Group Blog
All Blog
<<< "เติมสุขให้ใจ" >>>









"เติมสุขให้ใจ"

ร่างกายของเราต้องการน้ำ อากาศ ปัจจัยสี่

ส่วนจิตใจนั้นต้องการความสุข

 จิตใจที่ปราศจากความสุขย่อมห่อเหี่ยวแห้งผาก

 แม้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย

 มีความสะดวกสบายล้นเหลือ

ก็ไม่ช่วยให้อยากมีชีวิตอยู่

ความสุขใจนั้นมาได้หลายทาง

 อาจเกิดจากความรักของคนในครอบครัว

หรือการยอมรับของคนรอบข้าง

 ที่สำคัญก็คือ การทำความดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่น

 รวมทั้งการมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต

 รู้จักมองบวก และปล่อยวางเป็น

การได้ครอบครองโภคทรัพย์

แม้ให้ความสุขใจแก่เราอย่างรวดเร็ว

 แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

 อีกทั้งยังตามมาด้วยความทุกข์

เพราะมันกลายเป็นภาระที่ต้องแบก

สิ่งที่ยั่งยืนคงทนกว่าคือความสุขจากการทำความดี

 รวมทั้งความสงบที่เกิดจากการฝึกจิต

ความสุขดังกล่าวไม่เพียงหล่อเลี้ยงใจ

ให้เบิกบาน มีพลังในการทำงาน

ยังช่วยให้เราเผชิญกับ

ความผันผวนปรวนแปรในชีวิต

โดยไม่จมดิ่งในทุกข์

นอกจากเติมอาหารให้กาย หาทรัพย์มาใส่บ้านแล้ว

 การเติมสุขให้ใจด้วยการทำความดี

 ช่วยให้ผู้อื่นมีความสุขและฝึกจิตอยู่เสมอ

เป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้.

พระไพศาล วิสาโล






ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าสุคะโตธรรมชาติที่พักใจ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 กันยายน 2561
Last Update : 21 กันยายน 2561 15:03:20 น.
Counter : 351 Pageviews.

0 comment
<<< "อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์" >>>









"อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์"

เมื่อเจอทุกข์ อย่างแรกที่ควรทำก็คือ การยอมรับ

 กล่าวคือ ไม่ผลักไส ปฏิเสธ หรือตีโพยตีพาย

 โวยวายคร่ำครวญ เพราะการทำเช่นนั้น

มีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้แก่เรา นั่นคือทุกข์ใจ

แต่ทันทีที่เรายอมรับได้ หยุดบ่น หยุดโวยวาย

 ใจก็จะกลับมาเป็นปกติ ทำให้สมองโล่ง

สามารถนำปัญญามาใช้แก้ทุกข์ให้ลุล่วง

 หรือแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้

จะว่าไปแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับเรา

 ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกหรือมีท่าทีกับมันอย่างไร

 เจอเหตุร้าย แต่ใจยอมรับได้ หรือรู้จักมองบวก

 คือ หาประโยชน์จากมัน รวมทั้งมองว่า

มันเป็นธรรมดาของชีวิตและโลก รู้จักปล่อยวางได้

 ใจก็ไม่เป็นทุกข์ ในทางตรงข้ามแม้เจอโชคลาภ

 แต่ไม่รู้จักพอ อยากได้มากกว่านั้น

 หรือเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ได้มากกว่า

ใจกลับเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ.

พระไพศาล วิสาโล




ขอบคุณที่มา fb. เจริญสติแนวเคลื่อนไหว
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 14 กันยายน 2561
Last Update : 14 กันยายน 2561 14:48:42 น.
Counter : 702 Pageviews.

0 comment
<<< "ทานในใจ" >>>







"ทานในใจ"

“คนที่มีทานภายในใจหรือมีการสละเป็นนิสัยของใจ

 ไปที่ไหนไม่ตาย แม้จะไม่มีมากแต่ก็ไม่จน

 เพราะอำนาจแห่งทานที่ตนให้ไปแล้วนั้นแล

 เป็นอานิสงส์ตามรักษาผู้นั้น

 แต่คนที่ชอบเห็นแก่ตัว

มีความตระหนี่เหนียวแน่นเป็นกำลัง

 แม้ที่สุดเพื่อนก็คบค้าสมาคมไม่ติด

 เพราะเป็นคนเห็นแก่ตัวข้างเดียว

 ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

ที่ท่านสอนว่าทานๆ นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะโลกที่อยู่ด้วยกันได้เป็นปึกแผ่นแน่นหนานั้น

 ย่อมอาศัยการสละเป็นของสำคัญ

 เช่นลูกที่เกิดขึ้นมาจากพ่อแม่

อย่างนี้ต้องได้รับการสละจากพ่อแม่เสมอ

สละมาเป็นลำดับ สละมาตั้งแต่เลือดเนื้อ

 สละทรัพย์สมบัติ สละชีวิตจิตใจ

 สมบัติทุกประเภทสละเพื่อลูกทั้งนั้น

นับตั้งแต่ข้าวป้อนน้ำนมมา

นับแต่จำนวนน้อยจนถึงจำนวนมาก

 ตลอดถึงลูกมีความเติบโตขึ้นมา

 จนรักษาตัวคุ้มและมีทางหากินได้แล้ว

พ่อแม่จะค่อยรามือไปหน่อย

ลูกกับพ่อแม่ที่อยู่ด้วยกันได้

ก็เพราะอำนาจแห่งการสละ

 คนที่อยู่ด้วยกันได้ก็เพราะอำนาจแห่งการเสียสละ

 สัตว์เดรัจฉานที่อยู่ด้วยกันได้เป็นหมู่เป็นพวก

ก็เพราะความเสียสละ

 เพราะฉะนั้นคำว่าทาน

จึงเป็นรากฐานของโลกอันสำคัญ

หากว่าโลกนี้ได้ขาดทานไปเสีย

ระหว่างพ่อแม่กับลูกก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

 ระหว่างเพื่อนฝูงก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

ระหว่างญาติต่อญาติก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

ระหว่างพระกับโยมก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

 สัตว์ด้วยกันที่เป็นหมู่เป็นพวกก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

 ไม่มีสัตว์ตัวใดที่จะอยู่ด้วยกันได้

เมื่อขาดการเสียสละเสีย

การเสียสละเพื่อผลประโยชน์แก่ผู้อื่นนั้น

ท่านเรียกว่าทาน แปลว่าการให้

สัตว์เขาก็มีพ่อมีแม่ต้องอาศัยพ่อแม่เป็นที่อยู่ที่กิน

 เป็นที่อาศัยทุกสิ่งทุกประการ

ทานจึงเป็นรากฐานสำคัญสำหรับโลก...”

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

....................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘
วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จ.อุดรธานี
(พ.ศ. ๒๔๕๖ - ๒๕๕๔)







ขอบคุณที่มา fb. ธรรมะพระธุดงคกรรมฐาน
สายพระบูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริตฺตเถระ

ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 07 กันยายน 2561
Last Update : 7 กันยายน 2561 12:12:13 น.
Counter : 273 Pageviews.

0 comment
<<< "รู้ใจตัวเอง" >>>










"รู้ใจตัวเอง"

เวลาเรามีเพื่อนเราก็อยากได้เพื่อนที่รู้ใจ

เวลาเราทำงาน ก็อยากได้ลูกน้องที่รู้ใจ

รวมทั้งเวลาเรามีแฟนมีคู่ครอง

 ก็อยากได้แฟนหรือคู่ครองที่รู้ใจ

เวลาเรามีความทุกข์ เราก็อยากให้คนเห็นใจเรา

แต่ว่าเราเคยถามตัวเราเองหรือเปล่าว่า

ที่เรียกร้องให้ใครมารู้ใจ ให้ใครมาเห็นใจ

แล้วตัวเราเอง เคยคิดจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม

เคยคิดจะเห็นใจตัวเองบ้างหรือเปล่า

มันยากนะ ไม่รู้ใจตัวเอง แต่ว่าจะไปเรียกร้อง แสวงหา

หรือว่าไปกะเกณฑ์ให้ใครต่อใครมารู้ใจหรือเห็นใจเรา

อะไรที่ยากกว่ากัน ระหว่างคนข้างนอกที่มารู้ใจเรา

หรือตัวเราเองที่รู้ใจตัวเอง

 อะไรที่มันเป็นไปได้ง่ายกว่ากัน

ส่วนใหญ่เวลาบอกว่าอยากให้คนอื่นมารู้ใจเรา

ก็มักจะหมายความว่า เค้ารู้ความตองการของเรา

รู้ว่าจะปรนเปรอตอบสนอง

ความต้องการของเราอย่างไรอันนั้นก็ดีอยู่

แต่สิ่งที่เราควรทำให้ได้ เวลารู้ใจตัวเอง

รู้ทันความรู้สึกนึกคิดของตัว

เวลาเราโกรธ เราเคยรู้ใจตัวเองไหมว่ากำลังโกรธ

เวลาเราเกลียดเรารู้ทันความเกลียดในใจเราไหม

เวลาเราเบื่อ เราเศร้า เราเคยรู้ทัน ความเบื่อ ความเศร้า

ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นอยู่กลางใจเราหรือเปล่า

รู้ใจแบบนี้ที่สำคัญกว่าการกะเกณฑ์ให้ใครมารู้ใจเรา.

พระไพศาล วิสาโล

..............................






ขอบคุณที่มา fb. ข้อธรรมคำสอน พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 04 กันยายน 2561
Last Update : 4 กันยายน 2561 11:35:42 น.
Counter : 359 Pageviews.

0 comment
<<< "วิชาชีวิต" >>>







"วิชาชีวิต"



ชั่วชีวิตของคนเรา มีวิชามากมายที่ต้องเรียนรู้

 มิใช่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

 แต่ยังเพื่อความเจริญก้าวหน้าและผาสุก

 วิชาเหล่านี้เปิดสอนทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย

 และมหาวิทยาลัย โดยมีการวัดผลอย่างจริงจัง

แต่มีวิชาหนึ่งที่มักถูกละเลย

 และแทบไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาใด ๆ

นั่นคือ วิชาชีวิต

มีวิชามากมายที่เรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ครั้นสอบผ่านแล้ว

หลายคนแทบไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์เลย

 แต่วิชาชีวิตนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่

 สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตลอดเวลา

 วิชามากมายเรียนแล้วช่วยให้ร่ำรวย

มีสถานภาพทางสังคม แต่ไม่ได้ช่วยแก้ทุกข์ได้เลย

 ไม่ว่ายามเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกต่อว่าด่าทอ

 สูญเสียคนรัก หรือล้มป่วย ในขณะที่วิชาชีวิตนั้น

ช่วยให้เราก้าวข้ามปัญหาชีวิตไปได้ด้วยดี

แม้ประสบกับความผันผวนปรวนแปรในชีวิต

 จิตก็ยังเป็นปกติสุขอยู่ได้

วิชาชีวิตช่วยให้เราไม่จมทุกข์

 หรือซ้ำเติมตนเองยามประสบปัญหา

ขณะเดียวกันก็ไม่หลงระเริง

ในลาภยศและความสำเร็จ

 มีภูมิคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์อกุศลครอบงำ

 และสามารถเป็นสุขได้ในทุกหนแห่ง

 เมื่อพลัดพรากก็ไม่เศร้าโศกเสียใจ

เมื่อสูญเสียก็ไม่ตีอกชกหัว

เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่คร่ำครวญ

 และเมื่อจะตายก็ไม่พรั่นพรึง

วิชาชีวิตนั้นเรียนได้จากประสบการณ์ชีวิต

 โดยมีปัญหาต่าง ๆ เป็นทั้งการบ้านและบททดสอบ

โดยมีความตายเป็นการสอบไล่

ชนิดที่ไม่มีการแก้ตัว

 หากสอบตกก็ทุรนทุรายก่อนตาย

โดยมีอบายเป็นที่หมาย

 หากสอบได้ก็จากไปอย่างสงบและเข้าถึงสุคติ

 น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยพากันสอบตก

 เพราะไม่คิดว่าจะมีการสอบไล่ชนิดนี้รออยู่

 จึงมิได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย หรือหนักกว่านั้นคือ

ไม่คิดว่ามีวิชาชีวิตที่ต้องเรียนเลยด้วยซ้ำ

 ทั้งชีวิตจึงปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป

แต่ผู้มีปัญญานั้นย่อมตระหนักเสมอว่า

 ชีวิตนี้มีขึ้นเพื่อการเรียนรู้

 และการเรียนรู้ที่สำคัญคือวิชาชีวิต

 ดังนั้นจึงหมั่นศึกษาหาบทเรียนจากวิชานี้อยู่เสมอ

 รางวัลที่ได้คือเมื่อยังมีลมหายใจก็เป็นสุขในทุกที่

 ครั้นวาระสุดท้ายมาถึง

ก็พร้อมรับความตายด้วยใจสงบ.

พระไพศาล วิสาโล






ขอบคุณที่มา fb. พระธรรมคำสอนพระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 30 สิงหาคม 2561
Last Update : 30 สิงหาคม 2561 10:11:34 น.
Counter : 328 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ