~ ~★ ~ ~★ ~ ~★ แล้วฉันจะกลับมา - - อีกเรื่องที่ชอบทั้งหนังและหนังสือ ~ ~★ ~ ~★ ~ ~★





สวัสดีค่ะ


วันนี้มารีวิวหนังสือแปล (อีกแล้วครับท่าน) ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รู้จักจากการที่มันเป็นหนังมาก่อน

กับเรื่อง Be With You ซึ่งเคยรีวิวถึงไว้แล้ว ที่นี่ (คลิกเพื่ออ่าน)




สำหรับหนังสือเล่มนี้ ซื้อมาตั้งแต่งานหนังสือเดือนตุลาคมปี ๒๕๕๐ (กระมัง...ถ้าจำไม่ผิด)

แต่เพิ่งได้อ่านเมื่อไม่นานมานี้
(เร็วๆ นี้ เจ้าของบล็อกอาจหยุดยาวไปเกาะช้าง เพื่ออ่านหนังสือราวๆ ๔-๕ วัน )





อ่านจบแล้วก็เกิดอาการอยากรีวิวลงบล็อกขึ้นมาโดยฉับพลัน




ดังนั้น...ขอเรียนเชิญอ่านรีวิว ได้ ณ บัด now

(อ้อ..สปอยล์นะคะ
เพราะงั้นถ้าใครอยากสัมผัสและรู้จักเรื่องนี้โดยไม่ต้องการทราบอะไรมาก่อนเลย
กรุณาหลีกเลี่ยงการอ่านเสียเถิด)




แล้วฉันจะกลับมา



เขียนโดย อิชิคาวะ ทาคุจิ
แปลโดย น้ำทิพย์ เมธเศรษฐ
สำนักพิมพ์ บลิส พับลิชชิ่ง
จำนวนหน้า 272 หน้า
ราคาปก 190 บาท






เรื่องย่อ


ทาคุมิและยูจิ สองคนพ่อลูกใช้ชีวิตกันสองคนหลังจากที่มิโอะ ภรรยาและคุณแม่ผู้แสนดีได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน โดยมีคำสัญญาว่า ฤดูฝนหลังจากที่เธอจากไปครบหนึ่งปีแล้วนั้น เธอจะกลับมาดูว่าทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างไร มีความสุขดีหรือไม่ และจะจากไปอีกครั้งเมื่อฤดูฝนหมดลง


แล้ววันหนึ่ง มิโอะก็กลับมาจริงๆ แต่เธอกลับสูญเสียความทรงจำทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ทาคุมิจึงต้องพยายามเล่าเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเขาทั้งคู่ให้เธอได้ฟัง เผื่อว่าบางทีเธออาจจะจดจำได้บ้าง ทั้งสองคนจึงได้เริ่มเรียนรู้ที่จะตกหลุมรักกันอีกครั้ง








ความคิดเห็นที่ได้อ่าน (สปอยล์พอสมควรเลย)



หนังสือมีความแตกต่างอย่างมากมายจากหนังค่ะ ทั้งในส่วนของรายละเอียดในเนื้อเรื่องและความรู้สึกในการอ่าน

แต่เป็นความแตกต่างที่ข้าพเจ้าชอบทั้งในแบบหนังสือและในแบบหนัง

สรุปได้คร่าวๆ ในส่วนของความแตกต่างระหว่างหนังสือกับหนัง ดังนี้







หนังสือ


๑. ยูจิน่ารักเพิ่มขึ้นอีกจากในหนัง (ที่เห็นในหนังน่ารักน่ะ ลองอ่านหนังสือดูสิคะ แล้วคุณจะหลงรักเด็กคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก อ่านแล้วอยากมีลูกแบบนี้เลย )

๒. ความรู้สึกของทาคุมิกับมิโอะ ถูกถ่ายทอดได้ละเอียดลออกว่า (แต่ก็หนังสือน่ะนะ ไม่แปลกหรอกที่จะละเอียดกว่าหนังน่ะ)

๓. มีเพลงช้างเล่นบนใยแมงมุม (ในหนังไม่มี)

๔. มีครูนอมบุรุและพูห์ (ในหนังไม่มี)

๕. เมื่อไม่มีข้อ ๔ ในหนังจึงไม่มีจดหมายที่มิโอะฝากครูนอมบุรุให้ทาคุมิด้วย

๖. นาฬิกาปลุกน่ารักโคตรของยูจิ (อยากได้ไว้บ้างจัง น่ารักสุดๆ มันมีจริงๆ เหรอนาฬิกาปลุกแบบนี้เนี่ย )

๗. ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ ไม่ใช่บ้านเดี่ยวนอกเมืองเหมือนในหนัง

๘. พูดถึงโรคของทาคุมิได้ละเอียดและแจ่มแจ้งชัดเจนกว่า

๙. พระเอกเขียนนิยาย (ซึ่งก็คือเรื่องที่เรากำลังอ่านนี่แหละ) บันทึกเรื่องราวของมิโอะ












หนัง


๑. มีฉากทุ่งทานตะวัน (แต่ในหนังสือใช้ฉากเมืองที่มีทะเลสาบ สำหรับการกลับมาพบกันหลังการตัดสินใจของมิโอะ)

๒. ในหนังใช้วิธีการบอกเล่ามุมกลับของมิโอะ แทนจดหมายที่ใช้ในหนังสือเป็นตัวเฉลยว่าเกิดอะไรขึ้น

๓. ในหนังมีหลายๆ เหตุการณ์ที่ในหนังสือไม่มี (ฉากวิ่งแข่ง ฉากที่ไปทาคุมิแอบไปหามิโอะที่มหาวิทยาลัยฯลฯ)

๔. มิโอะจำเรื่องได้ทันทีที่ฟื้นจากอุบัติเหตุ (ในหนังสือเป็น ๒ เดือนหลังจากฟื้น)

๕. มิโอะเตรียมเค้กวันเกิดให้ยูจิทุกปีแทนตัวเอง (ในหนังสือไม่มี)

๖. มิโอะได้ไปคุยกับเพื่อนหญิงที่ทำงานของทาคุมิ (หนังสือไม่มี)

๗. มิโอะเขียนนิทานเรื่องดาวอาร์ไคฟ์ให้ยูจิไว้อ่าน (หนังสือไม่มี)

๘. จูบแรก (ที่จริงก็ไม่เชิงซะทีเดียวอะนะ) ในหนัง เกิดขึ้นที่ทุ่งทานตะวัน (ในหนังสือไม่มีฉากนี้)

๙. การจากลาหลังหมดฤดูฝนในหนัง คนละแบบกับในหนังสือ








ที่กล่าวมาในข้างต้นนี้แหละค่ะคือทั้งหมดทั้งมวลของข้อแตกต่างระหว่างหนังกับหนังสือ


แต่ข้อแตกต่างที่ว่านี้ ไม่ได้ทำให้หนังสือดีกว่าหนัง หรือหนังดีกว่าหนังสือแต่อย่างใด



แต่ทำให้ทั้งหนังและหนังสือเรื่องนี้ มีเสน่ห์และดีไปคนละแบบค่ะ






ทั้งหนังและหนังสือต่างทำให้คนเสพรู้สึกสะเทือนใจไปกับเรื่องราว แต่เป็นความสะเทือนใจที่แฝงไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นและงดงามของความรักที่คนสองคนมีให้กัน





ครอบครัวที่อบอุ่น

ซึ่งเกิดจาก...

คนสองคนที่รักกันมาก

มากจน...


ความสุขของแต่ละคน ก็คือ การได้อยู่เคียงข้างอีกฝ่าย - - แค่นั้นเอง เรื่องสามัญในสายตาคนอื่น แต่นั่นคือความสุขของคนทั้งคู่ ได้อยู่ข้างกัน รักกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีลูกชายน่ารักราวเจ้าชายแห่งอังกฤษ ได้ดูแลให้อีกฝ่ายมีความสุข ได้รู้ว่าการมีอยู่ของตัวเอง การได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้ทำอะไรให้ แล้วทำให้เขามีความสุข...และนั่นคือความหมายของการมีชีวิตอยู่






ถามตัวเองเหมือนกันค่ะ - -

เราจะใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกที่อยากให้คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยมีความสุขตลอดเวลาด้วยความสามารถทั้งหมดที่เรามี ด้วยใจที่เปี่ยมสุข ด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะต้องจากกันในวันไหน - - ได้หรือเปล่าหนอ?

ต้องรักกันมากขนาดไหน ถึงจะทำได้อย่างนั้น?

มันคงมีอยู่จริงๆ บนโลกใบนี้ใช่ไหม?





ความรักที่หวังเพียงแค่การที่เขามีเราอยู่ข้างๆ คือ ความสุขของเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขามันคือความสุขทั้งหมดของชีวิตที่เขาต้องการ


อ่านแล้วออกจะอิจฉามิโอะและทาคุมิค่ะ




อยากมีใครที่ทำให้เรารักเขาได้ขนาดนี้

อยากให้ใครรักเราได้มากขนาดนี้





คงเป็นความปรารถนาที่ใครหลายคนอยากครอบครอง

แต่น้อยคนที่จะคว้ามันไว้ได้







อ่านหนังสือของคนเขียนคนนี้มาสองเล่ม
(อีกเล่มหนึ่งคือ ขอเพียงได้รัก ของสนพ.เดียวกัน)

เลยรู้สึกว่า คนเขียนมีความเกี่ยวพันและฝังใจกับเรื่องราวอะไรบางอย่าง

๑. การจูบ - จูบแรก

๒. โรคประหลาด

๓. ฤดูฝน – สายฝน

๔. ความตายของคนรัก




แต่รู้สึกว่า เขาเขียนรายละเอียดในเรื่องของความรู้สึกได้ค่อยข้างละเอียดอ่อนดีมากๆ ค่ะ เป็นการส่งความรู้สึกผ่านตัวอักษรได้สะเทือนอารมณ์คนอ่านได้ดี (เก่งๆ ) เพราะฉะนั้นก็คงต้องชมคนแปลด้วยส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทยได้ค่อนข้างดี (แม้เล่มนี้จะมีบางอย่างติดๆ อยู่บ้าง อย่างเรื่องการใช้ภาษาของยูจิ แต่ก็ไม่มากมายอะไร)








โดยรวมแล้ว ถ้าใครเป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องรัก

หรือหลงรัก “ความรัก” แล้วล่ะก็ (อ้อ..ควรเป็นคนที่ชอบอ่านงานแปลญี่ปุ่นด้วยค่ะ)



ลองหามาอ่านดูนะคะ






ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ



186465/3308/256







Create Date : 28 เมษายน 2551
Last Update : 28 เมษายน 2551 9:22:53 น. 60 comments
Counter : 2560 Pageviews.

 
โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือหลังจากที่ดูหนังไปแล้ว แต่ถ้าดูหลังจากที่อ่านนั้น ทำได้สบายมาก

be with you เนี่ยตอนดูหนังชอบมากๆ่ค่ะ เป็นหนึ่งในสิบอันดับหนังรักของตัวเองเลยค่ะ


โดย: cottonbook วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:9:57:06 น.  

 
เรื่องนี้ดูหนังค่ะ ซาบซึ้งตรึงใจมาก...

เห็นหนังสือแล้วก็ชักอยากอ่านแฮะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:10:20:53 น.  

 
ชอบยูจิง่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:10:21:10 น.  

 
แวะมาอ่าน ผ่านมาทักทาย


โดย: Zantha วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:11:22:55 น.  

 
แทบไม่ได้แตะงานรักของญี่ปุ่นเลยค่ะ

อาจจะเป็นที่อคติส่วนตัวก็ได้ คือ ไม่ชอบแนวคิดที่เอาตัวเองไปยึดมั่นถือมั่นกับความรักมากเกินไปน่ะค่ะ

อาจจะเพราะไม่เคยมีคนรักก็ได้มั๊งคะ แต่เรามองว่า รักด้วยความเข้าใจ ดีกว่ารักด้วยความงมงาย พออ่านเรื่องรักหวานซึ้งตรึงใจทีไร ก็เลยอ่านไม่เคยจบสักที แหะๆ


โดย: piccy IP: 124.121.209.94 วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:11:30:00 น.  

 
ตอนดู be with u นี่ชอบมากมายเลยล่ะค่ะ

เท่าที่อ่านคุณสาวไกด์ฯรีวิวแล้วแบบหนังสือก็น่าจะสนุกดีนะคะ อยากอ่านมั่งอ้ะ T-T


โดย: :D keigo :D วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:11:47:57 น.  

 
ตอนดู be with you นี้ผมก็ร้องไห้ครับ

เห็นชื่อหนังเรื่องนี้ทีไรนึกถึงเพลง I wanna be with you ของ road movie ทุกที


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:12:32:31 น.  

 
ไม่เคยอ่านทั้งหนังสือและดูหนัง แต่รู้จักเรื่องนี้เพราะคนชมกันเยอะว่าซึ้ง อยากอ่านเวอร์ชั่นหนังสือดูจัง จะร้องไห้มั้ยคะ


โดย: เบบูญ่า วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:12:35:12 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายด้วยความระลึกถึงค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:13:33:47 น.  

 
+ ตอนดูเรื่องนี้ พี่ก็ซึ้งดีอ่ะครับ ... แอบคิดเหมือนกันว่าหนังจะหาทางออกให้กับเรื่องราวปาฏิหาริย์รักนี้ได้อย่างไร ... แต่วิธีที่หนังใช้ ก็จัดว่า 'คิด' ได้ดีทีเดียว ... ส่วนอารมณ์หนัง ก็ทำได้ดี ทำให้คนดูซาบซึ้งและอินตามไปกับความรักของคุณแม่ผู้มีต่อครอบครัวอ่ะครับผม

+ ส่วนหนังสือ ต้นพล็อตของหนังเรื่องนี้ พี่ก็คงจะยังไม่มีโอกาสในเร็ววันเหมือนเดิม แหะๆ

+ "ความรัก" เนี่ย ... ถ้าเกิด "การจากลา" ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ทำร้ายความรู้สึก (แบบในเรื่องนี้) มากเหมือนกันนะครับ เพราะชีวิตจริง คงไม่มีปาฏิหาริย์เช่นนี้เกิดขึ้น ... ดังนั้น พี่ก็เลยคิดว่าควรทำดีต่อคนที่เค้ารักเราและคนที่เรารักไว้เสมอ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องจากกันวันไหนอ่ะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:14:17:20 น.  

 
+ ลืมบอกไปว่า พี่เพิ่งไปดู Tokyo Tower : Mom & Me, and sometimes Dad ที่โรงสกาล่า มา (หนังเพิ่งเข้า มีฉาย 2 โรงคือสกาล่า กับเฮาส์) ... และก็ทำอารมณ์หนังออกมาได้ดีนะครับ คือเป็น drama-realistic (ถ้าเป็น melodrama ฟูมฟาย บีบน้ำตา คงจะซึ้งน้อยกว่านี้) ... ถ้าครูเต้ยว่าง ลองไปดูจิครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:14:46:11 น.  

 
ได้ดูหนังแผ่นตอนที่แม่เพิ่งเสียใหม่ๆ ไอ้น้องชายก็เอามาให้ดู แต่แผ่นมาได้แค่ครึ่งเรื่องก็เจ๊งอะ เซ็งเรย

มาอ่านหนังสืออีกทีเมื่อหลายเดือนก่อน ได้เรื่องเลยพี่ ได้น้ำตาอะดิ มันเสียใจแทนน่ะ
คนที่รักกันมากขนาดนี้ คนที่ควรจะได้อยู่ด้วยกันขนาดนี้
คนที่ทำให้ความรักเป็นเรื่องดีงามขนาดนี้
สุดท้ายเมื่อต้องพลัดพราก ความทรงจำที่ยังคงอยู่ ก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำ ได้เท่านั้น

คิดถึงตัวเองน่ะเหรอ ไม่รู้สิ ได้ผูกพันกับคนๆนึงจนมอบทั้งชีวิตเพื่อดูแลกันและกันไปแล้ว ถ้าเค้าจากไปเราจะยังอยู่ได้อีกเหรอ
ถ้าไม่มีพันธะอื่นให้ต้องดูแลคงจะอยู่ไม่ได้ละมัง


โดย: juriojung วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:16:53:49 น.  

 
ออ เล่มนี้เราหาซื้อไม่ได้อ่ะ

เราชอบ crying out
และก็ ขอเพียงได้รัก

เศร้าพอๆ กัน


โดย: แอบชอบ คห. ข้างล่าง วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:17:03:03 น.  

 
แวะมาแปะอุ้งเท้า ยังไม่อ่านนะ แม้ไม่ได้คิดว่าอยากอ่านชัี่วร์ๆ แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มถ้าได้อ่้านก็ดี เลยเผื่อไว้ก่อนละกัน

อ๊ะ อยากไปติดเกาะอ่านหนังสือมั่ง แต่นอนอ่านอยู่ที่บ้านก็ดีเหมือนกัน นอนๆ อยู่ก็จะมีแมวมานอนเบียดๆๆๆ หรือไม่ก็ดมๆๆๆๆ หนังสือ


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:18:22:14 น.  

 
เรื่องนี้น่าอ่านจังเลยค่ะ

จดชื่อไว้พิจารณาก่อน



โดย: โทรโพสเฟียร์ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:18:24:49 น.  

 
มาย้ำประโยคเดิม เหมือนที่เขียนบ่อยๆในบล็อกพี่สาวไกด์ "ไม่ชอบหนัง+หนังสือแนวนี้ค่ะ มันเศร้า ต้อง แน่ๆ"


โดย: หมูย้อมสี วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:18:34:05 น.  

 
อืมม์ สงสัยอยู่ในข่ายไม่ชอบงานแปลญี่ปุ่น เรื่องนี้เลยมาอ่านเฉย ๆ ค่ะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:19:01:43 น.  

 
ชอบทั้งหนังสือแล้วก็หนังเหมือนกันค่ะ เพราะบางฉากมีในอย่างนึง จะไม่มีในอีกอย่าง
แต่รู้สึกเหมือนว่าในหนังทาคุมิจะดูอาการหนักกว่า 555+
แต่ดูหนังแล้วไม่เห็นร้องไห้เหมือนที่เพื่อนบอกเลย เพื่อนไปดูที่ลิโด้ บอกว่าคนร้องไห้พอสมควรเหมือนกัน


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:19:21:50 น.  

 
เพิ่งอ่านรีวิวที่ Blog คุณวิมาไม่นาน มาเจอ Blog นี้อีก
ของเค้าดีจริงนะเนี่ย .....
จดไว้ก่อนนะ ทั้งหนังสือและหนังนั่นแหละ
จะหามาอ่านมาดูในเร็ววัน


โดย: นัทธ์ วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:19:26:50 น.  

 
เคยอ่านแล้วพล็อตเรื่องซึ้งดีค่ะ



โดย: January Friend วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:20:32:12 น.  

 
จดไว้ใน list ๆ


โดย: BeCoffee วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:20:38:09 น.  

 
สวัสดีค่าพี่สาวไกด์ฯ

จะไม่อยู่ตั้ง 4-5 วัน
คิดถึงแย่เลย

แต่ไม่เป็นไร จะรอรูปสวย ๆ จากเกาะช้าง

อยากไปแต่กลัวน้ำ



โดย: oa (rosebay ) วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:21:48:45 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ เป็นหนังโทนอบอุ่น ดูแล้วซึ้งดี เพิ่งจะรู้ว่ามีหนังสือออกมาด้วย

หายากเหมือนกันนะคะที่หนังจะทำออกมาได้ดีพอๆกับหนังสือ ยิ่งเพิ่มบทนอกเหนือที่เขียนไว้ด้วย สาวไกด์วิเคราะห์ได้ละเอียดละออดีแท้ อ่านแล้วอยากซื้อหนังสือมาอ่านมั่ง


โดย: haiku วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:21:54:51 น.  

 
เรื่องนี้เคยดูเหมือนกันค่ะ เจนดูน้อยเรื่องมาก ซึ้งใจไปกับความรักของคนทั้งครอบครัว

ตอนสุดท้ายลุ้นไปกับทาคุมิ ว่าเค้าจะไปทันรึเปล่านะ

คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้อ่านในแบบหนังสือแน่ๆ

แต่คิดว่าหนัง คงไม่ได้ทำให้ความทราบซึ้งจากผู้แต่งที่สื่อให้ผู้อ่าน ต่างจากผู้ชมมากนัก

มาตอบคอมเมนต์นะคะ

ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าแขก อยู่ริมแม่น้ำแม่กลองในตัวเมืองราชบุรีค่ะ อยู่ใกล้ส่วนกับที่เป็นสะพานรถไฟ ถ้าเดินเลียบริมแม่น้ำก็จะเจอค่ะ หวังว่าคงได้ไปลองทานนะคะ
แต่เจนคงไปทานเผื่ออีก อิอิ


โดย: jenniepan วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:0:08:32 น.  

 
อ่านหนังสือเล่มนี้หน้าฝน ต้องได้อารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีกแน่ๆ เลย


โดย: grappa วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:11:56:21 น.  

 
เพื่อนที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งมันบอกว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วร้องไห้ค่ะ

แต่ตัวเองก็ไม่เคยดูแล้วก็ยังไม่เคยอ่านเลย ดังนั้น ก็เลยเชื่อคำเตือนค่ะ คือ ไม่อ่านรีวิว


โดย: จินตานุภาพ วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:12:50:08 น.  

 
สบายดีครับ หวังว่าคุณสาวไกด์งานคงไม่เยอะเกินไปนะครับ


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:17:05:51 น.  

 
ยังอ่านรีวิวไม่จบเลย
แต่ว่าหนังเรื่อง"บี วิธ ยู" นี่เป็นอะไรที่ประทับใจมากกกกก
เกิดมาไม่เคยดูมหรสพใดแล้วน้ำตาไหลบ่าราวเขื่อนแตกขนาดนั้นมาก่อน
โฮฮฮฮฮ

พระนางของหนังเรื่องนั้นแต่งงานกันด้วยล่ะค่ะ แต่สุดท้าย ก็เลิกราจนได้สิน่ะ


โดย: concubine IP: 203.144.236.211 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:17:25:46 น.  

 
ทั้งหนังสือและหนังยังไม่ได้ดูเลยค่ะเรื่องนี้
แต่ว่าจะค่อยๆ หามาดูนะค่ะ เพราะว่า
ตอนนี้ค่อยๆ ทะยอยยืมเพื่อนเค้ามา
อะไรที่เค้าดูแล้วก็ค่อยถ่ายโอนมาดู
บ้าง ตกเทรนด์ไปหน่อย แต่ก็ยังดีว่า
ไม่ได้ดูอ่ะค่ะ

..............


ว้าววว มีโปรแกรมไปเที่ยวเกาะช้างด้วย
อยากไปด้วยจังเลยคะ อยากไปนั่งอ่าน
หนังสือริมหาด สบายจริงๆ นะค่ะ (แค่คิดถึงเองนะค่ะเนี่ย)


โดย: JewNid IP: 202.149.24.161 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:19:28:50 น.  

 
อ่านเรื่องนี้แล้วอินมากๆ ถ้าเราหาคนที่รักเราได้มากเท่านี้ก็นับว่าโชคดีมากๆ

เพราะอ่านเรื่องนี้แหล่ะค่ะ เลยอยากอ่านเรื่อง siren of titan ของ Kurt Vonnegut ที่อ้างอิงไว้ในหนังสือเรื่องนี้ แต่หาซื้อไม่เจอ


โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:19:50:32 น.  

 
เคยดูหนัง เคยอ่านหนังสือ
ชอบเวอร์ชั่นหนังสือมากกว่าค่ะ ตอนดูหนังแอบรู้สึกเบื่อนิด ๆ ด้วยซ้ำ



โดย: ยาคูลท์ วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:0:19:28 น.  

 
หนังสือก็ยังไม่ได้อ่าน หนังก็ยังไม่ได้ดูอ่ะ แหะๆ

ปล. เย็นวันอาทิตย์นี้ว่างบ่?


โดย: rebel วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:7:00:09 น.  

 
เอามารีวิวโลด เค้าชอบอ่านหนังสือแปลน่ะ ปรกติจะชอบแนวสืบสวน นักเขียนในดวงใจคือ "โยโคมิโซะ เซชิ"


โดย: sailamon วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:13:03:57 น.  

 
คุณสาวไกด์ ช่วงนี้ได้ไปจีนมั่งเปล่าอ่ะ คือที่ว่าช่วงนี้เค้าเข้มงวดขึ้น คือวีซ่าเราไปทำเอาไว้ตั้งแต่ปลายมีนาแล้วตอนที่เค้ายังไม่เข้มงวด แต่ิคิดว่าจะไปประมาณปลายพ.ค.หรือต้นมิ.ย. ตอนเข้าเมือง เค้าจะต้องเข้มงวดว่าต้องมีใบจองโรงแรมหรือเปล่าอ่ะ คือเรากะจะไปพักที่ hostel ของน้องชายเพื่อน พักฟรีอ่ะ แ่ต่เราเข้าไปทางด่านเซินเจิ้นจากฮ่องกงนะ

ถ้าคุณสาวไกด์ได้ไปช่วงนี้ยังไงเล่าให้ฟังด้วยว่าเค้าเข้มงวดแค่ไหนแล้ว


โดย: LEE (lyfah ) วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:14:40:40 น.  

 
ยังไม่เคยอ่านแล้วค่ะ
น่าสนใจจังเลย


โดย: < Nuttz-NT_SerapH > วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:22:41:04 น.  

 
เคยดูแต่หนัง
ยังไม่เคยอ่านหนังสือเลยครับ
ไว้ต้องไปหามาอ่านบ้างแล้วครับ ..


โดย: nologo วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:23:04:57 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:16:40 น.  

 
รูปแหล่มๆ ยังมีอีกเยอะแต่อยู่กล้องพวกลุงๆ รอดูอยู่เหมือนกัน...

-- อ่อ ได้ข่าวว่าวันอาทิตย์ไม่ว่าง งั้นเก็บของฝากไว้ให้ก่อนล่ะกัน ... ว่างมะไหร่ค่อยนัดกันใหม่ อิอิ

=)


โดย: hunjang วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:54:42 น.  

 
ของเราแค่ปริ่มๆค่ะ ยังไม่ไหลออกมา เห็นด้วยว่าออกแนวซาบซึ้งมากกว่าเศร้าค่ะ

อัพบลอกแล้วค่ะ ตามคำขอ(รึเปล่า)


โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:37:34 น.  

 
สุขสันต์ Anniversary ปีที่ 1 นะก๊ะ เมื่อวานลืมบอกง่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:49:18 น.  

 

อันนี้ซื้อมาดองตั้งแต่มันออก ยังไม่ได้อ่านเลย 555


โดย: merveillesxx วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:25:05 น.  

 
รีวิวไล่ๆกันเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้มากเช่นกัน

ส่วนเรื่อง ๑๔ เดือนอัศจรรย์กับวันของเรา
นางเอกเป็นโรคประหลาดค่ะ
ประหลาดกว่า "แล้วฉันจะกลับมา" และ "ขอเพียงได้รัก" อีกนะคะ

ปล. ได้อ่าน Tale of the Otori : Heaven's net is wide รึยังคะ
ชื่อไทยว่า "ปฐมภาค : ลิขิตแห่งสวรรค์"
หน้าปกสีขาวน่ะค่ะ เล่มหนามาก


โดย: Jevanni วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:05:33 น.  

 
สุขสันต์วันหยุด
ขอให้เกาะช้างเป็นสวรรค์แห่งวันหยุดสำหรับพี่สาวไกด์นะค้า

(อยากไป แต่ว่ายน้ำกระป๋อมกระแป๋ม)


โดย: oa (rosebay ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:24:01 น.  

 
เป็นรายชื่อที่อยู่ในรายการหนังสือที่จะซื้อค่ะ
ขอบเหมือนแนวนี้...แบบว่าชอบอะไรที่มันสะเทือนใจ
..
..
หนัง..เคยดุแล้วค่ะ...ชอบมากเหมือนกัน
แต่ดูโดยไม่มีซับไทย..ขนาดรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง
ยังชอบมากมาย
สุดท้ายได้"คุณวิ"สปอยล์ให้ฟังตอนจบ
เป็นหนังที่เศร้าดีค่ะ...แต่ก็อบอุ่นไปด้วยความรัก
..
..
ว่าแต่ว่า...เมื่อมิโอะนางเอกกลับไปในอดีตเหมือนเดิม
และแต่งงานกับพระเอก....สุดท้ายแล้ว..นางเอกก็ต้องตายเหมือนเดิมหรือคะ


โดย: nikanda วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:11:23 น.  

 
บังเอิญว่าดูหนังก่อน... เลยไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือ
แต่พอมาอ่านเจอแบบนี้
สงสัยต้องไปสอยมาอ่านสักหน่อยแล้วค่ะ ^_^

ส่วน "ขอเพียงได้รัก"
เป้อ่านหนังสือก่อน... แล้วถึงได้มาดูหนัง
คงเพราะเป็นหนังสือเล่มบางๆ ด้วยมั้งคะ
คนทำหนังจึงเก็บรายละเอียดมาเกือบหมด
ที่สำคัญ... เขาแคสติ้งตัวละครเก่งมาก ^_^

ถ้าพี่เต้ยอยากดูหนัง เป้มีให้ยืมค่ะ


โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:24:44 น.  

 
วันก่อนระหว่างเก็บบ้าน + ตากหนังสือที่เปียก เลยได้อ่าน love letter ฉบับหนังสือ ... อ่านแล้วรู้สึกดีพอ ๆ กับดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์เลยคะ ^^ แต่เคโกะว่าดูหนังดีกว่าอะ แบบว่าไม่สับสนเรื่องตัวละครอะค่ะ 555


โดย: :D keigo :D วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:06:36 น.  

 
คุณทรงศีลยังมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะคะ เค้าเคยทำเพลงด้วยนะ ใครจะรู้

อาทิตย์หน้าก็ไปเกาะช้าง ไม่รู้ฝนจะตกตลอดเลยรึป่าว กลับมาแล้วมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ


โดย: me myself and mai วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:06:59 น.  

 
ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าเลิกกันเมือ่ไหร่

แต่ว่าประมาณสองเดือนก่อนเห็นข่าวว่ายูโกะ ทาเคอุจิ (นางเอกเรื่องนี้) ประกาศว่าหย่าขาดจากสามีเรียบร้อยแล้ว ถ้าสามีเขายังเป็นคนเดิมกับพระเอก (ซึ่งคนเราคงไม่แต่งหลายรอบในเวลาไม่กี่ปีหรอกเนอะ) ก็น่าจะเป็นตอนนั้นน่ะค่ะ

แต่ข่าวว่าสามีเขาไปมีผู้หญิงอื่นอะ หนูได้ยินมานานมากกกแล้ว

และในที่สุด มนตราของฤดูฝนก็ไม่ช่วยอะไร เศร้าจัง

ป.ล. อยากไปเที่ยวบ้างจังค่ะ


โดย: concubine IP: 203.144.236.214 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:09:46 น.  

 
Be With You .. หนังในใจอีกเรื่องเลยค่ะ ชอบมากๆ ว่าจะเอาหนังสือมาอ่านอยู่เหมือนกัน
ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวนะคะ


โดย: noonnanoon วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:56:18 น.  

 
+ พี่ไปถึงสายแล้วอ่ะครับ ก็เลยไปไม่ทันโชว์รอบแรกที่เป็นนกเหยี่ยวล่าเหยื่อจริงๆ แหละ ... แสดงว่าโปรแกรมเค้าไม่เปลี่ยนเลยสิเนาะครับเนี่ย
+ นกสีแสดๆ แปร๊ดๆ ถ้าครูเต้ยไม่เห็น แสดงว่าเค้าอาจเอามาเติมทีหลังก็ได้มังครับ เพราะไม่น่าพลาดสายตาครูเต้ยไปได้ ออกจะสีสันคัลเลอร์ฟูลขนาดนั้น อุๆ

+ ก็ขอให้เที่ยวเกาะช้างกับสุดที่รัก และท่านอื่นๆ ที่ไปด้วยให้หนุกหนานนะคร้าบ
+ อ้อ! เห็นที่น้องหมีชุนเขียนไว้ข้างบน ... ก็ยินดีกับวันครบรอบ 1 ปีด้วยนะคร้าบผม ... ว่าแต่จะมี 'เตี้ยน้อย / เก้ยน้อย' มาให้ลุงๆ ป้าๆ แถวนี้ได้ดีใจเมื่อไหร่อ่ะครับเนี่ย อุๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:31:52 น.  

 
น่าสนใจดีนะคะ แต่เป็นคนไม่ค่อยถูกกับหนังสือแปลของญี่ปุ่นเลยค่ะ แบบว่าชื่อเขาอ่านยาก


ปล. เที่ยวให้สนุกนะคะ


โดย: latics1 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:54:58 น.  

 
เป็นหนังสือที่น่าสนใจนะคะ เห็นแล้วอยากอ่าน..คือชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะค่ะ เนื้อเรื่องชวนติดตาม ให้ข้อคิด...ซึ่งไม่ต่างภาพยนตร์ซีรี่ในทีวี และหนังสือ



โดย: fulgurant วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:05:14 น.  

 
อ่านรีวิวแล้ว ก็น่าอ่านเหมือนกันนะคะ

เมื่อก่อนชอบดูละครญี่ปุ่นแต่ตอนนี้ไม่แล้ว
ส่วนเป็นหนังสือเนี่ยยังชอบอยู่ค่ะ ^^


โดย: ostojska วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:45:54 น.  

 
อ่านรีวิวแล้ว ก็น่าอ่านเหมือนกันนะคะ

เมื่อก่อนชอบดูละครญี่ปุ่นแต่ตอนนี้ไม่แล้ว
ส่วนเป็นหนังสือเนี่ยยังชอบอยู่ค่ะ ^^


โดย: ostojska วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:46:01 น.  

 
ประทับใจตัวหนังซะจนไม่กล้าอ่านหนังสือ แต่คุณสาวไกด์รีวิวมาแบบนี้ก็คงต้องลองกันซักหน่อยแล้วล่ะครับ

แต่เหลือบตาไปมองกองหนังสือบนชั้นแล้ว ท่าทางคงต้องรอคิวอีกยาวเชียวหละ


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:08:26 น.  

 

อยากอ่านมั่งอ่ะ แค่อ่านที่คุณสาวไกด์เล่าคร่าวๆ เราก็ซึ้งซะมากมาย

ขอให้เที่ยวสนุกนะคะ


โดย: LiLLa_JoY วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:24:41 น.  

 
แวะมาอ่านครับ


โดย: SunBlog วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:25:15 น.  

 
สวัสดีค่าพี่สาวไกด์ฯ
กลับมารึยังค่ะ
หลายวันแล้วเน้อ
คิดถึงจัง


โดย: oa (rosebay ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:23:32 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ครูเต้ยยังไม่อัพบล็อกเหรอ อาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้วนะจ๊ะ



โดย: หอมกร วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:21:52 น.  

 
ผมจะขายต่อหนังสือเรื่องนี้ สนใจทักได้ครับ
line ; pomtsutaya


โดย: ป้อม IP: 122.155.35.27 วันที่: 21 มิถุนายน 2559 เวลา:19:04:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.