No. 532 ความหนาว เย็น.. ต้องต่อสู้มากกว่า...จริงหรือ
No. 532 บล๊อกประจำวัน จันทร์ - พฤหัสบดี | | เมื่อก่อนผมฟัง ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง บอกว่า กรุงเทพเป็นเมืองน้ำ ขุดไปเมตรเดียว | ก็เจอน้ำแล้ว ไม่เหมาะที่จะทำรถใต้ดิน
| | ผมก็คล้อยตาม กัดฟัน ใช้เท้าซ้ายแหย่บันใดรถเมล์ มือซ้ายจับราวเหล็ก ปล่อยตัวให้สุด | แขน เพราะข้างหน้ากับข้างหลัง มีคนโหนอยู่ก่อนแล้ว รถเมล์วิ่งไปกระดึ๊บ กระดึบ | กว่าจะถึงที่หมาย นานมาก.. ดีนะครับ ทำให้ข้อแข็งแรง 555 | คนเคยโหนรถเมล์ในกรุงเทพ เกิดมีโอกาศ ไปเที่ยว รัสเซีย | | ที่ มอสโคว์ หรือออกเสียงตามภาษาเขาว่า มอส กะวะ สองตัวท้ายนี้สั้น.. | ค.ศ.1147 เจ้าชายยูริ คอลโกรูกิ มกุฎราชกุมาร แห่ง นครเคียฟ | รับสั่งให้สร้างป้อมปราการไม้ เครมลิน ขึ้นที่บนเนิน โบโรวิตกายา ริมแม่น้ำมอสโคว์ตั้งชื่อ | เมืองเป็น มอสโคว
| เมืองมอสโคว์สภาพเป็นที่ลุ่ม น้ำท่วมมาก เปลี่ยนเจ้าครองนครหลายพระองค์ | ขุดที่ไหนมีแต่น้ำ เผลอ ๆ จะเจอแก๊สพุ่ง | มีน้ำร้อนใต้ดินแน่นอนที่สุด
| ผู้บริหารเมือง คงจะมองเห็นว่า ต่อไปต้องมีคนเป็นจำนวนมากอาศัยอยู่ จึงให้สร้าง | รถไฟใต้ดินแล้วเสร็จ ในปี ค.ศ.1935 (พ.ศ. 2478) ใกล้เคียงกับสงครามโลกครั้งที่ 1 | | เขามีหัวคิดริเริ่ม สร้างรถไฟใต้ดินไม่กลัวว่า น้ำจะท่วมอุโมงค์ | ไม่หวั่นว่า ยังมีถนนดินลูกรังอยู่..ผมเปล่าว่าใครนะ เออ..
| รัสเซียจึงเปิดบริการรถไฟใต้ดิน ตัวรางกว้าง 1,520 เซนติเมตร แรก ๆ ก็ไปไม่ได้ | ไกลเท่าใด แต่เขามองการณ์ไกล มาก ๆ เพราะปัจจุบันมอสโคว มีประชาชนประมาณ | 15 ล้านคน ผมนั่งรถบัสของทัวร์ ไปในที่ต่าง ๆ คนเดินริมฟุตบาทน้อย | รถยนต์ก็ไม่ได้มากมายเท่า กรุงเทพ
.....
.....
อ้าว ๆ เตาปฏิกรณ์ปรมาณู มีด้วย
บ้านคนเป็นหลังเดี่ยว มีน้อยมาก.. ส่วนใหญ่เป็น อาคารชุด มีสวนหย่อม ต้นไม้เขียว แซมด้วย
| เพราะส่วนใหญ่ เขาอยู่ บนดินเหมือนคนไทย 555 เช้ามาก็มุดใต้ดิน ลงรถไฟ | ที่มีหลายสาย ตัดไปตัดมา ขึ้นบนดิน ไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน |
ไปเที่ยว มอสโคว ครั้งนี้ ทัวร์เขา พาไปดูถนน อันกว้างใหญ่ หลายสาย โดยนั่งรถบัสใหญ่แต่ถ่ายภาพไม่สดวก
เพราะแสงสะท้อนของกระจก เลยใช้ความจำไว้ในสมอง เมื่อกลับไทย ก็เข้าดูสตรีทวิวของกูเกิ้ล
กับมองมุมกว้าง เสมือน นกบิน เลยเห็นภาพมุมกว้างกว่าสายตา
แน่นอนที่สุด เห็นภาพถนนที่ ไม่ค่อยมีรถ หรือคนมากนัก เพราะใช้รถใต้ดินเป็นส่วนใหญ่ในการทำงาน ไกด์จึงพามาดูใต้ดิน
ทางลง หลายสถานี ทอดลงต่ำ ลงไปหลายสิบเมตร บางแห่งน่าจะเป็น 100 เมตร
ไกด์พาพวกเรา ขึ้นขบวนรถ 5 ครั้ง คือต่างสายกัน แวะให้ลงถ่ายภาพ
....
ระหว่างที่เรายืนดู กับยืนรอ จะมีเสียงโฆษกชาย พูด หมายถึง ขบวนที่จะมาเทียบ เป็นสาย
เข้าเมือง
ถ้าเป็นโฆษก หญิง พูด จะเป็น ขบวน ขาออกเมือง
...
ทีมเรา หยุดรอให้ คนโดยสาร จ้ำอ้าวไปขึ้นรถไฟอีกขบวน อยู่คู่ขนานกัน มีผนังกั้น เราก็หยุดดู
ทั่ว ๆ ไป เหมือนกับ พจมาน ยามเห็น บ้านทรายทอง ไงงั้น 555
คือมองอย่างตะลึง สวยมาก... แหม..ถ้ามีชะลอมหิ้วด้วยน่าจะดี
ศิลปิน จะวาดภาพ ไว้ข้างบนพนัง โค้งพนัง หรือโดม ตกแต่งแกะสลักปูนเปียก
ถ้าสังเกตจะเห็น ปูนปั้น สวยงาม อ่อนชัอย... ผมสังเกตนะครับ ว่ารอยนูนต่ำสูง แนบชิดกับ ผนัง หรือโค้ง
ได้ดี ต้องมาจาก ทำตอนปูนเปียก
ไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรรประเทศไหนไม่รู้ ... มีปูนปั้นสำเร็จจากแม่พิมพ์ พอแห้ง ก็นำไปแนบเสา ใช้สว่านเจาะ
เสาเกลี้ยง ๆ ร้อยด้วยสกรู... พอดูได้ เนาะ
ข้างล่าง เราขึ้นบนขบวนรถ ไปไหนไม่รู้ ขบวนนี้พอว่าง เลยถ่ายภาพมา
เรารอจังหวะ ให้คนกลุ่มใหญ่ขึ้นรถไฟ ไปก่อน แต่มักจะไม่ค่อยสำเร็จ เพราะ กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เยอะทั้งนั้น
ไกด์บอกว่า ดีนะคะ เราพามา ตอนที่ชาวเมือง ไปทำงานแล้ว เอื๊อก ๆ
ขนาดว่างแล้ว... ยังวุ่นวายขนาดนี้
รถไฟแล่น ความเร็วประมาณ 41.61 กม/ชม
แต่เราคนต่างชาติ งง คือ สถานีมักจะไม่มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษ
เราขึ้นลง หลายขบวน บางทีก็ลงบันใดเลื่อนลง บางทีก็เลื่อนขึ้น
...
...
เราอยู่ใต้ดิน นานเหมือนกัน เท่าที่สังเกต รถไฟแต่ละขบวนจะห่างกัน เพียง 1 นาทีครึ่ง สะดวกมาก
ฟังไกด์เล่าให้ฟัง เกี่ยวกับรถใต้ดิน ชนิดหูซ้ายทะลุหูขวา คือฟังไปงั้นเอง
แต่พอออกจาก ใต้ดิน เห็น ไม้เปลี่ยนสี สภาพอากาศ
ทำให้เกิดความสนใจ เกี่ยวกับประเทศนี้ขึ้นมา เมื่อกลับถึงไทย ก็เข้าค้นหาข้อมูล จึงรู้ว่า รถใต้ดินขบวนแรกปี ค.ศ. 1935 ระยะทางแค่ 32.5 ก.ม.
แล้วเปืดใช้อีก 2 เส้นทางในปี ค.ศ. 1938 ระยะทางยาวหรือเพิ่มอีก 85 ก.ม. ต้องบอกว่า
อืม... น่าแปลก
ระยะเวลานั้น อดอฟ ฮิตเลอร์ กำลัง เคลื่อนทัพ เข้ารุกราน รัสเซีย
งานก่อสร้างยังคงเดินต่อ ไม่หวั่นไหว ประเทศรัสเซีย อยู่ในสงครามยาวนาน เปลี่ยนผู้นำหลายคน
ผมเข้าค้นหาข้อมูล หลายแหล่ง เจอภาษารัสเซีย หลายฉบับ เดี้ยงเลย อ่านไม่ออกสักตัว
โชคดี เจอบางชิ้นเป็นภาษาอังกฤษ พอเดา ๆ ได้บ้างแหะ ๆ
อย่าเพิ่ง ง่วงนะครับ
ที่น่าสนใจ แตกต่างกับ ประเทศไทยเยอะเลย แหะ ๆ เปล่าว่าไทยไมดีนะครับ
ค่าโดยสารขาเดียว ของเส้นทางแรกรัสเซียปี ค.ศ.1935 เพียง 50 Kopecks
ปัจจุบัน มอสโคว มี รถใต้ดิน 14 เส้นทาง
ค่าโดยสาร เมื่อลงจาก บนพื้นดินไปอยู่ใต้ดิน เสียเงิน ประมาณ 50 รูเบิล จะขึ้นกี่ขบวนก็ได้ เรียกว่า
อยู่กันทั้งวันได้เลย คือแต่ละสถานี หรือแต่ละขบวน มีจุดที่สามารถขึ้นต่อกันได้
เรียกว่า ต่างระดับกัน
ของไทย เทียบกับรถไฟลอยฟ้า มีแต่แพงขึ้น ๆ ๆ ของรัสเซียมีขึ้นลงเหมือนกัน แต่
ถ้าเทียบแล้ว ถูกหรือราคาต่ำกว่า คิดเป็นเงินไทยประมาณ 25 บาท... จากระยะทางรวมกันเฉพาะ
มอสโควนะครับ 339.10 กิโลเมตร
ผมว่า ผู้นำรัสเซีย คงมีแนวคิดแบบ นักบัญชี คือ แหะ ๆ อสังหาริมทรัพย์(สินทรัพย์ที่เคลือนที่ไม่ได้)
จะถูกตัดค่าเสื่อมราคาออกไป... นานเข้า ๆ ค่าใช้จ่ายย่อมจะไม่มี หรือมีน้อยลง
เขาจึงตรึงราคา ให้คนใช้บริการ ไม่ต้องไปวุุ่นวาย บนพื้นดินให้ ผมต้องห้อยต่องแต่งรถเมล์แน่เลย 555
แต่ของไทย แปลกมาก ยิ่งมีอายุมาก หมายถึงทางรถไฟ อาคาร ยิ่งแพง ค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ๆ
แต่ผมว่า คนไทยฉลาดนะครับ 555
ให้คนซื้อรถยนต์ เสียภาษี..เป็นกอบเป็นกำ ยังไม่พอ
แกต้องใช้น้ำมันเบนซิน เสียภาษีสรรพาสามิต หรือภาษีโภคภัณท์ แล้ว ต้องเสียภาษี VAT อีก 7 % รัฐได้ภาษี เรียกว่า
ของตาย
|
ไปเที่ยวมอสโคว์ มีการวางแผนไว้แล้ว แต่มีรายการนอกเหนืออยู่บ้าง
เช่นใครจะไปดูละครสัตว์
หรือจะไปช๊อปปิ้ง ก็ได้ เลือกได้... ทีมเที่ยว ยังไม่เคยดูละครสัตว์ เลย
เลือก 14 คน
เสียเงินเองนะครับ หลายตังค์เหมือนกัน แต่ผม 4 คน ไม่เอาครับ 555
เคยเห็นหลายครั้งแล้ว รวมทั้งหนังโฆษณาละครสัตว์บนเครื่องบิน
ไกด์ไทย พากลุ่มใหญ่ไปดูละครสัตว์ ส่วนผมอีก 3 สาว ไกดิ์ชาวมอส
โคว พาไปช๊อปปิ้ง แทน
เดินจากรถจอดไปตามถนนใหญ น่าจะประมาณ เกือบ 3 กม.
ผมตั้งใจ ไปหาซื้ออแด๊บเตอร์ ปลั๊กตัวผู้ให้ใช้ได้กับ ของรัสเซีย เลยเดิน
ดูสินค้าต่าง ๆ เข้าซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่
สังเกตเห็นผัก ผลไม้สวย และน่าแปลกใจ... คือมีผักเยอะมากราคา
เทียบเป็นเงินไทย ไม่แพงเท่าใด ทั้งที่ คชจ.ที่มอสโควสูงมาก อันดับ
ต้น ๆ ของโลก ที่น่าสนใจ คือ หญิงทั้งหลาย เห็นกล้วยหอมทอง ต่างก็
หักปลิด ออกจากขััว เลือกเอาเฉพาะลูกสีสวย เขาขายเป็น ก.ก. เทียบ
เป็นเงินไทยประมาณ กก.ละ 26 บาท
ทั้งที่นำเข้าจาก ประเทศ เอวกาดอร์ เทียบกับกล้วยหอมที่ผมซื้อ แถว
หน้าสวนหลวง ร.9 หรือแม้แต่ที่ ศรีราชา ของไทยแพงกว่า
เดินดูสินค้า แวะเข้าห้องน้ำฟรี ออกไปดูเมืองยามราตรี เห็นแสงไฟ
หน้าศูนย์การค้า สวยก็จริง
แต่ อากาศหนาวเกิน กะว่า จะยืน 5 นาทีไม่ไหวครับเลยต้องหลบไป
นั่งในห้างสรรพสินค้าดีกว่า
ทำให้นึกถึง คนไร้บ้านต่างประเทศเขาลำบากกว่า คนไทยมากมาก
ภาพข้างล่างที่ประเทศอื่น...
...
เลยนึกได้ว่า อ้อ... มอสโคว สร้างรถไฟใต้ดิน ได้มาก คงมาจาก เวลามีสงคราม ปชช. ลงไปหลบใต้ดินได้
คนไม่มีเงินมากพอที่จะมีห้องอยู่อาศัย ก็วนเวียนอยู่ที่รถไฟใต้ดินแน่เลย
ภาพยามค่ำตืน แสงไฟสวยมาก แต่ หนาว ๆ ๆ ๆ ๆ
ต้องรีบเดินกลับไปตามถนน ไปหาทีม ที่ดู ละครสัตว์ ห่างจากนี่ ไกลพอสมควร
นัดไกด์ชาวมอสโคว ทุ่มตรง ไม่เห็นตัว เลยมา 15 นาทีแล้ว
เรา 4 คนเดินกลับเอง..ดีกว่า อะไรจะเกิดขึ้น.. ไว้ตอนต่อครับ
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end 725,830
st. visit บล๊อก 723,778
2,052
งานเขียนประเภท Diarist
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2559 6:10:13 น. |
|
33 comments
|
Counter : 3668 Pageviews. |
|
|
เป็นประเทศที่น่าสนใจนะครับ
ผล้วส่วนตัวผมมีข้อมูลเกี่ยวกับรัซเซียน้อยมาก
เวลาไปเห็นบ้านเมืองเค้าจริงๆ
ผมว่าต้องไม่เหมือนกับที่คิดไว้แน่ๆครับ 555
ปล. จริงครับพี่ไวน์
ตอนนี้บล็อกเงียบเหงา
เฟซบุ๊คเงียบหงอย
รวมทั้งบรรยากาศบ้านเมืองด้วย
อย่าว่าแต่หนังสือ นักเขียนเลยครับพี่
ผมเดินห้างยังตกใจ
ร้านรวงปิดไปเยอะมาก
คงสู้ค่าเช่าไม่ไหว ปิดตัวไป
เรื่องบล็อก เว็บ และการโฆษณา
มีผลทำให้เจ้าของธุรกิจไม่ลงโฆษณาในนิตยสาร
นิตยสารเลยปิดตัวไปเยอะมากในปีนี้
เปลี่ยนไปเป็นการลงโฆษณาตามเว็บ เพจออนไลน์แทน
โลกกำลังจะเปลี่ยนไปและเปลี่ยนเร็ว
อย่างที่หลายคนอาจตามไม่ทันครับ
โหวต Diarist ครับ