อยุธยายศยิ่งฟ้า (2): รอบบึงพระราม
แผนที่โบราณสถานในเกาะเมืองอยุธยา (click ที่รูปเพื่อชมภาพขยาย)
มาต่อจากบล็อกที่แล้วครับ เลยจากเขตพระราชวังลงมาทางใต้อีกนิดหน่อย
ทางทิศใต้ของทุ่งพระเมรุหน้าวัดพระศรีสรรเพชญ์เดิมเป็นคุกหลวงสมัยอยุธยา แต่ท่านปรีดี พนมยงค์ ได้ย้ายจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าซึ่งเป็นเรือนไทยมาตั้งที่นี่ เพื่ออนุรักษ์เรือนไทยดั้งเดิมให้ประชาชนได้ศึกษา ให้ชื่อว่า คุ้มขุนแผน ก็เพื่อให้สอดคล้องกับตำนานว่าขุนแผนเคยมาติดคุกอยู่ในคุกเดิมแถวนี้เท่านั้นเอง ขึ้นไปชมได้ฟรีนะครับ
ถัดลงมาอีกเป็นปางช้าง เรียกว่า วังช้างอยุธยาแลเพนียด สำหรับนักท่องเที่ยวขี่ช้างชมเมือง ชีวิตนี้ผมยังไม่เคยนั่งช้างเลยครับ ที่วังช้างยังมีแสดงโชว์ช้างด้วยนะ แต่ละรอบห่างกันครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 10.30 - 14.30 น. ของทุกวัน ชมฟรีครับ จะอุดหนุนนั่งหลังช้าง 10 นาที 100 บาท / 20 นาที 200 บาท หรือจะถ่ายรูปคู่กับช้าง 40 บาท ก็ได้
หน้าวังช้างคือ วัดเกษ เป็นวัดหน้าคุก แต่ประวัติถูกวังช้างบดบังไปหมดแล้ว แรกๆผมเข้าใจว่าวัดเกษคือวังช้างซะด้วยซ้ำ
บริเวณถนนและวงเวียนด้านหน้าวัดเกษเป็นย่านศูนย์กลางพระนครในสมัยอยุธยามีตลาดมีผู้คนอยู่คึกคัก บริเวณหน้าคุก (หรือคุ้มขุนแผนในปัจจุบัน) เป็นที่นิยมตัดหัวนักโทษมาเสียบประจานเลยเรียกว่าย่านตะแลงแกง (ตะแลงแกงคือสถานที่ตัดหัวนักโทษสมัยก่อน)
ถัดลงมาอีกคือ ศาลหลักเมือง ครับ มีศาลหลักเมืองใหม่สร้างอยู่ติดกับศาลพระกาฬสมัยอยุธยาเลย ตัวศาลหลักเมืองเดิมบันทึกว่าสร้างติดกับศาลพระกาฬ แต่หายสาบสูญไม่เหลือซากให้ดูแล้วครับ
ศาลหลักเมืองใหม่ สร้างครอบเสาหลักเมืองที่ทำจากไม้มงคลชัยพฤกษ์ในปี พ.ศ.2525
|
ศาลพระกาฬ ถูกสร้างช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ขุดพบเทวรูปพราหมณ์และพระพุทธรูป คาดว่าเดิมถูกสร้างเป็นเทวสถานของพราหมณ์ และเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของพุทธในภายหลัง
| เรามาเดินเที่ยวบึงหน้าพระราชวังกันต่อครับ ที่นี่คือ บึงพระราม หรือชื่อในอดีตคือหนองโสนหรือบึงชีขัน สถานที่ที่พระเจ้าอู่ทองเลือกสร้างพระราชวัง และขุดดินจากหนองเข้าถมวัง ทำให้หนองโสนกว้างใหญ่ขึ้นกลายเป็นบึงกลางเมืองอยุธยา เกาะแก่งกลางบึงเชื่อมต่อกันเป็นทางเดินชมวิวสวยๆ และมีวัดน้อยใหญ่ตามเกาะแก่ง เหมาะเดินเที่ยวหน้าหนาวยิ่งนัก ยิ่งตอนนี้จัดงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกครอบคลุมพื้นที่ถึงกลางบึงพระรามเลย เย็นๆน่าไปเดินเที่ยวนะครับ งานมีถึงวันที่ 24 ธ.ค. โน่นเลย
วัดพระราม อยู่ริมบึงพระราม ตรงข้ามทุ่งพระเมรุ พระราเมศวรบุตรของพระเจ้าอู่ทองให้สร้างขึ้นบริเวณที่เป็นที่เผาพระบรมศพพระเจ้าอู่ทองเมื่อปี พ.ศ.1912 ตั้งชื่อวัดพระรามเพื่อเทิดทูนพระเจ้าอู่ทองดั่งพระราม ตามคติว่าเมืองอโยธยาศรีรามเทพนครนี้คือเมืองของพระรามนั่นเอง (อยุธยายุคต้นยังคงใช้ชื่อเมืองเดิมตั้งแต่ก่อนย้ายเมือง และนับเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของพระรามจนเสียกรุงครั้งที่ 1 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นอยุธยา) และชื่อบึงพระรามก็ถูกเรียกตามชื่อวัดพระรามภายหลัง
กว่าวัดจะสร้างแล้วเสร็จก็ปาไปช่วงที่พระราเมศวรกลับมาครองราชย์ครั้งที่ 2 หลังจากถูกขุนหลวงพะงั่วยึดอำนาจไปหนนึง แต่พระราเมศวรได้จับกษัตริย์องค์ต่อมาคือพระเจ้าทองลันสำเร็จโทษและกลับมาครองราชย์ต่อ อ้อ พระเจ้าทองลันเป็นกษัตริย์องค์แรกของอยุธยาที่ถูกสำเร็จโทษ (ทุบด้วยท่อนจันทร์ สถานที่ประหารคือวัดโคกพระยาด้านเหนือนอกเกาะเมือง... และกลายเป็นธรรมเนียมการประหารเจ้านายชั้นสูงในกาลต่อๆมา) รวมระยะเวลาครองราชย์ได้ 7 วัน สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
ปรางค์ประธานของวัดเป็นปรางค์แบบขอมที่พบได้ทั่วไปในศิลปะอยุธยาตอนต้น แสดงความต่อเนื่องของอารยธรรมแบบลพบุรี แต่มีร่องรอยการบูรณะในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมมีพระปรางค์เรียงกันสามองค์คล้ายที่ปรางค์สามยอดหรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี แต่องค์เล็กพังทลายลงไปแล้ว
วัดนี้เสียค่าเข้า 10 บาทนะครับ เป็นไม่กี่วัดที่ต้องเสียค่าเข้า แสดงว่าจัดเป็นวัดดัง รอบปรางค์ประธานมีเจดีย์รายและร่องรอยปูนปั้นมากมาย ระเบียงคดมีเศษพระพุทธรูปหักพังไว้ให้พอเดาภาพอดีตได้ลางๆ
ที่ติดกับบึงพระรามมีวัดใหญ่อยู่สองวัด คือวัดพระรามและอีกวัดหนึ่งที่อยู่คนละฝั่งกันคือวัดมหาธาตุครับ วัดมหาธาตุ สร้างในสมัยขุนหลวงพะงั่วในปี พ.ศ.1917 ตามธรรมเนียมการใช้พระมหาธาตุเป็นศูนย์กลางของเมืองตามที่ดำเนินมาในหลายอาณาจักรโบราณ แต่หลังพระบรมไตรโลกนาถสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์ในเขตพระราชวังเพื่อรวมอำนาจฝั่งศาสนาเข้าไว้ด้วยกันกับวัง ศูนย์กลางจิตใจของชาวอยุธยาก็ย้ายจากมหาธาตุไปอยู่ที่องค์พระศรีสรรเพชญดาญาณ แต่วัดนี้ก็ยังเป็นวัดสำคัญและเป็นที่ประทับของสังฆราชฝ่ายคามวาสีในสมัยอยุธยาด้วย
จุดสำคัญที่สุดของวัดนี้ในสมัยก่อนแน่นอนว่าเป็นปรางค์ประธานที่ใหญ่โตสมศักดิ์ศรีศูนย์กลางอยุธยา แต่ในยุคนี้ต้องเศียรพระปกคลุมด้วยรากโพธิ์นี่เลยครับ เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของอยุธยาเช่นเดียวกับอนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดไชยวัฒนาราม
พระปรางค์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในผอบศิลาบรรจุสถูปอัญมณีซ้อนกัน 7 ชั้น ฝังไว้ลึก 17 เมตร จึงพ้นมือพวกขุดกรุมาได้ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาครับ
สถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พบในวัดมหาธาตุ
องค์พระปรางค์มหาธาตุเคยมีความสูงถึง 50 เมตร แต่ได้พังทลายลงมาในปี พ.ศ.2447 สมัยรัชกาลที่ 5 สามารถหาภาพถ่ายเก่าๆสมัย ร.5 ดูสภาพก่อนพังทลายได้นะครับ พระปรางค์เป็นแบบขอมเช่นเดียวกับวัดพระราม และวัดอรุณที่กรุงเทพก็สร้างตามแบบวัดมหาธาตุนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ปรางค์เคยพังทลายมาครั้งหนึ่งในสมัยพระเจ้าทรงธรรม และถูกบูรณะในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ก่อนจะถูกทิ้งร้างพร้อมวัดอื่นๆช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2
พระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยาตอนต้นด้านหลังพระธาตุ อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่าพระพุทธรูปองค์อื่นๆในระเบียงคด
ที่ติดกับวัดมหาธาตุด้านทิศใต้มีวัดเล็กๆชื่อวัดนก จากลักษณะปรางค์คาดว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนต้น พระมหาธรรมราชาเคยให้ญาติโยมของมหาเถรคันฉ่องมาตั้งบ้านเรือนอยู่หลังวัดนก ส่วนมหาเถรคันฉ่องให้ไปจำพรรษาที่วัดมหาธาตุ ในอดีตบริเวณนี้ไปจนถึงวัดโพงด้านล่างเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวมอญและตลาดเครื่องทองเหลืองขนาดใหญ่ด้วย
ถัดลงมาจากวัดนกมีวัดเล็กๆกระจายอยู่ทั่วบึงพระรามเลยครับ วัดทั้งหมดนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น นับเป็นวัดรุ่นแรกๆของอยุธยาเลย ส่วนใหญ่เป็นวัดขนาดไม่ใหญ่โต น่าจะสร้างโดยผู้มีอันจะกินสมัยนั้นที่นิยมสร้างวัดจนในเกาะเมืองมีแต่วัดเนืองแน่นไปหมด แม้จะเหลือมาถึงยุคปัจจุบันไม่กี่วัดแต่ก็ยังเต็มแผนที่จนคนแปะจุดมือหงิก (ที่ลงไว้ยังไม่ครบซากวัดที่เหลืออยู่จริงๆด้วยซ้ำ)
วัดหลังคาดำ อยู่ทางตะวันตกถัดจากวัดนก เจดีย์เป็นทรงระฆังบนฐานแปดเหลี่ยม ชื่อถูกตั้งภายหลังให้สอดคล้องกับชื่อวัดหลังคาขาว
วัดหลังคาขาว อยู่ทิศเหนือของวัดหลังคาดำ เจดีย์เป็นทรงระฆังบนฐานแปดเหลี่ยมแบบเดียวกับวัดหลังคาดำเลย
วัดสังขปัด อยู่ทางใต้ของวัดหลังคาดำ เหลือแค่เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม 1 องค์
วัดโพง อยู่ทางตะวันออกของวัดสังขปัด ล้อมรอบด้วยน้ำ ประธานเป็นเจดีย์ทรงปราสาท
แนวคลองโบราณ
|
แนวถนนโบราณ
| อยุธยามหาปราสาท สร้างเป็นที่สถิตดวงวิญญาณของบรรพกษัตริย์ของอยุธยา สมัยก่อนอยุธยาถือเป็นเมืองที่มีอาถรรพ์ทำมาค้าไม่ขึ้น ผู้ว่าอยุธยาจึงสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทองและอยุธยามหาปราสาทขึ้นในปี พ.ศ.2513 เพื่อแก้เคล็ด
พระที่นั่งเย็น อยู่ทางตะวันตกของวัดสังขปัด คาดว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนปลายเป็นที่นั่งชมเรือ แต่อาคารที่เห็นปัจจุบันนี้สร้างทับลงไปบนโบราณสถานอีกที ส่วนที่หลงเหลือให้ดูมีแค่ฐานอาคารเก่ายื่นออกมาครับ
วัดไตรตรึงค์ อยู่ทางใต้ของพระที่นั่งเย็น ติดกับถนนป่าโทน เจดีย์วัดนี้เหลือแค่ฐานราก
สวนสาธารณะบึงพระรามเป็นสถานที่ๆจอมพล ป. สร้างขึ้นในช่วงฟื้นฟูอยุธยาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นที่หย่อนใจยอดนิยมของคนอยุธยารุ่นแม่ผมครับ สมัยนี้ไม่ค่อยเห็นคนเข้าไปสักเท่าไหร่แต่เขาก็บำรุงรักษาอยู่เรื่อยๆนะ พวกรูปปั้นพระแม่ธรณีหรือพระพุทธรูปที่เห็นกระจายอยู่ทั่วบึงนี้ผลงานสมัยสร้างสวนสาธารณะใหม่ๆทั้งนั้น
พวกน้าๆผมเที่ยวบึงพระรามในปี พ.ศ.251x
ปัจจุบันนานๆครั้งจะมีการจัดงานเข้ามาถึงบริวณนี้ ช่วงนี้มีงานยอยศยิ่งฟ้าที่จัดขึ้นทุกปีอยู่แล้ว หนนี้ (15-24 ธ.ค.) เขตการจัดงานขยายมาถึงด้านในของบึงพระรามเลย หลังเสียกรุงครั้งที่สองนี่อาจเป็นครั้งแรกที่แถบนี้กลับมาคึกคักก็ได้นะครับ
บริเวณวัดหลังคาขาวจัดเป็นโซนตลาดย้อนยุค
Create Date : 22 ธันวาคม 2560 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2560 21:09:28 น. |
|
50 comments
|
Counter : 8048 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmcayenne94, คุณKavanich96, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmultiple, คุณอาคุงกล่อง, คุณกะว่าก๋า, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณSai Eeuu, คุณkae+aoe, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณlovereason, คุณRinsa Yoyolive, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณSweet_pills, คุณหงต้าหยา, คุณmastana, คุณClose To Heaven, คุณhaiku, คุณmoresaw, คุณเนินน้ำ, คุณNaiKonDin, คุณJinnyTent, คุณInsignia_Museum, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณThe Kop Civil, คุณโอพีย์ |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ธันวาคม 2560 เวลา:22:29:02 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 22 ธันวาคม 2560 เวลา:22:46:35 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:0:27:15 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:3:22:39 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:3:28:14 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:5:10:16 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:5:28:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:6:22:37 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:8:42:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:10:33:19 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:10:48:03 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:11:01:47 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:13:24:47 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:15:51:30 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 23 ธันวาคม 2560 เวลา:21:28:30 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:0:24:19 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:1:37:32 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:8:48:48 น. |
|
|
|
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:12:12:27 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:20:35:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:22:22:35 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 24 ธันวาคม 2560 เวลา:22:51:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:6:39:09 น. |
|
|
|
โดย: moresaw วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:8:39:09 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:11:28:39 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:12:39:47 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:18:15:28 น. |
|
|
|
โดย: NaiKonDin วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:18:17:39 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:19:12:08 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 ธันวาคม 2560 เวลา:23:32:48 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 26 ธันวาคม 2560 เวลา:10:38:04 น. |
|
|
|
โดย: เมษาโชดดี วันที่: 27 ธันวาคม 2560 เวลา:2:02:33 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2560 เวลา:6:29:46 น. |
|
|
|
โดย: คริษฐ์ อุมะวิภาต IP: 49.229.79.57 วันที่: 3 กรกฎาคม 2561 เวลา:2:24:50 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 21 กรกฎาคม 2561 เวลา:19:39:48 น. |
|
|
|
|
|
อยุธยาเป็นดินแดนแห่งวัดจริงๆ
ถ้าไม่ถูกเผาทำลายไปในช่วงสงคราม
จะยิ่งสวยงามกว่านี้นะครับ
ดูภาพในบล้อกน้องชีริวซะเพลินเลยครับ
พี่ก๋าอัพบล็อกมา 11 ปีแล้ว
กำลังจะครบ 5 พันบล็อกด้วย
บ้ามากๆเลยครับ 555