|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
พระเจ้าตากสินถูกประหารที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ไม่ได้หนีไปบวชที่นครศรีธรรมราช
มาถึงตอนจบของซีรี่ยส์ฺธนบุรีแล้วนะครับ ตอนอยุธยา 10 ตอนกว่าจะจบ แต่ไหงธนบุรีมันสั้นแบบนี้? ปัดโถ่ว ก็เมืองมีอยู่แค่นี้จะให้อัพสักกี่บล็อกล่ะครับ!
วันที่ 6 เม.ย. 2325 เป็นวันที่พระเจ้าตากสินสวรรคตและเริ่มต้นราชวงศ์จักรี ถ้านับจากวันนี้ย้อนไปก็ 238 ปีแล้ว ช่วงท้ายของกรุงธนบุรียังเป็นที่ถกเถียงกันมากว่าจบอย่างไรกันแน่ มีทั้งพระเจ้าตากถูกประหารด้วยท่อนจันทน์ พระเจ้าตากถูกประหารตัดศีรษะ พระเจ้าตากโดนชาวบ้านรุมทึ้งตาย พระเจ้าตากหนีไปบวช ฯลฯ อันที่จริงหลักฐานชั้นต้นที่นิยมใช้อ้่างอิงเหตุการณ์สมัยกรุงธนบุรีกันมีอยู่ดังนี้ครับ - พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) - บันทึกตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี แต่ใน พ.ศ.2338 ร.1 ได้สั่งให้ชำระใหม่ จะเห็นว่าช่วงต้นๆ ยังยกย่องพระเจ้าตากสิน แต่ช่วงท้ายๆ ลดทอนพระเกียรติลงไปมาก ตามสมัยที่บันทึก
- พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติสมิวเซียม - ค้นพบที่อังกฤษ เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากฉบับพันจันทนุมาศ
- พระราชพงศาวดารฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ - ถูกเขียนโดยพระพนรัตน์วัดพระเชตุพน เป็นพระสายการเมืองที่เคยถูกพระเจ้าตากสินลงโทษปลดจากตำแหน่ง แต่ ร.1 คืนตำแหน่งให้ เมื่อได้มีหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์จึงเขียนโจมตีพระเจ้าตากสินมาก
- จดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินเทวี - น้องสาวต่างมารดาของ ร.1 ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ชิงบัลลังก์พระเจ้าตากสินเป็นผู้เขียน ลงรายละเอียดกระทั่งบทพูดอย่าง "สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย" ก็มาจากบันทึกนี้
- พระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลย์ - กรมพระปรมานุชิตชิโนรสนำพงศาวดารฉบับพระพนรัตน์มาแต่งเติม ในสมัย ร.3 พิมพ์โดยโรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ (หมอไม่ได้เขียนเองนะจ๊ะ)
- พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา - ชำระสมัย ร.4 และถูกใช้เป็นแบบเรียนประวัติศาสตร์ขั้นพื้นฐานของยุคนี้มากพอกับฉบับของหลวงวิจิตรวาทการ
ทุกฉบับสรุปเนื้อหาช่วงท้ายของกรุงธนบุรีไว้ดังนี้ - พระเจ้าตากให้พระยาจักรียกทัพไปตีกบฏกัมพูชา
- เกิดกบฏปล้นกรุงเก่า พระเจ้าตากจึงให้พระยาสรรค์ไประงับเหตุ แต่พระยาสรรค์หันไปเข้าข้างกบฏ และบุกยึดกรุงธนบุรี พระเจ้าตากยอมแพ้และออกบวชที่วัดแจ้ง
- พระยาสุริยอภัย (ลูกของพี่สาวพระยาจักรี) ยกทัพจากโคราชมาปราบพระยาสรรค์
- พระยาจักรียกทัพกลับจากกัมพูชา สึกพระเจ้าตากมาประหารชีวิตที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และประหารลูกหลานและพวกพ้องของพระเจ้าตากสิน รวมทั้งพระยาสรรค์
- พระยาจักรีขึ้นครองราชย์เป็น ร.1
จนถึงฉบับพระราชหัตเลขาก็ยังคงระบุว่าพระเจ้าตากสินถูกประหารชีวิตตัดศีรษะ ส่วนเนื้อเรื่องทางแยกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทุบด้วยท่อนจันทน์ หรือหนีไปบวช ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ที่แต่งเติมขึ้นภายหลัง เพราะการศึกษาประวัติศาสตร์ที่กว้างขวางขึ้น ตั้งแต่ยุคต่อต้านอาณานิคมช่วง ร.4-5 รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์ชาติในสมัยจอมพล ป. ทำให้มุมมองของประชาชนทั่วไปที่มีต่อพระเจ้าตากดีขึ้นมาก ผิดกับช่วงต้นรัตนโกสินทร์ที่พระเจ้าตากยังเป็นผู้ร้ายที่ต้องกำจัด จึงต้องปรับเปลี่ยนฉากจบให้เป็นสีพาสเทล (เช่นไม่ได้ตัดหัวแบบสามัญชนนะจ๊ะ ยังยกย่องว่าเป็นเจ้าอยู่เลยทุบเบาๆด้วยท่อนจันทน์ฮ่ะ) หรือแปลงฉากจบแบบหนีเข้าทุ่งลาเวนเดอร์ไปเลย (ไม่ได้ตาย แต่หนีไปบวช ที่ประหารไปน่ะเป็นคนอื่น ตอนจบทุกคนมีความสุข ♥) ...ซึ่งแม่งโคตรเป็นไปไม่ได้เลยครับ บล็อกนี้จะมาพูดถึงกันว่าเรื่องแต่งพวกนี้มันมีที่มาที่ไปยังไง และมันไม่เมคเซนส์ยังไง
เพราะไร้พวกจึงไร้อำนาจ
ช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าตากสิน อำนาจและความเชื่อมั่นในตัวกษัตริย์ลดลงเกิดจากสาเหตุหลักคือการเสียไพร่พลที่จงรักภักดีเป็นจำนวนมากในศึกกับพม่าช่วงปี พ.ศ.2317-2319 เริ่มต้นขอเล่าภาพการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสมัยกรุงธนบุรีก่อนครับ พระเจ้าตากได้ปูนบำเหน็จให้พรรคพวกที่ช่วยเหลือต่อสู้จนรวบรวมสยามกลับมาเป็นปึกแผ่นได้ ซึ่งหลายคนอย่างพระยาพิชัย หรือพระเชียงเงิน เป็นลูกชาวบ้าน การเติบโตข้ามหน้าข้ามตาขุนนางเก่าทำให้ไม่เป็นที่พึงพอใจของกลุ่มอำนาจเก่าสมัยอยุธยานัก (ยังเป็นยุคที่ชาติกำเนิดมีความสำคัญมาก การประเมินผลงานตาม performance ของพระเจ้าตากน่าจะเร็วเกินไป 200 ปี) ตัวพระเจ้าตากเองก็เชื้อสายจีน ในอยุธยามีกลุ่มจีนฮกเกี้ยนที่เข้ามาค้าขายจนร่ำรวยมีอำนาจ แต่พระเจ้าตากเป็นจีนแต้จิ๋ว คนละกลุ่มกันซะอีก! ที่ทุ่งนาเชย จันทบุรี มีอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินพร้อมทหารคู่กาย 4 นายที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่พระเจ้าตากสินเพื่อรวบรวมคนไทยกลับมาอีกครั้งหลังเสียกรุงครั้งที่สอง คือหลวงพิชัย พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงราชสเน่หา พระเชียงเงินถึงแก่อนิจกรรมในสมัยธนบุรี ส่วนพระเจ้าตากและท่านอื่นๆ ถูกประหารตอนเปลี่ยนแผ่นดิน
ตำแหน่งสูงๆ ในสมัยพระเจ้าตากส่วนใหญ่เป็นขุนศึกที่มีผลงานดี เดิมทีขุนนางเก่าที่ได้รับตำแหน่งสูงในรัชกาลธนบุรีมีเพียงเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) เพราะท่านร่วมกับพระเจ้าตากตีค่ายโพธิ์สามต้น ในขณะที่ขุนนางเก่าคนอื่นๆ เพิ่งจะเข้ามาร่วมหลังธนบุรีเป็นปึกแผ่นแล้ว พระยาสุรสีห์ได้เชิญพี่ชาย (ทองด้วง) มาร่วมรับราชการในพระเจ้าตากสินด้วย (ตอนกรุงแตกลี้ภัยไปอยู่บ้านภรรยาที่อัมพวา) และทองด้วงสร้างผลงานมากมายทำให้ถูกปรับระดับแบบ fast track ได้เป็นพระยาจักรีในเวลาอันรวดเร็วและขึ้นมามีอำนาจคุมขุนนางส่วนกลาง ในขณะที่คนสนิทที่พระเจ้าตากไว้เนื้อเชื่อใจ ท่านส่งไปปกป้องหัวเมืองเหนือที่ต้องรับศึกหนักจากพม่า ในศึกบางแก้ว พ.ศ.2317 พระเจ้าตากมาบัญชาการรบด้วยตนเองถึงราชบุรี จนกระทั่งพระชนนีที่ล้มป่วยเสียชีวิตลงช่วงที่ท่านติดพันศึกอยู่ แม้จะขับไล่พม่ากลับไปได้ แต่ศึกหนักกว่าก็ตามมาในปี พ.ศ.2318 โดยพม่าให้อะแซหวุ่นกี้ แม่ทัพเฒ่าฝีมือฉกาจที่เคยตบตีกับจีนมาแล้วยกทัพมาถล่มกรุงธนบุรี เกิดเป็นสงครามที่เรียกกันว่าศึกอะแซหวุ่นกี้ นายทัพหัวเมืองเหนือที่พระเจ้าตากไว้เนื้อเชื่อใจได้เสียชีวิตเกือบทั้งหมด พระยาจักรีและพระยาสุรสีห์มือดีที่ส่งขึ้นไปช่วยก็แพ้ พระเจ้าตากตามขึ้นไปไม่ทัน หัวเมืองใหญ่ทางเหนืออย่างพิษณุโลกและสุโขทัยก็ถูกตีแตกไปแล้ว พม่าเตรียมยกทัพเข้ากรุงธนบุรี ประเมินจากสถานการณ์จะเรียกว่าครั้งนั้นธนบุรีกำลังจะแพ้อีกครั้งก็ไม่ผิดนัก แต่อะแซหวุ่นกี้ต้องรีบกลับไปจัดการความวุ่นวายภายในอังวะเพราะได้ข่าวพระเจ้ามังระสวรรคต เลยจบศึกไปแบบตัดจบ เสียทั้งมารดาและสหายที่วางใจครั้งนั้นมีนักประวัติศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าพระเจ้าตากอยู่ในสภาวะซึมเศร้า และไม่ออกมานำทัพด้วยตนเองอีกเลย
พระเจ้าตากได้นำผู้คนจากหัวเมืองเหนือที่โดนตีแตกมาอยู่ในธนบุรี ทำให้อำนาจของขุนนางส่วนกลางที่ดูแลกรุงธนบุรีมากขึ้นไปอีก และขุนนางพวกนี้คือกลุ่มขุนนางเก่าที่ไม่ได้สนิทไว้ใจอะไรกับพระเจ้าตากสิน (คนสนิทๆไปสู้และตายไปเยอะแล้ว)
และมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่พอใจของกลุ่มขุนนางขึ้นอีก เช่น เหตุการณ์ที่หม่อมฉิม และหม่อมอุบล เจ้าจอมคนโปรด ถูกตัดสินประหารชีวิตในคดีเป็นชู้กับฝรั่ง พอประหารไปแล้วก็คิดถึงหม่อมอุบลที่มีลูกในท้อง ถึงกับอยากตายตาม ท่านถามความสมัครใจขุนนางว่าใครจะตายตามเสด็จกันบ้าง แต่ท้าวทองมอญนิมนต์พระมาสงบสติอารมณ์ทันเสียก่อน
อีกเรื่องหนึ่งคือการที่พระยาพระคลังถึงแก่อนิจกรรม พระเจ้าตากต้องลงมาดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ เอง ด้วยความเข้มงวดเรื่องมาตรการทางภาษีต่างๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มพ่อค้าคนจีน
ท่านเคยขัดแย้งกับพระยาจักรีและพระยาสุรสีห์หลายครั้ง เช่น ตอนมอบหมายให้พระยาจักรีเป็นพ่องานคุมการก่อสร้างพระเมรุมาศพระราชชนนี แต่งานออกมาไม่เรียบร้อย จึงสั่งลงโทษพระยาจักรี และเคยมีเรื่องบาดหมางกับพระยาสุรสีห์ตอนพระยาสุรสีห์เข้ามารบกวนตอนที่ท่านเจริญกรรมฐาน จึงสั่งลงโทษไป แต่ช่วงท้ายรัชกาลสองพี่น้องมีอำนาจมากขึ้นทุกขณะ ขุนนางข้างพระเจ้าตากก็น้อยลงไปทุกที จนท่านเคยพ้อว่าเห็นจะต้องยกบ้านเมืองให้สองพี่น้องเขา
เมื่อเครดิตท่านลดลงไปเรื่อยๆ พระเจ้าตากจึงต้องสร้างสตอรี่ เหมือนสมัยก่อน คนที่ไม่ได้มีเชื้อเจ้า จะขึ้นเป็นกษัตริย์ก็ต้องแสดงอำนาจทางธรรม เช่นเดียวกับพระเจ้าปราสาททอง ที่เผยแพร่คติเรื่องจักพรรดิราช และนิยมปั้นพระพุทธรูปแบบทรงเครื่องในสมัยนี้ เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ทั้งทางโลกและทางธรรม หรือถ้าโบราณไปเลยก็ต้องเน้นปาฏิหาริย์ อย่างปู่เจ้าลาวจกกษัตริย์เมืองเงินยางที่อ้างว่าลงมาเกิดเอง เพื่อลบร่องรอยเชื้อชาติลัวะ จะได้ครองแผ่นดินที่ไทยวนเป็นใหญ่ได้ พระเจ้าตากจึงเร่งแสดงบุญบารมีจากการเจริญกรรมฐาน และประกาศว่าตนบรรลุธรรมขั้นสูง เหาะเหินเดินอากาศได้ ครั้งหนึ่งท่านถามที่ประชุมคณะสงฆ์ว่าภิกษุสามารถไหว้คฤหัสถ์ที่บรรลุธรรมได้หรือไม่ พระพุทธโฆษาจารย์ พระโพธิวงศ์ พระรัตนมุณี เห็นว่าไหว้ได้ แต่พระสังฆราช (ศรี) พระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรมตอบว่าไม่ควร ทำให้พระเจ้าตากกริ้วมากและสั่งโบยพระฝั่งที่ตอบว่าไหว้ไม่ได้ จากเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้บันทึกหลายฉบับลงความเห็นว่าพระเจ้าตากทรงสัญญาวิปลาส หรือกรรมฐานหลงทางจนเป็นบ้าไปแล้วนั่นเอง เป็นความชอบธรรมให้คณะก่อการเข้ามายึดอำนาจ
ถ้าเอาตาม Fact ที่พระฝ่ายค้านตอบก็ถูกตามพระไตรปิฎกนะครับ --> ภิกษุไม่ควรไหว้อนุปสัมบัน (ผู้ยังไม่อุปสมบท) แต่พฤติกรรมของพระเจ้าตากเชื่อว่าเป็นการเล่นการเมืองที่ผิดพลาด มากกว่าการมีสัญญาวิปลาส
ตอนนี้พระเจ้าตากสินเสียบารมีและไพร่พลคนสนิทไปมาก ในขณะที่กลุ่มขุนนางเก่าจับกลุ่มกันเข้มแข็ง โดยเฉพาะพระยาจักรีได้ครอบครองไพร่พลจำนวนมาก และยังสานสัมพันธ์กับกลุ่มขุนนางตามหัวเมืองต่างๆ โดยรับบุตรหลานขุนนางเข้ามาเป็นภรรยา ทำให้พระยาจักรีกลายเป็นศูนย์กลางของกลุ่มอำนาจเก่า ส่วนตำแหน่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นชื่อที่แต่งขึ้นมาในสมัยรัตนโกสินทร์ไม่ใช่ชื่อตำแหน่งสมัยธนบุรีครับ
แล้วทุกอย่างก็สุกงอม เหลือเพียงเวลาที่เหมาะสมที่กลุ่มขุนนางเดิมจะโค่นพระเจ้าตากสินลง บ้างก็ว่าพระยาจักรีอยู่เบื้องหลังแผนยึดอำนาจ บ้างก็ว่ากลุ่มขุนนางก่อการกันเองแล้วให้พระยาจักรีที่มีบารมีมากที่สุดขึ้นครองราชย์ แต่ปลายทางก็เหมือนกันคือพระเจ้าตากถูกโค่น และพระยาจักรีขึ้นมาเป็น ร.1
วาระสุดท้ายของกรุงธนบุรี
ในปี พ.ศ.2324 เกิดเหตุการณ์ที่นำกรุงธนบุรีไปสู่จุดจบ โดยขุนแก้วร่วมกับนายบุนนากกำนันบ้านแม่ลา และขุนสุระ ก่อกบฏที่กรุงเก่า พระเจ้าตากสินได้ให้พระยาสรรค์ไปจัดการ แต่พระยาสรรค์เป็นพี่ชายของขุนแก้ว เลยร่วมมือกับกบฏเข้ามายึดพระราชวังธนบุรีแทน ตอนนั้นขุนนางสำคัญๆ อย่างพระยาจักรี พระยาสุรสีห์ รวมทั้งกรมขุนอินทรพิทักษ์ มหาอุปราชในพระเจ้าตากสิน ต่างติดภารกิจตีกัมพูชาอยู่ เลยทำให้กบฏเล็กจ้อยเข้ามาตีเมืองหลวงอย่างง่ายดาย เริ่มบุกตอน 4 ทุ่ม จบศึกช่วงรุ่งสาง พระเจ้าตากไม่คิดสู้ทั้งที่มีขุนพลเหลืออยู่ในวังพอจะตอบโต้ได้ จึงตรัสว่า "สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย" ตามบันทึกของกรมหลวงนรินเทวีที่ใส่รายละเอียดกระทั่งบทพูด แปลว่า - กูมาได้แค่นี้แหละ อย่าไปรบกันให้เดือดร้อนชาวบ้านเลย (อาจแต่งขึ้นมาเองที่หลัง แต่นิยมใช้อ้างอิงกัน)
สถานที่รบศึกสุดท้ายของกรุงธนบุรีคือพระราชวังเดิม พระยาสรรค์ไม่ได้เอาชีวิตพระเจ้าตากซึ่งได้ยอมแพ้และขอไปบวชที่วัดแจ้ง "เอหิภิกขุลอยมาแล้ว" (จากบันทึกกรมหลวงนรินเทวีอีกเช่นกัน แปลว่าโอกาสบรรลุธรรมมาถึงแล้ว)
พระยาสุริยอภัย ลูกของพี่สาวพระยาจักรี ยกทัพมาจากโคราช เข้าตีชิงกรุงธนบุรีจากพระยาสรรค์ และเป็นที่น่าแปลกใจว่าขุนนางฝั่งพระเจ้าตาก ทั้งขุนนางที่เคยรบกับพระยาสรรค์ รวมทั้งกรมขุนอนุรักษ์สงคราม หลานของพระเจ้าตาก ได้เข้าร่วมฝั่งพระยาสรรค์ ต่อสู้กับพระยาสุริยอภัย กรมขุนอนุรักษ์สงครามเป็นผู้มีบทบาทในสงครามยุคกรุงธนบุรีหลายครั้ง ช่วงท้ายรัชกาลท่านถูกจองจำในคุก แต่พระยาสรรค์ปล่อยตัวออกมาให้ต่อสู้ป้องกันกรุงธนบุรี และกรมขุนอนุรักษ์สงครามก็รับลูกซะด้วย *คุณได้ปลดล็อคตัวละครลับ* ท่านไปขอให้พระเจ้าตากสึกมาช่วยรบ แต่พระเจ้าตากปฏิเสธ บ้างก็ว่าท่านต้องบวชชำระเคราะห์เมืองให้ครบ 3 เดือน
สงครามกลางเมืองระหว่างพระยาสรรค์และพระยาสุริยอภัยเริ่มตอนเที่ยงคืน กรมขุนอนุรักษ์สงครามบุกเข้าตีที่มั่นของพระยาสุริยอภัยแถววัดบางหว้าน้อย ส่วนพระยาสรรค์ป้องกันพระราชวัง แต่สุดท้ายพระยาสุริยอภัยก็เข้ายึดครองธนบุรีไว้ได้ ศึกนี้จบลงราว 11 โมงเช้า จากนั้นอีก 3 วัน วันที่ 6 เม.ย. 2325 พระยาจักรียกทัพมาถึงกรุงธนบุรี (ซึ่งถ้าดูจากระยะเวลาเดินทัพแล้ว พระยาจักรีน่าจะวกทัพกลับ ก่อนไปถึงกัมพูชาตามที่สั่ง และมุ่งเข้ามาธนบุรีพร้อมๆกับตอนที่พระยาสุริยอภัยออกจากโคราช จะใช้เวลา 13 วันเท่ากับตอนพระนเรศวรกลับจากการตีเมืองละแวกไปอยุธยา) พอมาถึงก็เปิดประชุมขุนนาง ได้ความเห็นให้รีบสึกพระเจ้าตากมาประหารก่อนใครเพื่อนเลย ส่วนพวกพระยาสรรค์และขุนนางฝั่งพระเจ้าตากคนอื่นๆ ไว้คิวถัดไป พงศาวดารฉบับราชหัตเลขาบันทึกว่าพระเจ้าตากรู้ตัวว่าต้องตาย แต่ขอเจรจากับพระยาจักรีสักหน่อย แต่พระยาจักรีโบกมือไม่ให้เข้าเฝ้า
พระเจ้าตากสินถูกประหารชีวิตตัดศีรษะที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ในวันที่ 6 เม.ย. 2325 หรือก็คือวันนี้เมื่อ 238 ปีที่แล้ว (บางแหล่งก็ว่าวันที่ 7 บ้างก็ว่าวันที่ 10) ขุนนางได้อัญเชิญพระยาจักรีขึ้นเป็นกษัตริย์สืบไป
พระยาจักรี ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี พระยาสุรสีห์ ได้ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) พระยาสุริยอภัย ได้ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) กลุ่มที่ไปก่อกบฎที่กรุงเก่า (นายบุนนาก ขุนสุระ หลวงฉะนะ) ได้ขึ้นเป็นระดับพระยาและเจ้าพระยาทั้งสิ้น ร.1 จับพระสงฆ์ที่ตอบว่าไหว้ได้ถอดยศ แล้วเลื่อนตำแหน่งปูนบำเหน็จพระสงฆ์ที่ตอบว่าไหว้ไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือพระพิมลธรรม ที่ได้ขึ้นเป็นพระพนรัตน์และออกมาเขียนประวัติศาสตร์โจมตีพระเจ้าตากสินภายหลัง (นับเฉพาะตำแหน่งสุดท้าย)
วันถัดมา ร.1 ก็ให้นำกลุ่มของพระยาสรรค์และขุนนางข้างพระเจ้าตาก รวมถึงกรมขุนอนุรักษ์สงคราม และเชื้อพระวงศ์ที่เป็นชาย ออกประหาร ยกเว้นคนที่อายุยังน้อยและญาติฝ่ายหญิงให้ถอดเป็นไพร่ เดือนต่อมาเมื่อพระยาสุรสีห์กลับจากกัมพูชา ก็สั่งประหารขุนนางที่เคยขัดใจอีกกว่า 80 คน
ป้อมวิไชยประสิทธิ์ สถานที่ประหารชีวิตพระเจ้าตากสิน ขุนนางและเชื้อพระวงศ์กว่า 150 คน ช่วงเปลี่ยนแผ่นดิน ชะตากรรมของคนที่ควรจะได้ครองแผ่นดินต่อจากพระเจ้าตากอย่างกรมขุนอินทรพิทักษ์ก็น่าเศร้าไม่แพ้กันครับ ตอนนั้นถูกส่งไปตีกัมพูชา ท่านตกอยู่ในวงล้อมเขมร พลางก็สงสัยว่าทำไมพวกพระยาจักรีที่ถูกพระเจ้าตากส่งมาปราบกัมพูชาถึงไม่มาช่วยสักที จนกระทั่งตีฝ่าวงล้อมกลับมาได้ ก็ส่งสาส์นถึงพระเจ้าแผ่นดินฟ้องว่าโดนล้อมเกือบตายเนี่ย พระยาจักรีกับพระยาสุรสีห์ไม่รู้หายหัวไปไหน?! ...ซึ่งคนรับจดหมายก็คือ ร.1 นี่แหละ พอกรมขุนอินทรพิทักษ์กลับเข้ามาถึงปราจีณบุรีก็รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนแผ่นดินไปแล้ว ท่านหลบหนีการไล่ล่าของพวกพระยาสุรสีห์อยู่พักใหญ่จนถูกจับตัวได้ที่สระบุรี ท่านขอตายตามบิดาจึงถูกนำตัวไปประหารชีวิต
รวมแล้วมีขุนนางและเชื้อพระวงศ์ถูกประหารในครั้งนั้นประมาณ 150 คน แต่ก็ยังเหลือเชื้อสายพระเจ้าตากอยู่อีกพอสมควร โดยเฉพาะราชธิดาและราชบุตรที่ยังอายุน้อย (ผิดกับสมัยอยุธยาที่ฆ่าล้างทั้งตระกูลตอนเปลี่ยนราชวงศ์) หลายพระองค์เช่นเจ้าฟ้าเหม็น ก็เป็นลูกที่เกิดจากพระเจ้าตากกับลูกสาวของ ร.1 เอง จึงมีฐานะเป็นหลานของ ร.1 ด้วย ...แต่พอ ร.1 สวรรคตได้ 3 วันเจ้าฟ้าเหม็นก็ถูกใส่ความและประหาร พร้อมเอาลูกหลานไปล่มเรืออีกเป็นจำนวนมาก เป็นเคราะห์ของผู้แพ้จริงๆ วัดปทุมคงคาเป็นสถานที่ประหารชีวิตเจ้านายสมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าฟ้าเหม็นก็ถูกประหารที่นี่ ศิลาที่ใช้รองตอนทุบด้วยท่อนจันทน์ตอนนี้ถูกเก็บไว้ที่ศาลกรมหลวงรักษ์รณเรศภายในวัด
ถึงกระนั้นลูกหลานของพระเจ้าตากที่สืบสกุลมาถึงปัจจุบันก็มีหลายสกุลนะครับ เช่น สินศุข, อินทรโยธิน, พงษ์สิน, รุ่งไพโรจน์, ศิลานนท์, ณ นคร, ณ ราชสีมา ฯลฯ ส่วนตระกูล อิศรางกูร, อิศรเสนา แม้จะมีเชื้อสายของพระเจ้าตาก แต่ราชสกุลเติบโตจากการมีเชื้อสายของราชวงศ์จักรีด้วยมากกว่า
ทำไมต้องรอสองปีจึงนำไปเผา?
หลังถูกประหารแล้ว ร่างของพระเจ้าตากสินถูกนำมาฝังไว้ที่วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทาราม) จากนั้นในปี พ.ศ.2327 ร.1 จึงให้ขุดร่างขึ้นมาทำพิธีฌาปนกิจ ตรงนี้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมต้องรอถึงสองปีถึงจะนำมาเผา ใบเสมาหน้าอุโบสถใหม่วัดอินทาราม เป็นสถานที่ฝังร่างของพระเจ้าตากสิน จากนั้นอีกสองปีจึงนำมาเผาขึ้นพระเมรุในบริเวณนี้ แล้วสร้างอุโบสถใหม่ขึ้นมาภายหลัง
เชื่อกันว่า ร.1 ใช้เวลาสองปีสร้างเมืองกรุงเทพเป็นปึกแผ่นมั่นคง ในปี พ.ศ.2325 เป็นช่วงเวลาของการล้างแผ่นดินเก่า ประหารเชื้อพระวงศ์และขุนนางของพระเจ้าตากสิน ตามล่าอุปราชมาประหาร สร้างพระบรมมหาราชวัง ในปี พ.ศ.2326 ก่อสร้างวัดพระแก้ว ก่อนจะเสร็จพิธีการสร้างกรุงเทพ จึงต้องการปิดเรื่องราวของแผ่นดินเก่าอย่างสมบูรณ์จึงถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์เก่า ก่อนย้ายพระแก้วมรกตจากวัดแจ้งไปวัดพระแก้ว และยกยอดเอกพระมหาปราสาทในปี พ.ศ.2327 โดยปกติแล้วหากมีการชิงบัลลังก์กันหลังประหารกษัตริย์องค์เก่าไปแล้วจะทิ้งไว้ (เรียกว่าไม่มีการเผาผี) ดังสมัยอยุธยาจะทิ้งศพกษัตริย์องค์เก่าไว้ในวัดโคกพระยา บางท่านก็อธิบายว่าเวลาสองปีผ่านไป ร.1 หายโกรธจึงนำร่างพระเจ้าตากสินขึ้นมาประกอบพิธีกรรมให้สมเกียรติ
มีอีกคำอธิบายหนึ่งตามสายที่เชื่อว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ตาย แต่มีคนอื่นยอมตายแทน และตัวท่านหนีไปบวช (มีทั้งเวอร์ชั่นไปบวชที่นครศรีธรรมราชและไปบวชที่จันทบุรี) จากนั้นอีกสองปีท่านก็โดนชายนิรนามทุบตาย จึงนำร่างของท่านกลับธนบุรีไปสลับกับร่างคนที่ยอมถูกประหารแทน และ ร.1 นำขึ้นมาเผา (อ่านโคนันมากไปเหรอครับ?)
มีข้าราชบริพารชาวจีนของพระเจ้าตากได้ส่งฉลองพระองค์และพระมาลาของพระเจ้าตากสินให้พระญาติที่เมืองเฉิงไห่ประเทศจีน และสร้างเป็นสุสานแต้เจียว (สุสานพระเจ้าแผ่นดินตระกูลแต้) ในสุสานนี้มีแต่เสื้อผ้า ไม่มีร่างของพระเจ้าตากนะครับ
พระเจ้าตากไม่เคยหนีไปบวชที่นครศรีธรรมราช
มาพูดถึงความเชื่อเรื่องพระเจ้าตากหนีไปบวชกันดีกว่าว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง...
ตามที่กล่าวตั้งแต่ต้นบล็อกนี้นะครับ พงศาวดารหรือจดหมายเหตุที่บันทึกเหตุการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ฉบับต่างๆ แม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน แต่ล้วนบันทึกถึงเนื้อหาใจความหลักๆ ตรงกัน คือพระเจ้าตากถูกประหารที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ และเขียนสถานการณ์ก่อนหน้านั้นให้พระเจ้าตากดูเป็นผู้ร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพื่อเพิ่มความชอบธรรมให้การยึดครองบัลลังก์ของ ร.1 ซึ่งก็เป็นเพราะบันทึกทั้งหมดมาจากคนที่อยู่สายการเมืองเดียวกับราชวงศ์จักรีด้วย (สายการเมืองพระเจ้าตากถูกประหารหมดแล้ว) แต่ชื่อเสียงของพระเจ้าตากเริ่มดีขึ้นในภายหลัง ตั้งแต่ยุคสร้างชาติที่จอมพล ป. ได้ชำระประวัติศาสตร์โดยพยายามเน้นความเป็นชาติ จึงไม่อาจละเลยบทบาทของพระเจ้าตากสินในฐานะผู้รวมชาติคนสุดท้ายได้ และหนังสือการเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ตีพิมพ์กว่า 10 ครั้ง ได้รับยกย่องว่าเป็นบทศึกษาที่ลงรายละเอียดการเมืองอย่างรัดกุมที่สุดของหนังสือประวัติศาสตร์ธนบุรีก็อธิบายสังคมและการเมืองในยุคนั้นทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไปของความผิดปกติในช่วงท้ายรัชกาลได้ดียิ่งขึ้น ชื่อเสียงของพระเจ้าตากก็กลับคืนมา นี่ละครับหนึ่งในเหตุผลว่าเราศึกษาประวัติศาสตร์กันไปทำไม นอกจากทำให้เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของสังคมในปัจจุบัน เรียนรู้ที่จะไม่สร้างความผิดพลาดซ้ำ และยังให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลในประวัติศาสตร์ ซึ่งหลายอย่างส่งผลมาถึงปัจจุบันด้วย
ช่วงต้นรัตนโกสินทร์เชื้อเจ้าจะเกลียดชังพระเจ้าตาก และไม่ยกย่องเป็นกษัตริย์ จึงเรียกแทนว่าตาตากบ้าง เขียนตอนจบแบบไม่ยกย่องเป็นกษัตริย์ว่าถูกตัดศีรษะถึงแก่พิราลัยบ้าง แต่คนยุคหลังยกย่องพระเจ้าตากสินในฐานะที่ทรงรวบรวมสยามกลับมาเป็นปึกแผ่นได้อีกครั้ง และพวกเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับความยากลำบากของชนชั้นขุนนางเก่าที่ต้องเผชิญความดุร้ายของพระเจ้าตากสินช่วงท้ายรัชกาล เมื่อพระเจ้าตากสินกลายเป็นบูรพกษัตริย์ที่คนไทยรักไปแล้ว ในขณะที่ราชวงศ์จักรีปัจจุบันก็เป็นที่รักของคนไทย ประวัติศาสตร์บางสายจึงสร้างเรื่องราวให้ทั้งพระเจ้าตากและราชวงศ์จักรีไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน เป็นทางออกแบบหนีความจริงไป
ต้นแนวคิดว่าพระเจ้าตากไม่ได้ถูกประหาร เริ่มเอาเมื่อปี พ.ศ.2492 ที่หลวงวิจิตรวาทการ มือเขียนประวัติศาสตร์ฉบับสร้างชาติยุคจอมพล ป. เขียนนิยายเรื่อง "ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน" ซึ่งหลวงวิจิตรเองก็ย้ำว่านี่เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่หนังสือประวัติศาสตร์จริง ท่านสมมุติตัวเองเป็นบรรณารักษ์เฝ้าหอสมุด และเจอกับผีตนนึงบอกให้ตัวเองบันทึกเรื่องราวตามคำผีบอก และเนื้อเรื่องช่วงท้ายกรุงธนก็บิดจากประวัติศาสตร์กลายเป็นมีตัวละครหลวงอาสาศึก รับบทตายแทนพระเจ้าตากไป โดยที่หลวงอาสาศึกนี้ไม่ถูกบันทึกในพงศาวดารใดๆ มาก่อนเลย ส่วนพระเจ้าตากตัวจริงหนีไปบวชที่นครศรีธรรมราชและไปเพชรบุรี ก่อนโดนคนร้ายลอบทุบหัวสวรรคตในอีกสองปีต่อมา
แม้คนส่วนใหญ่จะยังเชื่อว่าพระเจ้าตากถูกประหารจริง แต่การที่คนรุ่นหลังยอมรับพระเจ้าตากสินเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่ง จึงทำให้มีความเชื่อกันว่าการประหารชีวิตก็คงจะเป็นการทุบด้วยท่อนจันทน์แบบที่ประหารกษัตริย์องค์อื่นๆ และกลายเป็นแบบเรียนของเราในยุคต่อมา
ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน? ของแม่ชีวรมัยตีพิมพ์ปี พ.ศ.2516 ก็ถูกใช้อ้างอิงบ่อยๆ แถมเปลี่ยนประวัติศาสตร์อุตลุดยิ่งกว่านิยายเรื่องก่อนๆ เปลี่ยนสกุลพระเจ้าตากจากแซ่แต้ เป็นแซ่ลิ้ม และพระเจ้าตากไปติดหนี้คนจีน เพื่อจัดหาอาวุธมารับศึกอะแซหวุ่นกี้ แต่ไม่มีปัญญาใช้หนี้ เลยร่วมกับพระยาจักรีแกล้งถูกประหาร แล้วหนีไปบวชแทน โดยเวอร์ชั่นนี้คนถูกประหารแทนชื่อคุณมั่น และพระเจ้าตากไม่ได้ถูกตีหัวตาย แต่สวรรคตด้วยการถอดจิตทิ้งร่าง โอ้ว! อันนี้คือเดอะเบสต์โซลูชั่น! พระเจ้าตากก็ไม่ตาย! ร.1 ก็ไม่ได้ตั้งใจชิงบัลลังก์ แต่ร่วมมือกับพระเจ้าตาก!!
...ซึ่งเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ไม่ได้อ้างอิงจากเล่มไหน แต่มาจากการเข้าฌาณครับ (อื้อหืม?) แม่ชีได้สนทนากับพระนเรศวร (โอ้โห!!) พระนเรศวรก็เล่าให้ฟังว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ถูกประหาร ท่านได้สนทนากับพระอมิตาภะพุทธเจ้า แนะนำให้ยกบ้านเมืองให้พระยาจักรีดูแลแล้วแกล้งเป็นบ้าซะ จากนั้นพระเจ้าตากก็สละราชย์แล้วไปบวช ก่อนจะสวรรคตด้วยการถอดจิตทิ้งร่าง (อ้าหา!?) ยิ่งไปกว่านั้น... ตั้งใจฟังนะครับ... พระนเรศวรเล่าว่าชาติก่อนของพระเจ้าตากคือเปาบุ้นจิ้น อีกฉบับหนึ่งคือ ผู้อยู่เหนือเงื่อนไข ของสุภา ศิริมานนท์ ที่เอานิยายของหลวงวิจิตรมาแต่งต่อเพิ่มเติมรายละเอียด เป็น patch ใหม่ โดยจบที่มีคนตายแทนและพระเจ้าตากหนีบวชเช่นกัน เล่มนี้ตีพิมพ์ปี พ.ศ.2545
เล่มที่แม้จะไม่เกี่ยวกับฉากจบของพระเจ้าตากโดยตรง แต่ก็คงไม่พูดถึงไม่ได้คือ อภินิหารบรรพบุรุษ นิยายไร้ที่มาที่เป็นสมบัติของหม่อมเจ้าปิยภักดีนาถนักเก็บหนังสือเก่า ต่อมาเอามาคัดลอกตีพิมพ์ใหม่ โดยฉบับที่พิมพ์เผยแพร่น่าจะเป็นผลงานดัดแปลงของ ก.ศ.ร.กุหลาบ ที่ทำขึ้นในสมัย ร.5 และกลายเป็นแม่แบบประวัติพระเจ้าตากสินช่วงก่อนเสียกรุง เพราะฉบับอื่นๆไม่ค่อยมีเรื่องราวบันทึกไว้ เช่นเรื่องพ่อแม่ และวันเดือนปีเกิดของพระเจ้าตาก เรื่องที่นายสินเคยบวชและได้พบกับทองด้วงตอนบิณฑบาต มีคนจีนมาทำนายว่าจะได้เป็นกษัตริย์ทั้งสององค์ เป็นต้น
ความหลงในสงสาร ของสุทัสสา อ่อมค้อม ปี พ.ศ.2549 เป็นอีกฉบับที่นำคำบอกเล่าจากหลวงพ่อจรัญซึ่งเล่าว่าได้พบกับพระเจ้าตากซึ่งกลายร่างเป็นพระวิสุทธิเทพไปแล้ว มาแนวคล้ายของแม่ชีวรมัย และเป็นที่ถูกใจคอนิยายบ้านเราพอสมควร เพราะไม่มีพระนเรศวรและเปาบุ้นจิ้น แต่เนื้อเรื่องยังคงเป็นเดอะเบสต์โซลูชั่นที่หาทางลงให้ทั้งพระเจ้าตากและพระยาจักรีได้ แถมดักคอไว้ว่าใครจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่สติปัญญาและสัมมาทิฐิของแต่ละคน (คือด่าคนไม่เชื่อไว้กลายๆ) - แต่งให้พระเจ้าตากเป็นโอรสลับของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
- พระเจ้าตากให้พระสหาย (ร.1) ร่วมมือกันจัดฉากหนีหนี้จีน
- ผู้ถูกประหารแทนคือหลวงอาสาศึก ตามนิยายฉบับหลวงวิจิตร
- พระเจ้าตากไปบวชที่เพชรบุรี และถูกคนร้ายตีหัวสวรรคต
- แต่งต่อให้คนร้ายฆ่ากันตายเอง ส่วนพระเจ้าตากบรรลุอรหันต์เป็นพระวิสุทธิเทพ
หลวงปู่ฤาษีลิงดำก็เคยเล่าเรื่องว่าได้พบดวงวิญญาณพระเจ้าตากสิน มาเฉลยพล็อตแนวๆนี้เหมือนกัน
ซึ่งฟังยังไงก็แค่คนอ่านประวัติศาสตร์เป็นบางท่อนบางตอน+ไปอินกับนิยายของคนอื่น แล้วพยายามแต่งเรื่องขึ้นมาสนับสนุนพล็อตหลักของตนเอง ซึ่งอันที่จริงถ้าอ่านประวัติศาสตร์ลงลึกไปอีกสักหน่อยจะพบว่านิยายพวกนี้พล็อตโฮลเยอะมากๆ ครับ
การให้พระเจ้าตากเป็นโอรสลับของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มาจากแนวคิดโบราณที่ไม่ต้องการยอมรับคนธรรมดาขึ้นเป็นกษัตริย์ หากเป็นโอรสพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจริง พระเจ้าตากย่อมต้องอ้างสิทธิ์ในบังลังก์ได้ ไม่ต้องไปตามล่ารัชทายาทกรุงศรีอยุธยามากำจัด (ทั้งกรมหมื่นเทพพิพิธ เจ้าศรีสังข์ และเจ้าจุ้ย) ไม่ต้องแต่งสำเภาไปเจริญสัมพันธ์จิ้มก้องหลายรอบกว่าจีนจะยอมรับให้เป็นกษัตริย์กรุงสยาม และไม่ต้องแสดงธรรมช่วงท้ายรัชกาลเพื่อปิดจุดอ่อนเรื่องที่ไม่มีเลือดเจ้า ที่สำคัญกษัตริย์อยุธยาไม่จำเป็นต้องมีสนมลับ เพราะสามารถแต่งตั้งชาวบ้านคนไหนขึ้นมาเป็นภรรยาก็ได้อย่างเปิดเผย แต่ที่ผ่านมามีการอ้างว่าเป็นโอรสลับของอดีตพระเจ้าอยู่หัวหลายครั้งช่วงที่เปลี่ยนราชวงศ์ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน ว่าคนครองแผ่นดินต้องมีเชื้อเจ้าเท่านั้น ในสมัยอยุธยา 3 ราชวงศ์แรกล้วนเป็นเจ้าจากอาณาจักรต่างๆ ทั้งละโว้ สุพรรณภูมิ และสุโขทัย แต่พอพระเจ้าปราสาททองโค่นราชวงศ์สุโขทัยแล้วก็มีการอ้างว่าเป็นโอรสลับของพระเอกาทศรถ เช่นเดียวกัน ตอนพระเพทราชาร่วมกับพระเจ้าเสือโค่นราชวงศ์ปราสาททอง พระเจ้าเสือก็อ้างตนเป็นโอรสลับของพระนารายณ์ แต่พระเจ้าตากไม่เคยอ้างตน และพยายามทำให้ผู้คนรวมทั้งจีนยอมรับสิทธิ์ในการปกครองชาวสยามโดยไม่มีเชื้อเจ้า จนสุดท้ายจีนต้องยอมรับว่าไม่มีใครที่สมเป็นผู้ปกครองชาวสยามเท่าพระเจ้าตากสินอีกแล้ว
ที่ให้พระเจ้าตากหนีหนี้จีนก็ฟังดูไม่มีเหตุผลหลายประการ ประการแรกกรุงธนบุรีฟื้นตัวขึ้นมาด้วยสมบัติที่ชาวกรุงศรีอยุธยาฝังไว้ในดินบ้าง ตามวัดบ้าง ช่วงแรกสร้างกรุงธนบุรี ท่านเปิดประมูลค่าภาคหลวงการขุดทรัพย์ ทำให้ชาวไทยและจีนเข้ามาทำลายเมืองเก่ากันมากเพื่อโกยทรัพย์สมบัติกลับไปตั้งตัวในราชธานีใหม่ อีกทั้งมีการฟื้นการค้าขายกับต่างชาติ ขยายพื้นที่ทำนา เก็บส่วยจากประเทศราช ฯลฯ
เดิมทีจีนไม่สนับสนุนชุมนุมต่างๆที่ตั้งตัวเป็นใหญ่แทนที่จะช่วยเชื้อสายกษัตริย์กอบกู้อยุธยา กว่าจีนจะยอมรับพระเจ้าตากสินเป็นกษัตริย์ก็ล่วงไปปลายรัชกาล พระเจ้าตากสินส่งสำเภาชุดใหญ่ไปจีนในปี พ.ศ.2324 (ทั้งที่พงศาวดารฉบับต้นรัตนโกสินทร์ทั้งหลายระบุว่าตอนนั้นท่านเป็นบ้า) แต่พระเจ้าตากสินก็ถูกประหารก่อนเรือเดินทางกลับ พอเปลี่ยนรัชกาล ร.1 อ้างว่าเป็นบุตรของพระเจ้าตากเพื่อให้จักพรรดิจีนยอมรับว่าเป็นกษัตริย์สยาม ยิ่งขัดกับพล็อตนิยายที่แต่งให้เปลี่ยนรัชกาลเพื่อหนีหนี้จีน
หาก ร.1 ร่วมมือเล่นละครหลอกให้คนเข้าใจว่าพระเจ้าตากถูกประหาร เพื่อให้พระเจ้าตากหนีไปอย่างปลอดภัย แล้วการประหารขุนนางและเชื้อพระวงศ์กว่า 150 คนคืออะไร? มีบันทึกชัดเจนว่าช่วงเปลี่ยนรัชกาลมีการเปลี่ยนตำแหน่งในราชสำนักกว่าร้อยอัตรา อีกทั้งลูกน้องและเชื้อพระวงศ์สายพระเจ้าตาก ก็หมดบทบาทไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไทยเกือบจะสิ้นเชิง
จนถึงบัดนี้ผ่านมา 238 ปีแล้ว มีมรดกจากวีรกรรมของพระเจ้าตากสินที่ตกทอดมาถึงคนยุคหลังมากมาย กลุ่มชุมนุมต่างๆ ที่แตกกระจายไปหลังเสียกรุงได้ถูกรวบรวมเข้ามาเป็นกลุ่มประชากรที่สืบเชื้อสายมาเป็นคนไทยปัจจุบัน บางกอกที่พระเจ้าตากสินเลือกเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรก็ยังคงถูกใช้เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยในปัจจุบัน สำหรับสถาบันกษัตริย์นั้น แม้จะปรับบทบาทไปจากอดีต แต่การวางตนให้เหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบันย่อมทำให้สถาบันมีความมั่นคงยั่งยืนโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอดีตเพื่อสร้างความชอบธรรมในประวัติศาสตร์แต่อย่างใด
Create Date : 06 เมษายน 2563 |
Last Update : 9 เมษายน 2563 22:15:25 น. |
|
60 comments
|
Counter : 4948 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเนินน้ำ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกาบริเอล, คุณกะว่าก๋า, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณMax Bulliboo, คุณตะลีกีปัส, คุณRinsa Yoyolive, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณเริงฤดีนะ, คุณmariabamboo, คุณTui Laksi, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณ**mp5**, คุณInsignia_Museum, คุณmcayenne94, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณkae+aoe, คุณJinnyTent, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก |
โดย: ชีริว วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:9:31:30 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:10:40:33 น. |
|
|
|
โดย: sasarai IP: 117.121.213.18 วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:11:03:04 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:11:56:38 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:12:30:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:12:58:46 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:18:44:24 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:20:27:18 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:20:29:27 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:20:52:10 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 เมษายน 2563 เวลา:23:59:27 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:2:11:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:6:24:53 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:8:36:45 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:9:38:57 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:23:01:56 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:23:34:40 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:21:12:31 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:21:52:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:22:06:38 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:22:48:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:6:26:02 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:11:19:30 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:12:29:48 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:12:34:19 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:13:58:45 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 เมษายน 2563 เวลา:15:41:29 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:8:13:39 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:15:13:54 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:18:26:06 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:22:25:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:22:30:21 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 เมษายน 2563 เวลา:22:55:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:6:13:34 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:8:09:10 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:8:24:53 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:11:40:42 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:15:31:49 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:21:08:17 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:23:37:57 น. |
|
|
|
โดย: วัชรินทร์ IP: 110.78.138.64 วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:11:02:04 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:11:48:56 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:13:52:43 น. |
|
|
|
โดย: หนูดี IP: 171.96.190.79 วันที่: 11 มีนาคม 2566 เวลา:18:22:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|