Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
ย้อนอดีตเยือนเมืองแห่งแรกของชนชาติไทย โยนกนาคพันธุ์-หิรัญนครเงินยาง



บล็อกประวัติศาสตร์บล็อกแรกของปีนี้ขอเปิดฉากด้วยประวัติศาสตร์ยุครุ่งอรุณแห่งชนชาติไทยครับ ตามที่เรารู้กันแล้วว่าในสุวรณภูมิแห่งนี้มีเมืองและอาณาจักรโบราณเกิดขึ้นและแตกดับไปมากมาย ก่อนจะกลายเป็นประเทศไทยดังทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นสุโขทัย อยุธยา ทวาราวดี ละโว้ สุพรรณภูมิ ศรีวิชัย ล้านนา หริภุณชัย พิมาย นครศรีธรรมราช ฯลฯ แต่เราถือว่าพระนครศรีอยุธยาคือแกนหลักของสยามรัฐที่ประเทศไทยทุกวันนี้ได้สานต่อมรดกทางวัฒนธรรมของอาณาจักรอยุธยาที่ยิ่งใหญ่มา

ก่อนหน้านั้นรัฐไทยได้เกิดขึ้นกระจัดกระจายในพื้นที่นี้ แต่ยังมีบทบาทไม่เท่าอาณาจักรที่ชนชาติอื่นๆเป็นใหญ่ ดังเช่นทวาราวดีหรือหริภุญชัยที่เป็นของชนชาติมอญ และโจฬะเป็นของพวกทมิฬ คำว่า "ชนชาติไท" นั้นหมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเชื้อสายคนไทหรือใช้ภาษาไทย แบ่งเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่มทั้ง ชาวสยาม (ไทยภาคกลาง), ไทยวน (ภาคเหนือ), ไทโคราช (อีสาน), ไทใต้ (ภาคใต้), ไทลื้อ, ไทโยเดีย (อยุธยาที่ถูกกวาดต้อนไปพม่า), ฯลฯ

แล้วเมืองของชนชาติไทยแห่งแรกในดินแดนประเทศไทยปัจจุบันเริ่มต้นขึ้นที่ไหนล่ะ?

ตามที่เราเรียนกันมาว่าชนชาติไทยอพยพมาจากเทือกเขาอัลไตนั้นเป็นบทเรียนฉบับสร้างชาติที่เอาประวัติศาสตร์ฉบับหลวงวิจิตรวาทการมาเขียน ซึ่งประวัติศาสตร์ฉบับที่ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่เน้นความภาคภูมิใจในความเป็นมาของประวัติศาสตร์ไทยและความรู้สึกร่วมของการเป็นคนไทยมากกว่า

นักประวัติศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าคนไทยอพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีน ในขณะที่อีกหลายท่านเชื่อว่าคนไทยกระจัดกระจายอยู่บนแผ่นดินสุวรรณภูมิแห่งนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

ประวัติศาสตร์ภาคเหนือมีเรื่องราวของคนไทยที่ค่อนข้างเก่าแก่กว่าพื้นที่อื่นๆ แต่ส่วนมากเป็นตำนานคำบอกเล่ามากกว่าการบันทึกประวัติศาสตร์ จึงมักเต็มไปด้วยปาฏิหารย์และมีตัวละครอย่างนาคหรือฤาษีปรากฏอยู่บ่อยๆ นักประวัติศาสตร์เลยไม่ค่อยสนใจ แต่ในการศึกษาประวัติศาสตร์ยุคหลังเริ่มให้ความสำคัญกับตำนานพื้นบ้านเหล่านี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นหลักฐานที่มีความเก่าแก่ และพบว่ามีเค้าโครงของเรื่องจริงสอดคล้องกับหลักฐานอื่นๆหลายอย่าง หากตัดปาฏิหารย์ต่างๆออกและคัดเลือกชำระแล้วจะสามารถใช้เติมจิ๊กซอว์ของประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่เกินพงศาวดารจะกล่าวถึงได้



ตำนานสิงหนวัติได้เล่าถึงเรื่องของเจ้าชายสิงหนวัติผู้นำกลุ่มคนไทยอพยพจากตอนใต้ของจีน มาตั้งรกรากที่ลุ่มน้ำโขง ตามคำบอกเล่าของนาค ชิงดินแดนของพวกกล๋อม (ขอมดำ) แล้วสร้างเมืองโยนกนาคพันธุ์ขึ้นเป็นเมืองแห่งแรกของคนไทยในดินแดนแห่งนี้ โยนกหรือเมืองยวน มีความหมายว่าเมืองของยวน นั่นเป็นเพราะกลุ่มคนไทยที่สร้างเมืองนี้ขึ้นเป็นคนไทยวน ซึ่งต่อมาได้เป็นชนกลุ่มใหญ่ของทั้งล้านนาและจังหวัดในภาคเหนือปัจจุบันนั่นเอง

แต่สุดท้ายเมืองโยนกได้ล่มเป็นหนองน้ำไป เชื้อพระวงศ์และประชาชนเสียชีวิตเกือบหมด คนนอกเมืองที่เหลือรอดได้ย้ายมาตั้งเมืองใหม่ทางตอนใต้ โดยมีขุนลังขึ้นเป็นผู้นำและเริ่มการปกครองแบบประชาธิปไตย การตัดสินใจใดๆจะต้องทำประชามติ จึงเรียกเมืองนี้ว่าเวียงปรึกษา หรือเวียงเบิกสา แต่อยู่ได้ 93 ปี เวียงปรึกษาก็ถูกพุกาม (พม่า) เทคโอเวอร์ไป

ประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานชัดเจนของภาคเหนือจะเริ่มต้นในยุคหิรัญนครเงินยางที่รุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-18 ผู้ปกครองเมืองเงินยางคนแรกคือลวจักราชหรือปู่เจ้าลาวจก ผู้นำของชาวลัวะ ที่ว่ากันว่าเป็นโอปปาติกะ (กำเนิดเองโดยไม่มีพ่อแม่) ลงจากสรวงสวรรค์มาที่บริเวณดอยตุง

การอ้างว่าเป็นโอปปาติกะนี้มีเหตุผลทางการเมืองครับ กล่าวคือในยุคของโยนกนั้นคนไทยเป็นใหญ่ เหนือชาวลัวะซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเดิม แต่ชนชาติอื่นๆสามารถรับสิทธิ์ความเป็นไทยได้หากตั้งใจยอมรับวัฒนธรรมไทย และผ่านกระบวนการ "ทำให้เป็นไทย" เช่นเดียวกับที่จอมพล ป. ทำกับคนภาคอื่นๆเพื่อหลอมรวมความเป็นไทย กลุ่มของลวจักราชนี้แม้จะมีชาติกำเนิดเป็นลัวะ แต่ก็ถูกทำให้กลายเป็นคนไทยในสมัยโยนกนี้เอง น่าเสียดายที่ผู้นำคนไทยจมน้ำตายไปหมดแล้วตอนที่เมืองโยนกล่มเป็นหนองน้ำไป ทำให้คนในพื้นที่ขาดผู้นำและผู้สืบเชื้อสาย ไม่อาจมีผู้นำที่มีบารมีทัดเทียมกันไปคานอำนาจกับผู้นำของเมืองอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างพุกามหรือหริภุญชัย ในเมื่อไม่มีผู้สืบเชื้อเจ้า จึงสร้างปู่เจ้าลาวจกเป็นคนที่ฟ้าส่งมาเพื่อเป็นเจ้าคนใหม่ของพื้นที่แถบนี้ แล้วเมืองเงินยางก็เติบโตเรื่อยมา จนกระทั่งถึงยุคของพญามังรายผู้สืบเชื้อสายของลวจักราชองค์ที่ 24 ได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองเงินยางไปสร้างเมืองเชียงราย ก่อนควบรวมนครหริภุญชัย และเมืองอื่นๆ สร้างอาณาจักรล้านนาที่รวมรัฐไทยในภาคเหนือเป็นหนึ่งเดียวมายาวนาน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ ส่วนเมืองเงินยางนั้นพญาแสนภูหลานของพญาเม็งรายได้ทำการบูรณะสร้างเป็นเมืองเชียงแสน (คนรุ่นหลังจึงเรียกรวมกันเป็นเมืองเงินยางเชียงแสน) ซึ่งเรื่องของเชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่นั้นผมจะขอกล่าวถึงในบล็อกต่อๆไปนะครับ



บล็อกนี้จะเล่าถึงเมืองที่เก่าแก่กว่านั้นอย่างหิรัญนครเงินยาง และเมืองในตำนานอย่างโยนกนาคพันธุ์และเวียงปรึกษา ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่ตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆของเมืองทั้งสามก่อนครับ ยังไม่สามารถระบุขอบเขตเมืองที่ชัดเจนได้และมีการสร้างเมืองทับเมืองในพื้นที่นี้กันมาก (เช่นเมืองเชียงแสนสร้างทับเมืองเงินยาง) ทำให้ยากแก่การศึกษาว่าโบราณสถานต่างๆเกิดขึ้นมาในยุคใดกันแน่ ตำนานของวัดมักกำหนดให้วัดต่างๆมีอายุเก่าแก่เกินความเป็นจริง เช่นอ้างว่าพระธาตุดอยเวาสร้างขึ้นในยุคโยนกตั้งแต่ พ.ศ. 296 ทั้งที่จากหลักฐานชั้นดินชี้ว่าคนในพื้นที่นี้เพิ่งพ้นความเป็นยุคหินมาเมื่อพันกว่าปีที่แล้วเท่านั้นเอง




นครโยนกนั้นไม่มีอะไรหลงเหลือ เพราะล่มสลายกลายเป็นหนองน้ำหมด จะเหลือก็เพียงสิ่งก่อสร้างนอกเมืองที่ถูกอ้างว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโยนก ทำให้โยนกนาคพันธุ์เป็นเมืองในตำนานของไทยที่ลึกลับน่าค้นหามากที่สุดแห่งหนึ่ง

ส่วนตัวแล้วผมเชื่อตามหลักฐานทางโบราณคดีว่าโยนกนาคพันธุ์ดำรงอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-16 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นปี พ.ศ. ที่สร้างพระธาตุต่างๆหรือที่บอกว่าโยนกล่มสลายใน พ.ศ. 1088 ขอให้ลืมซะให้หมด และในบล็อกนี้จะไม่พูดถึงด้วยครับ ไทม์ไลน์ของโยนกนาคพันธุ์ขอใช้ตามนี้

- กษัตริย์องค์ที่ 1 พระเจ้าสิงหนวัติ ครองราชย์ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 สร้างเมืองโยนกนาคพันธุ์ขึ้น
- กษัตริย์องค์ที่ 3 พระเจ้าอชุตราช สร้างพระธาตุดอยตุง
- กษัตริย์องค์ที่ 8 พระองค์เกิง บรรจุพระบรมธาตุเพิ่มเติมในพระธาตุดอยตุง
- กษัตริย์องค์ที่ 10 พระองค์เวา สร้างพระธาตุดอยเวา
- กษัตริย์องค์ที่ 15 พระองค์งาม สร้างเจดีย์จอมผาเล็งโลก
- กษัตริย์องค์ที่ 21 พระองค์พิง สร้างพระธาตุผาเงา
- กษัตริย์องค์ที่ 43 พระเจ้าพังคราช โยนกตกอยู่ใต้การปกครองของขอม แต่พระเจ้าพรหมบุตรชายกู้เอกราชได้สำเร็จ เปลี่ยนชื่อเมืองโยนกเป็นโยนกไชยบุรี สร้างเมืองไชยปราการ สร้างพระธาตุจอมกิตติ
- กษัตริย์องค์ที่ 46 พระมหาชัยชนะ เมืองโยนกล่มเป็นหนองน้ำ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16

ส่วนองค์อื่นๆที่มีชื่อเสียงมากแต่ไม่ได้ครองเมืองโยนกไชยบุรีได้แก่พระเจ้าพรหม ราชบุตรของพระเจ้าพังคราช ซึ่งตีเมืองโยนกนาคพันธุ์คืนจากขอมได้สำเร็จ ให้บิดาปกครองเมืองต่อโดยเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นไชยบุรี (หรือชื่อเต็มคืออาณาจักรโยนกไชยบุรีศรีช้างแสน) และตนเองไปสร้างเมืองไชยปราการและไชยนารายณ์ขึ้น คนยุคหลังยกให้พระเจ้าพรหมเป็นมหาราชองค์แรกของไทย ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าตำแหน่งมหาราชของกษัตริย์ต่างๆนี้ใครเป็นคนตั้งและยอมรับได้มากแค่ไหน หลังยุคพระเจ้าพรหม พระเจ้าชัยศิริโอรส ขึ้นครองเมืองไชยปราการต่อ พวกขอมได้บุกโจมตีทำให้พระเจ้าชัยศิริต้องหนีข้าศึกลงมาทางตอนใต้และสร้างนครไตรตรึงษ์ขึ้น ประวัติศาสตร์ส่วนนี้เข้าใจว่าเพื่อเพิ่มความสำคัญให้เมืองโบราณทางตอนบน ว่าเป็นต้นกำเนิดของเมืองโบราณของไทยอื่นๆในพื้นที่ภาคกลางต่อมา ในความเป็นจริงเมืองและเจ้าเมืองต่างๆของภาคกลางอาจไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับราชวงศ์สิงหนวัติเลยด้วยซ้ำ

ในยุคของพระมหาชัยชนะ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเมืองโยนกนั้น ตำนานเล่าว่าชาวบ้านจับปลาไหลเผือกได้ จึงนำมาแล่แบ่งกันกิน ยกเว้นแม่ม่ายคนหนึ่งซึ่งไม่ได้กิน ตกกลางคืนมีเทพบุตรลงมาเตือนแม่ม่ายว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คืนนี้ห้ามออกจากบ้าน แล้วคืนนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนนครโยนกนาคพันธุ์ล่มเป็นหนองน้ำ เหลือเพียงบ้านของแม่ม่ายอยู่กลางหนองน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า "ดอนแม่ม่าย" คนส่วนใหญ่ในเมืองรวมทั้งเชื้อพระวงศ์เสียชีวิตทั้งหมด เป็นอันสิ้นสุดนครโยนกลงในคืนเดียว

จากการศึกษาภูมิศาสตร์ปัจจุบันพบว่าเรื่องแผ่นดินไหวจนเมืองล่มสลายนั้นมีมูลครับ เพราะตำแหน่งของเมืองโยนกนั้นอยู่ในแนวแผ่นดินไหวพอดี และบริเวณที่เมืองโยนกล่มสลายไปนั้นหลายๆคนเชื่อกันว่าคือทะเลสาบเชียงแสนในปัจจุบัน ทะเลสาบแห่งนี้มีเกาะกลางน้ำซึ่งชาวบ้านให้ชื่อว่า "เกาะแม่ม่าย" เชื่อกันว่าเป็นพื้นที่บ้านแม่ม่ายที่ไม่ได้จมลงไปด้วย



ปัจจุบันทะเลสาบเชียงแสนเป็นแหล่งดูนกยอดนิยมมีบริการที่พักริมทะเลสาบ มีถนนเข้าถึงได้สะดวก ครับ



อีกสถานที่หนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นตำแหน่งที่เมืองโยนกจมลงไปนั้นคือบริเวณที่มีลักษณะเป็นหนองน้ำลึก ครอบคลุมพื้นที่ ต.โยนก ใน อ.เชียงแสน และ ต.จันจว้า-ต.ท่าข้าวเปลือก ใน อ.แม่จัน ทางตะวันตกของทะเลสาบเชียงแสน สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า "เวียงหนองล่ม" (หรือชาวบ้านในพื้นที่เรียกเวียงหนองหล่ม) มาตั้งแต่ยุคโบราณกาล เป็นพื้นที่ๆไม่สามารถใช้งานอะไรได้ ไม่ว่าจะเพาะปลูก หรือสร้างสิ่งก่อสร้าง ไม่นานทุกอย่างก็จะถล่มจมหนองน้ำไป ภาพที่ถ่ายนี้คือเวียงหนองล่มซึ่งต้องเข้าจากถนนใหญ่ขับรถไปตามแนวคันดินถึง 4 กม. กรมทรัพยากรน้ำเพิ่งทำการปรับพื้นที่เวียงหนองล่มและฟื้นฟูแหล่งน้ำให้สามารถใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ได้ในปี พ.ศ. 2552 ครับ



ชาวบ้านต่างหวาดกลัวพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขารู้เรื่องประวัติศาสตร์ของเมืองโยนกแต่อย่างใด แต่ช่วงกลางคืนหลายครั้งพวกเขาจะได้ยินเสียงกลองและเสียงชาวบ้านโห่ร้องเหมือนมีงานเทศกาลดังขึ้นมาจากหนองน้ำ Smiley ผมเองก็อยากลองไปฟังตอนดึกๆสักครั้ง ถ้ามันเป็นเครื่องบันทึกเสียงดึกดำบรรพ์ที่จะพาเราไปฟังเสียงของงานเฉลิมฉลองของผู้คนในโยนกนาคพันธุ์ตั้งแต่เมื่อพันกว่าปีก่อนนะครับ นอกจากนี้ชาวบ้านยังดำหนองลงไปพบโบราณวัตถุและนำไปเก็บตามวัดต่างๆบ่อยๆด้วย เป็นไปได้มากว่าหนองน้ำแห่งนี้คือตำแหน่งที่เมืองโยนกจมลงไปและใต้หนองน้ำคงมีนครโบราณที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันบางส่วน รอให้มีผู้ค้นพบ

ปกติผมไม่เขียนบล็อกแนวต่วยตูนนะ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองในตำนานที่น่าค้นหานั้นมีอยู่จริงในประเทศไทย

กลางหนองน้ำแห่งนี้มีวัดพระพุทธทศพลญาณ หรือวัดป่าหมากหน่อ ซึ่งสร้างอยู่บนเกาะกลางหนองน้ำ หรือก็คือ "ดอนแม่ม่าย" ในตำนาน(ส่วนแม่ม่ายได้รับการช่วยเหลือจากคนนอกเมือง พาไปเวียงปรึกษาที่สร้างขึ้นมาใหม่ครับ) ซึ่งเดิมทีเกาะนี้อยู่ห่างชายฝั่ง 200 เมตร  จนกระทั่งคนในยุคหลังได้ปรับพื้นที่ทำคันดิน ถมหนองจนสามารถเข้าถึงตัววัดแห่งนี้ได้ และผู้มีจิตศรัทธาได้ทำการบูรณะวัดในปี พ.ศ. 2523 จนใหม่เอี่ยมปิ๊งๆ ผมว่าผมต้องรีบตระเวนเที่ยวโบราณสถานทั่วประเทศก่อนถูกคนจับบูรณะแล้วครับ



เนินทางขึ้นวิหารมีรูปปั้นปลาไหลเผือกตามตำนานด้วย ส่วนงูเหลือมอีกข้างไม่รู้มาจากตำนานไหน

วิหารใหม่ที่สร้างขึ้นบนเนินวิหารเดิม ดาบทองทิพย์นาคพันธุ์เป็นหนึ่งในโบราณวัตถุที่ชาวบ้านงมขึ้นมาจากในเวียงหนองล่มและเก็บรักษาไว้อย่างดีในวิหารแห่งนี้ครับ



ด้านหลังวิหารคือพระธาตุโยนกนครแสงคำ มีผึ้งขึ้นไปทำรังมากมายจนน่าขนลุก รอบๆเจดีย์ยังมีกองอิฐเก่าให้ดูบ้าง มีบ่อน้ำโบราณซึ่งใช้ตักน้ำบูชาพระเจดีย์ด้วย ปัจจุบันสร้างพญานาคล้อมขอบบ่อไว้





นอกจากวัดป่าหมากหน่อแล้ว ในอำเภอเชียงแสนยังมีโบราณสถานสำคัญต่างๆที่ตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโยนกหลายแห่ง เช่นวัดพระธาตุผาเงาและวัดพระธาตุจอมกิตติ ส่วนที่แม่สายมีพระธาตุดอยเวา และที่แม่ฟ้าหลวงมีพระธาตุดอยตุง แต่ก็ต้องฟังหูไว้หูครับ บางทีคนที่เขียนตำนานวัดต่างก็ต้องการกำหนดอายุให้เก่าแก่ไว้ก่อน ตำนานพระธาตุหลายแห่งอ้างว่าพระพุทธองค์เดินทางมาถึงสุวรรณภูมิแล้วดึงผมตัวเองแจกให้คนเอาไปใส่พระธาตุตั้งแต่สมัยพุทธกาลด้วยซ้ำ


เที่ยวเชียงรายรอบนี้ผมไม่ได้ขึ้นดอยตุง เพราะเคยขึ้นไปสามรอบแล้วครับ

แล้วหน้าตาพระธาตุดอยตุงที่เห็นมาก็ไม่เหมือนกันสักรอบ ยิ่งบูรณะยิ่งสวยลงๆ



พระธาตุดอยตุง เป็นเจดีย์เก่าแก่ของล้านนาอีกแห่งหนึ่ง ตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยของพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งแคว้นโยนก เพื่อบรรจุกระดูกไหปลาร้าของพระพุทธเจ้า แล้วทำตุงยาว 1000 วาปักลงบนดอย ปลายธงปลิวไปถึงไหนก็กำหนดให้เป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นในยุคของพญาเม็งรายได้สร้างเจดีย์ขึ้นข้างๆกันอีกองค์ เลยไม่รู้ว่าอันไหนของแท้ อันไหนของก้อป



รอยปักตุงเมื่อพันกว่าปีก่อนครับ



เทียบกับดอยอื่นๆแล้ว ดอยตุงมีความสูงมาก จุดที่สร้างพระธาตุดอยตุงนั้นสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,415 เมตร มองลงไปด้านล่างเห็นทะเลหมอกสวยงาม แต่คนถ่ายถ่ายไม่ค่อยสวย



ทางขึ้นสวยงามเต็มไปด้วยระฆังเรียงราย มีกาดดอยตุงขายของพื้นบ้านอยู่เชิงดอยด้วยครับ



หากมาดอยตุง ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะชมสวนแม่ฟ้าหลวง (ค่าเข้า 80 บาท) ที่เชิงดอยมีดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์สวยงาม มีลานประติมากรรม สวนหิน น้ำพุ ปลา และเป็ด ส่วนพระตำหนักดอยตุงและหอแห่งแรงบันดาลใจเก็บตังค์เหมือนกัน แต่ผมไม่เคยเข้าไปดู





ตอนเที่ยวช่วงปลายปีที่ผ่านมา วันที่ขึ้นแม่สาย ผมได้แวะพระธาตุดอยเวา ซึ่งพระองค์เวา กษัตริย์แคว้นโยนกได้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุ แต่ที่เห็นนี่บูรณะแล้วนะครับ



ดอยแห่งนี้ถูกเรียกว่าดอยเวา ตามชื่อของพระองค์ (เวาเป็นภาษาเหนือ หมายถึงแมงป่องช้าง) เมื่อมองลงมาจากด้านบนข้ามด่านศุลกากรแม่สายไปก็จะสามารถเห็นถึงฝั่งพม่าได้เลย



ด้านบนอากาศยามเช้าสดชื่นมาก มีคนขึ้นมาตั้งเต๊นท์กันบนนี้เลย (ไม่ควรนะ Smiley) นอกจากพระธาตุแล้วยังมีรูปเคารพสมเด็จพระนเรศวร, พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ, หุ่นขี้ผึ้งของพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงหลายรูป, ฯลฯ แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปมากที่สุดก็เจ้าแมงป่องช้าง (เวา) นี่ละครับ



ข้างๆเจ้าเวามีร้านกาแฟและขายอาหาร ผมเลยกินข้าวเช้าที่นี่เลยครับ ร้านอาหารประจำแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นแนวบังคับกิน รสชาติหมาถุย แต่ร้านนี้อาหารอร่อยกว่าที่คิดมากๆ



ด้านล่างก่อนลงไปถึงตลาดจะมีพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ด้านในมีพระเจ้าอินสาน เป็นพระสานด้วยไม้ไผ่ชุบทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ



ตลาดดอยเวา ข้างล่างเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของผู้เยี่ยมชมแม่สาย เดินออกไปหน่อยนึงจะถึงจุดผ่านแดนแม่สายที่ติดกับท่าขี้เหล็กของพม่าครับ ถึงจะไม่ได้ข้ามไปพม่า แต่ช้อปปิ้งแถวตลาดแม่สายนี้ก็คุ้มแล้ว





พระธาตุผาเงา เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมีคนเข้ามาสักการะหลวงพ่อผาเงาและพระธาตุกันไม่ขาดสาย พระธาตุผาเงาเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิส่วนหัวเข่า สร้างขึ้นโดยขุนผาพิงผู้ครองนครโยนก บนหินใหญ่ที่มีลักษณะยื่นออกจากผาให้ร่มเงา จึงเรียกว่า "พระธาตุผาเงา"





สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะสำรวจได้บุกเบิกแผ้วถางป่าและนายจันทา พรมมา หนึ่งในคณะสำรวจได้ฝันถึงภิกษุโบราณผิวดำร่างใหญ่มาเข้าฝันว่าให้นิมนต์พระ 8 รูปมาสวดถอนพื้นที่ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษที่คอยปกป้องที่แห่งนี้อยู่ แล้วลงมือบูรณะวัดจะพบกับสิ่งอัศจรรย์

เมื่อลงมือตามผีบอกก็พบว่าใต้ตอไม้หน้าฐานพระประธานมีอิฐก่อเรียงเป็นอย่างดี เมื่อรื้ออิฐออกก็พบแผ่นหน้ากากทึบก่อกั้นไว้ พอเอาหน้ากากออกก็พบพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามและสมบูรณ์มาก ผู้คนได้ให้นามว่า "หลวงพ่อผาเงา" ปัจจุบันได้มีการสร้างวิหารครอบพระประธานองค์ใหญ่และหลวงพ่อผาเงาไว้ในบริเวณเดิมที่ค้นพบนั้นเอง ในรูปหลวงพ่อผาเงาคือองค์เล็กด้านหน้าฐานพระประธานครับ



ขึ้นมาต่อด้านบนมีพระธาตุจอมจัน ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยของขุนลัง ผู้ครองเวียงปรึกษา ด้านหน้าของพระธาตุจอมจันมีอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2536 โดยมีต้นแบบจากวัดเชีบงทอง หลวงพระบาง ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบล้านช้าง งดงามมากครับ ถึงจะไม่ใช่ของเก่า แต่ได้เห็นความสวยงามระดับนี้แล้วก็คุ้มค่า



ตัวพระธาตุจอมจันอยู่ด้านหลังของอุโบสถ บนนี้เป็นดอยสูงวิวแม่น้ำโขงสวยงาม แต่ยังมีต่อให้ขึ้นไปด้านบนอีกครับ



ด้านบนสุดของดอยนี้มีพระธาตุเจ็ดยอด สร้างไว้ตั้งแต่สมัยขุนลังเช่นเดียวกัน และในปี พ.ศ. 2525 มีการสร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ครอบไว้



ภายในพระบรมธาตุมีรูปอัครสาวกและรูปจำลองพระพุทธรูปดังจากที่ต่างๆ ล้อมองค์พระธาตุเจ็ดยอดอยู่ ตัวพระธาตุเก่าแก่ตากแดดตากฝนมานานมากจนไม่เหลือสักยอดแล้วครับ กลายเป็นแค่กองอิฐเท่านั้นเอง



บนนี้สามารถชมวิวแม่น้ำโขงอันสวยงามได้ ด้านขวาของภาพนี้หากไปต่ออีกจะเป็นบริเวณปากแม่น้ำกก ฝั่งลาวจะเป็นบริเวณเมืองเก่าอาณาจักรสุวรรณโคมคำของพวกขอมที่สร้างขึ้นก่อนโยนกนาคพันธุ์ และทลายลงแม่น้ำโขงไป แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าในตำนาน ปัจจุบันไม่เหลืออะไรให้ดูแล้วนอกจากสันดอนกลางลำน้ำ และผมไม่ได้เลยไปดูครับ





พระธาตุจอมกิตติ สร้างโดยพระเจ้าพังคราชและพระเจ้าพรหมเพื่อบรรจุเส้นผมของพระพุทธเจ้าตั้งแต่สมัยโยนก และในยุคเชียงแสน หมื่นเชียงสงได้ทำการบูรณะเจดีย์ที่เหลือเพียงซากอิฐเป็นทรงปราสาทในปี พ.ศ. 2030 ซึ่งก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนที่เห็นหลังการบูรณะอีกครั้งในปี พ.ศ. 2498 นี่ละครับ ด้านหน้าพระธาตุคือฉัตรที่หักลงมาตอนเกิดแผ่นดินไหวในปี พ.ศ. 2550



ก่อนถึงพระธาตุจอมกิตติบนดอยเดียวกันนี้มีพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งสร้างโดยเจ้าสุวรรณคำล้านนาเจ้าเมืองเชียงแสน ในปี พ.ศ. 2030 พร้อมกับที่สั่งให้หมื่นเชียงสงไปบูรณะพระธาตุจอมกิตติ



ในเชียงรายมีวัดหลายแห่งที่สร้างบนดอย สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามได้ และอุโบสถของวัดจอมแจ้งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น



เชิงบันไดทางขึ้นพระธาตุจอมกิตติมีเจดีย์ซึ่งเชื่อกันว่าบรรจุอัฐิของพระเจ้าพังคราชและพระมเหสีไว้ครับ บริเวณนี้ถูกเรียกว่าวัดสวนสนุก บริเวณนี้ทั้งหมดทั้งวัดจอมแจ้งและวัดสวนสนุกก็ถือเป็นบริเวณวัดพระธาตุจอมกิตตินะครับ





สำหรับหิรัญนครเงินยางนั้น มีสิ่งก่อสร้างเก่าหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันบริเวณสามเหลี่ยมทองคำได้แก่ วัดพระธาตุภูเข้า ซึ่งนอกจากเป็นจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำยอดนิยมแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตามตำนานมีปูยักษ์แม่ลูกออกทำลายไร่นาชาวบ้านได้รับความเสียหายมาก ลวจักราชจึงนำภารกิจตามล่าปูเป็นวาระแห่งชาติ โดยสั่งลูกชายทั้งสามนำกองทัพออกไปสู้กับปู Smileyลาวเกลาบุตรคนสุดท้องสามารถกำจัดปูตัวลูกคนเล็กได้ 1 ตัว แต่ปูตัวแม่และลูกคนโตนั้นแข็งแกร่งมาก ฟันแทงไม่เข้า (เมพ!) มันหนีไปในถ้ำแห่งหนึ่งแล้วลงไปแม่น้ำโขง ทำให้การตามล่าประสบความล้มเหลว ลาวเกลาได้ครองเมืองเงินยางต่อจากความดีความชอบที่กำจัดปูได้ 1 ตัว เขาจึงสร้างวัดบริเวณที่ปูหนีไปนี้ เรียกชื่อว่าพระธาตุปูเข้า ต่อมาชื่อสถานที่แห่งนี้ก็เพี้ยนเป็นดอยภูเข้า บ้างก็เรียกว่าดอยเชียงเมี่ยง



เมื่อขึ้นมาด้านบนจะพบหลวงพ่อเชียงแสนสิงห์หนึ่ง ซึ่งสร้างขึ้นพร้อมพระธาตุ และพังทลายไปมาก ในอุโบสถใหม่มีพระพุทธรูปซึ่งจำลองจากลักษณะเดิมของหลวงพ่อเชียงแสนองค์นี้ครับ เป็นลักษณะที่เรียกว่าเชียงแสนสิงห์หนึ่งเช่นเดียวกับพระเจ้าล้านตื้อที่จมอยู่ในแม่น้ำโขง ซึ่งนับว่ามีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธรูปเชียงแสน



ขึ้นทางชันไปด้านบนต่อจะพบจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งสามารถขับรถขึ้นมาได้ และเมื่อขึ้นไปอีกจะพบพระธาตุภูเข้า ลักษณะเป็นมณฑปล้อมด้วยเจดีย์ 4 องค์ ตัวมณฆปถูกบูรณะไปแล้วเลยไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ที่น่าชมคือเจดีย์รายที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยหิรัญนครเงินยางมากกว่าครับ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 บริเวณนี้ยังมีอนุสรณ์สถานทหารญี่ปุ่นยุคสงครามโลกครั้งที่สองด้วยครับ







นับว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความเป็นมาเก่าแก่ยาวนาน อีกทั้งยังมีเรื่องราวน่าค้นหามากมาย ซ่อนเป็นเงาอดีตอยู่ในดินแดนที่สวยงามแห่งนี้ หากสนใจประวัติศาสตร์ภาคเหนือและประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยที่เก่าแก่กว่าสมัยสุโขทัยแล้ว เชียงรายเป็นสถานที่ที่ต้องมาครับ




ผู้สนใจประวัติของเมืองโบราณในเชียงราย ขอแนะนำเว็บนี้ละเอียดที่สุดแล้วครับ //www.thaigoodview.com/library/contest2551/social04/13/chiangrai_in_partnew/index/yonok1.html
แต่ปี พ.ศ. จะใช้ตามที่บันทึกในพงศาวดารเป็นหลัก ดังนั้นจะเก่าแก่เกินควรอย่างที่ว่าครับ

บล็อกต่อไปจะพาเที่ยวตัวเมืองเชียงรายตามรอยพญามังรายก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ และเที่ยวเมืองเชียงแสนซึ่งบูรณะขึ้นจากเมืองหิรัญนครเงินยางครับ Smiley


Create Date : 13 มกราคม 2556
Last Update : 23 กรกฎาคม 2560 16:06:19 น. 54 comments
Counter : 29752 Pageviews.

 
มาปูเสื่อจองก่อน นะ.. อ่านต้นๆ ไปหน่อย
.เหมือน จะกลับไปเรียนประวัติศาสตร์อีก เริ่มหาว แล้ว 555
ดูภาพ ไปพลางๆ
ไป ธุระ เด๋วมาใหม่ ก่อนอื่น ไหว้พระเอาฤกษ์ก่อน สาธุๆ


โดย: tifun วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:14:18:01 น.  

 
น้องชีริว
เที่ยวเหมือนไปทำงานด้านประวัติศาสตร์
สุดยอดเลยครับ

ข้อมูลแน่นมาก

พี่ก๋าไปแม่สาย เชียงรายเป็นระยะ
ยังไม่เคยขึ้นไปที่ดอยเวาเลยครับ



ปล. สวนที่พี่ก๋าถ่ายภาพมา
คือ สวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ที่แม่ริมครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:14:34:15 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายๆ ครับคุณชีริว .....

เรื่องของประวัติศาสตร์ ยังเป็นยาขมสำหรับหลายๆ คน รวมทั้งผมด้วย ขอสารภาพตามตรงอย่างไม่เกรงใจว่า ประวัติศาตร์เมืองเชียงแสนช่วงก่อนถึงภาพแผนที่ในบล็อกนี้ ผมอ่านได้ไม่หมดนะ มีอ่านผ่านๆ บ้าง ข้ามๆ ไปบ้างเหมือนกัน ยาขมจริงๆ ครับ .....



เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่อ่านสนุกสำหรับผม คือช่วงสมัยอยุธยาครับ โดยเฉพาะช่วงที่มีการแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์ ตั้งราชวงศ์ใหม่ ตอนละครขุนศึกมาฉายช่อง 3 ดูจบแล้วยังคาใจเลยไปหาอ่านเพิ่มเติม ก็พบว่าอ่านเพลินเหมือนได้อ่าน plot หนังเรื่องนึงเลยทีเดียว .....



พระธาตุดอยตุง ภาพติดตาที่ผมเคยเห็นครั้งสุดท้ายก็คือภาพในปี 2005 ครับ เพิ่งรู้ว่าปัจจุบันหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบแล้ว .....

พระธาตุภูเข้า ถ้าจำไม่ผิดผมเคยขึ้นไปอยู่ครั้งนึง เพราะบนนั้นเป็นจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำจากมุมสูงได้สวยมาก .....




โดย: NET-MANIA วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:14:39:42 น.  

 
มีภาพให้ดู ยิ่งอ่านยิ่งสนุกค่ะ

ภาพที่ริมโขงน่าจะ ก่อน 2530 ... รู้เลยว่ารุ่นไหนเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:14:50:29 น.  

 
ขอเวลาก่อนเดี๋ยวแวะมาอ่านครับ บล็อกแบบนี้ต้องมีสมาธิในการอ่าน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:19:11:37 น.  

 
อ๊ากกกกก
บล็อกนี้ข้อมูลแน่นปึ๊กเลย

คืนนี้อ่านไม่ได้แน่ มาลงชื่อก่อน

แน่นมาก

ของเค้าดีจริง

(อายาโกะล่ะ)

รออยู่ 555



โดย: ริน IP: 27.130.70.140 วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:21:18:03 น.  

 
ข้อมูลน่าสนใจมากๆ ค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:21:28:28 น.  

 
ขอ reference หน่อยพี่


โดย: rommunee วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:21:48:08 น.  

 
reference - ป้าย ททท., ป้าย DTAC, หนังสือท่องเที่ยวไทยกับนายรอบรู้ ฉบับเชียงราย, หนังสือตำนานเมืองเหนือของคุณสงวน โชติสุขรัตน์, หนังสือประวัติศาสตร์ล้านนา ของ ศ.สรัสวดี อ๋องสกุล แผนที่ทางหลวงของโกลบเทคปี 55, แผนที่ดาวเทียมของกูเกิ้ล ครับ

เลือกเอาข้อมูลส่วนที่ขัดแย้งกับหลักฐานอื่นๆน้อยที่สุดมาประมวลกัน

ตั้งใจว่าพออัพบล็อกประวัติศาสตร์หมดแล้วจะทำบล็อกรวมอาณาจักรทั้งหมดและไทม์ไลน์ แล้วลง ref ทั้งหมดทีเดียวครับ


โดย: ชีริว วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:22:38:23 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องเอ็ม พี่กิ่งเข้ามาอ่านช้าไปหน่อยค่ะวันนี้มีธุระทั้งวัน เข้าบล็อกซะดึกมากมาย น้องเอ็มคงยังไม่นอนนะคะ

พี่กิ่งเข้ามาอ่านแล้วโห..อัดแน่นเต็มไปด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์น้องเอ็มเก่งจริงๆค่ะหาข้อมูลมาเพียบบรรยายพร้อมภาพถ่ายได้ละเอียดมากมาย พี่กิ่งอ่านจนจบเลยค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับเนื้อหาที่ดีมีความรู้เอามาแบ่งปันค่ะ


แต่พี่กิ่งขอแย้งนิดนึงนะคะว่า น้องเอ็มลงเนื้อหามากไปหน่อยทำให้อ่านแล้วจำไม่ได้เลยค่ะ อิอิ พี่กิ่งว่าน้องเอ็มลงทีละเรื่องสองเรืองพอให้เด่นชัดและจำเนื้อหาได้ก็จะดีนะคะเพื่อนๆบล็อกจะได้ไม่ล้าในการอ่านค่ะ แหะ แหะ

อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ จขบ.นะคะ และถ้าน้องเอ็มทำตัวหนังสือให้โตกว่านี้หน่อยลงภาพใหญ่อีกนิดจะเยี่ยมมากเลยค่ะ เพราะพี่กิ่งเพ่งอ่านแล้วปวดตามากเลยค่ะ แหะ แหะ อย่าว่า สว.เน้อ อิอิ

พี่กิ่งไลท์ให้นะคะ

หลับฝันดีมีความสุขค่ะ




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:23:10:01 น.  

 
หูยๆๆๆ ทำเอาสะดุ้ง สะเืทือน ต้องล็อคอินเข้ามาอ่านต่อล่ะ

สาบานจะไม่กินปลาไหลเผือกเด็ดขาด จะได้โดดเดี่ยวในท่ามกลางดงแม่ม่าย 555

ขนาดวัดป่าหมากหน่อยังมีรูปปั้นปลาไหลเผือกเลย เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก
ย้อนยุคประวัติความเป็นมาที่ชวนติดตามอย่างมาก
เมืองทั้งเมืองล่มสลายภายในคืนเดียว



น่าคิดเหมือนกันนะว่า ไทยมาจากไหน จะว่าอพยพมาจากตอนใต้ของจีนก็น่าคิด เพราะส่วนใหญ่คนยุคเก่าก่อนนี่มาจากจีน เสื่อผืนหมอนใบทั้งนั้น
หรือไม่อีก ก็อยู่ในไทยนี่แหละ หลักฐานทางประวัติศาสร์เยอะมากชวนติดตาม


อ่านวัดวาอารามในเชียงแสน แม่สายแล้วทึ่ง
ล้วนเก่าแก่และมีประวัติความเ็ป็นมาที่น่าค้นหายิ่งนักอะ
ถ้าเป็นไปได้อยากสูบน้ำทะเลสาปเชียงแสนออกให้หมด แล้วเราก็จะเห็นว่า ด้านในหนองล่มนั้นเป็นอะไร หุหุ

น่าสนมากกก
เหมือนกว๊านพะเยาไง
น้ำลดจนเห็นวัดเก่าโผล่ขึ้นมาเลย ภายในนั้นน่าจะมีอะไรให้ลุ้นอยู่บ้างนะนั้น




แหมอาหารร้านกาแฟนั่นรสชาติหมาถุยเลยเหรอเนี่ย ไหนๆ ก็บอกพอรับทานได้บ้างกันหิว 555
ไม่ได้ข้ามไปฝั่งแม่สายพม่าก็ไม่ต่างกันค่า ซื้อของช็อปปิ้งที่นี่ฝั่งเรา ก็คนพม่าแหละมาขาย ราคาไม่ต่างกันด้วย
ข้ามไปที เด็กพม่า วิ่งมากระตุกเสื้อขอตังค์บ่อยๆ ตอนนี้น่าจะหมดมุขแล้วมั้ง อิอิ




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:23:10:21 น.  

 
อ้าวเม้นข้าเจ้าถูกแบน



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:23:10:54 น.  

 
อีกนิดนะคะ ที่พี่สายทองเค้ารู้เรื่องคนข้างบ้านพี่กิ่งตายเพราะี่พี่สายทองเค้าค้าขายในตลาดใกล้ๆบ้านพี่กิ่งค่ะ

ชาวตลาดเขาพูดกันแต่พี่กิ่งไม่รู้เพราะเช้ามาพี่กิ่งก็จะออกจากบ้านไปทำงานกลับก็เย็นแล้วไม่ได้ออกไปตลาดไปเจอใครๆเลยกลับถึงบ้านก็สอนพิเศษต่ออีกจนถึง ทุ่ม ถึงจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองค่ะ เป็นอย่างนี้ทุกวันทำให้พี่กิ่งไม่ค่อยจะรู้เรื่องของชาวบ้านสักเท่าไหร่ค่ะก็เลยไม่รู้เรื่องพี่คนนั้นที่เขาตายไปทั้งๆที่อยู่ข้างบ้านแท้ๆจ้า




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:23:17:03 น.  

 
กู้คืนเม้นท์คุณรินแล้วคร้าบ แหม่ ออโต้แบนคำของบล็อกแก๊งค์นี่น่ารำคาญจริง


ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของคนรอบๆตัวเท่าไหร่เหมือนกันครับพี่กิ่ง ยิ่งเป็นคนจำหน้าคนไม่ค่อยเก่งนี่ลำบากอ่ะ บางทีเขามาทักก็เออออทักตอบไป ใจก็นึกว่าไอ้หมอนี่ใครฟะ?


โดย: ชีริว วันที่: 13 มกราคม 2556 เวลา:23:21:15 น.  

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:3:59:05 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องเอ็ม นอนดึกเหมือนกันนะคะ อิอิ ขอบคุณมากเน้อที่ปรบมือให้พี่กิ่ง อิอิ แต่พี่กิ่งอ่านอย่างตั้งใจนะเพราะว่าพี่กิ่งจะต้องสอนวิชานี้เทอมหน้าจ้า ได้ความรู้จากน้องเอ็มมากโขเลยพี่กิ่งค้นคว้าจากในตำราก็ไม่เหมือนกับได้เห็นภาพที่น้องเอ็มนำมาลงและบรรยายไปด้วย ดีมากๆๆเลยค่ะ

วันนี้ขอให้มีความสุขในการทำงานนะคะ





โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:8:48:54 น.  

 
มีแต่ที่ที่ยังไม่เคยไป ไม่เคยเที่ยวทั้งนั้นเลยค่ะ อิจฉาอ่ะอิจฉา ขนาดพระธาตุดอยตุงพระธาตุประจำวันเกิดปีกุลก็ยังไม่เคยไปเลยทั้งๆ ที่ไปเชียงรายมาตั้ง 2-3 รอบแล้ว เพราะเวลาโหวตไปเที่ยวทีไร เขาไปแม่สายกันทั้งนั้นเลยค่ะ
---
หายศีรษะไปซะนานจนลืมไปเลยว่าอวยพรปีใหม่ใครไปบ้างก็เลยไล่อวยพรใหม่ซะเลย

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: ประกายพรึก วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:12:07:03 น.  

 
มาแล้ว จ้า ..มาอ่าน แบบไม่ว๊อกแว๊ก เลยค่ะคุณครูซีริว อิอิ.
.
พยายาม สมมติตัวเองเหมือนนั่งอยู่แถวหน้า สมัยเรียน หนังสือ ..แล้วครูก็ยืนอธิบาย หน้าห้อง พร้อม ยกตัวอย่างนิทาน ประกอบ ดูสมจริงเลย .. จากนั้นครูก็บอกว่าเป็นเรื่องจริงเพราะครูเพิ่งไปมา ..

แสดงว่าศึกษาเรื่องมาก่อน แล้วไปตามรอย นั้นปะเนี่ย โหๆๆๆ ยอดมาก ข้อมูล แน่น ไม่กล้าแย้งเลย (เพราะ ไม่รู้จะเอาความรู้ไรมาแย้ง )555..
อ่านเรื่องอดีต ดูรูป ปัจจุบันประกอบ ..พี่ไม่เคยไปสักกะที่ ที่เล่ามา ..อิอิ

ถือว่ามาเที่ยวด้วยได้ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ด้วย ..เก่ามากเลย คือ จำไม่ได้แล้ว จริงๆ แหะๆ ..

เห็นด้วยตาม ครูกิ่ง นะ น่าจะแบ่ง เป็นตอน อ่ะ คือนักเรียนงง เด๋วทำข้อสอบไม่ได้ อ่า ..สงสาร นักเรียนโข่ง ..แต่ขอชม ทำบล็อกได้ ดีเยี่ยม เลย
รูปน้อย ไปหน่อย นะ..เอาอีกๆๆ


วันเด็ก.. ไม่ไปไหนเลย เด็ก ไปเรียนพิเศษ ปกติ ถาม ไม่เห็นมีใครสนใจ เขา วัยรุ่นแระ ..
สมัยเด็ก ๆ เราก็พาไปไม่เคยพลาด คือ กลัว วันจันทร์ มาเรียน เด๋วลูก ไม่ได้คุยอวดเพื่อน 555..

.. บ้านเช่าปัจจุบัน น่าเบื่อ จ่ายค่าเช่าก็ช้า วันๆ มีแต่เรื่อง ผัวๆ เมีย ดึก ยังมาตามทาเลาะเลย อิอิ..ไม่สวีท เหมือนเมื่อก่อน..แป่ววๆ


โดย: tifun วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:15:23:54 น.  

 
อ่านจนอิ่ม ถ้าไม่คิดว่าจะต้องคิดตามไปด้วย ก็พรืดๆ ได้ค่ะ พี่ก็เช่นเคยอ่านประวัติศาสตร์ใช้พลังเยอะ

ที่คุณชีริวเขียนมาทั้งหมดวันนี้พี่เคยไปอยู่สามที่ พระธาตุดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง พระธาตุจอมกิตติ ครั้งล่าสุดที่ไปมาช่วงปีใหม่เสียดายเวลาน้อยค่ะ ยังมีวัดที่น่าไปที่เชียงรายอีกเยอะเลย เชียงใหม่เฉพาะในตัวเมืองก็ยังไม่ได้ไปน่อ...

ส่วนมากจะขับรถขึ้นไปถึงข้างบนบริเวณโบสถ์ได้ใช่ไหมคุณชีริว ถ้าให้พี่เดินเป็นร้อยๆ ขั้นบันได ด้วยแรงศรัทธา พี่เกรงว่าอีกรอบที่จะได้ไปพี่อาจจะไม่ไหวแน่เลย


จากบล็อก...พี่เกิดที่อุดรค่ะ อยู่จนเกือบจบประถม 6 มีัอันต้องย้ายมาที่สุรินทร์ (ก็ยังอีสานอยู่เนาะ) จบ ม.6 มีเหตุให้ไม่ได้เอนทรานซ์ มุ่งหน้ามาเรียนรามเรียนไปทำงานไปด้วยจนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูก เลี้ยงลูก นับไปนับมาตอนนี้ 40 กว่าๆ เกือบครึ่งหนึ่งคืออยู่ฝั่งธนมาตลอด (อย่างน้อยๆ ก็มากกว่าอายุหมอก) ใครถามมักบอกว่าอยู่ฝั่งธน แต่ถ้าถามว่าคนที่ไหนก็จะบอกว่า คนอีสานเต็มปากเต็มคำค่ะ

ถามสั้นๆ ตอบซะยาว เกินความจำเป็น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:16:25:56 น.  

 
พี่ไม่แน่ใจว่า "พระนารายณ์ทรงปืน" เคยประดิษฐานอยู่ที่พระรามราชนิเวศน์หรือปล่าว เพราะตามที่อ่านมาเห็นว่า ยังไม่ทันได้ยกไป ร.5 ทรงเสด็จสวรรคตก่อน เลยยกมาไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์แทน

จากวิกิพีเดีย - พระรามราชนิเวศน์


.....นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:16:39:03 น.  

 
สวัสดีน้องซีริวผู้คร่ำหวอดเรื่องประวัติศาสตร์

บอกได้เลยว่าบล็อกประวติศาสตร์บล็อกแรกของปีนี้ เยี่ยม ไม่มีที่ติเลย แบบนี้คว้ารางวัลเมขลาไปครองแน่ๆ 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:22:27:43 น.  

 


อะเย้ คนบ้านนี้ได้สายสะพายด้วย




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:21:04:21 น.  

 
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณชีริว
คุณชีริวไปเที่ยวจังหวัดไหน ไปเกือบครบทุกที่
ประวัติของนครโยนกน่าสนใจมากครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:22:44:08 น.  

 
สวัสดีตอนดึกๆ ครับ .....

ยินดีด้วยกับรางวัล Popular Vote สาขา Best Cartoon Blog อันดับ 2 นะครับ .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:23:49:32 น.  

 
สุดยอดจริงๆ กับข้อมูล ยอมรับเลยครับว่าถ้าไม่รักหรือชอบจริงคงเขียนไม่ได้แน่

ผมชอบการเล่าเรื่องแบบที่มีเปรียบเทียบแบบนี้ มันอ่านไม่เครียด ไม่เหมือนพวกหนังสือเรียน

เรื่องการบูรณะมันสวยขึ้นก็ดีอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ กลัวมันจะไม่เหลือเค้าเดิมนี่สิ

บล็อกนี้เหมาะสำหรับคนที่ท่องเที่ยวกึ่งประวัติศาสตร์นะ (ความเห็นส่วนตัว)

ยินดีด้วยกับ Best Cartoon Blog เย้...มีคู่แข่งแล้ว คู่แข่งที่น่ากลัวด้วย ปีนี้ก็เขียนเอนทรี่การ์ตูนเยอะๆ น้อ ไม่งั้นหมวดนี้กลัวจะสูญพันธุ์กันไปซะก่อนน่ะ

ฉลอง....


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:0:17:05 น.  

 





ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ


Best Cartoon Blog


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:2:06:11 น.  

 
เดี๋ยวผมต้องรีบเปลี่ยนบล็อกแล้วครับเนี่ย ได้สายสะพายบล็อกการ์ตูน ...แต่เข้ามาเจอประวัติศาสตร์โยนกนาคพันธุ์!!


โดย: ชีริว วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:9:13:35 น.  

 

ขอแสดงความยินดีด้วยคนค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:9:21:00 น.  

 
แหม ประโยคแรกของคุณชีวิวก็ทำเอายิ้มหน้าบานเหมือนใบบัววิกตอเรีย (จะเปรียบให้มันวุ่นวายทำไมก็ไม่รู้) ขอบคุณสำหรับคำชมค่า

ตอนแรกที่พิมพ์ พิมพ์ลง word แล้วอ่ะคุณชีวิว จัดระเบียบเรียบร้อย สวยงามอ่านง่ายตามประสาคนเรียนพิมพ์ดีด (ว่าไปนั่น)
แต่พอเอาลงมันลงไม่ได้ค่ะ มันบอกว่าจำนวนตัวอักษรเกินกว่าที่กำหนด ให้เช็คจำนวน แป่วเลยค่ะ ลองผิดลองถูกตั้งหลายรอบ ไม่อยากแบ่งเป็น 2 บล็อกด้วย จนไปก็อปจากกล่องนับอักษรนั่นแหละค่ะ มาวางถึงได้วางได้ จะแก้ไข แก้ไปก็เหมือนเดิม เลยต้องยอมปล่อยตามเวรตามกรรม เรื่องก็เยอะยาวก็ยาว อ่านเองยังลายตาเลยค่ะ นี่ขนาดคุณอ๋า วนารักษ์ เคยแนะนำวิธีแก้ไขไว้แล้วแท้ๆ แต่ลองทำแล้วมันทำไม่เป็นอ่ะค่ะ เฮ้อ
เพราะอย่างงี้ไงคะ เวลาแต่งก็เลยไม่กล้าแต่งยาวมาก
แต่ของคุณชีวิวเนื้อหาก็ยาวนะคะ ลงยังไงอ่ะ ไม่ให้มันมีปัญหา

แต่พล็อตที่คุณชีวิวเดามาก็น่าสนค่ะ คิดได้ลึกลับซับซ้อนกว่าเราอีก



โดย: ประกายพรึก วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:14:23:29 น.  

 


แม่หมูขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งที่ได้รับด้วยนะคะคุณชีริว


โดย: jamaica วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:16:18:19 น.  

 
วันที่พี่ไปก็เจอลูกเสือมาเข้าค่ายที่พระราชนิเวศน์ฯ พี่ขี่จักรยานเข้าไปจอดตรงหอคอย แล้วเดินป่าชายเลน ไม่รู้่ว่ามีด้วยนะ ดุ่มๆ เข้าไป ไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน

สวัสดีวันครูค่ะคุณชีริว






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:18:23:35 น.  

 
มาทักทายค่ะ ชอบอ่านประวัติศาสตร์เหมือนกัน


โดย: sawkitty วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:19:32:18 น.  

 
ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ด้วยนะครับน้องชีริว



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:20:32:43 น.  

 
เข้ามาเพื่อแสดงความยินดี กับรางวัลที่ได้รับครั้งนี้ด้วยนะครับ
คุณ ซีริว


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:21:06:21 น.  

 
ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ด้วยครับ


โดย: **mp5** วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:22:13:26 น.  

 
ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยครับ
แต่ผมไม่เห็นสายสะพายแฮะ สงสัยเกี่ยวกับอมยิ้มด้วยมั้ง




เห็นที่นี่เขียนถึงโยนกแล้วบังเอิญจริง ๆ ครับ
วารสารที่ผมใช้เป็นข้อมูลประกอบ blog ปัจจุบันของผม
มีคอลัมน์หนึ่งที่เขียนถึงพระนางจามเทวีพอดี
(พระนางที่ปรากฏชื่อในพงศาวดารโยนกนั่นแหละครับ)

"จามเทวี เทวีแห่งจินตนาการ มาเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ไทย"
ในเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมา จนดูเหมือนเรื่องแต่งหรือนิยาย
ถ้ามีใครลองค้นคว้าอย่างจริงจัง ก็อาจโชคดีเจอ jigsaw
เรื่องจริงในประวัติศาสตร์แฝงอยู่ก็ได้ (แม้แค่เสี้ยวก็เหอะ ^^")

เอ้อ! วารสารนี้เก่ามากแล้วล่ะตั้งแต่ปี 2528 แล้วนะครับ




โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:22:31:05 น.  

 
อ่านจนจบคุ้มค่าเหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยครับ
ช่วงนี้ผมกำลังสนใจเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในอดีตของไทยอยู่พอดีเลย


โดย: Don't try this at home. วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:0:19:41 น.  

 
ขอร่วมแสดงความยินดีกับชีริวด้วยครับ ผมชอบเรื่องราวการ์ตูนของชีริวมาก



โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:0:21:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:5:31:27 น.  

 
รอกินมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ปีนึงจะมีให้กินสักหน (คมไหม?)
.

.

อิอิอิ

ที่เชียงใหม่มีให้กินมากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่มันไม่อร่อยน่ะครับ 555

กินตามฤดูกาลอร่อยที่สุด
ไม่แพงด้วย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:9:24:01 น.  

 
มาแสดงความยินดีด้วยจ้า ..
เป็นนางงาม กันหมดแล้วโน่ะ ..
คงจะเป็นกำลังใจ ให้มีพลัง..ในการเขียนบล็อก อีกต่อไป ..



โดย: tifun วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:10:02:23 น.  

 

แหล่ม กด LIKE ให้เป็นคนที่ 3 เลยค่ะบรรยากาศอิ่มบุญ อิ่มเอิบใจ และอิ่มท้องตามเลยค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:10:05:51 น.  

 
อะเย้ๆๆๆๆๆๆ คราวนี้มายินดีเป็นทางการ หลังจากบอร์ดประกาศผลออกมาแล้วค่า
ตอนเย็นวันนั้น บอร์ดยังไม่โผล่มาวงในเค้าว่างี้เอามาให้ดูได้ไงไม่รู้เหมือนกันค่า
รู้ข่่าวที่ fb ก่อนเลย อิอิ

คุณชีริวมีผลงานเหมือนกันไง รับคะแนนจากรินไปด้วย อะเย้

ปีนี้ ถอยการ์ตูนมาให้ดูเยอะ ๆนะ
อยากอ่านอายาโกะจะแย่แระ อิอิ


ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายที่ได้รับด้วยค่า







โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:10:24:07 น.  

 
ทักทายสวัสดีครับ และร่วมแสดงความยินดี ชื่นชมกับผลงานและรางวัลที่ได้รับด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:11:34:12 น.  

 
เพิ่งทราบค่ะว่าถ้าลง word แล้วนับหมดเลย อืม คราวหน้าต้องหาที่ลงใหม่

ตอนนี้อนุญาตให้ประมาณ 60000 กว่าอักขระค่ะ แต่ที่ลงไปประมาณ 72000 อักขระ เกินไปเยอะเลย อีกนานกว่าจะเขียนเรื่องใหม่ ขอไปศึกษาเพิ่มเติมก่อน

แวะมาทักทายยามบ่ายยามง่วงๆ ค่า มีความสุขกับการทำงานนะคะ


โดย: ประกายพรึก วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:13:15:59 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาขอตามรอยประวัติศาสตร์เพื่อตามเที่ยวอำเภอเชียงแสนด้วยคนครัยบ อ่านตอนแรก ๆ แล้วนึกว่าเป็นบล็อกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อย่างเดียว แต่พอมาเห็นภาพประกอบแล้วก็ดีใจว่าได้ตามเที่ยวด้วยแล้วครับ ผมดูภาพบรรยากาศแล้วก็ตื่นตาตื่นใจเพราะว่าดินแดนแห่งนี้ผมยังไม่เคยไปเลยสักครั้งครับ

แอบชอบศาลเจ้าแมงป่อง ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง ๆ ด้วยครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:14:42:12 น.  

 




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:16:08:55 น.  

 
บะหมี่หมายเลข 8 คนอุ่นหนาฝาคั่งตลอด... เค้าก็ขายดีของเค้าแหละ แต่ไม่ค่อยถูกปากพี่นะ

ทำเมนูแกงกะหรี่เมื่อไหร่ เก็บภาพไว้นะ พี่จะมาปลื้มด้วย (ทำไม่เป็น)

ก็อร่อยดี ทั้งไข่ต้ม ทั้งหมูเค้า แต่พี่ว่าเค็มไปนิด คงเพราะพี่กินจืด มาแบบจุก เหมือนกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เยอะมาก ถ้าไม่มีดีล คงไม่ได้ไปลองแน่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ โอ๊ยเนาะ สุดยอดช่างภาพ อย่าเรียกเลยนะ อายเค้า


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:19:30:56 น.  

 
ยินดีกับรางวัลอันงดงามด้วยนะครับน้องริว


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:20:31:47 น.  

 
ผมจะดูจากนิสัยการอัพของเจ้าของบล็อกครับว่าบล็อกไหนควรอ่านก่อนอ่านหลัง เพราะหลังๆ ต้องยอมรับเลยว่าเวลาเล่นบล็อกน้อยลง บล็อกไหนอ่านอีกวันได้ก็จะเก็บไว้ก่อน ผมเชื่อว่าทุกคนตั้งใจเขียน และอยากให้เราตั้งใจอ่าน บางคนเข้ามาอ่านบล็อกเราแล้วเม้นต์ไม่ออกก็มี ผมเคยเจอกับตัวเองด้วย ไม่รู้เม้นตฺอะไรดี ยอมรับว่าบล็อกนั้นเขียนได้ดี แต่หลายๆ ครั้งเจอแต่แปะรูปเรียกแขก แล้วไม่อ่านบล็อกเราเลย (เพราะที่บล็อกคนอื่นก็ข้อความเดียวกัน) แบบนั้นผมลบทิ้งเลย

ปีนี้กะจะรีวิวเรื่องโหดๆ หน่อยดีกว่า เอาให้เป็นประเด็นคุยกันได้ยาวๆ เลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:0:35:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องชีริว







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:6:50:27 น.  

 
บล็อกน้องโบ....ราณสถาน 555

คณะทัวร์ สว. (สูงวัย) คริ คริ (วอนแล้วนะเนี่ย วอน)

ภาพก็เยอะ ข้อมูลก็แยะ เอาไว้กลับจากเที่ยวค่อยกลับมาอ่านดีกว่า


โดย: oa (rosebay ) วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:12:50:57 น.  

 
ฮ่ะๆท่านชีริวเปิดฉากแรกด้วยประวัติยุครุ่งอรุณแห่งชนชาติไทยยาวเฟื้อยด้วยคำบรรจุคุณภาพอัดแน่นเต็มเหมือนเดิมนะคะเนี่ยยท่านผู้ชมเมื่อยเลย พักเบรคดีฟ่าาาา ฮิๆพัฒนาเหมือนกันนะมีแผนที่ให้ประกอบด้วยแต่ว่าถ้าให้ตัวหนังสือมันเดินกลับบ้านไปบ้างคงจะดีไม่น้อยยยยแพมอ่านข้ามๆเพราะคาดว่าจะอ่านการ์ตูนนนนโดนพญาเต่าเอนมา ทุบแบบ แ๊อ๊กกก55

แพมขอแสดงความยินดีกับสายสะพายกับผลงานการ์ตูน
คุณภาพแห่งปีของท่านชีริวด้วยนะคะ ปีที่แล้วแพมก่ะ
ตามมาโหวตยุนะ ปีนี้เอาพี่ม่อนมาลงให้อึมตรึบๆเลยนะค่ะ 55


ขอบคุณท่านชีริวมั๊กที่ส่งท่านเอนมาไปให้ชมพระวรกาย...
อื้มมมม...แบบว่า............อิอิ


โดย: mastana วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:13:00:44 น.  

 


สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังฮะพึ่งจะเข้าบล้อคได้แบบสมบูรณ์แบบ


โดย: OniZukA-Lee วันที่: 18 มกราคม 2556 เวลา:20:48:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.