Group Blog
เมษายน 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 251 - "สิ่งที่เคยพลาดไป"





โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบประจำ หลักกิโลเมตรที่ 251



"สิ่งที่เคยพลาดไป"


โดยคุณ กะว่าก๋า

 
 



 
เมื่อตอนใกล้จบมัธยม  3  ทางโรงเรียนจัดสอบนักเรียนมัธยม  3  ที่กำลังเรียนอยู่ให้มีสิทธิเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4  (เพื่อทางโรงเรียนจะได้ทราบจำนวนนักเรียนที่สามารถผ่านขึ้นไปเรียนมัธยมศึกษาปีที่  4  ได้และทราบด้วยว่าเหลือที่ว่างอีกกี่ที่)  วันสอบก็ไปสอบตามปกติ  แต่ที่ที่ทำใจใจแป้วก็คือ  “ลืมเขียนแผนการเรียน  (วิทย์ – คณิต / ศิลป์ – คำณวน / ศิลป์ – ภาษา)  ไว้ที่หัวกระดาษคำตอบ  คือตั้งใจไว้ว่าจะเลือกเรียน  ศิลป์ – ภาษา  (ภาษาฝรั่งเศส)  แต่ว่าลืมเขียนไว้ที่หัวกระดาษคำตอบ  พอสอบเสร็จก็เร่งไปถามอาจารย์ที่คุมสอบ  อาจารย์บอกว่าไม่เป็นอะไร  คะแนนอยู่ในกลุ่มไหนโรงเรียนก็จัดให้เรียนแผนนั้นเอง  รู้สึกโล่งใจมากๆ  ปิดเทอมมัธยม  3  รีบไปซื้อหนังสือเรียนภาษาฝรั่งเศสมาอ่าน  อ้อ .... ลืมบอกว่า การเลิกแผนการเรียนทั้งหมดคิดคนเดียว  ทำคนเดียว  ไม่ได้ปรึกษาพ่อหรือแม่เลย
 
 
 
วันประกาศผลสอบปรากฏว่า .... สอบติดแผน  วิทย์ – คณิต .... ตายละหวา .... รู้ตัวดีว่าไม่เก่งเลขเลยถ้าเรียน  วิทย์ – คณิต  ไปคงไม่รอดแน่ๆ  ความฝันที่จะเข้าเรียนอักษรศาสตร์  จุฬาฯ  คงไม่เหลือแน่ๆ  ...... ขอเข้าพบรองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา  แจ้งว่าสอบติด  วิทย์ – คณิต  แต่อยากจะเปลี่ยนแผนการเรียนเป็น  ศิลป์ – ภาษา  (ภาษาฝรั่งเศส)  อาจารย์ก็ดีใจหาย  รีบเปิดคะแนนภาษาอังกฤษดูแล้วบอกว่า  “เปลี่ยนได้นะ  ภาษาอังกฤษเธอทำได้ตั้ง  80  กว่าคะแนน”  หัวใจพองโตมากๆ  ชั้นจะได้เป็น  นิสิตอักษรฯ จุฬาฯ ไปนู่นเลย
 
 

ความหวังพาพังลงครืนตอนกลับถึงบ้านมาบอกกับพ่ออว่า  “สอบเข้า ม.4 ได้นะ  สอบได้  วิทย์ – คณิต  แต่เปลี่ยนไปเรียนศิลป์ภาษาฝรั่งเศสละ” ..... พ่อโกรธมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ......  รีบแต่งตัวกลับไปที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อขอกลับไปเรียน  วิทย์ – คณิต  เหมือนเดิม .... ตอนแรกอาจารย์รองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาไม่ยอมให้เปลี่ยนเพราะยึดถือกับการตัดสินใจของนักเรียน  แต่พ่อยืนยันว่าจะต้องเปลี่ยน  ถ้าไม่เปลี่ยนให้จะให้ลาออก ร้อนถึงผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องมาตัดสินให้ย้ายกลับไปเรียนวิทย์ – คณิต  .... อันนี้คิดว่าเป็นผลบุญที่เป็นนักเรียนเรียบร้อย  เรียนดี  เป็นตัวแทนไปทำกิจกรรมของโรงเรียนเนืองๆ










การตัดสินใจ  (โดยพ่อ)  ครั้งนั้นสร้างความลำบากลำบนในการเรียนหนังสือในชั้น  มัธยมศึกษาปีที่  4 – 5 และ 6 มากๆ  เพราะอ่อนวิชาคำณวน  เลยพาไห้วิชาฟิสิกส์และเคมีร่วงไปด้วย  ตั้งใจเอาไว้ว่าไอ้วิชาท่องๆ ถนัดๆ  จะต้องทำคะแนนให้ดีทั้งหมด  เช่น  ชีววิทยา  สังคม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ  และอื่นๆ  และเป็นเสาหลักให้กับเพื่อนๆ  (คือให้เพื่อนๆลอกข้อสอบ)  ส่วนวิชาคณิต  ฟิสิกส์  และ  เคมี  ก็เป็นการต่างตอบแทนเช่นกัน คือลอกเพื่อน ....  เป็นแบบนี้อยู่  3  ปี  สนุกมั๊ย กับเพื่อนน่ะสนุก ... แต่ตอนสอบไม่สนุกเอาซะเรย  เครียดมากกกกกกก  


 
พอจบ ม.6  ก็ไม่รู้จะไปทางไหนดี  ไหนๆก็ไหนๆ  เรียนวิทย์มาก็เอ็นทรานซ์ไปในแนววิทยาศาสตร์ก็แล้วกัน  (สมัยก่อนการแนะแนวยังไม่เหมือนปัจจุบันนี้)  เลือกคณะวิทยาศาสตร์  6  มหาวิทยาลัย  6  อันดับ  .......  โชคดี  !!!!  ติดอันดับ  6  คณะวิทยาศาสตร์  เอกเคมี  มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  (ต่อมาได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร  -  คือเป็นวิทยาศาสตร์  รุ่น 1  ของมหาวิทยาลัยนเรศวร)  อาจจะเป็นเพราะทำคะแนนวิชาสามัญ 1  (ภาษาไทย – สังคม)  รวมกับภาษาอังกฤษได้เยอะ  ปีนั้น คณะวิทยาศาสตร์  เอกเคมี  มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  ต้องการคะแนนเพียง  39%  จากการสอบ  6 วิชา  600 คะแนน (สามัญ 1 – เลข กข – ฟิสิกส์ – เคมี – ชีวะ – ภาษาอังกฤษ)  - มีเรื่องฮามาก  สอบ ม.6  เทอมสุดท้ายยังติด 0 เคมี เรย  อาจารย์ให้รีบไปแก้ทันทีที่รู้ว่าเอ็นติด   คณะวิทยาศาสตร์  เอกเคมี  ฮ่าๆๆๆ







 



 
ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่าต้องเจออะไรบ้าง  แค่คิดว่าเอ็นได้ก็เรียนได้  (วะ)  เลยตัดสินใจไปใช้ชีวิตเป็นนิสิตปี 1  คณะวิทยาศาสตร์  เอกเคมี  มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ  วิทยาเขตพิษณุโลก  เรียนเทอม 1  ก็ยังไม่เท่าไหร่เพราะยังเรียนวิชาพื้นฐาน  เรียนแบบชิวมากๆ  ....  แต่พอเทอม  2  เริ่มยากขึ้น  ....


 
วิชาเลข .... อาจารย์ไม่พูดอะไรเลย  เข้ามาสอนปั๊บ  เขียนโจทย์บนกระดานแล้วแก้โจทย์ไปเรื่อยๆจนเต็มกระดาน 4 แผ่นในห้องเลคเช่อร์  หมดชั่วโมงออกจากห้องไป  เช่นเดียวกับวิชาฟิสิกส์


 
ที่ร้ายที่สุดคือวิชาเคมี ..... ชั่วโมงแรกของเทอม 2 ได้รับแจกสสาร  1  ขวดใหญ่ ...... พร้อมกับคำสั่งให้หาสารตั้งต้นส่งปลายเทอม ....... เฮ้ยยยยยย ...... แล้ว (กรู) จะรู้ได้ไง (วะ)  ว่าสารตั้งต้นเป็นอะไร ?????


 
ตัดสินใจกลับบ้านเลย  อยู่ต่อไปเห็นจะไม่รอดแน่ๆ  รีบทำเรื่องดรอป  กลับมาอ่านหนังสือเอ็นทรานซ์ใหม่อยู่บ้าน ....









 
การกลับมาเอ็นทรานซ์ใหม่ครั้งนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากพ่ออีกครั้งหนึ่ง .... พ่อให้แม่มาคุยด้วยว่า  “ให้เลือกคณะนิติศาสตร์”  .... ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากครับ  คิดเพียงว่าเลือกไว้ก็ได้  ไหนๆพ่อก็ยอมให้มาเอ็นใหม่อีกครั้งนึงแล้ว  แต่คิดไว้ในใจว่าอันดับหนึ่งต้องเป็น  อักษรศาสตร์  จุฬาฯ  เท่านั้น 

 
เอ็นทรานซ์ครั้งที่สองเลือกที่จะสอบแบบผสม  คือ  เลือกคณะที่เป็นแผนศิลป์ – คำณวน  และ  ศิลป์ – ภาษา ..... เพราะทั้งสองแผนถึงมีการสอบเลข  (เมื่อก่อนเรียก  เลข ก)  ก็จะไม่ยากเท่าการสอบเลขของสายวิทย์  .....  ในที่สุดผลการสอบเอ็นทรานซ์ก็ออกมา ...... สอบได้  คณะนิติศาสตร์  ธรรมศาสตร์  .....  แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อนอนร้องไห้ดีใจที่ติด  นิติฯ  และเป็น  นิติฯ  มธ. ด้วย (พ่อเคยเรียนนิติ ธรรมศาสตร์  สมัยที่เป็นมหาวิทยาลัยเปิดแต่เรียนไม่จบ)  นัยว่าเป็นการสานฝันให้พ่อ .....
เมื่อตอนเรียนปริญญาตรีจบ  ทำงานได้ซักปีกว่าๆ  ก็เริ่มอยากไปเรียนต่อเมืองนอก  เลยลองขอพ่อดู .... พ่อตอบตกลงอย่างง่ายดาย  ไม่ได้บังคับว่าจะต้องไปเรียนประเทศอะไร  มหาวิทยาลัยอะไร  ทุกอย่างพ่อตามใจทั้งหมด .....  มารู้ทีหลัง  (หลังจากกลับมาจากเรียนปริญญาโทแล้วด้วย)  ว่า ....  ที่พ่อยอมให้ไปเรียนต่อเมืองนอกโดยดีนั้น  เพราะพ่อเห็นว่าเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด  ตามใจพ่อเรื่องเรียนทุกอย่าง  พ่อถึงได้ยอมตามใจบ้าง ......









 
 
จะว่าไปแล้ว .... การเลือกเรียนสายวิทย์ – คณิต  ก็ไม่ถือเป็นความผิดพลาดมากมายนัก  ประการแรกเลย  การเรียน  วิทย์ – คณิต  มีผลดีกับการเอนทรานซ์ครั้งที่  2  มากๆ  เพราะการเอ็นทรานซ์ครั้งที่  2  ต้องสอบ  “วิทยาศาสตร์กายภาพ”  สำหรับคนที่เรียน  เคมี  ฟิสิกส์  ชีวะ  มา  3  ปี  วิทยาศาสตร์กายภาพ  เหมือนการอ่านคำนำของหนังสือเล่มหนึ่ง  มันง่ายมากก  เลยอาจจะทำให้มีส่วนที่ได้คะแนนเยอะขึ้นนอกจากวิชาอื่นๆที่เป็นวิชาถนัดอยู่แล้ว 


 
อีกประการหนึ่ง  การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาทำให้มุมมองกับทุกๆสิ่งเปลี้ยนไป  เราจะตั้งคำถามกับทุกๆอย่างแล้วพยายามหาคำตอบจากคำถามนั้น  ทำให้เรารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ 



 
ความทุกข์ที่ต้องสอบวิชาวิทยาศาสตร์ตอนเรียนหนังสือกลายเป็นเรื่องขำขันกับเพื่อนๆมัธยมปลายไปสิ้น  ความฝันว่าจะเป็น  นิสิตอักษรฯ  ถูกแทนที่ด้วย  ดีกรีปริญญาโทกฎหมาย  2  ใบ  จากออสเตรเลีย 




ทุกวันนี้ยังขอบคุณกระดูกของพ่อทุกครั้งที่เดินผ่านหิ้ง  “ที่ให้ชีวิตดีแก่ลูก”  










 









134137138





 



Create Date : 25 เมษายน 2563
Last Update : 25 เมษายน 2563 17:24:58 น.
Counter : 1196 Pageviews.

17 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณnonnoiGiwGiw, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณhaiku, คุณlife for eat and travel, คุณสองแผ่นดิน, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณkatoy

  
เรื่องการตัดสินใจเรียน.... บางทีก็ยาก จริงก็ยากเลยแหละ55

คุณพ่อคุณแม่ช่วยพวกเราได้เยอะ เพราะมองกว้างกว่าเรามาก

สำเร็จด้าน กม. ดีนะผมว่า เข้าทำงานได้หลายแหล่ง หลายหน่วย
งาน.. ส่วนจะนำไปใช้ได้มากน้อยเพียงใด คงอยู่ที่ตัวเองละครับ

โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:18:54:20 น.
  
ในที่สุดก็ได้มาเป็นทนายอ้วน ที่เก่งทำอาหารอีกด้วย
ยินดีกับความสำเร็จด้วยค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:19:04:42 น.
  
คนเรามันจะมีจุดเปลี่ยนหลายที่เหมือนกัน แต่เรียนสายวิทย์มันได้เปรียบตรงที่เหมือนรู้เยอะกว่าทางไปสอบคณะต่างๆ มันก็เยอะกว่า
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:19:24:36 น.
  
พรุ่งนี้นะๆ.. แดวมาใหม่​ แปะไว้ก่อง
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:19:33:26 น.
  
จริงเนาะกับชีวิตเรื่องบางเรื่องที่พลาดกลับไปย้อนนึกและมองบางครั้งก็เสียดาย บางครั้งก็ดีใจที่ผ่านมาได้
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:20:52:23 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องบอล

อ่านเรื่องที่ เธอพลาดในการเลือก แผนการเรียน ม.ปลาย แล้ว
จากใจรัก สายศิลป์ แต่ต้องตามใจพ่อ ไปเรียนสายวิทย์ เฮ้อ ! มีเรื่อง
แบบนี้มากมาย ถึงจะมาแนะแนว แต่พ่อแม่บังคับลูกให้เรียนตามใจ
ของตนเองก็เยอะ เนาะ น่าเห็นใจเด็กที่ถูกบังคับเรียนมาก จ้ะ
แต่บอลก็โชคดี แก้ไขข้อผิดพลาดตัวเองได้ทันท่วงที ได้ปริญญามาได้2 ใบ เก่งมาก จ้ะ


โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:21:11:17 น.
  
ส่วนตัวก็ตัดสินใจผิดเหมือนกันค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้จะเรียนสายศิลป์ และอยากเข้าศิลปศาสตร์ เกี่ยวกับภาษา ด้วยตอนเด็กสมัยนั้นก็จะโดนฝังไว้ว่าต้องวิทย์ คณิต ซึ่งตัวเองก็เกลียดคำนวนมากกก 55555

โหวตๆค่ะ
โดย: life for eat and travel วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:21:24:36 น.
  
ดีจังค่ะที่จบลงด้วยดี ของแมวน้อยที่บ้านไม่เคยบังคับอะไรเลย จนตอนเข้ามหาลัยอยู่ๆก็บังคับว่าต้องบริหารเท่านั้น อะไรก็ได้แต่ต้องบริหาร ตอนนั้นชอบการโรงแรมค่ะ เสียใจมาก เข้าบริหารปีแรกเรียนไม่จบ แต่ที่บ้านก็ไม่ยอมต้องเรียนใหม่บริหารเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเอกกว่าจะจบมหาลัยตั้ง 7 ปี จบมาเป็นผจก.ร้าน งานบริการแนวถนัด คิดย้อนไปกี่ทีก็ยังโกรธนะคะ กว่าจะเรียนจบเกือบตาย เพื่อนก็ไม่มีเพราะเราไม่เก่งเค้าก็ไม่คบ 7ปีในนรกเลยทีเดียวสำหรับแมวน้อย😅
โดย: Kisshoneyz วันที่: 25 เมษายน 2563 เวลา:23:05:07 น.
  
น่าเกิบมาหมัก
โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:1:08:43 น.
  

ยินดีด้วยค่ะ

ป.​โท กฎหมาย 2 ใบ
คุณพ่อ คุณแม่ คงปลื้มมากๆๆ
โดย: newyorknurse วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:1:35:41 น.
  
Wow..Master of Law 2 ใบ
เป็นความผิดพลาดที่ถูกต้องๆ เลยนะคะ

ขอให้ประสบกับแนวทางชีวิตที่เลือกแล้วในปัจจุบัน

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:10:58:32 น.
  
สุดยอดค่ะน้องบอล
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:13:06:36 น.
  
เก่งมากค่ะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:15:54:13 น.
  
คุณบอลนำความภาคภูมิใจมาให้คุณพ่อคุณแม่นะคะ
ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 เมษายน 2563 เวลา:0:20:42 น.
  
น้องบอลเก่งๆๆ
ภูมิใจแทนตัวเองและบุพการี
โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 27 เมษายน 2563 เวลา:4:47:40 น.
  
ชื่นชมจร้า^^

ชอบทะเลภาพที่2
โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 27 เมษายน 2563 เวลา:20:21:35 น.
  
ตามมาอ่าน..


ดีกรีปริญญาโทกฎหมาย 2 ใบ ... โอ้ววว
ไม่ง่ายเลยน๊าาา นอกจากจะทำอาหารเก่งแล้วยังเรียนเก่งอีกด้วยยยย



โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 29 เมษายน 2563 เวลา:16:35:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]