เรือนสามน้ำสี่ล่ะมีมั้ย?


ยังอยู่ในเรื่อง “การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง” อยู่นะคะ ตอนนี้จะขอพูดเรื่อง “เรือนสามน้ำสี่” ซึ่งเป็นคำสอนหญิงที่สืบเนื่องกันมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้หญิงผู้ครองเรือนนำบางอย่างมาประยุกต์ใช้ เพื่อความสุขความสถาพรในชีวิตสมรส คนสมัยนี้อาจจะไม่สนใจหรือไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนก็ได้ แม้เวลาและสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปแต่คำสอนบางอย่างก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ อย่าเิ่พิ่งคิดว่าสุดแสนจะเชยหรือโบราณ สมัยนี้ไม่มีใครเขาสนใจกันแล้วเลยนะคะ ถึงไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพียงอ่านแล้วลองเปรียบทียบดูก็แล้วกันกับสิ่งที่คุณเป็นหรือมี


เรื่อง "เรือนสามน้ำสี่" นี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำทั้งหมดนั่นหรอกนะคะ เพียงแต่ให้ลองสำรวจคุณสมบัติส่วนตัวของคุณเท่านั้นว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องไปบ้างหรือเปล่า ที่สามีจะนำไปเป็นข้ออ้าง (ที่ไม่เข้าท่า) ว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุมากมายของการนอกใจ และถ้าพอจะปรับปรุงได้บ้าง ก็น่าจะลองทำดู อย่างน้อยก็เป็นการเสริมคุณสมบัติของตัวคุณเอง

เรือนสาม

คำว่าเรือนสามนั้น โบราณเขาเน้นเกี่ยวกับการดูแลบ้านช่องห้องหอและตัวเราเอง ซึ่งแยกออกเป็นสามส่วน คือเรือนนอน เรือนครัวและเรือนผมหรือเรือนกายนั่นแหละค่ะ


เรือนนอน


เรือนนอนก็คือบ้านช่องห้องหับทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นห้องเช่าเล็กๆ อพาร์ตเมนท์ ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ หรือบ้านเดี่ยวหลังเล็กบ้างใหญ่บ้าง แล้วแต่สถานภาพทางเศรษฐกิจของแต่ละคน เขาว่าผู้หญิงต้องดูแลบ้านช่องห้องหอตั้งแต่ห้องน้ำเรื่อยไปจนถึงห้องนอนให้สะอาดเรียบร้อยน่าอยู่อาศัย พร้อมที่จะรับแขกได้ทุกเวลา ไม่ปล่อยให้บ้านช่องสกปรกรกรุงรัง พอจะมีแขกมาบ้านทีก็ต้องวิ่งวุ่นทำความสะอาดบ้านเป็นการใหญ่ ห้องน้ำก็ปล่อยให้เขรอะ ตื่นแล้วก็ไม่ทำเตียงให้เรียบร้อย แต่งแต่ตัวให้สวยอยู่อย่างเดียว ผู้ชายสมัยก่อนคาดหวังว่าผู้หญิงต้องเป็นแม่ศรีเรือนค่ะ (แต่เชื่อเถิดค่ะผู้ชายสมัยนี้จำนวนหนึ่งก็ยังแอบคาดหวังเล็กๆอยู่ในใจเหมือนกัน)


แต่ในชีวิตปัจจุบันที่ทุกคนต้องขวนขวายทำมาหากิน หาเงินเข้าบ้าน ผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้านคนไหนจะมีเวลามาดูแลทำความสะอาดบ้านล่ะคะ กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำแล้ว แถมยังเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากงานในที่ทำงานที่ต้องทำวันละหลายชั่วโมง หลายคนโชคร้ายไม่มีรถส่วนตัว ต้องอาศัยรถเมล์ที่แออัดยัดเยียดจนต้องยืนห้อยโหนไปตลอดทาง จะพึ่งรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินก็บังเอิญไม่ได้อยู่ในเส้นทางกลับบ้านเสียอีก พอถึงบ้านก็หมดแรงแล้วจะทำอะไรได้อีก บ้านช่องก็คงต้องผลัดไปทำความสะอาดในวันเสาร์อาทิตย์ ที่แทนที่จะได้พักผ่อนบ้างก็ยังต้องมาทำหน้าที่แม่ศรีเรือนอีก ส่วนคุณๆคนที่โชคดีมีคนรับใช้ ภาระตรงนี้ก็อาจจะลดน้อยลงเพราะมีคนช่วยทำ แต่ถึงโชคดีไม่ต้องลงมือทำทุกอย่างเอง ผู้หญิงก็ยังหนีไม่พ้นที่จะต้องควบคุมดูแลแม่บ้านหรือคนรับใช้ให้ทำแล้วตรวจสอบให้เรียบร้อยอีกที ถ้าปล่อยแต่คนรับใช้อย่างเดียว ผลที่ออกมาอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่หวังก็ได้ ใช่บ้านใช่ช่องของเขาเสียเมื่อไหร่


เรือนครัว

เรือนครัวก็หมายถึงครัวนั่นแหละค่ะ คนโบราณบอกว่าห้องครัวมีความสำคัญมาก ครัวจะต้องสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่รกเป็นรังหนูหรือมีแมลงสาปวิ่งกันพล่าน นอกจากนี้ ‘เรือนครัว’ ยังหมายรวมถึงเสน่ห์ปลายจวักอีกด้วย คือผู้หญิงควรจะทำอาหารเป็น ทำอาหารได้อร่อยและสะอาด เพื่อพ่อเจ้าประคุณสามีจะได้ไม่แอบไปหาอาหารนอกบ้านกิน

แต่สมัยนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องทำงานนอกบ้าน จะมีสักกี่คนที่มีเวลามาทำอาหารให้สามีและลูกกินได้ทุกมื้อ อาหารถุงที่อุตส่าห์หาซื้อแล้วหิ้วกลับมาให้กินก็ดีถมเถแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้และเพื่อหลีกเลี่ยงความจำเจซ้ำซาก นานๆครั้งในช่วงวันหยุดคุณก็ควรจะทำอาหารฝีมือคุณให้เขาได้กินบ้าง ถ้าคุณทำอาหารไม่เป็น เพราะสมัยที่ยังไม่ได้แต่งงานยังอยู่บ้าน่พ่อแม่ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออย่างเดียว อาหารที่กินเข้าไปทุกมื้อก็ฝีมือคุณแม่หรือคนรับใช้ เมื่อแต่งงานแยกบ้านออกมาก็ยังทำกับข้าวไม่เป็นเหมือนเดิม เพราะไม่เคยสนใจหรือไม่เคยฝึกปรือมาก่อน ขอบอกว่าตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไปและก็ไม่ใช่เรื่องยาก คุณเริ่มต้นได้เสมอ ตำราอาหารมีวางขายอยู่กลาดเกลื่อน ซื้อหามาแล้วลองทดลองทำอาหารง่ายๆสักสองสามอย่าง ที่คิดว่าน่าจะกินได้สำหรับลูกๆและพ่อของลูก ทำครั้งแรกอาจจะไม่อร่อย แต่อย่าเพิ่งท้อ ทำไปเรื่อยๆแล้วก็ดีเอง จนในที่สุดก็จะกลายป็นอาหาร “จานเก่ง” ที่สมาชิกในครอบครัวเรียกหา

อย่าคิดแต่จะพึ่งคนใช้หรืออาหารถุงอย่างเดียว นานๆครั้งถ้ามีเวลาหรือในช่วงวันหยุด ก็ควรจะเข้าครัวทำอาหารให้คนในครอบครัวได้ลองลิ้มชิมรสดูบ้างบางมื้อ นอกจากเพื่อให้แตกต่างจากอาหารถุงที่พวกเขาต้องกินซ้ำกินซากอยู่ทุกวันแล้ว ยังจะเป็นการแสดงฝีมือและความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของคุณให้สามีของคุณประจักษ์อีกด้วย อย่าลืมว่าไม่ว่าสมัยไหน คำว่า “เสน่ห์ปลายจวัก” ก็ยังมีความสำคัญอยู่ดี ตราบที่คนเราต้องกินและมีต่อมรับรู้รสชาติอยู่ที่โคนลิ้น

ขอบอกว่ามีผู้หญิงหลายคนที่ไม่เคยเข้าครัวทำกับข้าวให้ใครกินเลย เพราะทำอาหารไม่เป็น กลายเป็นผู้ชำนาญการไปได้หลังแต่งงาน ความจำเป็นและความรักต่อสามีและลูก ที่อยากจะขวนขวายหาของดีดีให้พวกเขากิน ทำให้หญิงผู้ครองรือนเกือบทุกคนไม่สามารถจะหนีนการทำครัวไปได้เลย

แล้วก็ขอบอกคุณผู้ชายทั้งหลายด้วยว่าอย่าประหยัดคำชม โดยคิดว่าเป็นหน้าที่ของภรรยาที่จะต้องทำอยู่แล้ว คำชมเล็กๆน้อยๆว่า “อร่อยจัง” ของคุณ จะทำให้คุณมีโอกาสได้กินอาหารแปลกๆฝีมือภรรยาบ่อยขึ้น เพราะคำชมของคุณเป็นกำลังใจอย่างมหาศาล โปรดทราบว่าผู้หญิงนั้น ทำทุกอย่างให้สามีและลูกด้วย “ความรัก” ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจงอย่าประหยัดคำชมที่แสดงถึงการรับรู้และขอบใจ


เรือนผมหรือเรือนกาย

เรือนผมหรือเรือนกายก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้หญิงต้องทำเนื้อตัวให้สะอาด สวยงามเหมาะกับกาละเทศะ ไม่ถึงขนาดต้องไปทำศัลยกรรม ผ่าโน่น ตัดนี่หรอก ทำ ใจให้สบาย พยายามไม่เครียด สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้หญิงสวยขึ้นได้เสมอ ที่เราอยากสวยก็เพื่อตัวเองและเพื่อแฟนเราด้วยไม่ใช่หรือ ผู้หญิงบางคนตอนยังเป็นแฟนกันก็แต่งหน้าแต่งตัวสวยงาม พอแต่งงานกันแล้วก็เริ่มไม่สนใจแล้ว เวลาอยู่บ้านกับเขาก็ปล่อยให้ผมเผ้าเป็นกระเซิงเหมือนไม่เคยเจอหวี หน้าตาก็ปล่อยให้มันเยิ้ม บางคนก็ใส่ชุดนอนอยู่ได้ทั้งวัน หมายถึงชุดนอนที่เหมือนชุดอยู่กับบ้านนะ ไม่ใช่ชุดนอนบางๆสวยๆอะไรนั่น บางคนเก่งจนถึงขนาดทำชุดนอนกับชุดอยู่กับบ้านให้กลายเป็นชุดเดียวกันได้ เพราะคงคิดว่าไม่เป็นไร ยังไงก็ได้ อยู่บ้านไม่จำเป็นต้องสวย ไม่รู้จะทำสวยไปอวดใคร จะไปทำตัวให้สวยอีกทีก็ตอนไปทำงานนั่นแหละ กลายเป็นว่าทำตัวสวยให้คนอื่นชื่นชม ส่วนคนที่บ้านซึ่งเป็นคนสำคัญกลับปล่อยให้เขาเห็นในสภาพยายเพิ้ง หน้าซีดๆผมเผ้ากะรุงกะรัง นานเข้าเขาก็จะเริ่มเห็นเราไม่สวย แถมเขาคงนึกประหลาดใจด้วยซ้ำไป ว่าแต่ก่อนทำไมถึงได้เห็นเราสวยถูกใจ เสียจนต้องขอแต่งงานด้วย

ทีนี้เมื่อเมียปล่อยตามบุญตามกรรม เพราะคิดว่าแต่งงานกันแล้ว สวยไม่สวยก็เห็นกันอยู่แล้ว ผู้ชายก็เลยต้องไปมองคนสวยๆในที่ทำงานบ้าง ตามศูนย์การค้าบ้าง ผู้ชายเขาต้องการอาหารตา ซึ่งคุณก็ควรสนองความต้องการของเขาบ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องไปทำศัลยกรรมหรอก อาจจะใช้เครื่องสำอางเล็กๆน้อยๆช่วยให้สวยขึ้น ออกกำลังกายให้เฟิร์ม รูปร่างจะได้ดีขึ้น ทำจิตใจให้สบาย พยายามไม่เครียด


ผู้ชายเป็นเพศที่ชอบความสวยความงาม (ของผู้หญิง) ส่วนใหญ่อยากให้เมียหรือคนรักของเขาสวยอยู่ตลอดเวลา และควรจะเป็นความสวยแบบสำเร็จรูปด้วย ไม่ต้องการเห็นหรอกไอ้ขั้นตอนต่างๆก่อนจะสวยได้น่ะ เช่น ไม่ชอบให้เมียม้วนโรลเต็มหัวเวลานอน ไม่ชอบหน้าที่มันเยิ้ม เหนียวเหนอะหนะด้วยครีมบำรุงก่อนนอน ไม่ชอบ...และไม่ชอบกรรมวิธีก่อนสวยอีกเยอะแยะ ชอบเห็นแต่ตอนที่สวยแล้ว

สมัยที่ยังเป็นแค่แฟนกันก็ทำได้สิ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ตอนนั้นอยู่กันคนละบ้าน เวลามีนัดกันหรือรู้ว่าเขาจะมาหาที่บ้าน คุณก็เตรียมตัวแล้ว ทำผมแต่งหน้าเสียสวย ใส่น้ำหอม สารพัดละ เขาก็จะเห็นคุณสวยพร้อมสรรพ ไม่มีโอกาสได้เห็นหรอก ตอนที่คุณต้องทำอะไรต่ออะไรตั้งหลายอย่างเพื่อให้สวยถูกใจเขาน่ะ แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วสิ เขาเห็นคุณเกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว เขาก็ต้องเห็นกรรมวิธีของคุณก่อนจะสวยด้วย ก็เริ่มไม่ชอบใจแล้ว ผู้ชายอยากเห็นของสำเร็จรูป ไม่อยากเห็นหรอกไอ้ขั้นตอนกรรมวิธีและวัตถุดิบต่างๆที่วางอยู่เกลื่อนกลาด ทั้งบนโต๊ะเครื่องแป้งและในห้องน้ำน่ะ


เรื่องกลิ่นตัวก็สำคัญนะคะ ผู้หญิง (และผู้ชายด้วย) จึงจำเป็นต้องรักษาความสะอาดของร่างกายให้ปราศจากกลิ่นที่ไม่โสภา อย่าพยายามกลบกลิ่นด้วยน้ำหอมเวลาอยู่กับเขา ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุนๆจากเนื้อตัวผู้หญิง ชอบกลิ่นเนื้อตามธรรมชาติมากกว่า ซึ่งการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายบ่อยๆเท่านั้นที่จะช่วยขจัดกลิ่นมึ่งประสงค์ได้มากพอสมควร


แต่ผู้ชายไม่รังเกียจกลิ่นหอมอ่อนๆของครีมบำรุงผิว ที่ทาจนซึมหายเข้าไปในผิวและเป็นเนื้อเดียวกับผิวนะคะ กลิ่นจากซอกรักแร้ซึ่งมีด้วยกันทุกคนก็ควรขจัดให้หมดไปหรือทำให้ลดน้อยลง ปัจจุบันนี้มีครีมหรือโลชั่นระงับกลิ่นตัวที่อัดเป็นแท่งหรือลูกกลิ้ง ที่เรียกว่าโลชั่นหรือครีมระงับกลิ่นตัว (Deodoant) หลากหลายยี่ห้อและกลิ่น วางขายกันมากมายจนเลือกไม่หวาดไม่ไหว แต่ขอบอกว่าไม่มีอะไรสู้สารส้มได้ ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์ดู ปัจจุบันมีคนหัวใสนำสารส้มมาสะกัดแล้วทำเป็นแท่ง บรรจุในหีบห่ออย่างสวยงาม ใช้สะดวกพอๆกับ deodorant แบบอื่นๆแล้ว ราคาก็ไม่แพง ประมาณห้าสิบบาทเท่านั้น ใช้ได้นานหลายปี แต่อาจจะไม่หอมเหมือน deodorant ทั่วๆไป เพราะไม่ได้ผสมน้ำหอม แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินก็ใช้สารส้มก้อนเล็กๆชุบน้ำพอหมาดๆแล้วทาก็ได้ผลเหมือนกัน


ต้องขอจบ “เรือนสาม” ไว้แต่พอสังเขปเพียงเท่านี้ ตอนต่อไปจะเกี่ยวกับเรื่อง “น้ำสี่” ค่ะ ถ้าสนใจก็ลองติดตามอ่านดูนะคะ

สวัสดีค่ะ