปืนแม่นก็เข้ามาได้เลย รับแน่นอน เพราะขาดแคลนมาก ฟังดูน่าเห็นใจ
ถึงเวลาของมือปืนที่ต้องการกลับใจหรืออยากล้างตัวแล้ว---อดทนเรียนภาคค่ำภาคพิเศษสัก 2-3 ปีให้จบปริญญาตรี จากมือปืนก็กลายเป็นนักแม่นปืนในเครื่องแบบได้แล้ว
นี่มันยิ่งกว่าเรื่อง
Internal Affairs อีกนะเนี่ย