....OUR FAMILY'S JOURNEY....
วัดถ้ำขาม นมัสการหลวงปู่เทสก์




วัดถ้ำขาม


ทริบต่อเนื่องจากการไปไหว้พระในช่วงก่อนวันเกิดปีนี้ครับ ช่วงนี้จะมีบล๊อกเกี่ยวกับวัดวา อารามมาฝากมากหน่อยนะครับ

วันนี้เราแวะวัดถ้ำขาม ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านได้มาละสังขารที่นี่ เราเคยมาวัดนี้ครั้งหนึ่ง แต่นานมากแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการสร้างเจดีย์ให้ท่านเหมือนปัจจุบัน

ก่อนเข้าอำเภอพรรณานิคม ถ้ามาจากทางสกลนครให้เลี้ยวซ้ายไปตามที่ป้ายบอกว่าวัด้ำขาม วันนั้นไปเจอการก่อสร้างสะพานเลยต้องอ้อมนิดหนึ่ง แต่ก้ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ปัญหาของเราคือลุ้นว่าฝนจะตกหนักหรือไม่ ซึ่งการลุ้นนี้มีโชค คือแค่ตกปรอยๆพอได้เปียกนิดหน่อย แต่ก็สามารถซ่อนกล้องใต้ร่มไปถ่ายภาพมาให้ชมได้..









ทางขึ้นวัดที่เห็นเป็นคอนกรีต ทำเป็นขั้นบันไดให้เราได้เดินสบาย เพราะจากลานจอดรถขึ้นไปที่วัดไม่สูงมากนัก ต้นไม้หน้าฝนขึ้นร่มรื่น มอสขึ้นตามข้างทางเดินตลอดทาง






ทางเดินบนเขา






วัดถ้ำขาม ตั้งอยู่ที่ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และยังเป็นที่ตั้งเทสกเจดีย์ เทสรังสีอนุสรณ์ เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หรือพระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฎ์ ที่ได้มาละสังขาร ณ วัดถ้ำขาม สมกับดั่งคำที่ได้ยกย่องหลวงปู่เทสก์ท่านว่า “ดวงประทีปแห่งลุ่มแม่น้ำโขง”






ก่อนถึงวัดจะเจอเจดีย์ ถ่ายจากทางเข้าไป







หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์) กำเนิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2445 (ปีขาล) เป็นบุตรของนายอุตส่าห์ นางครั่ง ครอบครัวชาวนา บ้านนาสีดา ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

เมื่ออายุ 18 ปี มีโอกาสติดตาม พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ออกธุดงค์ และบรรพชา เป็นสามเณร ที่วัดบ้านเค็งใหญ่ โดยมีพระอาจารย์ลุย เป็นอุปัชฌาย์ ต่อมาไป ศึกษาธรรมที่วัดสุทัศนาราม เมืองอุบล และเรียนหนังสือที่วัดศรีทอง

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 อุปสมบท ณ พัทสีมาวัดสุทัศนาราม โดยมีพระมหารัฐเป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาปิ่น ปัญญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ต่อมาได้ออกธุดงคไปกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้มีโอกาสวาสนากราบ นมัสการพระเดชพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่บ้านค้อ อำเภอบ้านผือ อุดรธานีทำให้ มีกำลังจิต กำลังใจ ในการปฏิบัติธรรมบำเพ็ญความเพียรอย่างยิ่ง






ยอดเจดีย์






ครั้งสมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ไปพำนักทางภาคเหนือ ท่านพระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี ได้จาริกธุดงค์กับพระอาจารย์อ่อนสีไปกราบท่านอาจารย์ใหญ่ที่ป่าเมี่ยง ดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ และได้ปฏิบัติธรรมในภาคเหนือ ถิ่นมูเซอร์ และมาโปรดสาธุชนแถบลำพูนจนกลับมา ภาคอีสานพำนักที่วัดอรัญญวาสี ท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ปี พ.ศ. 2492 ไปเยี่ยมหลวงปู่มั่นที่อาพาธที่วัดบ้านหนองผือ นาใน อ.พรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จนกระทั่งท่านพระอาจารย์ใหญ่ละสังขาร

กาลต่อมาปี พ.ศ. 2493 ท่านไปจำพรรษาที่จังหวัดภูเก็ตและเผยแผ่ศาสนธรรมในภาคใต้ ร่วมกับหมู่คณะท่านพำนักที่ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ นานถึง 15 ปีกลับมาที่ถ้ำขามสกลนคร พักจำพรรษา ปีรุ่งขึ้นจาริกมาที่วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งตั้งอญู่ริมแม่น้ำโขงบรรยากาศดีเหมาะแก่การเจริญธรรมสัมมาปฏิบัติ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นสมณะผู้สมบูรณ์ด้วยศีลาจารวัตรอันงดงามยิ่ง เป็นผู้นำศรัทธาในการอบรมสั่งสอนธรรมและนำสร้างศาสนสถานเพื่อการจรรโลงพระบวรพุทธศาสนาหลายแห่งในถิ่นแถบอีสาน เป็นปูชนียาจารย์ของชนทุกระดับชั้น

ในปัจฉิมวัยท่านไปพำนักพักที่วัดถ้ำขามและละสังขารด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2537 เวลาประมาณ 21.45 น สิริรวมอายุได้ 93 ปี 71 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานน้ำหลวงสรงศพและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานหีบทองทึบ และทรงรับงานบำเพ็ญกุศลอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ พิธีพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี มีที่วัดหินหมากเป้ง นับเป็นงานพระราชทานเพลิงศพพระเถราจารย์ครั้งประวัติศาตร์






ภายในเจดีย์






จุดแรกที่เราไปถึงจะเป็นเจดีย์ ตั้งเด่นอยู่เหนือถ้ำขาม ซึ่งภายในมีรูปเหมือนหลวงปู่ พร้อมภาพวาดขนาดใหญ่ของท่าน ทำบันไดขึ้น 4 ด้าน ตอนที่เราไปถึงฝนเริ่มตกปรอยๆ ทำให้บันไดหินอ่อนรื่น แต่ซักพักฝนก็หยุด และตกลงมาอีกเป็นระยะๆ

เลยเจดีย์ออกไปทางตะวันออกจะเห็นยอดมะขามโผล่ขึ้นมาเหนือผาหิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำลวดหนามมาล้อมไว้ กันผู้คนเขาไปเก็บเอา กิ่ง ใบ หรือฝักมะขาม ที่จริงก้น่าห้าม เพราะตรงนั้นอันตรายมาก..












วิวจากเจดีย์










ทางลงไปถ้ำขาม ทำเป็นบันไดคอนกรีต และที่ตัวถ้ำได้สร้างศาลาครอบไว้ จึงทำให้ที่นี่แปลกไป สิ่งที่ยังคงเห็นอยู่เช่นเดิม คือต้นมะขามที่ตอนนี้เอาสังกะสีมาหุ้มไว้(อาจจะให้น้ำฝนที่ไหลลงมา ไม่เปียกพื้น) ต้นมะขามต้นนี้แหละเป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้






ถ้ำขามอยู่ด้านล่างเจดีย์







ต้นมะขามในถ้ำหุ้มไว้ด้วยสังกะสี ยอดจะโผล่ขึ้นไปข้างหน้าผา








ยอดมะขามที่ขึ้นมาใกล้ๆเจดีย์และจุดชมวิว








ทางเดินไปถ้ำเสือ(กุฏิหลวงปู่เทสก์)







รูปแกะสลักพระนอนที่ผนังถ้ำ








ทางเดินกลับ







ภาพนี้ถ่ายก่อนออกมา ฝนกำลังมา



ทางที่ลงเขามาจะมีเจดีย์ที่ลูกศิษหลวงปู่เทสก์ได้สร้างขึ้นอีกแห่งหนึ่ง แต่เราไม่ได้แวะ เพราะเป้าหมายที่ต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ ฝั้นอาจาโร ที่วัดป่าอุดมสมพร ที่ตัว อำเภอพรรณานิคม


________________





พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
(วัดป่าอุดมสมพร)





เมื่อมาถึงที่พิพิธภัณฑ์ตอนบ่ายแก่ๆแล้ว มีเด็กวิ่งถือถุงใส่อาหารปลามาแย่งกันขายให้เราหลายคน เราซื้อมา 6 ถุงเพื่อไปให้อาหารปลาใต้สะพานที่เราจะข้ามเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์

ที่จริงพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านเป็นคนสร้างทั้งวัดถ้ำขาม และวัดป่าอุดมสมพรแห่งนี้ (อ่านเพิ่มเติมตามลิงค์ วัดในจังหวัดสกลนครด้านล่างครับ คนเขียนเป็นพระเขียนได้ละเอียดมาก)






ถ่ายจากทางเข้า





พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เดิมชื่อฝั้น สุวรรณรงค์ เกิดวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ที่ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

บิดาชื่อเจ้าไชยกุมาร (เม้า) สุวรรณรงค์ มารดาชื่อ นุ้ย สุวรรณรงค์ มีพี่น้อง ๘ คน พระอาจารย์ ฝั้น อาจาโรเป็นบุตรคนที่ ๔ ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดโพนทอง บ้านบะทอง ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร โดยประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๑ และในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ พระอาจารย์ ฝั้น อาจาโร มีอายุครบอุปสมบทเป็นพระในฝ่ายมหานิกาย มีพระครูป้อง (ป้อง นนทเสน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์นวล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สังข์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ที่วัดสุทธิบังคม ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ท่านได้จำพรรษาอยู่วัดสุทธิบังคม เมื่อออกพรรษาท่านมาอยู่ที่วัดโพนทอง บ้านบะทอง กับพระอาญาครูธรรม บ้านเกิดของท่านและได้ปฏิบัติฝึกกรรมฐานภาวนาครั้งแรกกับพระอาญาครูธรรม

พระอาจารย์ฝั้นได้พบกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ที่วัดป่าภูไทสามัคคี พร้อมด้วยพระอาญาครูดี และภิกษุกู่ ธัมมทินโน พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พร้อมทั้งคณะถวายตัวเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ต่อมาพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรและคณะได้พบกับ พระอาจารย์ดูลย์ อตุโล ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ได้ศึกษาวิธีฝึกจิตภาวนาเบื้องต้น ต่อมาพระอาจารย์ดูลย์ อตุโล ได้นำพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรและคณะไปพบกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่บ้านตาลโกน ตำบลตาลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ท่านได้ศึกษาอุบายวิธีการภาวนาจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตอย่างลึกซึ้งและได้ไปพบกับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล แนวป่าที่บ้านหนองดินดำ ใกล้บ้านตาลโกน และไปพบพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ที่บ้านหนองหวาย ท่านได้ศึกษาปฏิบัติธรรมและต่อมาพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ออกจากสำนักของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตไปวิเวกที่พระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขามีความเงียบสงบ











พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้เปลี่ยนนิกายใหม่เป็นธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ที่วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์รถ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มุก เป็นอนุสาวนาจารย์ ในพรรษาที่ ๑ ท่านได้เปลี่ยนนิกาย ญัตติเป็นธรรมยุต ได้อยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่วัดอรัญญวาสี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เมื่อออกพรรษาพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรท่านได้เที่ยวบำเพ็ญเพียรแสวงหาความวิเวก ตามป่าช้า ป่าชัฏ ตามถ้ำ ภูเขา ป่า ไปตามจังหวัดอุดรธานี นครพนม อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ มุกดาหาร ขอนแก่น นครราชสีมา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หนองคาย เมืองเชียงตุง เป็นต้น ท่านเป็นพระที่มีความเคารพอ่อนน้อมกับพระเถระผู้ใหญ่ที่เป็นครูบาอาจารย์มาก ถ้าท่านไปอยู่กับพระอาจารย์รูปใดหรือหมู่ใดจะไม่ได้รับความหนักใจ ท่านจะปฏิบัติด้วยความเคารพและเลื่อมใสในพระธรรมวินัย ด้วยความมั่นคงอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา พระอาจารย์ฝั้น อาจาโรเป็นพระที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและใจดี เป็นที่รักของคนทั่วไป







ถ่ายกลับออกมาทางเข้า





วาระสุดท้ายของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้มาถึงในวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ เวลา ๑๙.๕๐ น. พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ได้มรณภาพที่วัดป่าอุดมสมพร ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร รวมอายุได้ ๗๘ ปี ในสมัยที่พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร มีชีวิตอยู่ มักสอนศิษย์เสมอ ๆ ว่า ทุกคนจะต้องเข้ามหายุทธสงครามสักวันหนึ่ง คือการต่อสู้กับมัจจุราช เมื่อถึงวันนั้นแต่ละคนจะต้องสู้เพื่อตนเอง และสู้โดยลำพัง ผู้ที่สู้ได้ดีจะไปดี คือไปสุคติ ผู้ที่เพลี่ยงพล้ำจะไปร้ายคือไปสู่ทุคคติ อาวุธที่จะใช้ต่อสู้มีสิ่งเดียวคือสติ ซึ่งสร้างสมได้ด้วยจิตภาวนา คำสอนที่เป็นอมตะที่พระอาจารย์ฝั้นมักสอนอยู่เสมอ ๆ เกี่ยวกับเรื่องจิตเป็นหลัก






รูปเหมือนพระอาจารย์ภายในพิพิธภัณฑ์






เครื่องอัฐบริขารในพิพิธภัณฑ์













กำแพงรูปกลีบบัวเล่าเรื่องราวต่างๆของพระอาจารย์ ตั้งแต่เกิดจนถึงละสังขาร มีทั้งหมด 56 ซุ้มรอบๆเจดีย์

วัดป่าอุดมสมพร บ้านนาหัวช้าง ตำบลพรรณนานิคม อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร เดิมเป็นวัดร้างมาก่อน พระอาจารย์ฝั้น ได้มาปฏิสังขรณ์ขึ้น โดยรักษาสภาพเดิมและได้สร้างโบสถ์น้ำและถาวรวัตถุอื่น ๆ รวมถึงเจดีย์พิพิธภัณฑ์ของท่าน ซึ่งศิษย์เป็นผู้สร้างถวายบูชาพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : วัดในจังหวัดสกลนคร


________________






วัดคำประมง


วัดคำประมง อ.พรรณานิคม ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร จุดเด่นที่น่าสนใจในวัดคำประมงคือ โบสถ์วัดคำประมง ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ตัวอาคารยกพื้นสูง มีเสาระเบียงรับชายคาทรวดทรงหลังคาเป็นรูปพนมมือไหว้จำนวน 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องสีดินเผา ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา มีแต่ดอกบัวสีทองจำนวน 5 ดอกแทน ดอกบัวขนาดใหญ่แต่ละดอกมี 21 กลีบ

นอกจากนี้ วิหารวัดคำประมง มีโครงสร้างของอาคารขนาดใหญ่ ตัวอาคารเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ หลังคามุงกระเบื้องสีจำนวน 2 ชั้น ตรงจั่วหลังคาทั้งสอง ชั้นประดับด้วยกระจกสี ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองขนาดใหญ่ ผนังด้านหลังพระประธานเป็นประติมากรรมนูนสูงรูปต้นมหาโพธิ์ที่สื่อความหมายเกี่ยวกับพระพุทธสาสนาประดับด้วยกระจกสี ปูพื้นด้วยกระเบื้องเคลือบภายนอกตกแต่งด้วยดอกไม้ต้นไม้ร่มรื่น






โบถส์







ด้านหน้า












นอกจากนั้นวัดคำประมงยังมี อโรคยศาลวัดคำประมง (THAI HERBAL NURSING HOME)

อโรคยศาล หมายถึง สถานอภิบาลพักฟื้นผู้ป่วยด้วยสมุนไพรตามธรรมชาติไปจนกว่าอาการของผู้ป่วยจะทุเลาเบาบางลงไป หรือหมดไปสิ้นไปด้วยวิถีแห่งธรรมะและธรรมชาติบำบัดและหรือการแพทย์แบบองค์รวม

อโรคยศาล วัดคำประมง ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร หมายถึง สถานที่ทำการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งแบบองค์รวม คือผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนไทย(สมุนไพร), การแพทย์แบบแผน, การแพทย์แผนจีน(การฝังเข็ม), สมาธิบำบัด, ดนตรีบำบัด, ธรรมะบำบัด, มนตราบำบัด, และอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : //khampramong.org/arokhayasarn.html






























________END________








Create Date : 01 กรกฎาคม 2552
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 20:01:50 น. 23 comments
Counter : 15615 Pageviews.

 
สวยจังคับ
ขอแปะ link ท่องเที่ยวของเราไว้หน่อยนะคับ

เทศกาลปีใหม่โล้ชิงช้า ปีใหม่ของชนเผ่าอาข่า ทัวร์3วัน2คืน เริ่ม 2,3,4,กันยายน52

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=khundoi&group=3

//www.hilltribeguide.com/autopage/show_page.php?h=1&s_id=3&d_id=4


โดย: ไกด์ดอย (guide doi ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:36:29 น.  

 
เข้าใจว่า...เจ้าของ blog คงจะใฝ่ทางธรรมน่าดู...แต่บรรยากาศวัดถ้ำขามดูสงบร่มเย็น เหมาะกับการนั่งกรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง...ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆครับ


โดย: dogkick (dogkick ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:58:59 น.  

 
สวัสดีตอนสายๆค่ะ

วันเกิดปีนี้ คุณ wicsir ตระเวนไหว้พระเก้าวัดรึเปล่าคะเนี่ย

บรรยากาศของแต่ละแห่งช่างเงียบสงบ
น่าไปสักการะบ้างจังเลยค่ะ


โดย: nLatte วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:16:48 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณwicsir
รูปสวยมากๆค่ะ วัดและบรรยากาศสงบดีมากๆ
ชอบเป็นพิเศษคือศาลาบนน้ำ ท่าทางอากาศดีน่าสบายจังค่ะ
ถ้ามีเวลานั่งรับลม รับวิวคงผ่อนคลายน่าดูเลย

วันนี้คุณwicsirเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะคะ




โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:40:23 น.  

 
ชอบบรรยากาศของแต่ละวัดจริงๆ ดูสงบเงียบจริงๆ วัดแต่ละวัดเนื้อที่กว้างไม่ใช่เล่นเลยนะคะ


โดย: นู๋สุ วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:35:29 น.  

 
นอนหรือยังค่ะคุณ wicsir ฝันดีค่ะ




โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:04:34 น.  

 
เคยไปวัดป่าอุดมสมพรค่ะ ชอบมาก แต่วัดอื่น ๆ ยังไม่เคยไปเลยค่ะ แถมบรรยากาศก็ดีเหมาะกับการไปปฏิบัติธรรม


โดย: thainurse@norway วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:05:02 น.  

 
ขอบคุณ....

Guide doi
dogkick
คุณยุ้ย
คุณวา
คุณอ้อ......

ที่เข้ามาเยี่ยมครับ


โดย: wicsir วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:31:58 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:44:16 น.  

 
ชอบรูปสลักพระนอน

หลายมุม บรรยากาศดี สบาย ร่มเย็นจังค่ะ โดยเฉพาะมุมที่อยู่ริมน้ำ


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:58:25 น.  

 
เคยไปกราบหลวงปู่เทสก์ค่ะ
วัดป่าอุดมสมพรก็ว่าเคยไปแล้วนะคะ นานนนนน แล้วค่ะ
ว่าเคยไปวัดถ้ำกลองเพลด้วย แต่จำไม่ได้ว่าอยู่แถวไหน
ดีที่พามาไหว้พระด้วย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:17:39 น.  

 
ยังไม่เคยไปเลยค่ะ วัดสงบมาก ชอบๆ แบบนี้แหละ ใช่เลย ที่เป็นธรรมชาติ สงบ สวย มีโอกาสคงต้องแวะไปนมัสการแน่ๆ ทริปหน้าอย่าลืมชวนไปด้วยนะคะ ยิ่งมีตากล้องเก่งๆไปนี่ยิ่งช้อบชอบ 555 ชอบไปวัดเหมือนกันคร้า


โดย: no filling วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:29:53 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
แต่ละวัดสวยจริงๆ ร่มรื่นมากเลยโดยเฉพาะวัดคำประมง
ขอบคุณภาพและข้อมูลค่ะ


โดย: busabap วันที่: 2 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:59:16 น.  

 
เรื่องงานคงกำลังผ่านไปด้วยดีนะคะคุณwicsir
มาส่งเข้านอนฝันดี่คะ




โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:45:32 น.  

 
ตามมาเที่ยววัดด้วยคนนะค่ะ..
เห็นแล้วร่มเย็น สดชื่นดีจัง..
ภาพสวยมาก ทุกรูปเลยค่ะ..


โดย: Prettymaew วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:4:13:12 น.  

 
สวัสดีวันฟ้าใสๆ แดดจ้าๆครับ...

ดอกฝิ่นในสายลมหนาว
รัชชี่
คุณตุ๊ก
no filling
busabap
คุณวา
Prettymeaw....

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมบล๊อกครับผม




โดย: wicsir วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:19:42 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ปิดหลายวันจะไปเที่ยวไหมน้า?


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:29:15 น.  

 


สวัสดียามบ่ายค่ะ คุณwicsir

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรที่มีให้ทั้งยุ้ยและแฟนนะคะ

วันหยุดนี้ไปเที่ยวเขาใหญ่กับครอบครัวเหรอคะ ช่วงนี้ฝนตกบ้างบางช่วง อากาศที่เขาใหญ่คงจะกำลังเย็นสบายเลย

จริงๆสิ้นปีก้ออยากไปนอนชมนกชมไม้ สูดอากาศบริสุทธิ์ที่เขาใหญ่เหมือนกันนะคะเนี่ย
เดี๊ยวคงต้องรอโปรที่พักดีดีจากงานททท.ก่อนค่ะ

เที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัย
รอชมภาพงามๆอยู่ด้วยเหมือนกันนะคะ


โดย: nLatte วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:55:13 น.  

 
ก่อนได้พักผ่อนยาวๆ เลยแวะเข้ามาเยียม
ชอบเที่ยววัดเหมือนกัน
ถ่ายรูปได้สวยนะค่ะ
Have a nice long weekend
Brightmoon


โดย: http://brightmoon-brightmoon.blogspot.com/ IP: 202.28.78.170 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:26:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ wicsir
ช่วงนี้เป็นช่วงพักของใครหลายคนเลยนะคะ
เดี๋ยววาก็มีงานค่ะ แต่ถ้าเวลาเหลือก็ว่าจะเที่ยวอีกหน่อย
ฝันดีค่ะวันนี้





โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:03:33 น.  

 
มีเวลาว่างจะไปเที่ยวชม สถานที่สวยงามมาก


โดย: noy IP: 125.26.185.66 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:46:23 น.  

 
อยากเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัดถ้ำขามในฐานะคนพื้นที่ เดิมพระอาจารย์ฝั้น อาจาโจ เป็นผู้ที่นิมิตรเห็น และได้มาสร้างวัดถ้ำขามขึ้นมา แต่ก่อนท่านก็เคยอยู่ที่นี้ หลวงปู่เทสส์ท่านได้มาอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านเพราะที่นี่น่าอยู่ สงบ ตอนช่วงที่ท่านอยู่ที่วัดนี้ ลูกศิษย์ลูกหามากราบไหว้ท่านเยอะมาก ทำให้วัดถ้ำขามดูเจริญกว่าก่อน สิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้ลืมไปก็คือผู้ที่เป็นคนสร้างก็คือพระอาจารย์ฝั้น นะคะ


โดย: Malliaka IP: 27.130.174.204 วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:16:20:40 น.  

 
ถ้ามีโอกาสก็จะไปค่ะ


โดย: ไก่ IP: 171.97.14.126 วันที่: 10 สิงหาคม 2555 เวลา:16:23:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.