บล็อกที่แล้ว ทำพะโล้สูตรแม่บ้านทันสมัยไปแล้ว
ตอนนี้หมดหม้อไปนานแล้ว อิอิ แต่ขออัพบล็อกพะโล้อีกสักหม้อนะคะ
แต่ครั้งนี้เป็นสูตรโบราณ ไม่ใช้ซีอิ๊วดำ ที่อยากทำมานาน แต่ไม่มีโอกาสสักที

พอดีได้เต้าหู้ดำ โพธาราม มาอีกรอบ ครั้งนี้เปลี่ยนเมนูใหม่บ้่าง
แต่แม่ย่า ที่บ้าน บอกต้มพะโล้อีกซิ เอ้า...ต้มก็ต้ม
สองวันก่อน พี่บี้ ลงภาพพะโล้ไก่ทอด กับไข่ เลยบังเกิดไอเดียมั่ง
ครั้งที่แล้วเป็นแบบแม่บ้านทันสมัย ครั้งนี้ขอนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อคอกระเช้า ทำแบบโบราณบ้างดีกว่า
จะได้ลองสูตรที่อยากทำมานาน
สูตรไข่พะโล้โบราณของพี่หมูแดง เก็บสูตรนี้ไว้ในดวงใจนานแสนนาน
ตั้งแต่เป็นสมาชิกครัวไกลบ้านใหม่ ๆ 8-9 ปี ที่แล้วมั้ง

ผลออกมาอร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ น้ำพะโล้ หอมกลิ่นน้ำตาล หวาน ๆ เค็ม ๆ
ซึ่งปกติแม่ใบตองไม่ค่อยชอบทานกับข้าวหวาน ๆ ยังได้ใจไปเต็ม ๆ คะ
ขอบคุณ พี่หมูแดง ที่น่ารัก สำหรับสูตร ดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันคะ
และขอก็อบสูตรและเคล็ดลัีบดี ๆ ที่เป็นข้อความบ้างส่วนในบล็อกของพี่หมูแดง
มาแบ่งปันต่ออีกทีนะคะ

่ไข่พะโล้สูตรโบราณ สูตรจากพี่หมูแดง ครัวไกลบ้าน หรือดูจากบล็อกเก่าของพี่เค้าที่นี่คะ >>>>>
บล็อกของพี่หมูแดงคะ

เครื่องปรุง
◊ ไข่เป็ด ◊ หมูสามชั้น หรือน่องไก่ ◊ สามเกลอ ๑ ช้อนกินข้าว (กระเทียม พริกไทย รากผักชี ตำละเอียด) ◊ น้ำตาลปี๊บ ◊ เกลือ ◊ ซีอิ๊วขาว ◊ โป๊ยกั๊ก ◊ อบเชย ◊ น้ำมันพืช
ในสูตรไม่มีซีอิ๊วดำ แล้วถ้าสงสัยว่าทำไมมันถึงดำได้ ก็ต้องตามมาดูกันค่ะ
เริ่มจากต้มไข่ก่อน ไข่พะโล้ที่อร่อยต้องใช้ไข่เป็ด แ เอาไข่ใส่หม้อ ใส่น้ำตามลงไป
ใส่เกลือนิดหน่อย ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ประมาณ 10 นาที
ใช้ไข่เก่าถึงจะดี เพราะจะทำให้ปอกเปลือกง่าย แต่ถ้าใครมีไข่ใหม่
ก็เอาไปวางผึ่งแดดไว้ซักชั่วโมงก่อนแล้วจึงเอามาต้ม ไม่อย่างนั้นมันจะติดเปลือก ไม่สวย
พอไข่สุกแล้วก็เอามาแช่น้ำเย็นไว้ก่อน พอไข่เย็นก็จัดการปอกได้เลย
ปอกไข่ให้ผิวเกลี้ยง ๆ เวลาต้มแล้วจะได้สวยๆ
น่องไก่ แม่ใบตองเอาไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ให้ผิวตึง ๆ เกรียมนิด ๆ ตามแบบของพี่บี้ คะ
--- ดอกจันทน์ (โป๊ยกั๊ก) กับอบเชย เตรียมไว้ เอามาห่อผ้าแล้วมัดให้แน่น
เวลาเราต้มจะได้ไม่ลอยหน้า --->>>
>>>แม่ใบตองทำน้อย เลยไม่ห่อ โยนลงหม้อทั้งอย่างนั้นเลยคะ

จากนั้นเราก็มาตำเครื่องพะโล้กัน เริ่มจากพริกไทยขาวก่อนนะคะ ใช้ประมาณ ๑ ช้อนชงกาแฟ
ตำให้เป็นผงละเอียดยิบเลยนะคะ อย่าใจร้อนนะ
แต่แม่ใบตองใช้วิธี ตำรากผักชีกับกระเทียมแล้วผสมพริกไทยป่นลงไป ตำแบบคนขี้เกียจนะคะ
ถ้าใช้กระเทียมกลีบเล็ก ๆ จะหอมกว่าแบบกลีบใหญ่ ปอกเปลือกไม่ต้องให้เกลี้ยงเนียน
เพราะเปลือกกระเทียมอ่อน ๆ มันจะหอม <<ถ้าจะตำให้ละเอียดเร็วๆ ก็เอาเกลือเม็ดใส่ลงไปซักหน่อย ความคมของเม็ดเกลือจะช่วยให้ตำง่ายขึ้น
ต้องตำสามเกลอให้ละเอียดยิบเลยนะคะ ห้ามขี้เกียจ เพราะถ้าตำหยาบๆ เวลาทำไข่พะโล้แล้วเครื่องตำมันจะแล่นใบลอยหน้าหม้อพะโล้ ไม่สวยค่ะ>>
แต่แม่ใบตองเป็นนักเรียนดื้อคะ ตำซะหยาบเชียว .....
น้ำตาลปี๊บ ถ้ามันแข็งมาก ๆ ต้องทุบให้บุบก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ทันเวลาผัดค่ะ
 เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ เริ่มทำกันเลยคะ
เริ่มจากเอากระทะ ตั้งไฟ ใช้ความร้อนปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย
แล้วก็เอาสามเกลอลงไปผัดให้หอม
ผัดไปซักพักจนได้กลิ่นเครื่องตำหอม ๆ ลอยมาเตะจมูก ยิ่งใส่รากผักชีเยอะๆ จะยิ่งหอมชวนกินมาก
จะติดก้นกระทะนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ แค่ระวังอย่าใช้ไฟแรงเกินไป
เพราะมันจะไหม้ ทำให้กลิ่นเพี้ยนไป
พอสามเกลอหอมดีแล้ว ก็ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปประมาณ 1 ช้อนกินข้าวแบบพูน ๆ
แม่ใบตองใส่อบเชย และโป๊ยกั๊ก ลงไปผัดตอนนี้ด้วยคะ
ใครไม่มีน้ำตาลปี๊บ ใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาวก็ได้
แต่ถ้าหาน้ำตาลปี๊บได้ก็จะดี เพราะรสชาติมันนุ่มนวล และกลิ่นหอมกว่าน้ำตาลทราย
ผัดน้ำตาลปี๊บให้เข้ากับเครื่องตำ สักครู่เดียวน้ำตาลปี๊บก็จะละลายแบบนี้ ต้องผัดเรื่อย ๆ
ห้ามหยุดมือเด็ดขาด ระหว่างที่ผัดนี่ห้ามทำอย่างอื่นเลยนะ เผลอแป๊บเดียวไหม้นะ จะบอกให้
แล้วมันก็จะเดือดเป็นฟองแบบนี้ แต่ไม่ต้องกลัว มันไม่กระเด็นหรอกค่ะ ผัดไปเรื่อยๆนะ
น้ำตาลปี๊บจะสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องตกใจ อาจจมีควันฉุยขึ้นมาบ้าง ก็เป็นเรื่องปรกติ น้ำตาลปี๊บจะเริ่มไหม้ ที่เราต้องการ คือน้ำตาลปี๊บจะยังเหลว ไม่จับตัวเป็นก้อน และสีเข้มๆ
ปล. กระทะเปื้อนเพราะ แม่ใบตองทอดไก่เสร็จ เอาน้ำมันออกเหลือนิดหน่อย
แล้วเอาสามเกลอลงเจียวเลยคะ

พอเราเคี่ยวน้ำตาลปี๊บได้ที่ตามที่เราต้องการแล้ว เราก็ใส่ไก่ ใส่ไข่ลงไปเลยค่ะ
แล้วผัดเร็ว ๆ ให้เข้ากัน ให้สีน้ำตาลไหม้เคลือบไก่ ให้ทั่ว
น้ำตาลอาจจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนบ้างแล้วก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจ
จากนั้นเราเติมน้ำเปล่าลงไปเลย กะให้ท่วมมากหน่อย เพราะเวลาเราเคี่ยวมันจะแห้งลงอีก
ถ้าเครื่องสามเกลอไม่ละเอียด จะเห็นกลีบกระเทียมลอยหน้าเลย
แล้วใส่เต้าหู้ดำลงไป คน เบา ๆ ให้เข้ากัน น้ำตา่ลที่เริ่มเป็นก้อนจะค่อย ๆ ละลาย
ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือเล็กน้อย

เปิดไฟแรง ให้หม้อพะโล้เดือด สังเกตสีไข่พะโล้ซิเข้มสวยแล้ว ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ปรุงรสอะไรเลย
แต่สีของพะโล้ก็เข้มสวยแล้ว นั่นเป็นเพราะน้ำตาลปี๊บที่เราผัดเคี่ยวไงคะ

พอชิมรสได้ที่แล้วก็ตักใส่หม้อ แย้มฝาหม้อ ลดไฟลงเหลือแค่ไฟอ่อน แล้วเคี่ยวไปประมาณชั่วโมง
จะได้เต้าหู้ และไข่ที่แข็งเด้ง กับน่องไก่เปื่อย ๆ

ไข่พะโล้ของเราก็สุกพร้อมเสริฟแล้วค่ะ
ถึงจะไม่ได้ใช้ซีอิ๊วดำเลย แต่ไข่พะโล้ก็สีดำได้ และไม่มีกลิ่นซีอิ๊วดำมากวนใจด้วยคะ

เป็นสูตรโบราณ ที่ทำแล้วโดนใจมาก อร่อยจริง ๆ คะ


มีความสุขที่ได้ แบ่งปัน..... สร้างสรรค์ ยินดีที่แวะมาเยียมเยียนกันนะคะ |