###### รีวิวหนังสือ กรรมตามสมอง - ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร ######






สวัสดีค่าาาา



(มีกิจกรรมร่วมสนุกแจกเวาเชอร์ดินเนอร์บุฟเฟท์ที่นี่ ที่เพจเราอยู่นะคะ www.facebook.com/saoguide หมดเขตเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 25 มีนาคมค่ะ)





สำหรับวันนี้ก็จะมาประเดิมรีวิวหนังสือเอนทรี่แรกของปี 2559 กันบ้างนะคะ แหะๆ (เขินจุง)  จะพยายามหาเวลาอ่านและรีวิวเรื่อยๆ นะคะ ตอนแรกตั้งใจจะเดือนละเล่ม แต่..ผ่านไปสามเดือนเพิ่งจะได้รีวิวเล่มแรก แง้ววว


ที่จริงหนังสือเล่มนี้อ่านมานานแล้วค่ะ จนลืมไปแล้วว่าอยากรีวิว (โพสต์ไว้ในเฟซแท้ๆ นะคะนั่น แง้ววว) จนวันหนึ่งจัดห้อง เห็นหนังสือเล่มนี้เลยนึกขึ้นได้ว่าจะรีวิวนี่หว่า เลยหยิบมาอ่านเพื่อรีวิวใหม่อีกรอบค่ะ (ลงทุนมากป้า)



เครดิตรูปจาก //www.dbooks4u.com/products/detail.php?id=373


กรรมตามสมอง พิมพ์ครั้งที่ 7
เขียนโดย ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร
สำนักพิมพ์ ดีเอ็มจี
จำนวนหน้า 280 หน้า
ราคาปก 215 บาท





สำหรับหนังสือเล่มนี้เราอ่านแล้วชอบมากๆ นะคะ (ถึงได้อยากมาเขียนรีวิว แหะๆ) เป็นหนังสือที่นอกจากจะเปิดสมองให้ได้รับความรู้ใหม่ๆ แล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจและบอกวิธีการที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติกรรมของตัวเองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นด้วยค่ะ


หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงสมองในลักษณะที่มีทั้งข้อมูลเชิงกายภาค จิตวิทยา แบบวิทยาศาสตร์และเชื่อมโยงกับพุทธศาสนาด้วยค่ะ ซึ่งนั่นทำให้ยิ่งอ่านก็ยิ่งอินและเชื่อในสิ่งที่หนังสือพยายามบอกเราว่า สมองเรานั้นเป็นอย่างไร มีผลต่อชีวิตของเราอย่างไร และเราจะทำอย่างไรเพื่อให้สมองของเราสามารถทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ด้วยค่ะ



ซึ่งโดยรวมๆ หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้และลงมือในแต่ละเรื่อง ได้แก่ การเข้าใจและชนะใจตัวเอง เปลี่ยนนิสัยเปลี่ยนชีวิต และไขความลับเรื่องพลังจิตนะคะ

ยกตัวอย่างเช่น การรู้จักกับสมอง ซึ่งเปิดขึ้นมาตั้งแต่ๆ ต้นๆ เล่ม ก็บอกข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และกายภาพว่า สมองมีเส้นประสาทมากถึง 1 แสนล้านเส้น ซึ่งมากกว่าประชากรโลกถึง 14 เท่า และมีจุดเชื่อมต่อปลายประสาทถึง 100 ล้านล้านจุด มากกว่าดาวในกาแล็คซี่บนทางช้างเผือกถึง 330,000 เท่า เซลล์สมองเท่าเมล็ดเกลือ 1 ก้อน มีข้อมูลรบรรจุในนั้นถึง 100 terabyte ซึ่งเท่ากับภาพยนตร์ความคมชัดสูงถึง 25,000 เรื่อง น้ำหนักของสมองที่หนัก 1.4 กิโลกรัม เป็น 2% ของร่างกาย แต่ใช้พลังงานแคลอรี่ถึง 20-30% ของพลังงานทั้งหมดค่ะ (อยากผอมใช้สมองเยอะๆ นะคะ 555  ) หรือเอาแบบเปรียบเทียบความสุดยอดของสมองอีกอย่างก็คือข้อมูลที่บอกว่า หากนำคอมพิวเตอร์มาประมวลการทำงานของสมอง 1 ก้อน คอมฯ เครื่องนั้นต้องมีความจุ 1,300 ล้านเทระไบต์ ซึ่งเท่ากับคอมฯ ยุคปัจจุบันประมาณ 2,600 ล้านเครื่องรวมกันค่ะ


นอกจากข้อมูลเบื้องต้นที่แสดงว่า สมองเรามีพื้นฐานเบื้องต้นที่น่าจะมีศักยภาพมากแค่ไหนแล้ว ในหนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกว่า "โครงสร้างทุกส่วนและเส้นประสาททุกเส้นในสมองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามความคิด คำพูดและการกระทำของเราเอง" ด้วยค่ะ

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า สมองคือเครื่องมือสำคัญที่สุดที่คอยออกแบบชีวิตและกำหนดโชคชะตาของเรา แต่สำคัญกว่าคือ ทุกๆ ความคิด คำพูด และการกระทำจะมีส่วนในการกำหนดโครงสร้างสมองและเนื้อสมองมีความยืดหยุ่นไม่ต่างจากเนยแข็งและดินน้ำมัน เราจึงสามารถที่จะ "ปั้น" ได้ง่ายมาก ถ้ารู้วิธี



จากเนื้อหาข้างบน เหมือนจะเป็นเรื่องหนักๆ ใช่มั้ยคะ แต่ที่หนังสือเล่มนี้พิเศษมากๆ ก็คือ คนเขียนกลับเขียนให้อ่านได้อย่างเพลิดเพลินเลยหละค่ะ อาจจะไม่ได้สนุกตื่นเต้นเหมือนการอ่านนิยายอะไรแบบนั้น แต่อ่านไปๆ ก็จะยิ่งอยากอ่านต่อนะคะ ไม่น่าเบื่อเลย ตอนอ่านรอบสองนี่เราเลือกที่จะอ่านก่อนนอนค่ะ เพราะมันให้ความรู้สึกที่อยากมีชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วย 



ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงสมองและความฉลาด สมองของไอน์สไตน์ก็ได้รับการพูดถึงในหนังสือเล่มนี้ด้วยค่ะ ซึ่งก็มีการศึกษาสมองของเขา (ตามความต้องการของไอน์สไตน์เอง) และค้นพบความแตกต่างหลายๆ อย่างของสมองของไอน์สไตน์กับคนทั่วไปด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรอยหยักของสมองที่มากกว่าคนทั่วไปทั้งในบริเวณสมองส่วนหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผน แก้ปัญหาและการวิเคราะห์ที่ต้องใช้เหตุผล หรือสมองส่วน Occipital Lobes ซึ่งเป็นสมองส่วนสร้างจินตภาพและสมองส่วนนอกที่มีรอยหยักซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งยิ่งสัตว์ที่มีความฉลาดสูงรอยหยักจะยิ่งซับซ้อนมากค่ะ ซึ่งรอยหยักสำคัญเพราะเป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวสมอง แทนการยัดเนื้อสมองในกะโหลกจนทำให้น้ำหนักเกินที่ร่างกายเราจะรับไหวค่ะ

นอกจากนั้นสมองส่วนซ้ายและขวาของเราที่มีส่วนเชื่อมด้วย Corpus Callosum ซึ่งเป็นเสมือนสะพานให้สมองสองซีกทำงานร่วมกันได้นั้น ไอน์สไตน์เองก็มีเครือข่ายใยประสาทตัวนี้หนาแน่นกว่าคนทั่วไป จึงมีความสามารถในการใช้สมองทั้ง 2 ซีก (ตัวเลข เหตุผล กับจินตนาการ) ได้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ะ


เครดิต : //www.life-enhancement.com/magazine/article/2992-think-like-einstein



แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือการที่หนังสือเล่มนี้บอกกับเราว่า เราสามารถมีสมองอย่างไอน์สไตน์ได้ เพราะความเชื่อ (อดีตความรู้) ที่เคยบอกว่า สมองของคนเราเมื่อพ้นวัยเด็กแล้วจะเป็นโครงเหล็ก ไม่สามารถเปลี่ยนได้อีกต่อไปนั้น ถูกการวิจัยใหม่ๆ เปลี่ยนไปแล้วว่า ที่จริงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็บอกค่ะว่า ความคิด คำพูด และการกระทำ เป็นสามสิ่งที่มีประสิทธิภาพที่จะออกแบบสมองให้เป็นอย่างใจต้องการได้ค่ะ (ทางพุทธศาสนาก็มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรมนั่นเองค่ะ)



ซึ่งการกล่าวนี้ไม่ได้เป็นการกล่าวลอยๆ นะคะ หนังสือเล่มนี้กล่าวอ้างถึง Dr. David P.Rakel ซึ่งทำงานวิจัยและได้ข้อสรุปว่า ทัศนคติและอุปนิสัย ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมอย่างใหญ่หลวง 

นอกจากนั้นการมองโลกในแง่ดีและการมีความรักความเมตตา จะส่งผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรมด้วย ซึ่งมีวิชาเหนือพันธุศาสตร์ (Epigenetics) ที่มีองค์ความรู้ว่า รหัสพันธุกรรมทุกตัวเป็นคำสั่งที่หลับใหลอยู่ในร่างกายเรา แต่ยีนเหล่านั้นจะตื่นมาแสดงผลหรือไม่ ก็ขึ้นกับการใช้ชีวิตและมีความคิดอย่างไรค่ะ





ที่จริงหนังสือเล่มนี้มีหลายๆ อย่างที่น่าสนใจค่ะ แต่จะเขียนรายละเอียดมาทั้งหมด เดี๋ยวหนังสือเค้าไม่ต้องขายกันพอดีอะนะคะ ฮาา  แต่ขอยกตัวอย่างอีกสักสองสามตัวอย่างที่อยากบอกเล่าให้อ่านกันนะคะ


อย่างเช่นเรื่องที่ว่า ทำไมคนเรารู้ว่าอะไรถูกต้อง อะไรดี แต่ยังเลือกทำสิ่งที่ผิดและชั่ว?

ทำไมธรรมชาติสร้างสมองมาอย่างน่าอัศจรรย์ แต่กลับไม่ให้มนุษย์ควบคุมได้อย่างใจ ทำไมถึงถูกออกแบบมาอย่างบกพร่องถึงเพียงนี้


ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็บอกว่า ที่จริงมันไม่ใช่ความบกพร่อง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้ได้ต่างหากค่ะ  นั่นก็เป็นเพราะสมองมีหลักการพัฒนาและเติบโตจากในสู่นอก ด้านในสุดทำหน้าที่ควบคุมสิ่งสำคัญที่สุดต่อการมีชีวิต นั่นก็คือ การหายใจ การย่อยอาหาร การเต้นของหัวใจ ซึ่งเป็นสัญชาตญาณในการดำรงชีพ ความหิว การขับถ่าย ส่วนกลางถัดมาเป็นเรื่องของอารมณ์ การเอาตัวรอด การสืบพันธุ์ การปกป้องตัวเอง ความต้องการทางเพศ หรือจิตใต้สำนึกของเรานั่นเองค่ะ และส่วนนอกสุดคือความคิดชั้นสูง ซึ่งมนุษย์เท่านั้นที่วิวัฒนาการสมองจนสามารถพัฒนาถึงชั้นนี้ได้ สมองส่วนนี้ก็จะได้แก่เรื่องการวางแผน การยับยั้งชั่งใจ การคิดโดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์


และสมองยิ่งอยู่ลึกเท่าไหร่ก็จะยิ่งคุมยาก (เพราะธรรมชาติคือ ร่างกายเราคงไม่อยากให้เราคุมเรื่องการหายใจ การเต้นของหัวใจอันมีผลต่อการมีชีวิตได้) แต่ทำไมอารมณ์จึงถูกพัฒนาก่อนความคิด (เพราะอยู่ลึกกว่า ซึ่งนั่นทำให้ควบคุมยากกว่าความคิด) เพราะความกลัว ความโกรธ และความต้องการทางเพศสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ (ในอดีต) มากกว่าการใช้เหตุผลและจินตนาการน่ะสิคะ


ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมความฉลาดจึงไม่สามารถบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดจากการอกหัก และอารมณ์จึงมักชนะเหนือเหตุผลน่ะค่ะ


อ่านแล้วเกิดคำถามมั้ยคะว่า แล้วทำไมเราต้องต่อต้านการออกแบบอันชาญฉลาดของมันด้วย??

หนังสือเล่มนี้บอกว่า วิทยาการพัฒนาเร็วกว่าวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ใช้เวลานานกว่าจะไล่ตามทัน ความโกรธแค้นในอดีตที่เคยทำลายแค่เผ่าตรงกันข้าม แต่ปัจจุบันสามารถล้างผลาญโลกได้ทั้งใบ (เพราะฉะนั้นหากเราไม่ฝึกฝน มนุษย์เราจะทำลายล้างผู้อื่นได้อย่างมาก และแน่นอนว่าสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมได้แน่ๆ ค่ะ)


นอกจากนั้นการที่สมองส่วนนอกสุดหรือ Neo-Cortex นี้มีน้ำหนักเป็น 85% ของสมองทั้งหมด ถ้าตั้งใจฝึกฝนสมองส่วนนอกจะมีอำนาจเหนือสมองส่วนใน เหมือนที่บุคคลชั้นนำของโลกและผู้นำทางจิตวิญญาณหลายคนทำให้เราดูมาแล้ว วิทยาศาสตร์พบว่าเซลล์สมองส่วนนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 150,000 เซลล์ต่อ 1 ชั่วอายุคน (มิน่า..เด็กรุ่นใหม่ๆ ฉลาดกว่ารุ่นเราเยอะนะคะว่ามั้ย ฮา) แต่ถ้าไม่ใช้มันก็จะเหี่ยวเฉาไปนะคะ แหะๆ




เอาหละค่ะมาถึงวิธีที่หนังสือเล่มนี้แนะนำให้เราฝึกและจัดการกับสมองของเราเพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นกันบ้างนะคะ 



วิธีการหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้แนะนำคือการนั่งสมาธิค่ะ โดยบอกว่า ทุกครั้งที่เรานั่งสมาธิก็เหมือนเรากำลังพาสมองส่วนนอกไปเข้าโรงยิมค่ะ การนั่งสมาธิทำให้สมองส่วนอมิกดาล่า (Amygdala) ซึ่งเป็นสมองที่ทำงานเมื่อเราโกรธหรือกลัวย่อขนาดลงเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะควบคุมความโกรธและกลัวของตนเองได้ดีกว่า


เครดิต : //www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=7917





นอกจากนั้นก็แนะนำให้เราสร้างนิสัยใหม่ ให้สมองจดจำพฤติกรรมดีๆ ที่สร้างความสุขแทนพฤติกรรมเดิมๆ ที่แย่ๆ ทำให้เราติดในสิ่งใหม่ ติดการกระทำที่ดีกว่าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่ผูกโยงอย่างมีสติ เพราะติดอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ยังบอกอีกว่า จิตใต้สำนึกมีหน้าที่หลักตามธรรมชาติในการสงวนพลังงานเพื่อไว้ใช้ยามขาดแคลนหรืออันตราย ดังนั้นการจะเปลี่ยนแปลงอะไรจึงยากเพราะจิตใต้สำนึกจะรั้งไว้เพราะกลัวการใช้พลังงานนั่นเองค่ะ


นอกจากนั้นหนังสือก็แนะนำให้เราฝึกสติ หาความฝันตัวเองให้เจอ และเปลี่ยนแปลงแหล่งกำเนิดของความสุข (คือให้ความสุขเกิดจากการทำสิ่งดีๆ ทำอะไรให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่สุขจากการได้ขี้เกียจ ฯลฯ น่ะค่ะ) 


สิ่งควรระวังอย่างหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้เตือนก็คือ การยอมแพ้ต่อกิเลสเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะทำให้เรามีโอกาสพ่ายแพ้ต่อกิเลสในเรื่องอื่นๆ ด้วย เพราะเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการให้รางวัลตัวเองโดยทำตามกิเลสจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เราใช้มันค่ะ


นอกจากนั้นอีกตัวอย่างหนึ่งที่อยากยกมาปิดท้าย (ซักที..ยาวเกินเดี๋ยวคนอ่านอ่านไม่จบ ฮาา  ) ก็คือ ให้พูดกับจิตใต้สำนึกอย่างถูกต้อง เลิกถามว่า ทำไม แต่ถามจิตใต้สำนึกว่าทำอย่างไร จิตใต้สำนึกมีพลังมหาศาล และเมื่อถามคำถามที่ถูกต้อง จิตใต้สำนึกจะพยายามหาหนทางเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเพื่อให้เราได้รับคำตอบที่ต้องการค่ะ





สรุปสำหรับหนังสือเล่มนี้นะคะ เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เราเชียร์สุดๆ ให้อ่านกันค่ะ นอกจากได้รับความรู้ใหม่ๆ หลายประการแล้วก็ยังได้วิธีการที่ดีที่จะนำมาใช้กับชีวิตและทำให้ชีวิตของเราดียิ่งๆ ขึ้นไปได้ด้วยค่ะ





ปิดท้ายด้วยข้อความจากหนังสือเล่มนี้ที่เราชอบนะคะ





"What they do to you is their karma, 

how you react is your karma"

-Dalai Lama-



"สิ่งที่คนอื่นทำกับคุณ คือกรรมของเขา
แต่สิ่งที่คุณเลือกตอบโต้ใส่เขา คือกรรมของคุณ"

ดาไล ลามะ







"คนที่ไม่สามารถเป็นนายของตัวเองได้
จะเป็นทาสของคนอื่นไปชั่วชีวิต"

-ขุนเขา-







อารมณ์เป็นคนรับใช้ที่ยอดเยี่ยม
แต่เป็นเจ้านายที่ไม่เอาถ่าน

-ขุนเขา-






"ชีวิตของคุณเป็นผลพวงจากสิ่งที่คุณเลือกเอง หากคุณไม่ชอบชีวิตที่มีอยู่ตอนนี้ คุณก็ต้องรู้จักเลือกให้ดีกว่าเดิม และการเลือกที่ดีกว่าเดิม จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคุณมีสติในการเลือกมากกว่าเดิม"

-ขุนเขา-







ปฏิทินธรรม



วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2559 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา 



วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เดือนนี้งานทอดกฐินด้วยค่ะ)
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น. 



ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447



วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11 - 12 มีนาคม 2559 

1. มุทิตาสักการะอายุวัฒนมงคล 80 ปี หลวงปู่อุทัย สิริธโร ณ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง นครราชสีมา 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1510853665886058&id=1482592958712129


วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 มีนาคม 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts



วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)


1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย 


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net




วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 26 - 27 มีนาคม 2559
1. ขอเชิญร่วมงานบุญประเพณี “ผ้าป่า 12 เมษา” สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา 


ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

https://www.facebook.com/siangdhamluangta/posts/1060056840717061













ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+3161140=4630836/12080/1089



Create Date : 24 มีนาคม 2559
Last Update : 24 มีนาคม 2559 13:50:10 น. 21 comments
Counter : 15818 Pageviews.

 
หนังสือน่าอ่านมากค่ะ (ปกติเกดอ่านแต่นิยาย แฺฮ่ๆๆ)
โดนใจตรงที่เขาแนะนำเรื่องนั่งสมาธิ ทุกวันนี้ก็พยายามนั่งประมาณ 15 นาทีต่อวัน แต่มันก็ยากนะคะ สมองคอยจะว๊อกแว็กตลอดเลย

ปล1. เม้นท์ที่แล้วโดนแบนอ่ะค่ะ ไม่รู้ทำไม ไม่แน่ใจว่าเขียนอะไรผิดไปหรือเปล่า จะเล่นเกมซะหน่อย อุปสรรคเยอะจริง 555+

ปล.2 ใช่ค่ะเกดคือ เกด หทัย ในเฟสบุ๊คคร้า


โดย: Raizin Heart วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:14:14:05 น.  

 
โหวต Book Blog ครับคุณเต้ย

น่าแปลกจังเลย
ผมเพิ่งได้ยินชื่อคนเขียนคนนี้
จากหนังสืออีกเล่มนึงครับ
ผมไม่เคยอ่านงานของคุณขุนเขามาก่อนเลย

หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นธรรมะแนววิทยาศาสตร์ใช่ไหมครับ

คำคมท้ายบล็อกก็คมมากๆทุกประโยคเลย

ปล. ผมไม่กลัวได้รางวัลหรอกครับ แต่กลัวได้รางวัลแล้วไม่ได้ไป จะทำให้คนอื่นเสียโอกาสครับ ตอนนี้น้องสาวผมที่อยู่กรุงเทพขึ้นมาอยู่เชียงใหม่ด้วยน่ะครับ ไม่มีใครไปแทน ครั้งที่แล้วก็มอบให้น้องสาวผมนี่ล่ะครับทีไ่ปแทน 555


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:14:27:16 น.  

 
เป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกเล่มนะคะน้องเต้ย
แต่วันนี้หมดตัวแย้ววววววว ลงชื่อคอมเม้นท์ไว้ก่อนเนาะ
ที่สีลมพี่ว่าโดยรวมเค้าโอเคนะคะ เดี๋ยวนี้พี่แว๊บไปกลางวันสะดวกกว่ามื้อเย็นค่ะ
เสียดายไม่มีโอกาสได้เจอกัน แต่เพื่อนน้องเต้ย ผู้ชายพี่จำชื่อไม่ไ่ด้แล้ว น้องเค้าบอกว่าเป็นบล้อกเกอร์ทีมเดียวกับน้องเต้ยค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:14:33:50 น.  

 
อยากผอมต้องใช้สมองเยอะๆ >>>>>

อั๋ยย่ะ รู้แล้วว่าทำไมเราไม่ผอมซักที

ให้พูดกับจิตใต้สำนึกอย่างถูกต้อง เลิกถามว่า ทำไม แต่ถามจิตใต้สำนึกว่าทำอย่างไร >>>>

ต้องเริ่มต้นตั้ังคำถามกับจิตใต้สำนึกบ้างซะแล้วค่ะ

หนังสือน่าสนใจค่ะ โดยเฉพาะข้อความคำคมที่คัดมา โดนมากทีเดียว

โหวตสุดท้ายของวันนี้แล้วยกให้ค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
AppleWi Craft Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ชมพร Cartoon Blog ดู Blog
ควายเฒ่า Literature Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:14:40:43 น.  

 
เล่มที่ผมอ่านเจอชื่อของคุณขุนเขา
หนังสือยังไม่ตีพิมพ์นะครับ
เขาเขียนคำนำในหนังสือเล่มนี้ครับ (ถ้าจำไม่ผิด)
ผมเพิ่งอ่านเจอเมื่อเช้านี้เองครับ
พอมาอ่านเจอชื่อขุนเขาในบล็อกคุณเต้ย
ก็เลยจำได้ว่า อ้าว -- เพิ่งอ่านเจอมาเอง บังเอิญจัง 555

ส่วนตัวผมยังไม่เคยอ่านผลงานของคุณขุนเขาเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:14:58:19 น.  

 
เป็นหนังสือที่น่าสนใจทีเดียวจ้ะ
มีเรื่องราวของการนั่งสมาธิด้วย
เรื่องการฝึกสตินี่สนใจมานานแล้วจ้ะ
แต่ทำไม่ได้ซักที

อัพตอนไหนเอ่ย ไม่ไปสะกิดมั่งเลย แงๆ




โดย: mambymam วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:15:26:05 น.  

 
"คุณเกดอยู่ต่างประเทศหรือเปล่าคะ?"
อยู่กรุงเทพฯค่ะ แต่คงเพราะเครื่องคอมฯที่ทำงาน server มาจากต่างประเทศ เลยโดนแบน คิดว่าถ้าล็อคอินจากเครื่องที่บ้านคงไม่โดนอ่ะค่ะ


โดย: Raizin Heart วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:15:35:42 น.  

 
อ่ะเคร เย้าเล่นจ้า




โดย: mambymam วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:15:42:03 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะคะ

*******************

เราชอบหนังสือเล่มนี้นะคะคุณเรียวรุ้ง เราว่าเค้าเขียนดีแหละ อ่านแล้วได้ทั้งความคิดและความรู้สึก>>>>>> สุดยอดเลยค่ะ ส่วนใหญ่เราอ่านแต่หนังสือนิยาย ถ้าไม่ใช่เพราะเล่นเกม หนังสือแนวอื่นนี่แทบไม่ได้แตะเลยค่ะ


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:15:51:43 น.  

 
ใกล้จะถึงงานสัปดาห์หนังสือล่ะ
ดีใจที่เห็นเด็กรุ่นใหม่ไปงานนี้เยอะจัง
แต่เศร้าใจเหลือบมองไปเห็นแต่หนังสือการ์ตูน

คนรุ่นใหม่แทบไปชอบการละเอียดงานผ่านตัวอักษรกันล่ะ


โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:16:41:42 น.  

 
พี่ก็อ่านหมดจ้ะ นิยาย เรื่องสั้น สารคดี ฯลฯ

อ่านแต่ละอย่างก็ได้อย่างละแบบอะนะ ชอบ เหมือนสั่งสมๆ เอาไว้ดี แหะๆ>>>>>


ดีจังค่ะ ยิ่งอ่านเยอะก็ยิ่งรู้เห็นเยอะใช่มั้ยคะ เสียแต่เราทำไม่ได้เลย ถ้าไม่ถูกบังคับ 55555 ยิ่งอายุปูนนี้แล้ว ใครจะกล้าบังคับ ถ้าไม่ใช่ตนเอง แต่ตนเองนั่นแหละชอบใจอ่าน เลือกอ่านแต่ที่อยากอ่าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพ้อฝันซะ หาความจริงไม่เจอ


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:18:28:52 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
AppleWi Craft Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



หนังสือดีให้ข้อคิดค่า


โดย: mariabamboo วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:19:31:16 น.  

 
เราคงจะได้เข้าใจพฤติกรรมต่างๆของเรามากขึ้น ขอบคุณที่นำหนังสือดีๆมาแนะนำนะค่ะ


โดย: Kisshoneyz วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:20:02:51 น.  

 
ต้องมีเพื่อนบล็อกหลายคนกรี๊ดที่ได้อ่านรีวิวหนังสือของคุณเต้ยอีก
ขออนุญาตโหวตให้ก่อนจะหมดวัน
ไว้จะกลับมาอ่านอีกทีค่ะ


โดย: haiku วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:23:43:15 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสาวเต้ย...

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

Voteให้เลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 24 มีนาคม 2559 เวลา:23:47:56 น.  

 
หนังสือเล่มนี้น่าอ่านนะคะ
เนื่อหาน่าสนใจมาก
ขอบคุณที่นำมารีวิวนะคะ

ส่งใจไปร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ


โดย: Banana Muffin วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:0:48:24 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:6:41:49 น.  

 
มอร์นิ่งค่ะน้องเต้ย
รีบมาส่งกำลังใจก่อนจะเปลี่ยนบล็อกใหม่ค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:7:24:06 น.  

 
เป็นหนังสือที่น่าอ่านค่ะ แต่แค่เวลานอนก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:7:30:00 น.  

 
สวัสดีจ้า มาโฆวตให้หนังสือดีๆจ้ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Literature Blog ดู Blog
AppleWi Craft Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

วันนี้อัพป่าวววว






โดย: mambymam วันที่: 25 มีนาคม 2559 เวลา:7:45:07 น.  

 
ขอบคุณที่มาเล่าและแนะนำหนังสือค่ะ บางคนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพราะหนังสือเลยด้วย


โดย: ออโอ วันที่: 26 มีนาคม 2559 เวลา:23:20:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.