เรียนท่านผู้อ่านคอลัมน์นี้

ถ้าผู้ใดมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องสามีนอกใจและต้องการคำปรึกษา (เท่าที่จะให้ได้จากประสพการณ์ของตัวเอง) ก็ยินดีนะคะ แต่ขอให้เข้าไปตั้งกระทู้ในคอลัมน์ "ถาม-ตอบ ปัญหาสามีนอกใจ" ซึ่งเป็นคอลัมน์ใหม่ที่จะตอบปัญหาโดยตรงค่ะ (ดูหัวข้อด้านบนซ้ายมือ) เพราะถ้ามาโพสต์ไว้ในคอลัมน์นี้ บางครั้งผู้เขียนไม่ได้เข้ามาดูค่ะ ทำให้ไม่ได้ตอบ ส่วนคอลัมน์ใหม่ที่รวบรวมปัญหาทั้งหมดที่มีผู้ส่งมาถาม จะเข้ามาอ่านทุกวันค่ะ

ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะคะ
ดอยสะเก็ด


ทบทวนตัวเอง

หลังจากที่รู้แน่ว่าสามีนอกใจ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือตั้งสติให้มั่น อย่าเพิ่งโวยวายโทษใคร ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คิดทบทวนอย่างไม่เข้าข้างตัวเองว่าคุณเป็นคนอย่างไร มีจุดเด่นจุดด้อยอะไรที่ควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเพื่อใครทั้งนั้น เปลี่ยนเพื่อตัวเอง เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา เพราะผู้หญิงทุกคนเสียความมั่นใจในตัวเอง (ไม่ว่ามากหรือน้อย) ไปทันทีที่รู้ว่าสามีนอกใจ คุณจึงจำเป็นต้องกอบกู้ความมั่นใจดังกล่าวกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ด้วยการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนเพราะเปลี่ยนตัวเองง่ายที่สุด ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงใครได้ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนเสียอย่าง

ดังนั้นเมื่มีปัญหาเกิดขึ้นควรพิจารณาตัวเองเป็นอันดับแรก ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา พฤติกรรมต่างๆซึ่งรวมถึงวจีกรรมและมโนกรรม ที่มีผลกระทบต่อคนข้างตัวด้วย เพราะการอยู่ร่วมกันของคนสองคน ที่มาจากคนละทิศละทางและไม่ใช่แฝดสยาม ย่อมหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอารมณ์เป็นครั้งคราวไม่ได้ สมัยที่ยังเป็นแค่คู่รักกัน คุณกับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเกือบ 24 ชั่วโมงเหมือนหลังแต่งงาน นัดพบกันแต่ละที ต่างฝ่ายต่างก็อยู่ในชุดสุดสวย เจรจาพาทีกันก็อ่อนหวานเอาอกเอาใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน จุดบกพร่องต่างๆก็ยังไม่ปรากฏออกมา (ต่างฝ่ายต่างเก็บ และบางเรื่องอาจจะเก็บได้มิดชิดดีเสียด้วย เพราะพบกันครั้งละไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างกลับบ้านพ่อแม่หรือบ้านของตัวเอง) ปัญหาต่างๆถึงมีก็พร้อมใจกันเห็นว่า เป็นเรื่องเล็กๆที่มองข้ามไปได้

แต่หลังแต่งงานมาอยู่ด้วยกันแล้วสิ ที่ความเคยชินและการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทำให้ตัวตนที่แท้จริงหรือที่ปกปิดเอาไว้ ค่อยๆโผล่หน้าออกมาทีละเล็กทีละน้อย แล้วทั้งคู่ต่างก็แอบโทษกันและกันว่าอีกฝ่าย “เปลี่ยนไป” ความจริงไม่มีใครเปลี่ยนหรอก ยังเป็นตัวตนคนเดิมอยู่ เพียงแต่เลิกพยายามปกปิดซ่อนเร้นจุดบกพร่องของตัวเองจากอีกฝ่าย เพราะคิดว่า “ไม่เป็นไร เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว” หรือไม่ก็ “เขาน่าจะเข้าใจและรับได้นี่นาว่าเราเป็นคนขี้บ่น ขี้โมโห” ทั้งๆที่ตอนสมัยเป็นแฟนเราแทบจะไม่เคยบ่นว่าหรือโมโหใส่เขาเลย ทำให้เขาคิดหรือเชื่อว่าคุณเป็นผู้หญิงน่ารักอารมณ์ดี ส่วนฝ่ายชายที่สมัยเป็นคู่รักจะคอยเอาอกเอาใจฝ่ายหญิงอยู่ตลอดเวลา ที่ทำให้คุณปลาบปลื้มคิดว่าเขาจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่พอแต่งงานกันแล้ว เขาก็เอาใจน้อยลงหรือเลิกเอาใจไปเลย อะไรทำนองนี้แหละ ที่ทำให้เกิดการโทษกันไปโทษกันมาว่า “เดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนไป ไม่เหมือนสมัยก่อนเลย”

ตอนต่อไปจะเขียนเรื่อง “การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง” ของผู้หญิงเพื่อเรียกความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาให้ได้ ซึ่งจะแยกเป็น รูปร่างหน้าตา พฤติกรรมหรือนิสัยบางอย่างที่เป็นจุดอ่อน คุณผู้หญิงที่อ่านเรื่องนี้อย่าเพิ่งโวยวายนะคะ ว่าทำไมไม่ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างล่ะ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า “เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยน” และ “การเปลี่ยนแปลงตัวเองทำได้ง่ายที่สุด” ที่สำคัญคือ “ถ้าเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คนอื่นๆก็จะเปลี่ยนแปลงตามเราไปด้วยโดยอัตโนมัติ”

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ