ประสบการณ์ท่องเที่ยวในจีน
คำเตือน Blog นี้ประกอบด้วยคำหยาบคายเล็กน้อย และเนื้อหาค่อนข้างยาว อยากให้คนที่เข้ามาเยี่ยม หลงเข้ามา หรือมีความตั้งใจจะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนได้อ่าน บทความนี้ค่อนข้างยาวและใช้เวลาเขียนค่อนข้างมาก แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยวประเทศจีนไม่มากก็น้อย
จาก Blog ที่แล้วผมพูดถึงหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศจีน ว่าแนวการท่องเที่ยวของผมเป็นอย่างไร และเจอเรื่องต่างๆ มากมาย ขอต่อจาก Blog ที่แล้วเลยนะครับ มาดูกันว่าผมเจอปัญหาอะไรบ้างและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร
คนจีนสูบบุหรี่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้วสำหรับประเทศนี้ คนจีนชอบสูบบุหรี่ และที่นี่เค้ามีวัฒนธรรมในการชักชวนให้เพื่อนสูบบุหรี่ พูดง่ายๆ ว่า "มาตายด้วยกันนะเพื่อน" สถานที่หลายๆ แห่งมีป้ายห้ามสูบบุหรี่ แต่ดูเหมือนว่าป้ายเหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้คนจีนมีจิตสำนึกเลย ยังคงสูบกันอย่างไม่กลัวตาย
ผมเจอปัญหานี้บนทัวร์ แต่ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ ผมแก้ปัญหาโดยการเดินไปบอกเค้าดีๆ พร้อมชี้ไปที่ป้ายห้ามสูบบุหรี่ ส่วนมากเมื่อผมเดินไปบอก เค้าก็จะเก็บบุหรี่ทันที มีบางคนเหมือนจะอายและโมโหเอามากๆ โยนบุหรี่ลงพื้นเลยก็มี แต่บางคนไม่ฟังยังคงอยากจะสูบ ผมเลยเดินไปบอกคนคุมรถ คนคุมรถไม่รอช้า เดินมาหาคนที่สูบบุหรี่ จากนั้นก็กระชากบุหรี่ออกจากปากคนที่สูบพร้อมด่าว่า ไม่เห็นป้ายห้ามสูบบุหรี่รึไง ทำเอาคนที่สูบบุหรี่จ๋อยไปเลย
ขายทัวร์ เรื่องนี้ผมเจอที่เมืองลี่เจียง ผมและเพื่อนต้องการนั่งรถสาย 7 ไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก จากข้อมูลในหนังสือท่องเที่ยวของจีนและเพื่อนคนจีน ต้องนั่งรถสาย 7 ราคา 10 หยวน แต่ก็มีคนจีนเข้ามาถามเรา และเค้ารู้ด้วยว่าเราต้องการจะไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก คงรู้เพราะทางที่เราเดินเป็นทางไปท่ารถ เค้ามาเสนอราคาค่ารถไปภูเขาหิมะมังกรหยก แค่ 8 หยวนเท่านั้นพร้อมบอกว่าออกรถทันที อาจเป็นเพราะเห็นแก่ของถูก เราจึงตกลงไปนั่งรถเค้า พอขึ้นรถ เค้าก็อธิบายว่า การที่จะไปภูเขาหิมะมังกรหยกนั้น สามารถไปได้สองทาง คือ นั่งกระเช้าขึ้นไป หรือ ขี่ม้าขึ้นเขา พร้อมบอกว่า ทางขี่ม้าค่าใช้จ่ายถูกกว่า เที่ยวสนุกกว่า แต่ผมอยากนั่งกระเช้า จึงบอกเค้าไปว่า จะไปทางกระเช้า ออกรถ แต่ดูเหมือนเค้าจะพยายามเชียร์ให้ผมขี่ม้าขึ้นภูเขามาก แต่ผมปฏิเสธอีกครั้ง พร้อมบอกว่า "จะไปทางกระเช้า ออกรถ" เท่านั้นแหละ ความชั่วของมันก็สำรอกออกมา มันบอกว่า "ถ้าไปทางกระเช้า คนละ 60 หยวน" ผมเลยสวนกลับไปว่า เมื่อตะกี้ไม่ได้พูดแบบนี้นี่ เมื่อกี้พูดว่าไปถึงเขาคนละ 8 หยวน แต่มันไม่ยอมพร้อมขึ้นเสียง หาว่าเราเรื่องมากและทำท่าเหมือนจะโกรธที่เราไม่ยอมมัน แต่ผมโกรธกว่าที่มันมาขึ้นเสียง มึงเป็นใครวะมาขึ้นเสียงกับกู ผมเลยถามกลับว่า "8 หยวน ไปไม่ไป ไม่ไปกูไปเอง" พร้อมเปิดประตูลงรถก่อนจะปิดประตูโครมใหญ่ ในขณะที่เพื่อนผมเปิดประตูเดินลงรถ และไม่ปิดประตู เซ็งจิต เสียเวลาเที่ยวไป 12 นาที
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของถูกไม่มี ของดีไม่ถูก ถ้าหวังของถูกอาจเจอแบบกรณีที่ผมเจอเสียเวลาไป 12 นาที กรณีแบบนี้ผมแนะนำให้ขึ้นรถตามที่เราหาได้จากข้อมูลดีที่สุดครับ อย่าไปกับพวกรถรับจ้างเพราะเห็นแก่ราคาถูก
หลอกลวง บางครั้งการที่เราฟังภาษาจีนออกก็อาจทำให้เราโดนหลอกง่ายกว่าคนที่ไม่รู้ภาษาจีนเลยก็เป็นได้ เรื่องนี้เกิดที่เมืองต้าหลี่ ขณะที่ผมกำลังดูป้ายรถเมล์ว่า รถเมล์สาย 19 ผ่านวัดเจดีย์ สามองค์หรือไม่ ก็มีคนจีนอาสาจะพาเราไปเที่ยว ผมไม่รู้ว่ามันรู้ได้อย่างไรว่า เราจะไปวัดเจดีย์สามองค์ มันหลอกเราว่า ถ้ารอรถเมล์ครึ่งชั่วโมงมาหนึ่งคัน ไปกับมันไม่ต้องเสียเวลา ราคาคนละ 3 หยวน เอง (ถ้านั่งรถเมล์ 1 หยวน) ผมไม่ค่อยสบายใจเมื่อได้ยินเค้าพูดอย่างนี้ เพราะเมื่อไม่ถึง 5 นาทีที่ผ่านมา รถเมล์สาย 19 พึ่งวิ่งผ่านเราไป แต่ผมก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ครึ่งชั่วโมงมาหนึ่งคัน ผมคิดในใจว่าต่อให้จริงอย่างที่มันพูดผมก็จะรอ ไม่อยากใช้บริการมัน มันพูดไม่ทันจบรถเมล์สาย 19 วิ่งมาอีกคัน ผมเลยขึ้นรถเมล์สาย 19 ไปวัดเจดีย์สามองค์
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้ จงจำไว้ว่า คนที่ประเทศนี้นั้นตามวัฒนธรรมแล้ว ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถ้าเค้าเข้ามายุ่งแสดงว่ามันน่าจะมีผลประโยชน์ และจงจำไว้ว่า ถ้าเค้าบอกว่า เป็นคนท้องถิ่นไม่หลอกลวงแน่นอน ให้จำไว้ว่าหลอกลวง 100%
รถเถื่อน บางครั้งการที่เราเที่ยวสนุกกับการท่องเที่ยวมากเกินไป หรือกำหนดเวลาไม่ดีก็อาจเกิดกรณีอย่างที่ผมเจอนี้ได้ คือ ไม่มีรถกลับที่พัก (ขึ้นรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน) เมื่อไม่มีรถประจำทางก็ต้องใช้บริการ taxi แต่ถ้าไม่มีล่ะ ก็ต้องใช้บริการพวกรถเถื่อน รถเถื่อนในที่นี้คือ รถทุกชนิดที่ไม่ใช่รถรับจ้าง แต่มารับจ้าง (ผิดกฎหมาย) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองลี่เจียง ผมใช้บริการรถเถื่อน ราคา 25 หยวน ต่อคน ราคาโหดมากแต่เราไม่มีทางเลือก นั่งไปได้ไม่นานตำรวจเรียกครับ เพราะรถที่เรานั่งเป็นรถบรรทุก (ของ) ที่เมืองจีนนี้รถบรรทุกของห้ามบรรทุกคน รถจอดอยู่นาน เราถามมันว่าเมื่อไหร่จะออกรถ มันบอกรอแปบนึง (มันกำลังเจรจากับตำรวจ) แต่เรารู้สึกว่าไม่แปบแน่ๆ ท่าทางไม่ค่อยดีแล้วด้วยประกอบกับฟ้าค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ เราตัดสินใจลงจากรถไม่นั่งรถมันแล้ว เดินออกมาได้พักนึง พวกมันตามมาคนนึง บอกกับเราให้เราจ่ายเงินให้มัน เพราะเรานั่งรถมันมากพักนึงแล้ว ทางรถโต้กลับว่า "คุณทำให้พวกราเสียเวลา แล้วที่ตกลงกันคือ ต้องส่งให้ถึงตัวเมือง แต่นี่ยังไม่ถึง เราไม่จ่าย" มันเดินกลับไปแล้วตามพวกมาอีกคน พวกผมรู้ตัวว่ามันตามพวกแต่รถไม่สนใจ และเดินกันให้เร็วขึ้นแต่ไม่ให้เร็วมากจนผิดสังเกต ซักพักมันก็ไม่ตาม ตอนหลังมีรถรับจ้างแบบเหมาผ่านมา ทางคนที่เหมาต้องการหาคนแชร์ค่ารถ จึงจอดถามเราว่าจะไปมั้ย คนละ 5 หยวน จะพลาดหรือครับ ราคาถูกกว่านั่งรถประจำทางอีก
เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเองที่ไม่รู้จักวางแผนเรื่องเวลาให้ดี ในกรณีนี้ผมขอแนะนำคนที่ท่องเที่ยวว่า ให้ระวังเรื่องเวลาในการท่องเที่ยวด้วย จะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้ผมจะไม่ต้องเสียค่ารถราคามหาโหด แต่ก็เสี่ยงกับอันตรายพอสมควร ในเวลานั้นถ้าผมไม่มีขาตั้งกล้องอาจจะมีเรื่องกันได้ อาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยเล่าให้ฟังว่า เคยมีนักศึกษาต่างชาติไปเที่ยว แล้วใช้บริการรถเถื่อนแบบผม ตอนแรกตกลงราคากันเรียบร้อย วิ่งได้พักนึงมันบอกจะให้จ่ายเพิ่ม ไม่อย่างนั้นก็ลงรถไป (เป็นแบบนี้ 2-3 ครั้ง)
เรื่องที่เล่ามาทุกเรื่องเป็นเรื่องจริงที่ผมเจอ และไม่อยากให้คนอื่นเจอแบบผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ถูกหลอก (เกือบโดน) แต่ก็อยากเอามาเล่าให้ทุกคนฟัง เพื่อจะได้ไม่โดนหลอก เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันสอนอะไรเราได้หลายๆ อย่าง ความกล้าที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ความกล้าที่จะรักษาสิทธิ์ของตนเอง และความกลัวทำให้เสื่อม อย่างที่ผมเคยเกริ่นไว้เมื่อ Blog ที่แล้ว ในกรณีรถเถื่อน ถ้าเวลานั้น ผมมัวแต่กลัวและไม่ลงจากรถ ผมอาจต้องเสียเงินมากกว่า 25 หยวน แบบนี้อาจารย์เล่าให้ผมฟัง หรืออาจไม่ได้มานั่งอัพ Blog นี้ แล้วก็เป็นไปได้
นี่อาจเป็นการชี้โพลงให้กระรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้คนไทยที่มาเที่ยวประเทศจีนโดนหลอก ขอให้จำคำพูดของคนจีนคำนี้ไว้นะครับว่า "เรื่องอะไรก็ตามที่เกิดกับชาวต่างชาติ เป็นเรื่องใหญ่เสมอ" ฉะนั้นถ้าเรามีเรื่องจริง แล้วตำรวจตัดสินไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่ทำผิด คนที่ผิดมักจะเป็นคนจีน แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่ควรไปมีเรื่อง
สุดท้าย บทความนี้จะมีประโยชน์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของทุกท่าน ผมอยากถามทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ว่า ท่านรู้สึกอย่างไรกับการแก้ปัญหากรณีต่างๆ ของผม รวมไปถึงถ้าเป็นท่าน ท่านจะแก้ไขปัญหาอย่างไร หรือใครเจอเหตุการณ์อะไรทำนองนี้จะเอามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็ยินดีครับ
Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
22 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 12:40:15 น. |
Counter : 1733 Pageviews. |
|
|
|
^
^
เถื่อนพอๆกันเลยอะหนูว่า
เรื่องหลอกนักท่องเที่ยวนี่หนูว่ามีทุกประเทศอะ แค่มากน้อยต่างกัน ตอนไปเซฺนเจิ้นไกด์ก็เตือนว่าถ้าคนขายบอกจะพาไปดูของหลังร้านหรือที่โกดัง อย่าตามไปเด็ดขาดเพราะจะถูกบังคับให้ซื้อถ้าไม่ยอมอาจถูกทำร้้าย
แต่เขาบอกคนจีนกลัวตำรวจมากก็ยังดีอะ แต่ก็ไม่รู้ตำรวจเขาดีแค่ไหนอะ