Group Blog
เมษายน 2565

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
All Blog
ถนนสายนี้ ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 299 "เขาเล่ามา"







ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 299 "เขาเล่ามา"
 
 





โจทย์โดยคุณ
น้องปรินซ์  จันทราน็อคเทิร์น
 
 




 
จริงๆในโจทย์นี้  draft  เอาไว้หลายเรื่องมากๆ  ตั้งแต่ประสบการณ์ 
“เขาเล่ามา”  เกี่ยวกับการเลือกประเทศในการเรียนต่อต่างประเทศ  ประสบการณ์  “เขาเล่ามา”  เกี่ยวกับลิฟท์แดง  ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ไปจนถึงประสบการณ์ “เขาเล่ามา” ในการถือศีลปฎิบัติธรรม
 
 


 
แต่ทั้งหมดทั้งมวลเจ้าของบล็อกคิดว่าเรื่องที่  draft  มาทั้งหมดของเจ้าของบล็อกมีพื้นฐานมาจากหลักในเรื่องเดียวเลยครับคือ 
“หลักกาลามสูตร”
 
 




หลักกาลามสูตร  เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าด้วย วิธีปฏิบัติต่อสิ่งที่ตนสงสัย หรือหลักความเชื่อ  10  ประการ  มีที่มาจากหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ  ที่อาศัยอยู่ในเกสปุตตนิคม  แคว้นโกศล  เนื่องจากในสมัยนั้นมีผู้อวดอ้างตนในคุณวิเศษกันมาก  เชิดชูแต่ลัทธิของตัว  พูดจากระทบกระเทียบดูหมิ่นลัทธิอื่น  พร้อมทั้งชักจูงมิให้เชื่อลัทธิอื่น  เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงเกสปุตตนิคมดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้อวดอ้าง  ชาวกาลามะได้ทูลถามด้วยความสงสัยว่าใครพูดจริง ใครพูดเท็จ?  พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงแสดงธรรมที่เรียกกันว่า  “กาลามสูตร”  แก่ชาวเมืองกาลามะ  ที่มาเข้าเฝ้าฯ
 



 
เจ้าของบล็อกรู้จัก 
หลักกาลามสูตร  ก็ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย  ในชั้นเรียนภาษาไทย  สมัยที่เจ้าของบล็อกเรียนหนังสือชั้นมัธยมปลายนั้น  มีหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเล่มหนึงชื่อ  วรรณวิจักษณ์  ซึ่งจะเป็นหนังสือแบบเรียนภาษาไทยที่เน้นบทประพันธ์  ร้อยแก้วและร้อยกรอง  และ  หลักกาลามสูตร  ก็อยู่ในบทเรียนที่เจ้าของบล็อกจำได้ดีเลยชื่อ  “วรรณากาลามะสูตร”   (พระสูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ  แห่งวรรณะกษัตริย์  ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร  เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล)







 




 

หลักกาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าให้สั่งสอนชาวกาลามะ  มีดังนี้
 



1.
มา อนุสฺสเวน  -  อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา


2.
มา ปรมฺปราย  -  อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆกันมา ใครๆว่า หรือ โบราณว่า


3.
มา อิติกิราย อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ  ข่าวลือ ข่าวโคมลอย เป็นมงคลตื่นข่าว


4.
มา ปิฏกสมฺปทาเนน  -  อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์


5.
มา ตกฺกเหตุ  -  อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรกะ  หรือการนึกเดาเอาเอง


6.
มา นยเหตุ  -  อย่าปลงใจเชื่อ  เพราะอนุมาน หรือการคาดคะเน


7.
มา อาการปริวิตกฺเกน  -  อย่าปลงใจเชื่อ  ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล  หรือตามแนวอาการ


8.
มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา  -  อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว  หรือเข้ากับลัทธิความเชื่อของตน


9.
มา ภพฺพรูปตาย  -  อย่าปลงใจเชื่อ  เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ หรือเห็นผู้พูดน่าเชื่อถือได้


10.
มา สมโณ โน ครูติ  -  อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา









 






“ พระสูตรนี้ท่านมิได้ห้ามมิให้เชื่อ แต่ให้เชื่อด้วยมีปัญญาประกอบด้วย มิฉะนั้นความเชื่อต่างๆ จะไม่พ้น “ความงมงาย” และไม่พึงแปลความเลยเถิดไปว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่อสิ่งเหล่านี้ และให้เชื่อสิ่งอื่นนอกจากนี้ แต่พึงเข้าใจว่า แม้แต่สิ่งเหล่านี้ซึ่งบางอย่างก็เลือกเอามาแล้วว่า.. เป็นสิ่งที่น่าเชื่อที่สุด ท่านก็ยังเตือนไม่ให้ปลงใจเชื่อ ไม่ให้ด่วนเชื่อ ไม่ให้ถือเป็นเครื่องตัดสินเด็ดขาด ยังอาจผิดพลาดได้ ต้องใช้ปัญญาคิดพิจารณาให้ดีก่อน  ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น”
 

 
 














ทำไมเจ้าของบล็อกถึงจำเรื่องนี้ได้ขึ้นใจ  (ถึงแม้จะไม่ครบทั้ง  10  ข้อ)  จำได้ว่าตอนใกล้จะสอบ  คุณครูใบ้ข้อสอบว่าจะออกสอบเรื่อง  “วรรณากาลามสูตร”  ครับ  เลยจับกลุ่มเพื่อนๆติวกันจนจำได้  คำว่า  “วรรณากาลามสูตร”  กับ  ความหมาย  นั้งยังจำได้ขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้  แต่ลายละเอียดทั้ง  10  ข้อ  นั้นจำได้กระท่อนกระแท่นมากๆ  จำได้รวมๆว่า  “อย่าเชื่ออะไรในทันที  ต้องไตร่ตรองเสียก่อน”  ครับ






สวัสดีครับ


















 









133133133



Create Date : 03 เมษายน 2565
Last Update : 3 เมษายน 2565 10:33:20 น.
Counter : 995 Pageviews.

8 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณเริงฤดีนะ, คุณอุ้มสี, คุณกิ่งฟ้า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า

  
จริงค่ะ..
ต้องใช้สติพิจารณา..ด้วย
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:10:44:43 น.
  
เขาเล่มาก็อ่านต่อไป
โหวตให้จ้า
โดย: อุ้มสี วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:12:13:12 น.
  
สวัสดีค่ะ การจะเชื่อสิ่งใดต้องคิดพิจาณาใตร่ตรองให้ดีก่อนจึงควรเชื่อ
ตามหลักของพระพุทธเจ้าจริงๆค่ะ

โหวตคะพาบค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:13:57:45 น.
  
มาอ่านตะพาบด้วยครับ
เช้ากดเอนทรี่เก่าไปแล้ว ไว้มาใหม่ครับ

โดย: Sleepless Sea วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:18:25:32 น.
  
หลักกาลามสูตรใช้ได้เสมอครับ ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ไม่ใช่อย่าลบหลู่
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:20:19:32 น.
  
อ่านบล็อกคุณบอลวันนี้แล้ว นึกถึงวิชาพุทธศาสนาขึ้นมาทันทีเลยครับ
พรุ่งนี้มาใหม่ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:20:39:36 น.
  
พระสูตรนี้ผมก็ชอบครับ
อ่านแล้วในใจก็คิดว่า
แม้แต่คำสอนนี้ก็อย่าเพิ่งเชื่อ
ให้พิสูจน์ก่อนเลยว่าจริงรึเปล่าด้วยตัวเอง

และใช้ได้กับทุกเรื่องเลยนะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2565 เวลา:22:50:07 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2565 เวลา:6:24:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]