No. 522 บล๊อกประจำวันจันทร์ - พฤหัสบดี |
|
ผมขับรถลงจาก ดอยงู ต.แม่เจดีย์ใหม่ อากาศไม่ร้อนแม้จะเป็นเดือน มีนาคม |
ที่นี่อากาศจะดีเกือบตลอดปี ขวามือเป็นลำห้วยเขางูทอดยาวคดเคี้ยว |
คู่ขนาน ไปกับถนน บางส่วนหายลับตา ยามถูกดงไม้ใหญ่บัง
ก่อนที่จะมาทำมาหากินที่นี่ |
|
ย้อนหลังไปหลายปี ถูกบีบ เรื่องงาน เรื่องมันยาว มีความไม่สบายใจ |
มาก ขอเล่าเล่านิดเดียว นะครับ |
|
ได้เข้าประชุม ระดับ ผจก.แผนก ผจก.ฝ่าย กับกรรมการบริษัท และมี |
อดีต ผจก. บริษัทค้านมข้น เสนอว่า บริษัทจะตัด ค่าพาหนะเก็บเงิน |
ค่านายหน้า ปีที่สองของเซลล์ ออก..แล้วให้ลูกค้าส่งเอง จะได้ประหยัดเงินบริษัท |
|
ผมเลยให้ ความเห็นว่าจะเป็นผลเสียมากกว่า ขอความกรุณาพิจารณาด้วย ทำความไม่พอใจแก่พวกเขาเป็นอย่างมาก
|
|
ที่ประชุมเกิดเห็นชอบแนวคิดใหม่ ออกเป็นคำสั่ง และเริ่มตามแนวคิด |
หลังจากที่เริ่มปฏิบัติงาน บริษัทถูกต่อว่าจากลูกค้ามากมาย ที่ไม่อำนวยความสะดวก |
|
รายได้ของบริษัท หดหาย เดือนละ หลายล้านตามที่ผมประมาณการไว้ |
รายรับบริษัทไม่มีเงย จนผู้บริหารหน้าซีดเซียว |
|
หันหน้าไปทางไหน มีแต่เจอหน้ายักษ์ จะกัด เพราะคำทำนาย เอ้ย วิเคราะห์ของผม |
ส่วนผม ทู่ซี้ อยู่ปี กว่า
|
ผมเลยลาออก ไปทำมาหากิน ด้านเกษตรที่ บ้านแม่ห่างใต้ บ้านแม่ขะจาน |
ตอนนี้ เอ้ยตอนนั้น กำลัง คุมคนงานขุดเผือกในไร่บนดอย
ภาพข้างล่างเป็นภาพแทนนะครับ ตอนนั้นไม่ค่อยมีเงินซื้อฟิล์มถ่ายรูป
ใกล้ดอยม่อนพระเจ้าหลาย ส่วนดอยที่ปลูกขิง อยู่แถวดอยสันกู่ ติดเขต อ.วังเหนือลำปาง
|
ปลูกขิงได้ 7 เดือน ขุดขิงอ่อนขายไปบางส่วน ที่เหลือกว่า 80 % จะเก็บเป็นขิงแก่ แต่
มีอยู่วันหนึ่ง นั่งมองท้องฟ้า สลับกับมองไร่เผือก กว่า 25 ไร่ บนดอยแถว บ้านสันกู่ ติดเขต อ.วังเหนือลำปาง
แดดสาดส่องทั่ว เห็นใบขิง บนแปลงซีกขวา เหี่ยวเป็นแถวยาว คิดว่าคงถูกแดดเผา นั่งมองไปซีกซ้าย อ้าวแถวนั้นร่ม
แล้วทำไมใบขิงเหี่ยว นั่งดูด้วยความสงสัย เลยเดินไปดู ไม่ถึง ช.ม. ขิงกว่า 30 % เหี่ยวหมด.. รีบขับรถลงดอยไปตาม
เพื่อน ๆ มาดู สรุปแล้ว ไร่ขิงนี้ เจอเชื้อรา ต้องรีบจัดการโดยด่วน
|
เจอเชื้อรา ขาดทุนป่นปี้ หลายแสนบาท ต้องรีบขุดขายก่อนจะเน่าหมด ไม่ทันเป็นขิงแก่
|
ยอมรับเลยว่า ท้อมาก แต่ เราปลูกเผือกด้วยควบคู่กับขิงอยู่แล้ว |
|
คือปลูกแก้ขัด ที่ดินมีก้อนหินเล็กเยอะ แต่กลับได้หัวเผือกมาก น่าจะ |
ทำเงินให้ผมกับเพื่อน ได้พอสมควร พอที่จะมีเงินเหลือส่งให้ ที่บ้านกรุงเทพเป็นค่าใช้จ่าย |
กับค่าเล่าเรียนลูกที่กำลังโตได้บ้าง
|
|
ขับผ่านดงไม้สักที่สูง ร่มครึ้มสวย แต่ไม่น่าอยู่หรอกครับ เป็นป่าเห่ว หรือป่าช้า |
เขายังใช้การอยู่ เพียงแต่ไม่มีศพ ถนนเริ่มลดระดับ ผมเลยเลี้ยวซ้ายไปตามถนนที่ผ่าน |
ท้องนาสีเหลืองทอง จากข้าวที่กำลังแก่ รวงหนักโน้มรวงสู่ดิน |
|
กลับถึงบ้านเจอชาวบ้าน 4 คนกำลังพูดคุย กับน้องสาวทีเพิ่งเลิกจากงานธนาคาร |
ชาวบ้านมาส่งข่าวให้ ช่วยไปรับซื้อกระเทียม
|
แต่ละคน ก็นำหัวกระเทียมพร้อม ลำต้นที่เกือบแห้ง มาให้ดูคนละ พวง... ก็ตกลงราคา |
กันได้ นัดหมายไปรับซื้อถึงที่บ้าน |
|
ตอนบ่ายของ สองวันต่อมา ขับพิคอัพ ไปบ้าน ชาวไร่กระเทียมไว้ พร้อมตาชั่ง |
ลัดเลาะไปหมู่บ้านที่นัดหมายไว้ ต้องขับเข้าไปในถนนเล็กมาก ผ่านท้องนา |
ที่แห้ง ถนนเล็กมากยังเกรงว่า ถ้าไม่มีที่กลับรถ แย่แน่ |
|
ไปถึงเห็นกองกระเทียม กองโตหลายกอง มีใบกล้วยปิดไว้ คงจะกันมิให้ น้ำหนักลดลงไป |
มากมั้ง 555 อันนี้ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
|
เดินดูหัวกระเทียมสดที่เพิ่งถอนตอนเช้า เทียบกับหัวกระเทียมตัวอย่างเมื่อวันก่อนใกล้เคียง |
กันก็ ยกสุ่มไก่หงายขึ้น วางบนตาชั่ง คนขายช่วยกันยกกระเทียมใส่จนครบ 60 กก |
แล้วยกเทใส่ท้ายพิคอัพ แล้วชั่งต่อไปจนหมด
|
บวกตัวเลข ผมหักน้ำหนัก สุ่มไก่ กับขี้ดิน ทิ้ง 5 กกต่อครั้ง |
คือ นับน้ำหนักเพียง 55 กก. ตามธรรมเนียม แล้วก็จ่ายเงินสดให้
|
ระหว่างนั้นมีชาวบ้าน มาบอกให้ช่วยซื้อกระเทียมที่ ถอนเก็บไว้ที่บ้านแล้วส่วนหนึ่ง |
แล้วเลย ตกลงราคากัน กก.ละ 9 บาท |
|
ผมเลยนัดอีก 5 วันจะไปซื้อ ห้ามขายให้คนอื่นนะ เจ้าของกระเทียมตกลง |
ส่วนผมดึงเวลาให้ช้าลง แหะ ๆ ให้กระเทียมแห้งลงไปอีกจะ |
ได้กระเทียมเยอะขึ้นไง |
|
เย็นวันนัดก็ไป ถึงบ้าน ยกตาชั่ง ไปวางไว้ที่ใต้ถุน ใกล้กองกระเทียม |
อ้ายไวน์ ขอดูตาชั่งหน่อยเหน่อ |
ได้เลย |
ว่าแล้วเจ้าบ้านก็นำก้อนหิน 2 ก้อนมาวาง ดูว่า ตราชั่งผมตรงหรือเปล่า แหม..ตรงอยู่แล้ว |
ดูหัวกระเทียมเท่า ๆ กับที่เคยเห็นเป็นตัวอย่างวันก่อน ก็โอเค |
ปวดฉี่ เลยให้ เพื่อนคุมการชั่งแทน |
เพื่อนคนนี้ เป็นคนซึม ๆ หงอย ๆ เหมือนถูกเมียด่ามาตลอดเวลา 555 |
|
กลับมาที่รถพิคอัพ ดูที่ขนขึ้นบนรถ มีกระเทียมหัวเล็กปนอยู่เยอะมาก |
อ้ายคำ หยุดก่อน หัวน้อย บ่าเอาเน่อ(หัวเล็กไม่เอานะครับ) |
โห๊ะ มันปนนิดเดียว |
บ่าเอา ปุ๊ดตืน (ไม่เอา ขาดทุน) |
เลยต้องให้เขาขน ลงจากรถใหม่ แยกหัวเล็ก ออก เกือบครึ่ง กองไว้ต่างหาก เขาขอให้ |
ช่วยซื้อ เลยตกลงราคากัน กก.ละ 6 บาท หัวโตคงราคาไว้ 9 บาท |
|
จ่ายเงินแล้วก็ขับรถกลับบ้าน ช่วยกัน ขนไป วางห่าง ๆ กัน ไม่สุมไว้จะเกิดร้อนระอุ |
เน่าเสียได้... เหนื่อยครับ แต่ต้องทน
|
วันรุ่งขึ้น คนงานรายวันก็มามัดจุก เลือกขนาด แล้วนำไปแขวนผึ่งไว้ในโรง ให้มันแห้ง |
ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน น้ำหนักลดลงไปเยอะเลย |
แล้วก็นำมากองไว้กับพื้นคอนกรีต เป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตรแต่ให้มีช่องว่าง |
ตรงกลาง ให้ความชื้นระเหยไปบ้างนิดหน่อย |
เก็บไว้อีกประมาณ 5 เดือนหรือน้อยกว่า ก็ส่งขายให้พ่อค้ารายใหญ่ น้ำหนักลดไป |
กว่า 30 % หรือมากกว่า
|
นั่นคือสาเหต ที่ทำให้กระเทียมราคาสูงกว่าราคาซื้อจากสวนเยอะ ถ้าเขาขายถูก ๆ |
เป็นกระเทียมใหม่ เก็บไม่ดี เน่าหมดครับ..
ชีวิตยามตกต่ำ ก็ต้องทำใจหลายอย่าง และจำต้องเอาตัวรอด ใช้ไหวพริบในการค้าขาย
ขณะไปอยู่บ้านนอก จะได้รับข่าวของเพื่อน ๆ ที่บริษัทเป็นระยะ สงสารเพื่อนหลายคน
ที่ยังตัดสินใจอยู่ต่อ
เพื่อนรุ่นพี่ เขาตัดสินใจออกหลายคน และขอคำแนะนำ การขายผ้าที่ผมทำมาก่อน 10 กว่าปี
ผมบอกว่า ระยะนั้นไม่เหมาะในการค้าผ้าเลย แต่เขายังดึงดัน ก็เลยแนะนำให้เท่าที่ทำได้
ผมก็คอยฟังข่าวพี่คนนี้เรื่อย ๆ ช่วยลุ้น |
|
อ้อ..เรื่องสะใจ เอาไว้วันหลังนะครับ
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end 707.789
visit บล๊อก
visit บล๊อก 704,453 st
=2,236
งานเขียนประเภท Diarist
|
อ่านเพลินๆเลยคะ..