อาจจะเป็นเพราะคาดหวังไว้มากเกินไปจนทำให้ผิดหวังพอสมควรกับหน้าตาของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าหากสส.ฝ่ายรัฐบาลยอมทำตามที่พูดว่า "เพื่อบ้านเมือง" จริง ก็น่าจะยอมเสียสละได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญๆ (จริงๆก็สำคัญทุกตำแหน่งแหละรัฐมนตรีน่ะ)
หากมีสำนึกเสียหน่อยว่าตัวเองมีความรู้ไม่เหมาะสม หรือทำงานด้วยตนเองไม่ได้ (ต้องพึ่งที่ปรึกษาตลอดชาติ) ก็น่าจะหลีกทางให้คนที่มีความสามารถมากกว่า (ที่มีอีกมากมายและเหมาะสม) เข้ามาทำงานแทน บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที ไม่ต้องมาพะวงว่านักการเมืองที่ด้อยความสามารถแต่มากด้วยการต่อรองจะเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์หรือทำให้ปัญหาที่มีอยู่แล้วตกต่ำย่ำแย่กว่าเดิม และเพราะความไม่ไว้ใจกันและกันเองนี่แหละ ที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้เกมโอเวอร์ในเร็ววัน
เมื่อไหร่ระบบโควต้าจะหมดไปเสียทีนะ มันเป็นระบบที่ฉุดความเจริญของสังคมไทยเสียจริงๆ ตั้งแต่หน่วยงานเล็กๆไปจนถึงระดับชาติ ต่อให้หัวดีมีคุณภาพ แต่ตัวแย่ หางเน่า ส่ายไปส่ายมา มันก็พาชาติไปสู่หายนะเอาได้ง่ายๆ
ไม่อยากให้วินาทีมาถึงเร็วเลย เบื่อจะเลือกตั้งแล้วล่ะ
พรรคการเมืองหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาได้ถูกที่ถูกเวลาพร้อมกับนโยบายประชานิยม ทำให้ได้รับผลประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนั้นจนถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา วงล้อของการรัฐประหารก็เริ่มต้นขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถูกร่างขึ้นมาและผลักดันให้ผ่านการลงประชามติ พรรคการเมืองพรรคนั้นและอีกหลาย ๆ พรรคถูกยุบ เพราะทำผิดรัฐธรรมนูญ
ทุกวันนี้บอกได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ และได้พิสูจน์ความสำเร็จของคณะผู้ร่างฯ โดยพาเรากลับไปหาการเมืองแบบเดิม ๆ อีกพร้อมกับเสียงรำพึงรำพันว่า เมื่อไหร่การเมืองระบบโควต้าจะหมดไปเสียที ที่กลับมาอีกครั้งเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
อย่าเพิ่งเบื่อการเลือกตั้งเลย เพราะมันยังบอกว่าท่านยังมีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดชะตาของบ้านเมืองอยู่ จงกลัววันที่ท่านไม่มีโอกาสจะได้ไปคูหาเลือกตั้งดีกว่า เพราะวันนั้นตำแหน่งราษฎรเต็มขั้นที่ยังเหลือของท่านก็อาจจะโดนยึดไปพร้อมกับอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยแล้ว