► ►► ..เ ป็ ด สว ร ร ค์ ... ไ ห ล อิ นเ พ ช ร บุ รี ..ตอน 4 จบ◄ ◄◄
หลังจากที่เดินลงจากพระนครคีรี แอนนี่ผู้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าตัวเองรู้ทางไปหาดเจ้าอย่างแม่นยำ ก็เดินดุ่มๆพาเราไปยังทางที่ว่าทันที
เดินไปได้ประมาณ 200 เมตร เพิ่งเลี้ยวซ้ายได้แยกเดียว แอนนี่ก็พาเราหลง เป็นการหลงทางที่ง่ายดายเหลือเกิน
หลังจากหลงแล้ว เราสองคนก็เดินไปเรื่อยๆ เด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียน ดูคึกคักเชียว
ตัวเมืองเพชรบุรี มีเสน่ห์ตรงความเก่าแก่ ยังคงมีบ้านเรือนทรงโบราณ ให้พบเห็นอยู่ทั่วไป ในเมือง ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ดูกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตผู้คน เป็นเมืองน่าอยู่เมืองหนึ่งเลยทีเดียว
ภาษาเมืองเพชร กินตุ๊ = กินสิ . . . .
หลังจากเดินไปให้เหงื่อไหลกันเล่นๆ ก็ถึงเวลาใช้ปากให้เป็นประโยชน์กันแล้ว
เจอแม่ค้าคนหนึ่ง นั่งขายของอยู่ริมถนน เราก็พากันถามทาง แม่ค้าบอกว่า ให้เดินข้ามถนนไปฝั่งนู้น แล้วขึ้นรถคันสีขาว คันเล็กๆ เหมือนรถตุ๊กๆแต่ก็ไม่ใช่นั่นแหละ จากนั้น ก็บอกว่าจะไปคิวรถหาดเจ้า เราขอบบุญขอบคุณในน้ำใจ แล้วก็เดินข้ามไปตามคำบอก
เดินไป รอรถไป ก็ไม่เห็นจะมี เลยเดินไปเรื่อย มีรถตู้คันหนึ่ง ถามแอนนี่อึ๋มว่าจะไปไหน แอนนี่อึ๋มก็ตอบด้วยความซื่อ ว่าไปหาดเจ้า เกือบจะได้ขึ้นรถตู้แล้ว แต่คนขับคงเหลือบเห็นไอ้มนุษย์กางเกงแดง ที่เมื่อครู่ต้นไม้บังอยู่ซะก่อน ก็เลยออกรถไปเลย
เราถามแอนนี่ว่าใคร? เธอบอกไม่รู้ แต่เป็นผู้ชายกลุ่มนึง แต่งชุดเขียวๆ
เราพากันลงความเห็นว่า น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากเขาเขียว มาดูงานแถวนี้ . . .
หลังจากเดินผ่านเทคนิคเพชรบุรี ข้ามสะพานลอยตรงไฟแดงมา ก็พากันยืนรอรถอยู่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง รถที่เรารอคอย ก็มาถึง สอบถามว่าไปคิวรถไหม? คนขับบอกว่าไป เราก็ขึ้นรถกัน บนรถ มีผู้โดยสารสุทธิ 2 คน คือเรา กับแอนนี่
นั่งรถไป ถือโอกาสชมเมืองไปด้วย เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปรถประจำเมืองไว้ มันคงจะเป็นรถประจำเมืองเพชร เหมือนกับรถแดงที่เชียงใหม่น่ะนะ
นั่งรถผ่านวัดมหาธาตุ จากนั้นก็ซอกแซกไปเรื่อยๆ ผ่านแม่น้ำเพชรบุรี ทำให้นึกถึงปู่เย็นผู้ล่วงลับ
ตอนมาที่นี่ครั้งที่ 2 เมื่อสามปีก่อน ก็แบบนี้ บ้านเมืองที่นี่ ไม่ค่อยเปลี่ยนซักเท่าไหร่
ครั้งนั้นเรามาเมืองเพชรบุรี เพราะมีข้อถกถียงกับเพื่อนร่วมงานว่า พระอาทิตย์ที่เพชรบุรี จะตกฝั่งทะเลหรือฝั่งแผ่นดิน สรุปว่าคราวนั้น เราชนะ เพราะพระอาทิตย์ที่นี่ ตกฝั่งแผ่นดิน
เป็นชัยชนะที่เหนื่อยและเปลืองตังค์ คนแพ้ หัวเราะสะใจ
ภาพถ่ายเป็ดสรรค์ เมื่อสามปีก่อน
. . . .
รถใช้เวลาวิ่ง ไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงคิวรถ จ่ายค่าโดยสาร 15 บาทถ้วน สอบถามคิวรถ บอกว่า ค่าโดยสารจากที่นี่ ไปหาดเจ้า 30 บาท ระยะทาง 15 กิโลเมตร เราก็พากันขึ้น บนรถ มีผู้โดยสารเป็นชายถือสุ่มไก่ 1 คน กับผู้หญิงที่พูดไม่ชัดอีก 1 คน ผู้หญิงพูดไม่ชัด อัธยาศัยดี แนะนำที่พักดีๆให้เราด้วย
ไม่นาน รถก็ออก มีเมียเจ้าของรถเป็นคนเก็บตังค์ รถวิ่งไปได้ 2-3 กิโล เราก็ถาม ว่าขากลับ รถหมดกี่โมง เมียเจ้าของรถบอกว่า ไม่มีแล้ว คันนี้คือคันสุดท้าย เราสองคนมองหน้ากัน และมองไปทางชายถือสุ่มไก่ ตอนนี้เขานั่งนิ่งไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก่อนรถออกเราถามเขา เขาว่า หมด 5 โมงครึ่ง
แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาทางกลับได้เองแหละ ตอนนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือวิวโล่งๆข้างทางต่างหาก
เมื่อสามปีก่อน เรามาตอนข้าวออกรวง สองข้างทางสวยมากๆ มีทุ่งข้าว ยาวสุดลูกหูลูกตา (ลูกตา = แม่) ตอนนี้ ข้าวถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว แต่ก็สวยไปอีกแบบ เห็นแล้วให้นึกถึงบรรยากาศแถวเท็กซัส ไม่เคยไปเท็กซัส แต่คิดว่า บรรยากาศมันคงคล้ายๆที่นี่ . .
.
มีเด็กคนหนึ่งขึ้นรถมากลางทาง เดาว่า คงเป็นลูกสาวของเจ้าของรถ หน้าตาเหมือนแม่มาก เสียดาย แอบถ่ายไม่เห็นหน้า . . .
รถมาถึงชายหาด ตอนสี่โมงกว่าๆ เราสองคน นั่งพักน่อง กินหมึก สูดกลิ่นทะเล มองคนเล่นน้ำกัน ปล่อยให้ลมทะเลเย็นๆแทะโลมผิวกาย แล้วก็พากันออกเดินชมหาดทราย
หาดทรายที่นี่ เปลี่ยนไปมหาศาล มีการสร้างแนวกันคลื่นขึ้นมา นอกชายฝั่ง จากที่เมื่อก่อน จะเป็นบันไดทอดลงไปในทะเล
จากนั้นก็เริ่มถ่ายรูป แอนนี่เก็กท่าไม้ตายโชว์อึ๋ม
.
. .
ต่อด้วยชายผู้เกิดมาอาภัพในการเก็กท่าถ่ายรูป
ท่าถ่ายรูปของมนุษย์เรา นึกๆไป มันก็มีอยู่ไม่กี่ท่าจริงๆนะ นอกจากท่าชูสองนิ้วสู้ตาย กับท่ากระโดดถ่ายแล้วเนี่ย ก็นึกไม่ออกแล้ว จะทำท่าแก้มป่องเกาหลี ก็ดูจะอุจาดสังขารไปนิด ก็ได้แต่ยืนเฉยๆปล่อยให้ถ่ายโดยราบคาบ
ชายคนนี้ มีความเชื่อว่า ถ้าถ่ายรูปกับแสงเหลืองๆของพระอาทิตย์ยามอัสดงแล้ว จะทำให้ดูดี . . .
ถ่ายหิน
. . .
ถ่ายชื่อแอนนี่
. . . . ไม่มีอะไรจะถ่ายแล้ว ก็ถ่ายหัวนมตัวเอง ลมทะเลเย็นๆ ทำให้หัวนมตั้งได้ สาวๆควรเลือกยกทรงที่เหมาะกับอากาศเย็นๆนะครับ
. . .
สุดท้ายก็ถ่ายกับป้ายชื่อหาดตามธรรมเนียม
เดินเตร็ดเตร่เฮอาจนถึงหกโมงเย็น ก็พากันหาทางกลับ ไปเจอแท็กซี่คันหนึ่ง จอดอยูตรงนั้น บอกว่าบริการ 24 ชั่วโมง เราว่าจ้างพี่แท็กซี่ไปส่งในเมือง ในราคา 200 บาท ก่อนออกรถ พี่คนขับแวะถามแม่ก่อน ว่ากำลังจะเข้าในเมือง จะกินอะไรไหม? น่ารักจัง ใครบอกคนเมืองเพชรดุ เราว่าไม่จริงหรอกนะ
เราถามพี่แก เรื่องร้านของฝาก แกบอกว่า เดี๋ยวพาไปร้านเจ้าเก่าเจ้าแก่
พอมาถึงในเมือง เราก็ไปร้านที่ว่า ปรากฎว่าของหมดแล้วเกือบทุกอย่าง เจ้าของร้านว่า ต้องมาตอนเช้าๆ ถึงจะมีของเยอะ
แวะมาตลาดฝั่งตรงข้าม ได้น้ำตาลปึกมาโลนึง เอาไว้นั่งแทะเพลินๆ อย่างน้อยก็ได้น้ำตาลปึกล่ะวะ . . .
ถึงคิวรถ ตอนหกโมงเกือบครึ่ง
ตอนรถวิ่งออกมา เจอถนนที่เราเคยเห็นในหนังเรื่อง” สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก “ ด้วย จำได้ว่าหนังเรื่องนี้ ถ่ายที่เมืองเพชรนี่แหละ
ขากลับ ก็หลับๆตื่นๆ ตื่นมา เจอกรุงเทพซะแล้ว
ว่างๆ จะหนีกรุงเทพ ไปเที่ยวที่อื่นอีก . . .
ลงนาม เป็ดสวรรค์ ชายสูงอายุ ในจินตนาการของเพื่อนบล็อกคนหนึ่ง
ปล. ขากลับเจอป้ายนี้ที่ปั้ม อยู่หน้าห้องน้ำ เดาว่า เจ้าของบริษัทนี้ กำลังปลงกับชีวิต
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
53 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2554 1:04:57 น. |
Counter : 5541 Pageviews. |
|
|
|
อัพด่วนนนนนนนนน 5555555555