จากการสือเสาะที่มาที่ไปของมะม่วงพันธุ์นี้พบว่า ชื่อ มะม่วงแก้วขมิ้น พวกแม่ค้าเรียกว่ามะม่วงแก้วเขมร มีความแตกต่างจากผลของมะม่วงแก้วของไทย ลูกใหญ่มาก ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย ๒-๓ ผล ต่อ ๑ กิโลกรัม บางผลหนักถึงครึ่งกิโลกรัม
มะม่วงพันธุ์นี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกัมพูชา ปัจจุบันนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยหลายปีแล้ว ปลูกแถวๆจังหวัดชายแดนประเทศไทยที่ติดกับกัมพูชา เช่น ปราจีนบุรี แต่ผลผลิตยังมีไม่มากนัก ที่เห็นทุกวันนี้ส่วนใหญ่นำเข้ามาทางชายแดนแถวๆตลาดโรงเกลือ มีความพิเศษคือ เป็นมะม่วงที่รับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ออกผลปีละ ๒ ครั้ง เมื่อแก่จัดหรือสุกจะเป็นสีเหลืองเข้มคล้ายสีของขมิ้น จึงถูกตั้งชื่อว่า มะม่วงแก้วขมิ้น พ่อค้าขายผลไม้รถเข็นปัจจุบันนิยมเอา มะม่วงแก้วขมิ้น ปอกและเฉาะขายผลละ ๒๐-๕๐ บาท จนเป็นที่นิยมไปแล้วของประชาชนคนไทย
ผมคิดว่าการที่มะม่วงแก้วขมิ้น เนื้อมาก น้ำหนักดี ใหผลผลิตสูง ย่อมเป็นที่ต้องการของเกษตรกรไทย ที่อยากจะเอามะม่วงพันธุ์นี้มาปลูก แต่รสชาติจะอย่างไงนั้น ค่อยดูอีก ๓-๔ ปีข้างหน้า คงคล้ายกับสมัยหนึ่ง ฝรั่งเวียตนาม แก้วมังกร ที่เกษตรกรเอาพันธุ์มาปลูกในไทย ต่อมาราคาของผลไม้ที่ว่านี้ก็ตกรูด พอซื้อกินได้ไม่แพงอย่างตอนนำเขา
มะม่วงแก้วขมิ้นได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเนื่องจากรสชาติคล้ายมะม่วงแก้วบ้านเรา เนื้อกรอบ รสออกเปรี้ยวแต่เปรี้ยวไม่มาก หากแต่เปลือกบางกว่า เมล็ดเล็กกว่ามะม่วงแก้วบ้านเรา และเมื่อปอกเปลือก เนื้อผลจะออกสีเหลืองสวย เมื่อมะม่วงจากเมืองเขมรนำเข้ามาวางขายเคียงข้างกับมะม่วงเขียวเสวย แก้วน้ำดอกไม้ น้ำดอกไม้สีทอง โชคอนันต์ อกร่อง ฟ้าลั่น แรด หนังกลางวัน ดูเหมือนมะม่วงพันธุ์ไทยจะหมองลงไป ราคามะม่วงไทยจึงไม่ขยับไปไหน
ผมได้ข่าวว่ามะม่วงแก้วขมิ้นนี้ขายดีมาก โดยเฉพาะตามรถเข็น คนหนุ่มสาวชาวออฟฟิศติดใจกันมาก เขาว่ามันอร่อย ถูกปาก มันๆ เปรี้ยวนิดๆ เนื้อกรอบ บางคนบอกว่าไม่เคยกินมะม่วงอร่อยเท่านี้มาก่อน
ปีนี้ เขียวเสวยและมะม่วงพันธุ์ไทยอื่นๆ ออกผลน้อย ยิ่งทำให้มะม่วงจากกัมพูชาราคาสูงขึ้นไปอีก ที่จริงไทยเริ่มนำเข้ามะม่วงจำนวนมากแบบนี้มาเมื่อ ๒ ปีนี้เอง บางร้านในตลาดไทยบอกว่าขายได้วันละ ๘ ตัน โอ้...แม่เจ้า
มีข้อสังเกตุอีกอย่างหนึ่งว่า คนรุ่นหลังไม่เคนสัมผัสกับมะม่วงพันธุ์ไทยที่อร่อยติดลิ้น อย่างมะม่วงมันพิมเสน หรือมะม่วงสุกแบบทองดำ จึงเห็นดีเห็นงามกับมะม่วงแก้วขมิ้นในตู้รถเข็น และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเลิศมาก ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องพลิกฟื้นคืนสภาพมะม่วงพันธุ์ไทยได้แล้ว ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับ อะไรที่ล่วงเลยไปแล้ว มักจะไม่หวนกลับ อย่างดำเนินฯบ้านผมที่เคยเป็นแหล่งผลิตมะม่วงอกร่องอันลือชื่อ มาวันนี้ นึกอยากจะกินอกร่องดีๆสักลูกก็ยากแล้ว
เมื่อวานผมกิน "มะม่วงแก้วขมิ้น" แบบสุกหนึ่งลูกเต็มๆ หนักเกือบครึ่งกิโล กินไป บ่นไป หลังจากนั้นไม่นาน ระบบย่อยอาหารเริ่มออกอาการไม่ชอบมาพากล ลืมไปว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ควรยึดทางสายกลางไว้ก่อน
มะม่วงแก้วขมิ้น เคยชิมแล้วรสชาติสู้มะม่วงแก้วไทยเราไม่ได้ ถ้ามะม่วงทานแบบดิบๆผมชอบเขียวเสวย แบบสุกชอบอกร่อง แต่แบบคุณอิมว่าเี๋ดี๋ยวนี้อกร่องหาทานได้ยากแล้วครับ
โหวต และไลค์ ส่งกำลังใจไปให้คุณอิมด้วยนะครับ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog