อัพบล๊อกวันนี้ พาไปไหวัพระที่วัดอาฮงศิลาวาส อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงตรงที่เชื่อกันว่าเป็น สะดือแม่น้ำโขง และยังเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่สำคัญของชาวบึงกาฬด้วย วัดอาฮงศิลาวาส ริมฝั่งแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส ตั้งอยู่เขตพื้นที่บ้านอาฮง อ. เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 21 (ไปทางตะวันตก หรือ จ.หนองคาย) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง แอ่งน้ำขนาดใหญ่จากฝั่งไทยถึงฝั่งลาวที่มีความยาวประมาณร้อยกว่าเมตร วัดอาฮงศิลาวาส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ ด้วยเหตุที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นแนวโค้งยาวประกอบกับมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาค ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาที่วัดอาฮง และแก่งอาฮง อย่างไม่ขาดสาย ประวัติวัดอาฮงศิลาวาส วัดอาฮง แต่เดิมเคยเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ส่วนสถานที่ก่อตั้งนั้นยังเป็นลักษณะเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ เป็นสำนักสงฆ์ในป่า ก่อนปี 2506 ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยหลวงพ่อลุน แต่หลังจากท่านมรณภาพไปในปี 2506 แล้วก็ไม่มีพระภิกษุสงฆ์มาอยู่ประจำ ได้แต่เป็นที่พำนักเพียงชั่วคราวของพระธุดงค์ที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น จวบจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2517 เมื่อหลวงพ่อสมาน สิริปญฺโญ (พระนิเทศศาสนคุณ) เจ้าอาวาสวัดบุญเรืองสุวรรณาราม อ.เมือง จ.หนองคาย (ก่อนจะแยกเป็นจังหวัดบึงกาฬ ที่นี่อยู่ในจังหวัดหนองคายเช่นกัน) ได้แวะไปพบเข้า และเห็นสภาพที่ค่อนข้างรกร้าง มีเพียงแม่ชีอยู่ดูแล จึงได้พาคณะสาธุชนผู้ศรัทธาเข้าร่วมบูรณะวัดนี้ให้ดูดีขึ้น เหมาะสมกับสถานที่อันร่มรื่น และใช้ประโยชน์ต่อพระศาสนาได้สืบไป และตั้งชื่อใหม่ว่า วัดอาฮงศิลาวาส แก่งหินที่หน้าวัด หรือที่เรียกว่า แก่งอาฮง ในฤดูน้ำลด มีความกว้างราว 400 เมตร สามารถมองเห็นแก่งได้ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งจะมีกลุ่มหินที่ปรากฏบริเวณ แก่งอาฮง จะมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวชมหินสวยของบึงกาฬแล้ว ยังเป็นจุดชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ “บั้งไฟพญานาค” ในช่วงออกพรรษา วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เป็นจำนวนมาก วัดที่ฝั่ง สปป.ลาว บริเวณที่เรียกว่าสะดือแม่น้ำโขงหน้าวัด มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัด คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อว่าที่นี่คือ จุดที่เป็น "สะดือแม่น้ำโขง" ส่วนวิธีการวัดก็ใช้ก้อนหินผูกเชือกหย่อนลงไป ในหน้าน้ำหลากจะวัดได้ประมาณ 200 เมตร และในหน้าแล้งจะวัดได้ลึกประมาณ 100 เมตร วิหารหินอ่อนวัดอาฮง ภายในวัดยังมีวิหารพระพุทธชินราช วิหารหลวงพ่อสุโขทัย และลานหินธรรมชาติ รวมถึงเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนน วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราศ พระพุทธชินราศในวิหาร วิหารหลวงพ่อสุโขทัย สวนหินธรรมชาติในบริเวณวัด ตำนานความเชื่อเรืองพญานาค อีกตำนานหนึ่งเกี่ยวกับบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาสแห่งนี้ เล่าต่อกันมาว่า ถัดไปทางฝั่งลาวใกล้กับจุดที่เป็นสะดือแม่น้ำโขงมีถ้ำใต้โขดหินใหญ่อยู่ใต้น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาบึกและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าพญานาคในช่วงวันออกพรรษา เพื่อมาร่วมทำบุญด้วยการปล่อยลูกไฟเป็นพุทธบูชาร่วมกับมนุษย์ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีลูกไฟ หรือที่เรียกกันว่าบั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมกันอยู่ทุกวัน การเดินทาง จากจังหวัดบึงกาฬ ขับรถไปตามถนนหมายเลข 212 ไปทาง จ.หนองคาย ประมาณ 21 กม. จะมีป้ายบอกชื่อวัดอาฮง เลี้ยวขวาเข้าไปทางฝั่งแม่น้ำโขง จะมีมีลานจอดรถอยู่วัด ลาด้วภาพมุมกว้างภาพนี้ครับ |