การทำให้ชีวิตวุ่นน้อยลง
มองให้ดีจะพบว่า
ความวุ่นมักเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง
ทั้งโดยการหากิจกรรม
หรือสิ่งเสพต่าง ๆ มาทำให้วุ่น
และโดยการเร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ
จนเกิดความรู้สึกวุ่นขึ้นมา
ประการหลังนี้ถูกตอกย้ำให้เป็นหนักขึ้น
เมื่อมีทัศนคติว่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง
หรือ เวลาเป็นของมีค่า
คนมีเงินจะได้รับอิทธิพลอย่างมาก
จากทัศนคติดังกล่าว ดังนั้นจึงคอยไม่เป็น
และเร่งรีบจนเป็นนิสัย
หนักกว่านั้นก็คือจะไม่ยอมเสียเวลา
ไปกับสิ่งที่ไม่ เป็นเงินเป็นทอง
จึงทนไม่ได้กับการนั่งเล่น เดินเล่น ปลูกต้นไม้
บางคนแม้แต่จะพูดคุยกับลูกเมีย
ก็ไม่มีเวลาให้เพราะกลัวว่าจะเสียเวลาทำมาหากิน
(แม้แต่เด็ก ๆ ก็ติดทัศนคติแบบนี้มากขึ้นทุกที
เด็กคนหนึ่งเมื่อถูกถามว่าทำไมไม่คุยกับพ่อบ้าง
คำตอบก็คือ
คุยแล้วไม่ได้คะแนน ก็เลยไม่รู้จะคุยทำไม)
คนที่คิดแบบนี้จึงชอบหมกมุ่นกับงาน
หรือไม่ก็หางานมาทำตลอดเวลา
หรือทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
ถ้าหยุดหรือมีเวลาว่างเมื่อไร
ก็จะไม่สบายใจหรือรู้สึกผิด
เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตจะไม่วุ่นได้อย่างไร
ชีวิตจะหายวุ่นและมีเวลาว่างมากขึ้น
จึงอยู่ที่ตัวเราเป็นสำคัญ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ผู้คนแวดล้อม
หรือแม้แต่อาชีพการงาน
(การวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า
คนอเมริกันในปัจจุบัน
ใช้เวลากับการทำมาหากินน้อยลง
เมื่อเทียบกับ ๔ ทศวรรษที่แล้ว
แต่กลับรู้สึกวุ่นมากกว่า)
ดังนั้นถ้าอยากให้ชีวิตวุ่นน้อยลง
อย่างแรกที่ทำได้เลยคือลืมไปเสียบ้างว่า
เวลาเป็นเงินเป็นทอง
ถึงแม้สิ่งที่ทำจะไม่ให้ผลงอกเงยเป็นเงินทอง
ก็ควรทำด้วยความใส่ใจ ไม่เร่งรีบ
พึงตระหนักว่า ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด
คือทำทุกอย่างในปัจจุบันให้ดีที่สุด
แม้จะเป็นแค่การล้างมือ อาบน้ำ หรือถูฟัน
เงินทองนั้นสำคัญก็จริงอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้น
คือความสุขใจอันเกิดจากจิตที่ผ่อนคลาย เป็นสมาธิ
อย่าลืมว่ามีเงินมากเท่าไรก็ซื้อความสุขใจไม่ได้
การมีเวลาให้ใจได้อยู่นิ่ง ๆ และผ่อนคลาย
เช่น ทำสวน เดินเล่น ทำโยคะ หรือนั่งสมาธิ
เป็นการทำให้เวลามีค่ายิ่งกว่าเงินทองเสียอีก
ควบคู่กันไปก็คือการทำให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ
การทำหลายอย่างพร้อมกัน
นอกจากจะทำไม่ได้ดีสักอย่างแล้ว
ยังทำให้จิตเป็นสมาธิได้ยาก
การแบ่งความใส่ใจให้แก่หลายสิ่งในเวลาเดียวกัน
ทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและวุ่นได้ง่าย
ถึงเวลาจะพักจิตให้สงบก็ทำไม่ได้
จึงกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ.
พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณที่มา fb. ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ