เมืองโบราณเชลียง-ศรีสัชนาลัย-สวรรคโลก
ต่อจากบล็อกที่แล้ว ว่าด้วยทริปขึ้นเหนือ ทัวร์โบราณสถานยุคสุโขทัยที่กำแพงเพชร-สุโขทัยครับ หนนี้มาต่อกันด้วยอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย...
ศรีสัชนาลัยยังคงอยู่ในเขตจังหวัดสุโขทัยครับ จากอำเภอเมืองขับรถดิ่งขึ้นมาทางเหนือ ผ่าน อ.ศรีสำโรง และ อ.สวรรคโลก ตามทางหลวงหมายเลข 101 ก็จะมาถึงอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ชัดเจน ค่าห้องที่พักในสวรคโลกคืนละ 400.- นอนได้สามคน ถูกค่อดๆ เช้านี้แวะกินข้าวแกงข้างทางที่สวรรคโลก รสชาติดั้งเดิมแบบชาวบ้านแท้ๆ ไม่ต้องไปหากินตามตลาดโบราณ
มาเล่าความเป็นมาของศรีสัชนาลัยเล็กน้อย... ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้จะน้อยกว่าสุโขทัยเพราะไม่ได้เป็นราชธานี ไม่มีกษัตริย์ปกครองครับ แต่เมืองนี้เก่าแก่มีมาก่อนการสถาปนาเมืองสุโขทัยเป็นราชธานี (ตอนนั้นมีเมืองสุโขทัยอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เป็นราชธานี) จะขอย้อนความไปเมื่อราว 800 ปีก่อน ตอนนั้นเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางชุมชนคนชาติไทยในบริเวณภาคเหนือตอนล่างมีอยู่สี่เมืองคือเชลียง สุโขทัย สองแคว และสระหลวง เมืองเชลียงแรกเริ่มเดิมทีจะมีแม่น้ำยมขดล้อมสามด้าน จากนั้นได้ทำการขยายเมืองไปทางตะวันตกและเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองศรีสัชนาลัย ต้นพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 17xx) พ่อขุนศรีนาวนำถุม ผู้ครองเมืองเชลียงได้ขยายอำนาจเข้าไปในเมืองสุโขทัยและสร้างนครสองอัน (สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย) ขึ้น ก่อนจะถูกขอมยึดไปในเวลาอันสั้น แต่ก็ถูกตีกลับมาเป็นของไทยด้วยฝีมือของพ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางหาว สร้างกรุงสุโขทัยขึ้นมา ตามที่เล่าไปในบล็อกที่แล้ว หลังจากนั้นเมืองสุโขทัยถูกสถาปนาเป็นราชธานีของคนไทย ส่วนเมืองศรีสัชนาลัยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงและมีเจ้าเมืองปกครองครับ
ในสมัยอยุธยา พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เก่งกล้าของล้านนาได้มาตีเมืองนี้ไปรวมกับอาณาัจักรล้านนา เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองเชียงชื่น ต่อมาพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์อยุธยาที่เก่งกล้าสามารถเช่นเดียวกันก็มายึดเมืองคืน (ยุคนี้ล้านนากับอยุธยารบกันดุเดือดมาก เพราะกษัตริย์เก่งสุดๆทั้งสองคนเกิดในยุคเดียวกันครับ) เมื่ออยุธยาผนวกสุโขทัยเข้า เมืองศรีสัชนาลัยก็เปลี่ยนเป็นเมืองสวรรคโลก ในยุครัตนโกสินทร์บริเวณนี้ถูกตั้งเป็นจังหวัดสวรรคโลก (ทั้งศรีสัชนาลัยและสุโขทัยเป็นอำเภอในจังหวัดนี้) แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นอำเภอสวรรคโลก อยู่ในจังหวัดสุโขทัย ใต้อำเภอศรีสัชนาลัย เวลาขับรถผ่านอำเภอนี้เห็น "ศาลจังหวัดสวรรคโลก" ก็อย่าแปลกใจนะครับ
ก่อนถึงอุทยานจะมีวัดประจำพระราชวังของเมืองเชลียง และเป็นวัดที่สวยงามโดดเด่นสมควรแวะชมที่สุดของอำเภอนี้ "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดพระปรางค์ครับ จะเดินข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำยมมา หรือจะขับรถอ้อมมาเข้าอีกทางก็ได้นะ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำเมืองเชลียงซึ่งมีมาก่อนสุโขทัยครับ อายุคาดว่ารุ่นราวคราวเดียวกับวัดพระพายหลวงที่สุโขทัย และได้รับอิทธิพลขอมมามากเช่นเดียวกับวัดที่เก่าแก่มากๆในสุโขทัยทั้งหลาย เพราะยุคนั้นชาวขอมยังลันล้าอยู่เต็มพื้นที่สุวรรณภูมิ มีการกล่าวถึงวัดนี้ในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามด้วยนะ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือปรางค์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามหลักการสร้างเมืองโบราณที่ต้องมีพระธาตุอยู่กลางเมืองครับ โชคดีช่วงเช้าวันนี้ฟ้าสวยมาก เหมาะแก่การถ่ายรูป ยิ่งถ่ายขึ้นไปที่ยอดพระธาตุแล้วมีนกบินออกมานี่มุมมหาชนของวัดนี้เลย
วัดที่เจอข้างทางหมายเลข (1) ของวันนี้ได้แก่... แต๊น! วัดน้อย วัดนี้ก็เก่าแก่ครับ เก่าแก่จนแทบไม่เหลืออะไรให้เห็น
อันนี้วัดโคกสิงคาราม ถนนเส้นเดียวกันครับ
ส่วนวังเก่าของเมืองเชลียงซึ่งน่าจะอยู่แถวๆนี้คงเละเป็นดินไปแล้ว หาไม่เจอครับ
มาต่อทางตะวันตกจะเข้าเขตกำแพงเมืองเก่า กำแพงเมืองของที่นี่เป็นศิลาแลงเช่นเดียวกับกำแพงเพชรและเมืองโบราณอีกหลายแห่ง
และแล้วเราก็เข้ามาสู่เขตเมืองโบราณศรีสัชนาลัย ซึ่งขยายขึ้นมาจากเมืองเชลียงเดิมครับ
แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย (คลิ๊กเพื่อชมภาพขยาย)
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
เช่นเดียวกับอุทยานประวัติศาสตร์ทุกแห่ง คือจะกั้นพื้นที่ที่มีโบราณสถานจำนวนมากไว้ และเก็บค่าเข้าชม สามารถนำรถเข้าได้ครับ เทียบกับสุโขทัยแล้วที่นี่คนน้อยกว่าแต่ก็ไม่ถึงกับเงียบเหงานัก แม้จำนวนวัดจะไม่มาก แต่ความสวยงามอลังการของแต่ละวัดไม่แพ้วัดใหญ่ๆของเมืองสุโขทัยแน่นอน
หนนี้บรรยายประวัติความเป็นมาของแต่ละวัดน้อยหน่อยนะครับ ไม่ค่อยมีเรื่องราวความเป็นมาเท่าไหร่ จะบรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมก็ไม่ใช่ของถนัดของเจ้าของบล็อกเลย แถมจะพาลทำผู้ที่เผลอมาอ่านหลับคาบล็อกเอา
อันนี้คือพระราชวังครับ ปัจจุบันราบเตียนเป็นป่าไม้ไม่เหลืออะไรให้เห็นเลย (ป้ายกรมศิลป์บอกว่ามีร่องรอยหลุมลงเสาอาคารไม้นิดๆ)
วัดสวนแก้วอุทยานน้อย
เป็นวัดประจำพระราชวังศรีสัชนาลัย แต่กลับไม่ได้ใหญ่โตอลังการแบบวัดมหาธาตุของสุโขทัยหรือวัดพระศรีสรรเพชญ์ของอยุธยา จะว่าไปมันสู้วัดอื่นแถวๆนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
วัดเจดีย์เจ็ดแถว
วัดนี้อุดมไปด้วยเจดีย์น้อยใหญ่หลากหลายศิลปะให้ชมกันมากมายถึง 7 แถว รวมเจดีย์และมณฑปทั้งหมด 33 องค์ สร้างตามคติจักรวาล
วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่
พื้นที่ใหญ่แต่ตัวโบราณสถานเล็กกว่าวัดสวนแก้วอุทยานน้อย ไม่ได้ถ่ายป้ายหน้าวัดมาเพราะมีนักท่องเที่ยวไปผูกแปลห้อยนอนมันตรงป้ายเฉยเลย
วัดนางพญา
จำได้ว่าครูเคยพามาตอนเรียนวิชาเลือกให้มาดูปูนปั้นบนผนังวิหาร สวยงามมากครับ ถือว่ายังสมบูรณ์มากกว่าวัดอื่นๆรุ่นเดียวกันที่ปูนปั้นหลุดลอกหมดแล้ว เขาสร้างหลังคามาคลุมกันแดดกันฝนไว้ด้วย
วัดหลักเมือง
อยู่ติดกับพระราชวัง คาดว่าเป็นหลักเมืองของเมืองศรีสัชนาลัยโบราณ
วัดอุดมป่าสัก
อยู่ติดกับวัดหลักเมือง พวกเศษโบราณสถานบางอันช่างกระจิ๊ดริ๊ด ดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่าคนสมัยนั้นมุดเข้าไปได้ไง
วัดเขาพนมเพลิง
ตั้งอยู่บนเขาพนมเพลิงซึ่งเป็นเนินไม่สูงมากในพื้นที่อุทยาน เป็นวัดที่เห็นในหนังสือท่องเที่ยวแล้วอยากมามากครับ เพราะภาพถ่ายจากด้านบนเนินลงมาเห็นโบราณสถานจำนวนมาก ยิ่งตอนพระอาทิตย์ขึ้นจะสวยงามสุดๆ ...แต่ปรากฏว่าพอขึ้นไปจริงๆเจอต้นไม้ล้อมทุกด้าน มองไม่เห็นวิวเลยครับ แถมอยู่บนเขาคิดว่าอากาศจะดี ที่ไหนได้ ป่าแถวนี้เหม็นเน่ามากๆ ไม่รู้เหม็นอะไร -*- ด้านหลังวัดมีศาลเจ้าแม่ละอองสำลีด้วย
วัดช้างล้อม
สวยอีกวัดแล้วครับ วัดแถวนี้มีช้างล้อมเมื่อไหร่ นักท่องเที่ยวแห่ตอมเมื่อนั้น เรียกว่ามีคนสนใจเข้าชมเยอะที่สุดในอุทยานนี้แล้ว วัดนี้อยู่ในศิลาจารึกระบุว่าสร้างในปี พ.ศ. 1829 สมัยพ่อขุนรามคำแหงครับ ตามจารึกเล่าว่าพ่อขุนรามคำแหงให้ขุดเอาพระธาตุออกมาบูชา 1 เดือน 6 วัน แล้วฝังลงกลางเมืองศรีสัชนาลัยและสร้างเจดีย์ครอบ เป็นเจดีย์ประธานของวัดช้างล้อมนี้เอง (น่าจะขุดจากพระธาตุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เพราะย้ายเมืองมาทางตะวันตก) เจดีย์ประธานมีช้างล้อม 39 เชือกครับ
วัดเขาสุวรรณคีรี
ยอดสูงกว่าเขาพนมเพลิง แต่ขับรถขึ้นไปได้หน่อยนึงแล้วค่อยเดินต่อเอา ผิดกับเขาพนมเพลิงที่ต้องเดินตั้งแต่พื้นขึ้นไปครับ วัดนี้ขึ้นมาแล้วไม่ผิดหวังเพราะมีอะไรให้ดูเยอะ ทั้งเจดีย์ประธานขนาดใหญ่ ซุ้มประตูที่มีลายปูนปั้นสวยงาม รูปปั้นทวารบาล ฯลฯ
นอกจากวัดสำคัญๆแล้วในอุทยานยังมีโบราณสถานลึกลับอีกมากมายหลายร้อยแห่งครับ
เอาละ ขับรถออกนอกอุทยานประวัติศาสตร์ขึ้นไปทางเหนือก็ยังมีวัดต่ออีกนิดหน่อยนะ
วัดกุฎีราย
วัดหัวโขน
ที่จริงด้านใต้อุทยานมีโบราณสถานเยอะกว่านี้ แต่ผมไม่ได้ไปดู -3-" ตอนนี้ความสนใจมุ่งไปที่ทางขึ้นเหนือ เพื่อไปชมซากเตาทุเรียงโบราณที่อยู่ข้างทางเรียงกันเป็นตับยาวกว่า 1 กม. มีประมาณ 500 เตา นับว่าเมืองนี้เป็นเหมือนนิคมอุตสาหกรรมของชาวไทยโบราณแถบนี้เลยครับ
เตาหมายเลข 61 และ 42 เป็นเตาขนาดใหญ่ จะมีการสร้างอาคารคลุมเตาไว้ ผมไปดูอาคารของเตา 42 ครับ ค่าเข้า 20 บาท
ที่นี่มี 1 เตาหน้าอาคาร และอีก 2 เตาขนาดใหญ่มหึมาด้านในอาคาร (หมายเลข 42 และ 123) ด้านในนอกจากแสดงให้เห็นภายในของเตาอย่างละเอียดแล้วยังมีโปสเตอร์บรรยายให้ความรู้เรื่องเตาแบบต่างๆและวิธีการทำงาน พร้อมแสดงชิ้นส่วนสังคโลกให้ชมด้วย ถ่ายรูปได้ไม่หวงครับ
จบไปอีกแห่งสำหรับศรีสัชนาลัย แหล่งโบราณสถานบนพื้นที่ไม่กว้างแต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพครับ หวังว่าจะรอดน้ำท่วมปีนี้นะ ส่วนที่อยุธยายังฟื้นฟูจากสภาพน้ำท่วมปีที่แล้วไม่เสร็จเลยครับ น้ำจะมาอีกละ
Create Date : 13 กันยายน 2555 |
|
44 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2560 18:23:18 น. |
Counter : 19190 Pageviews. |
|
|
|
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ผมยังไม่เคยไปเที่ยวชมเลย ทั้งที่ได้ไปสุโขทัยมาสองครั้งแล้ว อาจเป็นเพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยไปอีกพอสมควร และโบราณสถานเด่นๆ ไม่มากเท่าที่สุโขทัย เลยไม่ดึงดูดใจให้ผมดั้นด้นไปชมเท่าไหร่นัก .....
โบราณสถานของที่นี่ ที่ผมเคยได้เห็นภาพบ่อยๆ ตามหนังสือท่องเที่ยวก็เห็นจะเป็นวัดมหาธาตุกับวัดช้างล้อม ส่วนวัดอื่นๆ นี่แทบไม่รู้จักเลยครับ วันนี้เลยได้มาชมอย่างละเอียดจากบล็อกคุณชีริวนี่แหละ .....